ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปควบคุมอำนาจตระกูลกู้ร่วมกัน ?
ในจิตใจของ’กู้เบ่ย’ได้หัวเราอย่างเย็นชา ด้วยบุคคลอย่าง’กู้เหิง’นะหรือ จะยินดีแบ่งปันอำนาจให้แก่ผู้อื่นได้ควบคุมตระกูลกู้ร่วมกัน ด้วยคนเช่น’กู้เหิง’ไม่สามารถจะทนเห็นแม้แต่เม็ดกรวดเม็ดทรายเข้ามารกในสายตาได้
เขามอง’กู้เบ่ย’และพี่สาวของเขาเป็นเพียงเสี้ยนหนามในชีวิตเสมอมา มิเช่นนั้นแล้ว’กู้เหิง’คงไม่รวมกองกำลังจำนวนมากมาเพื่อทำลายกองกำลังอสูรเป็นแน่
‘กู้เบ่ย’มองไปที่’กู้เหิง’แล้วหัวเราะขึ้นมา
“ข้าคิดว่างั้นท่านควรจะต้องปล่อยกองกำลังอสูรไป ข้าจะนำมันกลับไปคิดแล้วมอบคำตอบให้ พี่กู้เหิงภายในสามวัน วิธีนี้เป็นอย่างไรเล่า?”
โดยธรรมชาติแล้ว’กู้เบ่ย’มิใช่พวกโง่เขลา ‘ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าเสแสร้งทำเป็นอ่อนน้อมถ่อมตนแล้วละก็ได้ ข้าจะเล่นกับเจ้า’
ประกายเย็นชาฉายออกมาจากแววตา’กู้เหิง’ ให้คำตอบภายในเวลาสามวัน? เขาได้รวบรวมกองกำลังจำนวนมากมาเพื่อบดขยี้กองกำลังอสูร เขาจะกลับไปและรอเวลาถึงสามวัน? นี่มันเรื่องตลกอันใดกัน?
“ญาติผู้น้องกู้เบ่ย เจ้าจะใช้ชื่อใดในการก่อตั้งกองกำลังก็ได้ แต่ไฉนเจ้าถึงได้ตั้งชื่อกองกำลังของเจ้าว่า ‘กองกำลังอสูร’ ภายใต้การใช้ชื่อเช่นนี้ คนอื่นๆอาจจะคิดว่าเจ้าเกี่ยวของกับนิกายเทพอสูร!”
‘กู้เหิง’ยิ้มเบาๆและโบกมือสั่งให้ลุกสมุนทั้งหลายเริ่มจู่โจม กู้เบ่ยและลู่เพียว
‘กูเหิง’ต้องการทำลายกองกำลังอสูร เนื่องด้วยพวกเขาไม่ยอมยกเลิกกองกำลังด้วยตนเอง พวกเขาต้องทำลายจนกว่าพวกเขาจะยอมล้มเลิกกองกำลัง ถ้ามีผู้ใดจากกองกำลังอสูรย่างเท้าออกมายังโลกภายนอกมีเพียงความตายเท่านั้นที่รอสนองแก่มันผู้นั้นอยู่!
“พี่น้องกู้เหิงต้องล้อข้าเล่นแล้วเป็นแน่ มันเป็นเพียงชื่อที่เรียบง่าย จะเป็นไปได้อย่างไรที่ทางเราจะเกี่ยวข้องกับนิกายเทพอสูร?”
‘กู้เบ่ย’กล่าวตอบพร้อมกับส่งสายตาให้กับ’ลู่เพียว’ เตรียมความพร้อมที่จะให้เหล่าสมาชิกกองกำลังกระจายตัวออกไปในทิศทางที่แตกต่างกัน
“ข้าเพียงต้องการป้องกัน น้องกู้เบ่ยมิให้หลงไปในเส้นทางแห่งความมืด ด้วยความที่ข้าเป็นญาติผู้พี่ของเจ้า!”
‘กูเหิง’กล่าว พร้อมกับยิ้มด้วยเจตนาสังหาร เขาได้โบกมือเป็นสัญญาณให้เหล่าลูกสมุนทั้งหลายเข้าโจมตีกองกำลังอสูรในทันที
กองกำลังนับหมื่นคนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ’กู้เหิง’ ในขณะที่กองกำลังอสูรมีเพียงไม่กี่พันคน นอกจากนี้เห็นได้ชัดว่ากองกำลังของกู้เหิงแข็งแกร่งกว่ากองกำลังอสูร
“ฆ่าพวกมันให้หมด!”
การต่อสู้อันรุนแรงจึงเกิดขึ้นทันที และกลายเป็นการสังหารหมู่อยู่ฝ่ายเดียวโดยฝ่ายที่ถูกสังหารนั้นคือกองกำลังอสูร ความแข็งแกร่งมันแตกต่างกันเกินไป!
“ผู้นำเป่ย ผู้นำหลู่ พวกเราจะพาท่านไปที่ที่ปลอดภัย!”
‘เหิงเอี๋ยน’คำรามออกมาอย่างเยือกเย็น ในขณะที่เขาเข้าปะทะกับยอดฝีมือระดับดาราสวรรค์เพื่อปกป้อง’กู้เบ่ย’กับ’ลู่เพียว’
มียอดฝีมือระดับชะตาสวรรค์ถูกสังหารไปมากมายภายใต้ฝ่ามือของ’กู้เหิง’
“คิดจะหนีงั้นรึ? มันจะง่ายเกินไปไหม!”
‘กู้เหิง’ส่งเสียง ฮึ่ม ออกมาอย่างเย็นชา ขณะที่ทะยานตัวเร็วประดุจแสงไล่ตามกู้เบ่ย
‘กูเหิง’เป็นยอดฝีมือที่อยู่ในระดับดาราสวรรค์ เขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งกว่าทุกคนในกองกำลังอสูร และเมื่อฝ่ามือที่รวบรวมพลังสวรรค์เอาไว้ด้วยกันนั้น ส่งผลก่อให้เกิดฝ่ามือขนาดใหญ่โจมตี’กู้เบ่ย’โดยตรง
สายฟ้าสีเงินฟาดฟันลงมาราวกับสายฝน ที่ตกมาจากฝ่ามือขนาดใหญ่นั้น
*ตูม*ตูม*ตูม*
สายฟ้าสีเงินนั้นสามารถสังหาร ผู้ที่มีระดับดาราสวรรค์ขั้นที่ 2 ได้อย่างง่ายดาย
‘ลู่เพียว’ที่อยู่ห่างออกไปได้ตะโกนขึ้นมา
“กู้เบ่ย ระวัง!”
‘กู้เหิง’ยิ้มอย่างเย็นชา ‘กู้เบ่ย’พยายามจะหลบหนีขณะที่อยู่ประชันหน้ากับเขา ? เป็นความหวังอันโง่เง่า ‘กู้เบ่ย’ช่างไม่ประมาณตนเองเสียเลย!
ฝ่ามือขนาดใหญ่ได้พุ่งเข้าไปหา’กู้เบ่ย’สายฟ้าสีเงินเหล่านั้นต่างทำหน้าที่ราวกับกรงขังที่ขังเขาเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้
ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยสายฟ้าสีเงินนั้นได้ผ่าลงมาใส่เขา’กู้เบ่ย’รู้สึกว่าร่างกายกำลังจะฉีกออกเป็นชิ้นๆ
เขากำลังจะถูกสังหารโดย’กู้เหิง’ ? เขาไม่อยากจะยอมรับมัน ในขณะนี้!
ในขณะที่เขากำลังจะถูกสังหารโดยกู้เหิง คำว่า “กระบี่” ที่เนี่ยหลี่ได้ให้มาพลันปรากฏขึ้นมันส่งเสียงดังกึกก้องในจิตใจของเขา
‘กู้เบ่ย’เป็นอัจฉริยะอย่างไม่ต้องสงสัย เขาสามารถทำความเข้าใจในคำว่า “กระบี่”ที่เนี่ยหลี่ให้ได้อย่างไม่มีสิ้นสุด
ในขณะนี้’กู้เบ่ย’รู้สึกราวกับตัวเขาได้เขาไปในส่วนลึก
เหมือนกับแม่น้ำสายใหญ่ ที่รองรับฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ฝนเหล่านั้นเปรียบเป็นพลังสวรรค์มากมาย ไหลเข้าสู่ร่างของ’กู้เบ่ย’ วิสัยทัศน์ที่กว้างไกลไร้จุดสิ้นสุดมีเพียงหมู่ดาวนับพันนับหมื่นที่เหมือนกับคงอยู่มานานแสนนาน ใจกลางสิ่งเหล่านั้นปรากฏกระบี่โบราณ
กระบี่นี้ยาวสามฉื่อ หนึ่งเมตร กว้างเพียงสามชุ่น สิบเซนติเมตร มาตราส่วนของจีนโดยประมาณ 10 เฟิน = 1ชุ่น = 3.34 เซนติเมตร และ 10 ชุ่น = 1 ฉื่อ = 1 ฟุต และ 3 ฉื่อ = 1 เมตร
ดังนั้นนี่คือเจตจำนงอันลึกซึ้งที่แฝงตัวอยู่ในคำว่า “กระบี่” !
‘กู้เบ่ย’ได้รวบรวมสติของเขาไปที่มือขวา กระบี่โบราณเล่มนั้นราวเหมือนมันมีความคิดเป็นของตนเอง มันได้เคลื่อนตัวราวอสรพิษเข้าปะทะกับฝ่ามือของ’กู้เหิง’
*บูม*
เกิดการระเบิดขนาดใหญ่ กระบี่โบราณเล่นนั้นได้แทงทะลุฝ่ามือของ’กู้เหิง’และพุ่งตรงไปยังศรีษะ’กู้เหิง’อีกด้วย
‘กู้เหิง’สัมผัสได้ถึงเจตจำนงกระบี่ที่สามารถแทงทะลุทุกสิ่งอย่างได้ไม่เว้นแม้กระทั่งหัวของเขา’กู้เหิง’จึงขยับตัวหลบมันอย่างรวดเร็ว
*ฟุ่บ*
กระบี่โบราณได้แทงเฉือนใบหน้าของเขาไปเล็กน้อย เลือดสาดกระเซ็นลงพื้นดิน
หลังจากกระบี่โบราณได้ตัดเฉือนหน้าของ’กู้เหิง’มันก็หายไป
‘กู้เบ่ย’กระอักเลือดออกมาหนึ่งครั้ง การก่อรูปร่างของเจตจำนงทำให้เขาสูญเสียพลังทั้งหมดทุกส่วนในร่าง มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ความเข้าใจในกระบี่เจตจำนงยังไม่มากพอ มิเช่นนั้นแล้ว’กู้เหิง’คงตายไปแล้ว
แม้ว่าพลังของเขาจะหมดไปแล้ว แต่ไม่สามารถช่วยให้เขาระงับความตื่นเต้นที่แสดงออกทางสีหน้าได้เลย
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถเข้าถึงเจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชน!
แม้ว่าเขาจะต้องตายและสูญเสียระดับชะตาวิญญาณไปหนึ่งขึ้น แต่ความเข้าใจในกระบี่เจตจำนงยังคงอยู่และสามารถก้าวต่อไปได้อีกในอนาคต
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า กู้เหิงเจ้ารู้สึกเช่นใดบ้าง ? เจ้าพยายามจะทำลายล้างข้า แต่กลับทำให้ข้าเข้าถึงเจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชน! แม้ว่าระดับการบ่มเพาะพลังของข้าจะคงอยู่ในระดับชะตาสวรรค์ แต่ความแข็งแกร่งของข้าจะก้าวล้ำเจ้าในสักวันหนึ่ง! เจ้าสามารถจะข่มเหงข้าได้ต่อไปงั้นรึ?”
‘กู้เบ่ย’จ้อง’กู้เหิง’อย่าง ด้วยความยินดี เขาไม่เสียดายสักนิดหากในวันนี้ต้องตายไป
ในที่สุด’กู้เหิง’ก็ระงับอาการตกใจจากเจตจำนงแห่งกระบี่ที่น่ากลัวเมื่อครู่นี้แล้ว แต่ภายในจิตใจเขายังคงหวาดกลัว หากเขาตอบสนองช้ากว่านี้ไปเพียงนิดคงไม่จบลงแค่การถูกเฉือนบางๆจากกระบี่เจตจำนงของ’กู้เบ่ย’เป็นแน่ เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่า’กู้เบ่ย’ที่อยู่ในระดับชะตาสวรรค์ที่เปรียบเสมือนมดปลวกใน
สายตาของเขาเกือบจะสังหารเขาได้!
ความไม่ยอมรับปรากฏอยู่เต็มดวงตาของ’กู้เหิง’
‘กู้เบ่ย’สามารถเข้าถึงเจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชนได้อย่างไร? เพราะเหตุใด’กู้เบ่ย’ถึงสามารถเข้าใจมันได้? นั่นเป็นขอบเขตที่เป็นเพียงเรื่องกล่าวขานในตำนานเท่านั้น!
‘กู้เบ่ย’ยังคงทำการฝึกฝนกระบี่เจตจำนงต่อไปเรื่อยๆ เมื่อถึงจุดจุดหนึ่ง แม้ความแข็งแกร่งของเขาจะอยู่ในระดับชะตาสวรรค์
เขาก็ยังสามารถเอาชนะบุคคลผู้มีระดับสูงกว่าได้เจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชนไม่ใช่สิ่งที่ใครต้องการก็สามารถฝึกฝนได้ ต้องเป็นอัจฉริยะที่ก้าวเดินในวิถีกระบี่เท่านั้น จึงจะสามารถประสบความสำเร็จได้!
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสระดับสูงภายในตระกูลรู้ว่ากู้เบ่ยสามารถฝึกฝนกระบี่เจตจำนงได้ถึงระดับนี้ หละก็จะไม่มีที่ว่างให้สำหรับกู้เหิงในตระกูลกู้อีกต่อไป!
“นั่นนะหรือเจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชน? เจ้าคิดว่ากำลังทำอะไร ? ก็แค่เรื่องตลกหลอกเด็กที่จะทำของเลียนแบบเจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชน ฮ่าฮ่าฮ่า!”
‘กู้เหิง’ยังไม่ยอมรับว่า’กู้เบ่ย’ได้เข้าถึงเจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชน
“เจ้ายังอ่อนแอเกินไปหากจะมาเทียบกับข้า!”
บูม*บูม*บูม
สมาชิกกองกำลังอสูรถูกสังหารอย่างไร้ปราณี
มีเพียงแค่สองร้อยคนเท่านั้นที่สามารถหลบหนีออกไปได้จากจำนวนนับพัน ส่วนที่เหลือพวกเขาถูกสังหารทั้งหมด
“ข้าจะดูว่าเจ้ายังเหลือแรงอยู่อีกมั้ย!”
‘กู้เหิง’รวมพลังไว้ที่ฝ่ามือ คว้าไปที่กู้เบ่ย “ตาย!”
‘กูเหิง’ระมัดระวังการโจมตีของ’กู้เบ่ย’เป็นอย่างมาก ด้วยประสบการณ์ที่เกือบถูกสังหารจากเจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชนของ’กู้เบ่ย’
เขาได้ออกแรงเต็มกำลังกระแทกฝ่ามือใส่’กู้เบ่ย’เมื่อ’กู้เบ่ย’เห็นฝ่ามือใกล้จะมาถึงตัวเขา เขาก็รู้ในทันทีว่าไม่สามารถป้องกันเอาไว้ได้ เขายิ้มอย่างขมขื่นเตรียมพร้อมที่ตาย
ทันใดนั้นเองคลื่นพลังก็พุ่งเข้ามากระแทกทำลายฝ่ามือของ’กู้เหิง’ส่งให้เขาลอยกระเด็นออกไป
‘กู้เหิง’ทำหน้าบูดบึ้ง และมองออกไปก็พบเห็นบุคคลสวมใส่ชุดสีขาวลอยตัวอยู่กลางท้องฟ้า
“เป็นเจ้า?”
ดวงตาของ’กู้เหิง’หรี่ลงเล็กน้อยบุคคลผู้นั้น ก็คือ ‘หลี่ชิงอวิ๋น’
‘หลี่ชิงอวิ๋น’ลอยตัวอยู่กลางท้องฟ้า อาภรสีขาวของเขาพลิ้วไหวไปตามสายลม บุคลิกน่าเกรงขามยืนอยู่ต่อหน้า’กู้เหิง’ ให้ความรู้สึกดุจดั่งขุนเขาสูงตระหง่านฟ้า จำนวนคนหลายคนเริ่มทะยานตัวใกล้เข้ามาจากขอบฟ้า พวกเขาเป็นกองกำลังที่มีสองถึงสามพันคนกองกำลังเส้นทางสวรรค์ได้มาถึงแล้ว!
แปลโดย สินธ์นวล
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: