ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘กู้เหิง’จ้องมองอย่างเย็นชาไปที่’หลี่ชิงอวิ๋น’
“หลี่ชิงอวิ๋นนี่เจ้ากล้ามาขวางทางข้ามิให้จัดการกับกองกำลังอสูรอย่างนั้นรึ?”
แม้ว่าความแข็งแกร่งของกู้เหิงจะไม่เทียบเท่า’หลี่ชิงอวิ๋น’แต่ด้วยกองกำลังของเขาในตอนนี้ย่อมแข็งแกร่งกว่ากองกำลังเส้นทางสวรรค์ของ’หลี่ชิงอวิ๋น’ที่มีจำนวนสองถึงสามพันคน ในขณะที่’กู้เหิง’มีจำนวนนับหมื่น!
‘กู้เหิ่ม’ส่งเสียงฮึ่มออกมาพร้อมปล่อยจิตสังหารและกล่าวว่า
“หากเจ้ายังยืนกรานจะขวางทางข้า ข้าก็ไม่ขัดข้องที่จะทำลายเจ้าด้วย!”
‘หลี่ชิงอวิ๋น’หัวเราะอย่างร่าเริง
“ข้า หลี่ชิงอวิ๋นมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือความจงรักภักดี ข้า หลี่ชิงอวิ๋นสามารถบุกน้ำลุยไฟเพื่อพี่น้องของข้าได้ พี่น้องของข้าบางส่วนอยู่ในกองกำลังอสูร ผู้ที่ต้องการจะทำลายพวกเขา จะต้องมาเจอกับข้าและกองกำลังเส้นทางสวรรค์ของข้า!”
‘กู้เหิง’แสยะยิ้ม
“หลี่ชิงอวิ๋นในเมื่อเจ้าได้ลากองกำลังเส้นทางของสวรรค์ให้มาตายตามเจ้า เช่นนั้นแล้วอย่าได้ตำหนิข้า!”
ในขณะเดียวกัน ผู้นำกองกำลังหลายสิบคนเริ่มมีทีท่าลังเล มันไม่น่าจะมีปัญหาหากพวกเขาจัดการกองกำลังอสูรลงไปได้ แต่พวกเขาไม่รู้สึกสบายใจหากจะต่อกรกับกองกำลังเส้นทางสวรรค์
‘หลี่ชิงอวิ๋น’ เป็นบุคคลเช่นใด?
แม้ว่ากองกำลังเส้นทางสวรรค์จะมีจำนวนแค่สามพันคน แต่’หลี่ชิงอวิ๋น’มีพี่น้องหลายคนที่แข็งแกร่ง หากแม้เมื่อยามเริ่มสงครามกับกองกำลังเส้นทางสวรรค์จริงๆ จะมีอีกกี่กองกำลังที่จะร่วมด้วยใครเล่าจะรู้?
อย่างไรก็ตามเมื่อลูกธนูถูกปล่อยออกไปแล้วก็ยากนักที่จะหันหลังกลับ หากเมื่อผู้นำสั่งแล้วพวกเขาก็มีแต่ตอนทำตามเท่านั้น! ถ้าหากพวกเขากลับคำแล้วทำการล่าถอยไปนั่นก็นับจะเป็นจุดด่างพร้อยอันใหญ่หลวงติดตัวเสมือนตราบาปประทับไว้ตลอดชีวิต
และหากข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกไปเหล่าพี่น้องของพวกเขาก็จะต้องคิดว่าพวกเขานั้นเกรงกลัวกองกำลังเส้นทางสวรรค์เป็นแน่นับตั้งแต่ กองกำลังเส้นทางสวรรค์ได้ยืนกรานจะปกป้องกองกำลังอสูรแล้ว อย่าได้ตำหนิ ข้ากู้เหิง จะไม่ไว้หน้าพวกเจ้าใดๆทั้งสิ้น! ดวงตาของกู้เหิงเต็มไปด้วยความดุร้าย พร้อมกับตะโกนเสียงสั่งลูกสมุนดังว่า
“ไม่ต้องไปสนใจอีกแล้วว่าพวกมันจะมาจากกองกำลังเส้นทางสวรรค์หรือกองกำลังอสูร!ฆ่าพวกมันให้หมดอย่าให้รอดแม้แต่คนเดียว! ฆ่ามัน!”
‘กู้เหิง’ได้เริ่มการโจมตีอย่างดุเดือดกับกองกำลังเส้นทางสวรรค์
สงครามอันยิ่งใหญ่ได้ปะทุขึ้นแล้ว
สามพันคนปะกับหนึ่งหมื่นคน ไม่มีความได้เปรียบใดๆกับก่อนหน้านี้
สิ่งที่กองกำลังเส้นทางสวรรค์ขาดไปคือจำนวน แต่สมาชิกแต่ละคนมิได้ด้อยคุณภาพ สมาชิกหลายคนอยู่ในระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์และระดับดาราสวรรค์ พวกเขาไม่ใช่กองกำลังที่จะจัดการได้โดยง่าย
เมื่อทั้งสองกองกำลังปะทะกันก็ช่วงแนวปะทะเปรียบได้กับเครื่องบดเนื้อโดยเนื้อที่ถูกบดก็คือเหล่าสมาชิกของทั้งสองกองกำลัง
ยอดฝีมือของทั้งสองกองกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองฝ่ายได้รับการสูญเสียไม่น้อยคลื่นฝ่ามือและคลื่นกระบี่ ระเบิดขึ้นทั่วทุกหนแห่งจากสงคราม และทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ทั่วร่างของยอดฝีมือทั้งสองกองกำลังถูกย้อมด้วยสีโลหิตที่สาดกระเด็นออกมาจากการสังหารหมู่
‘หลี่ชิงอวิ๋น’ได้พุ่งไปด้านหน้าการรบสังหารยอดฝีมือหลายสิบคนที่อยู่ในระดับเดียวกับเขา ยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ได้เข้ามาขัดขวางเขา และเขาก็ได้สังหารคนเหล่านั้นไป
ห่างออกไปไม่ไกลนักกลุ่มยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์และระดับดาราสวรรค์ได้ช่วยเหลือ’กู้เบ่ย’กับ’ลู่เพียว’ให้หลบหนีออกไปถึงแม้ว่ากองกำลังเส้นทางสวรรค์จะแข็งแกร่งกว่า แต่เนื่องด้วยจำนวนที่แตกต่างกันมากเกินไป พวกเขายังคงล้มตายกันอย่างต่อเนื่อง
“ท่านหัวหน้าชิงอวิ๋นพวกเราไม่สามารถกันพวกเขาเอาไว้ได้อีกแล้ว!”
หนึ่งในยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ได้สังหารยอดฝีมือระดับดาราสวรรค์ก่อนจะกล่าวกับ’หลี่ชิงอวิ๋น’
ในสถานการณ์ที่ถูกรุมล้อมเช่นนี้ พวกเขาเริ่มจะรู้สึกกดดันเพิ่มมากขึ้น พวกเขาได้แต่มองเหล่าพี่น้องของพวกเขาถูกสังหารไปเรื่อยๆ
ดังนั้นพวกเขาต้องให้ฝ่ายศัตรูต้องชดใช้อย่างเจ็บปวดเช่นกัน‘หลี่ชิงอวิ๋น’ขมวดคิ้วเขาชั่วครู่ ‘กู้เหิง’มีกองกำลังมากมายจริงๆ นี่เป็นการรวมกองกำลังกว่ายี่สิบกองกำลังเข้าด้วยกัน เป็นไปไม่ได้เลยที่กองกำลังเส้นทางสวรรค์จะสามารถต่อกรด้วยได้
‘หลี่ชิงอวิ๋น’จ้องมองกู้เหิงที่กำลังต่อสู้อยู่ระยะไกล เขาพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา
“กู้เหิงตั้งแต่เจ้าได้เริ่มต้นสงครามขึ้นแล้วพวกเราก็จะเล่นกับเขาให้ถึงที่สุด พวกเราจะถอยทัพในขณะนี้และค่อยเผชิญหน้ากับเขาใหม่ภายหลัง! ทุกคนตามข้ามา พวกเราตีฝ่าวงล้อมออกไป!”
ในทุกสงครามที่มีกองกำลังเส้นทางสวรรค์เข้าร่วม ‘หลี่ชิงอวิ๋น’จะยืนตัวอยู่ในแนวหน้าอย่างกล้าหาญเสมอมา เมื่อเหล่าคนของเขาได้ยินคำสั่งของ’หลี่ชิงอวิ๋น’ให้ถอย พวกเขาจึงพร้อมทำตาม
“สกัดกั้นพวกมันเอาไว้!”
‘กู้เหิง’คำรามลั่น นับตั้งแต่หลี่ชิงอวิ๋นได้เข้าร่วมสงครามในครั้งนี้แล้วคิดหรือว่าจะสามารถถอนตัวได้โดยง่าย?
กลุ่มคนหลายพันคนได้ทำการล้อมรอบหลี่ชิงอวิ๋นเอาไว้ และพยายามจะสังหารพวกเขา
“ฆ่าพวกมัน!”
แม้ว่า’หลี่ชิงอวิ๋น’และกองกำลังของเขาถูกล้อมด้วยจำนวนคนที่มากกว่า แต่หาได้หมดกำลังใจจะสู้ไม่ ภายใต้การบัญชาของหลี่ชิงอวิ๋นพวกเขาได้ตีฝ่าวงล้อมและทะยานตัวออกไป
‘กู้เหิง’และกลุ่มของเขาได้ทำการไล่ล่าสังหาร ไปอีกห้าถึงหกร้อยคน ก่อนที่’หลี่ชิงอวิ๋น’จะหลบหนีได้สำเร็จ
เมื่อกองกำลังเส้นทางสวรรค์ได้หลบหนีออกไปไกลเกินกว่าจะไล่ตามได้ทันแล้ว’กู้เหิง’ก็โกรธแกค้นเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามแม้ว่า’หลี่ชิงอวิ๋น’และกองกำลังเส้นทางสวรรค์ได้หลบหนีไปได้สำเร็จแต่ก็ต้องสูญเสียไปเป็นจำนวนมาก นี่มันเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น
ในภายภาคหน้า’กู้เหิง’และพรรคพวกของเขาจะทำการลบล้างกองกำลังอสูรและกองกำลังเส้นทางสวรรค์ให้สิ้นซากอย่างแน่นอน!
ในสถาบันวิญญาณฟ้า ที่พักของ’เซี่ยวหยู่’กลุ่มคนได้ทำการรวมตัวกันที่นี่
‘เนี่ยหลี่’เพิ่งจะทำการบ่มเพาะพลังเสร็จ อย่างไรก็ตามเนื่องจากชะตาวิญญาณของเขายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ทำให้ยังไม่สามารถออกไปโลกภายนอกได้ ดังนั้นเขาจึงเพิ่งรู้เรื่องราวทั้งหมดหลังจาก’กู้เบ่ย’กับ’ลู่เพียว’และ’หลี่ชิงอวิ๋น’กลับมา
“พวกเราสูญเสียอะไรไปบ้าง?”
‘เนี่ยหลี่’ได้เอ่ยถามทั้งสามคน เขารู้ว่าในตอนนี้กองกำลังอสูรและกองกำลังเส้นทางสวรรค์ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก
“ข้าได้ทำการตรวจสอบความเสียหายแล้ว กองกำลังอสูรของพวกเรารอดมาได้เพียงแค่ ไม่กี่ร้อยคนเท่านั้นจากทั้งหมดสามพันคน”
‘ลู่เพียว’ยิ้มอย่างเจ็บปวด ชำเลืองมอง’เนี่ยหลี่’และ’หลี่ชิงอวิ๋น’ก่อนจะพูดต่อ
“นอกจากนี้กองกำลังเส้นทางสวรรค์ได้รับความสูญเสียไปไม่น้อย จำนวนผู้ที่ตายไปมีมากถึงสองพันคน!”
‘กู้เบ่ย’จึงกล่าวขอโทษว่า
“จริงๆแล้ว หากพี่ชิงอวิ๋นไม่ได้นำกองกำลังมาช่วยพวกเรา กองกำลังเส้นทางสวรรค์คงไม่ต้องสูญเสียมากมายถึงเพียงนี้!”
“เจ้ากำลังพูดอะไรอยู่กัน? หากกองกำลังเส้นทางสวรรค์ของข้ารู้ว่าพี่น้องได้รับความเดือดร้อนในโลกภายนอก จะให้พวกข้านิ่งเฉยได้อย่างไร?แม้ว่ากองกำลังเส้นทางสวรรค์จะได้รับความสูญเสีย แต่ทางด้านกู้เหิงก็ได้รับเช่นกัน จากการประมาณของข้าโดยคร่าวๆ พวกนั้นก็ต้องเสียกำลังไปไม่ต่ำกว่าสองพันคนเช่นกัน!”
‘หลี่ชิงอวิ๋น’กล่าวอย่างภูมิใจ แม้ว่าทางด้านกู้เหิงมีจำนวนกองกำลังมากกว่าแต่ กองกำลังเส้นทางสวรรค์มีความแข็งแกร่งในการรบมากกว่าพวกเขา
‘หลี่ชิงอวิ๋น’มองมันเป็นเรื่องไม่ผิดแปลก
เนื่องจากนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กองกำลังเส้นทางสวรรค์ก้าวสู่โลกภายนอก ในความเป็นจริงพวกเขาได้เผชิญกับการต่อสู้มานับไม่ถ้วนก่อนหน้านี้ การต่อสู้ที่เกิดขึ้นในวันนี้สำหรับพวกเขาถือว่าไม่หนักหนานัก
“กองกำลังเซี่ยเยว่ 血月:จันทราโลหิต ของกู้เหิง ได้ทำการรวมกองกำลังหลายสิบกลุ่มเพื่อจะทำสงครามกับพวกเจ้า พวกเจ้ามีแผนจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร?”
‘หลี่ชิงอวิ๋น’มอง’เนี่ยหลี่’ขณะที่ถาม
“ถ้าพวกเจ้าจะเริ่มทำสงครามกับพวกมัน ข้าสามารถที่จะขอความช่วยเหลือจากเหล่าพี่น้องข้าเพื่อจะจัดการกับกองกำลังเซี่ยเยว่ ได้! หากรวมกองกำลังแล้วน่าจะมีจำนวน แปดถึงเก้าพันคน!”
‘กู้เบ่ย’และ’ลู่เพียว’มองมาที่เนี่ยหลี่เพื่อรอการตัดสินใจของเขา
‘เนี่ยหลี่’ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งกอ่นจะตอบกับ’หลี่ชิงอวิ๋น’ไปว่า
“ข้าจะจัดการกับกองกำลังเซี่ยเยว่ ของกู้เหิงเอง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรวมกลุ่มกองกำลังอื่นๆ นี่เป็นปัญหาของพวกเรา แต่ข้ายังคงต้องการความช่วยเหลือจากพี่ชิงอวิ๋นอยู่ อยากทราบว่าท่านพี่ชิงอวิ๋นจะเต็มใจช่วยข้าหรือไม่?”
“ข้าจะไม่เต็มใจได้อย่างไรเล่า? ขอเพียงแค่น้องเนี่ยหลี่ได้กล่าวขอมา!”
‘หลี่ชิงอวิ๋น’กล่าวอย่างภาคภูมิและพูดต่อ
“แต่ว่าเจ้าแน่ใจจริงๆหรือว่าไม่ต้องการให้ข้ารวบรวมกองกำลังอื่นเพื่อช่วยเหลือ?”
“ยังไม่ใช่ในเวลานี้”
‘เนี่ยหลี่’ยิ้มเล็กน้อย
“เจ้ามีแผนอย่างอื่น?”
‘หลี่ชิงอวิ๋น’ถาม’เนี่ยหลี่’ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ตอนนี้กองกำลังอสูรและกองกำลังเส้นทางสวรรค์ขาดแคลนจำนวนคนอยู่มาก
“พี่ชิงอวิ๋น เคยเห็นพวกนักเลงหัวไม้ต่อยตีกันหรือไม่? คนทั้งกลุ่มรุมล้อมคนคนเดียว แล้วคนที่อยู่ตรงกลางตอบโต้อย่างไร?”
‘เนี่ยหลี่’ยิ้มอย่างมีเลศนัย
“เขาโยนทุกสิ่งอย่างที่มีขวางกั้นเอาไว้และคว้าตัวหัวหน้าจับมันมาทุบตีจนตาย!”
‘ลู่เพียว’ตอบขึ้นทันที เมื่อพูดจบดวงตาเขาก็เปล่งประกายขึ้น
“ใช่แล้ว! ทำไมเราจะต้องไปต่อสู้กับทั้งกลุ่มของพวกเขา? เนื่องจากทางเราและกลุ่มส่วนใหญ่มิได้มีความแค้นต่อกัน เราควรจะฟาดฟันเฉพาะกับผู้ที่มาจากองกำลังเซี่ยเยว่”
‘หลี่ชิงอวิ๋น’นับว่าเป็นคนที่หลักแหลมเขาเข้าใจความหมายที่’เนี่ยหลี่’พูดในทันที มุมปากพลันขยับยกขึ้นยิ้ม
“นั่นนับเป็นวิธีการที่ดีจริงๆ หลังจากที่เราเล่นงานแต่กองกำลังเซี่ยเยว่ แล้วกลุ่มๆอื่นๆอาจจะเกรงกลัวที่จะตั้งตนเป็นศัตรูกับเรา นอกจากนี้น้องเนี่ยหลี่ยังสามารถช่วงชิงรากเทวะทะเลสาบเทพของกองกำลังเซี่ยเยว่ ได้อีกด้วย ! เราจะไม่เหลือสถานที่ให้พวกนั้นแม้แต่จะใคร่ครวญได้อย่างสงบสุข!”
‘กู้เบ่ย’เสริมกล่าวว่า
“รากเทวะยังคงไม่เพียงพอ จะดีทีสุดหากเราสามารถชักจูงบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดกับกู้เหิง และสังหารเขาได้เมื่อมีโอกาส เราจะทำให้เขาต้องหวาดระแวง กลัวแม้กระทั่งจะย่างเท้าออกจากบ้านของตนเอง!”
แววตาของทั้งสี่คนสบตากันอย่างชั่วร้าย
ปล. ตกลงเป็นตัวเอกรึตัวร้ายฟะ
แปลโดย สินธ์นวล
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: