ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปด้านนอกของศาลาเทียนอวิ๋น ในบางแห่งของลาน ‘อาจารย์อี๋เยี่ยน’ กำลังดื่มเหล้า เขากล้ำกลืนความเศร้าใจในครั้งนี้ความไม่พอใจแสดงออกมาทางสีหน้าของเขา
บุคคลผู้หนึ่งหน้าตาหล่อเหลาเดินไปและหัวเราะขึ้น
“ท่านพี่อี๋เยี่ยน ดูเหมือนว่าท่านมีเรื่องขุ่นข้องใจอันใดหรือ?”
บุคคลผู้นี้คือผู้สืบทอดลำดับที่1ของตระกูลผนึกมังกร’หลงเทียนหมิง’
“น้องหลงในเมื่อเจ้าก็มาอยู่นี่แล้วมา มาดื่มกับข้าหน่อย!”
‘อาจารย์อี๋เยี่ยน’กวักมือเรียก’หลงเทียนหมิง’
‘หลงเทียนหมิง’นั่งลงและยกแก้วไวน์ขึ้นก่อนจะถามไปว่า
“ข้าอยากรู้นักสิ่งใดที่ทำให้พี่อี๋เยี่ยนขุ่นข้องเพียงนี้?”
‘อาจารย์อี๋เยี่ยน’กล่าวคอตก
“เฮ้ออ อย่าได้เอ่ยถามถึงมันเลย ข้าเป็นผู้ติดตามท่านอาจารย์มาอย่างยาวนานและฝึกฝนมากว่าสามสิบปี ในช่วงระยะเวลาสามสิบปีนั้นข้าทั้งทุ่มเทและซื่อสัตย์อย่างยิ่ง และท่านอาจารย์ก็ได้ให้คำมั่นกับข้าว่าจะมอบเทคนิคลับสำคัญ เทคนิคเทียนอวิ๋น ให้กับข้า แต่เมื่อใดก็ตามที่ข้าเอ่ยถามถึงเรื่องนี้ท่านปรมาจารย์เพียงแต่บอกกับข้าว่ามันยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น”
“ปรมาจารย์เทียนอวิ๋น วางตัวเป็นกลาง ท่านพยายามทำทุกอย่างเพื่อค้ำจุนนิกาย และเป็นผู้กำหนดผู้ที่จะได้เป็นผู้นำนิกายสืบไป ท่านพี่อี๋เยี่ยน ไม่คิดมากเกินไปหรือ?”
‘หลงเทียนหมิง’กล่าวอย่างสุขุม
“เป็นกลาง ? ฮ่าฮ่าฮ่า วางตัวเป็นกลาง หึ ดังนั้นท่านจึงไม่ให้ความสำคัญกับข้าเช่นนั้นรึ ถ้าอย่างนั้นเขากลัวหรือไงที่จะให้ลูกศิษย์ร่ำเรียนจากท่าน ? ท่านไม่เคยตะหนักเลยหรือไง ว่าหากบิดาข้ามิได้ช่วยชีวิตท่านในวันนั้นท่านจะอยู่มาถึงวันนี้?”
‘อาจารย์อี๋เยี่ยน’หัวเราะอย่างเย้ยหยัน
“ถ้านั้นเป็นเรื่องราวทั้งหมดที่พี่อี๋เยี่ยนกำลังกังวล ข้าว่าท่านไม่ควรจะใส่ใจกับมันให้มากนัก ในบรรดาผู้ที่เป็นศิษย์ของท่านปรมาจารย์ พี่อี๋เยี่ยนเป็นผู้ที่ได้รับความเคารพสูงสุด ถ้าปรมาจารย์เทียนอวิ๋นจะเลือกผู้สืบทอดที่จะได้ฝึกฝน เทคนิค เทียนอวิ๋น คนผู้นั้นย่อมเป็นท่าน!”
‘หลงเทียนหมิง’ตอบ ‘อาจารย์อี๋เยี่ยน’ตอบด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
“ก่อนหน้านี้ ข้าเองก็คิดไว้เช่นนี้ แต่ตอนนี้ไอ้แก่นั่น ได้รับศิษย์คนใหม่คนหนึ่ง มันเรียกตนเองว่า เนี่ยหลี่ ไอ้แก่นั่นก็ดูหลงใหลเป็นปลื้มราวกับขุดได้สมบัติอันเป็นที่รัก!”
‘อี๋เยี่ยน’ เปลี่ยน คำใช้เรียกอาจารย์เพราะความโกรธและสุรากลั่นชุมชน
ดวงตาของ’หลงเทียนหมิง’เปล่งประกายประหลาด เมื่อได้ยิน’อาจารย์อี๋เยี่ยน’ตอบเช่นนั้น เขากล่าวไปว่า
“ท่านปรมาจารย์เทียนอวิ๋นได้รับศิษย์ใหม่ชื่อว่าเนี่ยหลี่?”
“ใช่ เจ้ารู้จักมันด้วยหรือ?”
“ข้าเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเขามาก่อนหน้านี้ เนี่ยหลี่มาจากโลกใบเล็ก ท่านกำลังบอกว่าเนี่ยหลี่เป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุดจากผู้มาใหม่”
‘หลงเทียนหมิง’ขมวดคิ้วขึ้นชั่วครู่ ‘เนี่ยหลี่’ผู้นี้ช่างไม่ธรรมดาเลย เขาสามารถเป็นศิษย์ของปรมาจารย์เทียนอวิ๋น โดยอาศัยเพียงเวลาสั้นๆ
นอกจากนี้’หลงยู่อิน’ที่ได้ใกล้ชิดกับ’เนี่ยหลี่’ นางดูเหมือนจะเชื่อฟังคำพูดของ’เนี่ยหลี่’เป็นอย่างมาก และตอนนี้นางเองก็ได้ทำการรวบรวมกองกำลังตนเองเพื่อจะต่อสู้เพื่อเป็นผู้สืบทอดตระกูลผนึกมังกร
“ฮึ่ม ฮึ่ม ! เจ้าเด็กเหลือขอนั่นเพียงอยู่แค่ระดับชะตาสวรรค์เท่านั้น มันใช้วิธีแปลกๆบางอย่าง เพื่อให้ได้รับความชอบจากไอ้แก่นั่น
ในแง่ความสามารถแล้วเจ้านั่นมันมีอะไรดีกัน?”‘อาจารย์อี๋เยี่ยน’กล่าวในเชิงดูถูกเหยียดหยาม
“ถ้า พี่อี๋เยี่ยนบอกว่าเขาไม่ได้มีอะไรที่พิเศษเลย เช่นนั้นแล้วนี่นับเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวง จากมุมมองของข้าแล้วบุคคลเช่นนี้มิใช่ผู้ที่จะจัดการได้โดยง่าย ถ้าเราไม่รีบจัดการในเร็วๆนี้ ข้าเกรงว่าเขาอาจจะกลายเป็นหายนะในอนาคตของเรา ใครจะรู้เล่าเขาอาจจะหลอกปรมาจารย์เทียนอวิ๋น ให้ปรมาจารย์บอกเทคนิค เทียนอวิ๋น เพื่อการบ่มเพาะพลังของเขาในอนาคต!”
‘หลงเทียนหมิง’กล่าวจริงจัง
“ถ้าอย่างนั้น น้องหลงคิดว่าเราควรทำเช่นไรในตอนนี้?”
‘อาจารย์อี๋เยี่ยน’ถาม’หลงเทียนหมิง’กลับ เขาไม่คิดเลยว่าแม้แต่’หลงเทียนหมิง’ยังให้ความสำคัญกับ’เนี่ยหลี่’
“ทำไมเราไม่ทำเช่นนี้เล่า…”
‘หลงเทียนหมิง’กระซิบข้างหู’อาจารย์อี๋เยี่ยน’ คิ้วที่ขมวดเป็นปมของ’อาจารย์อี๋เยี่ยน’ค่อยๆคลายตัวอย่างช้าๆ
‘เนี่ยหลี่’เดินออกมาจากตำหนักเทียนอวิ๋น เมฆาสวรรค์ อย่างอารมณ์ดี การได้เป็นศิษย์ของ’ปรมาจารย์เทียนอวิ๋น’จะทำให้แผนการในอนาคตของเขาเรียบง่ายขึ้น
หนึ่งในเงื่อนไขสำคัญของการที่จะได้ขึ้นเป็นผู้นำนิกายคือจะต้องได้รับการสนับสนุนจาก หนึ่งในห้าเสาหลักที่คอยค้ำจุนนิกาย มิเช่นนั้นจะถือว่าขาดคุณสมบัติจะเข้ารับตำแหน่ง
นับตั้งแต่การเข้าเป็นศิษย์ปรมาจารย์เทียนอวิ๋น ‘เนี่ยหลี่’ยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากตำหนักเทียนอวิ๋น แต่เขาเชื่อว่าเขาจะต้องได้รับมันในเวลาไม่นานนี้แน่นอน
ในเวลาไม่นานนักเนี่ยหลี่ได้กลับมายังที่พักของ’เซี่ยวหยู่’ ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ ‘หลู่เปียว’และ’กู้เบ่ย’ รีบมาหาเขาด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น
เนี่ยหลี่มองพวกเขาทั้งสามพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
“เราได้ซุ่มโจมตีจุดที่พวกกองกำลังเซี่ยเยว่ จันทราโลหิต รวมตัวกันอยู่ และสังหารไปอย่างน้อยหนึ่งพันคนของพวกนั้น ส่วนทางเรามีพี่น้องเพียงหกสิบถึงเจ็ดสิบคนเท่านั้นที่ต้องสูญเสีย แต่น่าเสียดายที่ พวกที่ถูกเราสังหารไม่ได้แข็งแกร่งมาก ไม่มีคนไหนเลยที่อยู่ระดับแก่นแท้สวรรค์ แต่ก็ยังสามารถสร้างความเสียหายให้กับกองกำลังเซี่ยเยว่ได้!”
‘หลู่เปียว’กล่าวอย่างดีใจ
“ผลลัพธ์ที่ได้นี้ถือว่าดีทีเดียว เราได้รับสายสืบเป็นคนในของกองกำลังเซี่ยเยว่คอยรายงานสถานการณ์ภายในของกองกำลังเซี่ยเยว่ ระหว่างนี้เราเพียงแค่ชะตาวิญญาณของเจ้าเสถียรดีแล้ว เราจะไปจัดการถอนรากถอนโคนทะเลสาบแห่งเทพของพวกมัน เราจะทำให้กู้เหิงต้องอับจน ไร้ซึ่งแม้แต่น้ำที่จะใช้ต้ม!”
‘หลี่ชิงอวิ๋น’ยิ้ม
“ข้าได้รับข่าวจากคนที่เชื่อถือได้ เขาบอกว่าหนึ่งในที่ปรึกษาของกู้เหิงได้ทำการยักยอกศิลาจิตวิญญาณบางส่วน จากกองกำลังเซี่ยเยว่ด้วยวิธีการบางอย่าง อย่างไรก็ตามกู้เหิงไว้ใจเขาเป็นอย่างมาก และสมาชิกกองกำลังเซี่ยเยว่เองก็ไม่กล้าปริปาก บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสของเรา บุคคลเช่นนี้ถือว่าเห็นแก่สินทรัพย์เป็นอย่างมาก หากเราทำการล่อเขาด้วยสิ่งของที่เป็นประโยชน์และขู่เขาเรื่องความลับของเขา เขาอาจจะยินดีที่จะทรยศกู้เหิง!”
‘กู้เบ่ย’ยิ้มเบาๆและกล่าวต่อ
“ดังนั้นเราจะติดต่อกับคนผู้นี้เลยไหม?”
“แน่นอน อย่างที่สุด!”
‘เนี่ยหลี่’ยิ้มตอบ
นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ หุบเขาหมิงชาน
สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งการค้าของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ โดยส่วนใหญ่แล้วเหล่าลูกศิษย์เลือกที่จะทำการแลกเปลี่ยนสินค้ากันที่นี่มากกว่า ย่านการค้าที่สถาบันวิญญาณฟ้า ด้วยสถานที่แห่งนี้มีขนาดใหญ่กว่า นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วย ร้านอาหาร หอนางโลม โรงประมูล และธุรกิจอีกหลายแขนงรวมตัวกันอยู่ในบริเวณนี้
หญิงงามและพ่อค้าต่างๆ จากเมืองอื่นๆก็มารวมตัวกันที่นี่
ถนนหลายสิบเส้น เนืองแน่นไปด้วยผู้คน
พื้นที่ในซ่องนั้น เป็นเหล่ากลุ่มคนที่ร่วมกันดื่มสุรา และเติมเต็มความสุขให้แก่ชีวิต บุรุษหนุ่มผู้หนึ่งท่าทางแข็งแรงกำลังกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนแต่ละข้างพลางหัวเราะ
“รางวัลของพวกเจ้า ถ้าพวกเจ้าปรนนิบัติข้าอย่างดีในวันนี้ ข้าจะให้ ศิลาจิตวิญญาณหนึ่งก้อน!”
บุรุษผู้นี้คือหนึ่งในผู้มีอำนาจในหมู่ลูกน้องกู้เหิง มันเรียกว่า ‘เหอกุ้ย’何贵 เมื่อได้ยินคำพูดของเขาหญิงงามทั้งสองต่างตาเป็นประกาย
คนรับใช้ผู้หนึ่งได้เดินมากระซิบ
“ผู้ดูแล เหอ มีคนชั้นสูงต้องการพบท่าน!”
“ใครกัน? พวกเขากำลังรบกวนความสุขของข้า ข้าไม่อยากพบผู้ใดทั้งสิ้น!”
‘เหอกุ้ย’กล่าวอย่างเบื่อหน่าย
“เหล่าชนชั้นสูงเหล่านั้นต้องการจะทำข้อตกลงกับท่าน เป็นศิลาจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งแสนก้อน”
คนรับใช้กล่าวต่อ
“ข้อตกลงศิลาจิตวิญญาณหนึ่งแสนก้อน ?”
‘เหอกุ้ย’ขมวดคิ้ว นี่มันเรื่องใหญ่! จิตใจสั่นระรัว เขาจึงกล่าวขึ้น
“ตกลงพาข้าไปพบพวกเขา!”
ภายใต้การนำของคนรับใช้ ‘เหอกุ้ย’เดินตามทางยาวและเข้าไปในห้อง
“พวกเจ้าคือ…”
‘เหอกุ้ย’เงยหน้าเขาแล้วพบกับ ‘เนี่ยหลี่’ ‘กู้เบ่ย’ ‘หลู่เปียว’และ’หลี่ชิงอวิ๋น’ ดวงตาเขาบ่งบอกได้ถึงความหวาดกลัว เขาพยายามที่จะหนีในทันทีแต่ทว่าประตูก็ถูกปิดไว้เสียแล้ว
“ผู้ดูและเหอ ไม่ได้พบกันเสียนานเลย!”
‘กู้เบ่ย’ยิ้มอย่างมีนัย
“นายน้อยกู้เบ่ย ทำไมท่านถึงได้ต้องการพบข้า?”
เสียงของ’เหอกุ้ย’สั่นเล็กน้อย ขณะที่เขามองไปที่พวก’กู้เบ่ย’ เขารู้สึกว่ามียอดฝีมือระดับแก่นแท้สวรรค์คอยคุ้มกันพวกเขาอยู่ไม่ต่ำกว่าห้าคน การหนีนั้นเป็นไปไม่ได้เลย
“ผู้ดูแล เหอ พวกข้าต้องการความช่วยเหลือจากท่าน!”
‘กู้เบ่ย’ยิ้มตอบ
“ท่านต้องการอะไร?”
‘เหอกุ้ย’ถามอย่างหวาดหวั่น
“เหอกุ้ย ท่านนับว่าเป็นคนฉลาด มีสิ่งใดที่จะตอบสนองให้ท่านกันเมื่อท่านติดตามกู้เหิง มันก็แค่ศิลาจิตวิญญาณหลักร้อยเท่านั้นที่ท่านได้รับ พวกข้าไม่ได้คิดจะบังคับท่าน แต่ถ้าท่านยินดีจะให้ความร่วมมือ และคอยรายงานสถานการณ์ของกู้เหิงแก่พวกข้า พวกข้าจะมอบให้ท่านเป็นศิลาจิตวิญญาณจำนวนสองพันก้อนในแต่ละครั้ง แต่หากท่านไม่เต็มใจจะให้ความร่วมมือกับพวกข้า … ข้า กู้เบ่ยอาจจะไม่สามารถทำสิ่งใดกับกู้เหิงได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะไม่สามารถทำสิ่งใดได้กับเจ้า และไม่ต้องเอ่ยถึงสิ่งที่เจ้าทำลับหลังกู้เหิง เจ้าไม่ใช่คนมือขาวสะอาด ลองคิดดูสิหากกู้เหิงรู้ในสิ่งที่เจ้ากระทำ เจ้าน่าจะทราบผลลัพธ์เหล่านั้นดี!”
‘กู้เบ่ย’หัวเราะขณะที่เขามองไปที่’เหอกุ้ย’
“ทั้งหมดนี้ก็ข้าก็หวังว่าเจ้าจะยินดีให้ความร่วมมือ!”
‘กูเป่ย’กล่าวออกมาอย่างเรียบง่าย
แต่’เหอกุ้ย’สัมผัสได้ถึงการขู่คุกคามจากน้ำเสียงของเขาอย่างชัดเจน หยดเหงื่อผุดขึ้นมาจนเต็มหน้าผากของเขา ท้ายที่สุดแล้วกู้เบ่ยยังเป็นถึงผู้สืบทอดลำดับที่หนึ่ง และหากว่าตระกูลกู้จะจัดการกับเขาแล้ว เขาคงไม่สามารถต่อต้านได้
นอกจากนี้ที่’กู้เบ่ย’กล่าวมานั้นล้วนถูกต้องมือของเหอกุ้ยไม่ได้ขาวสะอาด ถ้าเกิดเรี่องนี้แพร่งพรายไปแล้วแน่นอนเขาจะไม่สามารถจะอยู่ภายใต้กู้เหิงได้อีกต่อไป
‘กู้เบ่ย’ ขยิบตาส่งสัญญาณให้ดวงตาอีกสามคู่ที่เหลือ
“ถ้าเขาไม่ได้เต็มใจที่จะทำมันแล้วก็ช่างมันเถิด ! เนี่ยหลี่ พี่ชิงอวิ๋น พวกเรากลับ!”
“นายน้อยกู้เบ่ย รอเดี๋ยว!”
‘เหอกุ้ย’ตะโกนเพื่อหยุด’กู้เบ่ย’ทันที
แปลโดย สินธ์นวล
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: