ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเมื่อได้ยิน’เหอกุ้ย’พูดดังนั้น ‘กู้เบ่ย’หันกลับมานั่งลงอย่างไม่รีบร้อน ‘เหอกุ้ย’กัดฟันของเขาก่อนจะตัดสินใจ
“ข้าสามารถให้ความร่วมมือกับนายน้อยกู้ได้ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ต้องเป็นความลับ!”
“แน่นอน หากเจ้าร่วมมือกับพวกข้าแล้ว เราจะปกปิดความลับของเจ้าไว้ให้แน่นอน ยิ่งกว่านั้นการตัดสินใจนี้ดีกว่าการติดตามกู้เหิง ! ข้าจะไม่ขี้เหนียวกับผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่ข้าแน่นอน!”
‘กู้เบ่ย’ยิ้ม
ปฏิกิริยาของ’เหอกุ้ย’ทั้งหมดอยู่ในการคาดการณ์ของเขา แต่พวกเขายังคงต้องระวังตัวให้ดี ในกรณีที่’เหอกุ้ย’ตัดสินใจที่จะหักหลังพวกเขา
‘เหอกุ้ย’เงยหน้าขึ้นกล่าวหลังจากขบคิดอยู่ชั่วครู่
“นายน้อยกู่เป่ย ข้ามีเรื่องอยากจะร้องขอ ข้าอยากรู้ว่านายน้อยกู้เบ่ยจะเห็นด้วยกับมันหรือไม่?”
“เรื่องร้องขออันใด?”
“ในบรรดาเหล่าคนสนิทที่ติดตามนายน้อยกู้เหิง มีผู้หนึ่งมันชื่อว่า ไฉเยว่ 柴越” บุคคลผู้นี้ไม่ค่อยจะลงรอยกับข้าเท่าใดนัก ข้าต้องการให้นายน้อยกู้เบ่ยช่วยจัดการโค่นเขาลง!”
ดวงตาของ’เหอกุ้ย’เต็มไปด้วยความชั่วร้าย
“ไม่มีปัญหา!”
‘กู้เบ่ย’เข้าใจในจุดนี้ ‘ไฉเยว่’น่าจะเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือได้ ของ’กู้เหิง’ เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์และทุ่มเทให้กับ’กู้เหิง’มาก ในการจัดการกับ’กู้เหิง’เขาต้องทำการหักปีกทั้งสองข้างของเขาออกก่อนแน่นอน!
‘กู้เบ่ย’ขบคิดเป็นเวลาสั้นๆก่อนจะกล่าวไป
“เมื่อเจ้ากลับไปแล้วให้แพร่กระจายข่าวลือ ว่า ไฉเยว่แอบติดต่อกับพวกข้า”
“เพียงแค่ข่าวลือเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่พอให้นายน้อยกู้เหิงสงสัยในตัวไฉเยว่!”
“เหอกุ้ย”กล่าวตอบหลังจากครุ่นคิด
‘กู้เบ่ย’ยิ้ม
“ขั้นตอนต่อไปขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว หากเจ้าสามารถรายงานตำแหน่งของกู้เหิงให้พวกข้าเพียงแค่ครั้งเดียวและปล่อยให้พวกข้าสังหารกู้เหิง กู้เหิงจะต้องเริ่มสงสัยในตัวไชเยว่ จากนั้นพวกข้าจะทำการราดน้ำมันลงบนกองเพลิง เมื่อเพลิงลุกไหม้แล้วก็ยากจะทำให้มันดับ เป็นไปได้ยากที่กู้เหิงจะไม่สงสัยไฉเยว่!”
“นายน้อยกู้เบ่ย หลักแหลมยิ่งนัก!”
‘เหอกุ้ย’กล่าวยกย่อง
‘กู้เบ่ย’ มองที่ ‘เหอกุ้ย’ ก่อนจะกล่าว
“เอาล่ะ ทุกอย่างต่อจากนี้ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของเจ้า ข้าต้องการให้เจ้าลงนามว่าได้ทำการให้ความร่วมมือกับพวกข้า ถ้าเจ้ากล้าที่จะเล่นตุกติกใดๆ รับรองว่าการลงนามนี้จะตกอยู่ในมือกู้เหิงแน่นอน!”
นี่กล่าวได้ว่า ‘เหอกุ้ย’ ได้มอบจุดอ่อนของตนเอง ถ้าเขากล้าคิดขัดขืนไม่ยินยอมให้ความร่วมมือเมื่อเวลานั้นมาถึง ‘กู้เบ่ย’สามารถจัดการกับเขาได้โดยง่าย
“ข้าหวังว่าเจ้าคงจะไม่เล่นตุกติกใดๆกับข้า มิเช่นนั้น…เจ้าน่าจะรู้ผลลัพธ์ดี”
‘เหอกุ้ย’เข้าใจอย่างชัดเจน ถ้าเขาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของ’กู้เบ่ย’ในวันนี้ อนาคตของเขาคงเป็นอันจบสิ้น ‘เหอกุ้ย’นิ่งเงียบไปชั่วครู่ ในที่สุดเขาก็นั่งลงและหยิบจับพู่กันมาและเริ่มเขียน เขาเขียนตัวอักษรทั้งหมดหกตัว ตามคำสั่งของ’กู้เบ่ย’ ระบุถึงการสวามิภักดิ์กับ’กู้เบ่ย’
“ไม่เลว ไม่เลว!”
‘กู้เบ่ย’พยักหน้าและตบลงบนไหล่’เหอกุ้ย’ และด้วยการสะบัดมือขวาของเขา แหวนห้วงมิติก็ได้ถูกส่งมายัง’เหอกุ้ย’ ภายในนั้นประกอบไปด้วยศิลาจิตวิญญาณจำนวนสองพันก้อน
“นี่คือรางวัลของเจ้า ตราบใดที่เจ้ายังคงช่วยข้าในภายภาคหน้าเจ้าจะได้มากกว่านี้!”
‘เหอกุ้ย’ ได้นำแหวนห้วงมิติที่ได้รับมา ตรวจสอบดูภายใน คิ้วของเขากระตุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ในแหวนห้วงมิตินี้มีศิลาจิตวิญญาณจำนวนสองพันก้อนจริงๆ ยามเมื่อเขาติดตาม’กู้เหิง’ เขาจะต้องมีความเสี่ยงถึงชีวิตทุกครั้ง
และในแต่ละเดือนเขาได้รับศิลาจิตวิญญาณเพียงสองถึงสามร้อยก้อนเท่านั้น แต่’กู้เบ่ย’กับมอบให้เขาถึงสองพันก้อนอันที่จริงแล้ว
เป็นโอกาสที่ดีจริงๆที่ได้มีโอกาสติดตาม’กู้เบ่ย’ !“ขอบคุณท่านมาก นายน้อยกู้เบ่ย!”
‘เหอกุ้ย’ กล่าวขอบคุณอย่างสุดซึ้ง
ในเวลาต่อมา ‘เหอกุ้ย’ได้ออกไป
“เนี่ยหลี่ เจ้ามีความเห็นเช่นใด?”
‘กู้เบ่ย’มอง’เนี่ยหลี่’และกล่าวถาม
“เหอกุ้ยเชื่อถือได้หรือไม่?”
“คนผู้นี้ชื่นชอบเงินทอง และเราได้มอบให้เขาเป็นจำนวนมากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่เรายังกุมจุดอ่อนของเขาไว้ในมือ ไม่มีสิ่งใดที่ต้องกลัว กล่าวสิ่งใดไปเขาจะเชื่อฟัง เขาคงคิดพิจารณาดีแล้ว ว่ามีเพียงแต่ต้องจำยอมทนร่วมมือกับเราเพียงเท่านั้น!”
‘เนี่ยหลี่’กล่าว
“มีบุคคลสองคน ที่ติดตามกู้เหิงโดยตรง เหอกุ้ยเป็นเพียงคนที่ไม่มีอะไร แต่ไฉเยว่เป็นคนที่มากความสามารถ!”
‘หลี่ชิงอวิ๋น’ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“คงเป็นเรื่องที่น่าเศร้า หากกู้เหิงละทิ้งเขา!”
‘เนี่ยหลี่’มองไปที่’หลี่ชิงอวิ๋น’และกล่าวถาม
“ท่านพี่ชิงอวิ๋น ก่อนหน้านี้ได้ติดต่อไฉเยว่หรือไม่?”
“ข้าเคยติดต่อเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ข้าได้ทาบทามเขาให้เข้าร่วมกับกองกำลังเส้นทางสวรรค์ แต่ถูกปฏิเสธ!”
‘หลี่ชิงอวิ๋น’ถอนหายใจ อย่างหดหู่
“ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าว่าพี่ชิงอวิ๋นควรจะติดต่อกับเขาไว้ หากมีวันใดวันหนึ่งที่เขาไม่ได้เป็นสมาชิกกองกำลังของกู้เหิงเขาจะต้องเข้าร่วมกับพี่ชิงอวิ๋นแน่นอน! หลังจากที่กองกำลังอื่นๆไม่มีความเต็มใจจะรับผู้ที่ทรยศ!”
‘เนี่ยหลี่’กล่าว
“ตกลง”
‘หลี่ชิงอวิ๋น’พยักหน้า ด้วยผู้ที่มีความสามารถเช่นนี้ เขาจะต้องไม่พลาด
“ในเมื่อพวกเราเองก็มาถึงค่ายหมิงชาน 明山寨ทั้งที ทำไมเราไม่ลองไปหาซื้อสิ่งของบางอย่างก่อนจะกลับกันเถอะ!”
‘เนี่ยหลี่’กล่าวหลังจากครุ่นคิด
“แน่นอน!”
พวกเขาทั้งสามพยักหน้า
กลุ่มของคนทั้งสี่ มุ่งหน้าตรงไปยังหอการค้าเทียนเป่า ที่แห่งนี้เป็นแหล่งแลกเปลี่ยนที่ใหญ่ที่สุดในค่ายหมิงชาน สิ่งของที่อยู่ในนี้จึงมีระดับสูง ในอาณาจักรซากมังกร
มีเหล่ากองกำลังที่แข็งแกร่งอยู่มากมาย นิกายต่างๆ ที่สำคัญเช่น หอการค้าเสิ่นเจี้ยงที่ทำการดูแลสินค้าและตรวจสอบว่าเป็นของจริงหรือปลอมก่อนจะทำการขาย นอกจากนี้กลุ่มการค้านี้ยังมีกองกำลังที่มีอำนาจหลายกลุ่มคอยดูแลนิกายนี้เช่นกัน
ภายใน หอการค้าเทียนเป่า
พวกเขาทั้งสี่ได้เข้ามายังภายในศาลา และได้รับการต้อนรับจากชายชราสวมชุดคลุมยาว เขาเดินมาต้อนรับพร้อมกับส่งสายตาที่เป็นมิตรให้และกล่าวว่า
“นายน้อยทั้งสี่ ยินดีต้องรับสู่ศาลาสมบัติสวรรค์! บอกข้าได้หรือไม่สิ่งใดที่พวกท่านต้องการ?”
‘หลู่เปียว’กลาดสายตามองไปที่ผนังและกล่าวว่า
“เถ้าแก่ ท่านพอจะมีของที่เอาไว้สังหารและป้องกันหรือไม่?”
ชายชรายิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ของส่วนใหญ่ของเราเป็นสิ่งที่เอาไว้สังหารและป้องกันอยู่แล้ว ข้าขอถามระดับของสมบัติที่นายน้อยกำลังมองหาได้หรือไม่?”
‘เนี่ยหลี่’จึงกล่าว
“นำของที่ดีที่สุดออกมาให้เราดู!”
คำพูดของ’เนี่ยหลี่’ส่งผลให้คิ้วของชายชรากระตุก เขาตกใจเป็นอย่างมาก เขากวาดมองไปที่บุคคลทั้งสี่ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“กรุณาตามมาทางนี้!”
แม้ว่าบุคคลทั้งสี่ได้แต่งตัวค่อนข้างเรียบง่ายและสบาย แต่พวกเขาอาจจะเป็นผู้นำกองกำลังสำคัญบางอย่าง ไม่เช่นนั้คงไม่ถามหาสิ่งที่ดีที่สุดตั้งแต่เดินเข้ามา
ภายใต้การนำของผู้อาวุโส พวกเขาได้เดินเข้ามายังชั้นในสุด
ในส่วนในสุดของหอการค้าเทียนเป่า ปรากฏเป็นห้องลับหลายร้อยห้อง ที่หน้าห้องลับเหล่านั้นมีภาพแสดงถึงสมบัติที่อยู่ด้านใน
‘เนี่ยหลี่’สัมผัสได้ว่ามียอดฝีมือซ่อนตัวอยู่ภายในห้องแต่ละห้อง อย่างน้อยพวกเขาอยู่ระดับวิถีมังกร
พวกเขาทั้งสี่ได้เดินเข้ามา
“ทำไมถึงมีบุคคลอื่นเข้ามาในที่นี้กัน?”
น้ำเสียงที่บ่งบอกได้ถึงความรำคาญดังขึ้นมาจากภายใน
“นายน้อยผู้ทรงเกียรติเราต้องขออภัย อย่างไรก็ตามลูกค้าของหอการค้าเทียนเป่า ได้มีความประสงค์ที่จะซื้อของวิเศษระดับห้าหรือสูงกว่า มาที่นี่!”
เสียงของสตรีนางหนึ่งกล่าวอธิบาย
‘หลี่ชิงอวิ๋น’ได้จ้องมองไปยังบุคคลอื่นๆ ก่อนจะขมวดคิ้ว บุคคลที่อยู่ภายในนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองคนทั้งสี่ผู้มาใหม่ เมื่อได้เห็น’หลี่ชิงอวิ๋น’ เขาก็แสดงออกมาอย่างเย็นชา
‘เนี่ยหลี่’สังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงของ’หลี่ชิงอวิ๋น’จึง ได้ส่งเสียงถาม’หลี่ชิงอวิ๋น’ว่า
“เขาเป็นใคร?”
หลี่ชิงอวิ๋น ระงับอารมณ์ของเขาลงก่อนจะตอบเบาๆ
“หลี่ยื่อฟง!”
เมื่อได้ยินคำพูดของ’หลี่ชิงอวิ๋น’ ทั้งสามก็เข้าใจได้ในทันที มันเป็นเรื่องที่จริงยิ่งนักที่กล่าวว่า ‘ผู้เป็นศัตรูย่อมเดินอยู่ในทางที่คับแคบ’ ไม่คาดคิดเลยว่าจะเจอศัตรูตัวฉกาจของ’หลี่ชิงอวิ๋น’ในที่แห่งนี้
‘หลี่ยื่อฟง’เป็นผู้ที่ช่วงชิงจิตอสูรสายเลือดมังกรการเติบโตระดับพระเจ้าของ’หลี่ชิงอวิ๋น’ไป ! ‘หลี่ชิงอวิ๋น’เคยได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจำได้ว่า’หลี่ยื่อฟง’ก็ต้องการที่จะได้กองกำลังของ’หลี่ชิงอวิ๋น’เช่นกัน
“ข้าไม่คาดคิดเลยว่า ญาติผู้น้องชิงอวิ๋นจะมาอยู่ที่นี่ แต่ในเมื่อมาแล้ว มา มานั่งด้วยกันกับข้า!”
‘หลี่ยื่อฟง’หัวเราะ
“ข้าไม่คาดคิดเลยว่าน้องชิงอวิ๋นจะมั่งมีพอที่จะซื้อสินค้าในหอการค้าเทียนเป่า!”
กับคนอื่น’หลี่ชิงอวิ๋น’อาจจะตอบโต้กลับไปบ้าง แต่ว่า’หลี่ชิงอวิ๋น’ไม่ใส่ใจ’หลี่ยื่อฟง’ เขาไม่แสดงท่าทีโกรธเคืองออกมา เขานั่งลงอย่างใจเย็นข้าง’หลี่ยื่อฟง ‘
และปฏิบัติกับเขาราวกับเป็นอากาศธาตุ’เนี่ยหลี่’และอีกสองคนสังเกตเห็นเช่นนั้น พวกเขาจึงไปนั่งติดกับ’หลี่ชิงอวิ๋น’ และไม่สนใจ’หลี่ยื่อฟง’เช่นกัน
หากเป็นเพียงแค่’หลี่ชิงอวิ๋น’ที่ปฏิบัติเช่นนี้ ‘หลี่ยื่อฟง’ก็จะไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก แต่ทว่าความจริงพวกคนทั้งสี่นี้ ต่างปฏิบัติเช่นเดียวกับ’หลี่ชิงอวิ๋น’ ปฏิบัติราวกับ’หลี่ยื่อฟง’เป็นอากาศธาตุ ‘หลี่ยื่อฟง’รู้สึกโกรธ มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อย เขาไม่มีตัวตนสำหรับคนทั้งสี่เลย
แปลโดย สินธ์นวล
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: