ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“ท่านป้า ข้านั้นมีความคิดบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าควรที่จะพูดไปหรือไม่?”
‘เนี่ยลี่’พูดขึ้นมา แม้ว่าเขานั้นเพิ่งจะถูก ‘หลงซูอวิ๋น’ทรมานมา แต่โอกาสที่จะได้พบกับ’หลงซูอวิ๋น’นั้นหาได้ยากยิ่ง หากพลาดโอกาสนี้ไป เข้าไม่รู้ว่าจักมีโอกาสอีกเมื่อไหร่?
“ไหนเจ้าลองพูดมา!”
‘หลงซูอวิ๋น’ชำเลืองดู’เนี่ยลี่’และตอบกลับไป พร้อมกับพ่นลมหายใจ ในตอนนี้ใจของนางยังคงไม่สงบ ถ้าหากในตอนนี้ไม่ได้มี’หลงยู่อิน’อยู่ด้วย นางคงระเบิดอารมณ์ไปตั้งแต่แรกแล้ว
“สถานะของท่านป้าในตระกูลผนึกมังกรนั้นก็สูงส่ง ด้วยการสนับสนุนของท่าน หลงยู่อินน่าจะสามารถชนะการชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลได้ แม้ว่านางจักยังไม่อาจเทียบชั้นกับหลงเทียนหมิงได้ แต่ก็ไม่ได้ห่างชั้นกันมากมายนัก ”
‘เนี่ยลี่’พูดหยั่งเชิงออกไป
“ที่เจ้าพูดมานั้น มันไม่ถูกต้อง เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลผนึกมังกรนั้น ยังคงให้การสนับสนุนหลงเทียนหมิงอยู่! ดังนั้นการแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลนั้น มิใช่เรื่องที่ง่าย”
‘หลงซูอวิ๋น’ ตอบกลับ’เนี่ยลี่’ที่อยู่ห่างออกไปด้วยเสียงที่ไม่ได้ดังมากนัก
“อย่าคิดว่าข้านั้นไม่รู้เรื่องที่เจ้ากระทำอยู่ เจ้าให้การสนับสนุนคนของสามตระกูลใหญ่เพื่อเข้าชิงตำแหน่งผู้นำตระกูล เพื่อที่จะวางรากฐานในการชิงตำแหน่งผู้นำนิกายใช่หรือไม่? แต่คนที่เจ้าเลือกทั้งสามนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้ขึ้นครองตำแหน่งผู้นำตระกูลได้ทั้งสามตระกูล ”
“ในเรื่องนี้ ท่านป้านั้นได้เข้าใจข้าผิดไปแล้ว ข้านั้นมิได้ใช้ความใกล้ชิดของพวกเขาทั้งสามเพื่อเรื่องที่ว่ามานี้ แต่ข้าต้องการที่จะสนับสนุนพวกเขา ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับในภายภาคหน้า”
‘เนี่ยลี่’ส่ายหน้าปฏิเสธ
“อะไรนะ? แล้วเจ้านั้นทำไปด้วยวัตถุประสงค์อันใดกันแน่?”
‘หลงซูอวิ๋น’เผยรอยยิ้มเล็กน้อยขณะที่ถาม’เนี่ยลี่’กลับไป เห็นได้ชัดว่านางนั้นไม่ได้เชื่อสิ่งที่’เนี่ยลี่’นั้นบอกมาสักนิด
‘หลงยู่อิน’จ้องมองไป นางเชื่อว่า’เนี่ยลี่’นั้นจักไม่หลอกใช้ประโยชน์จากนาง ด้วยความสัมพันธ์ระหว่าง’เนี่ยลี่’กับนางนั้น ล้วนแต่เป็นไปด้วยความบังเอิญ ‘เนี่ยลี่’นั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้ามาใกล้ชิดนาง เพราะถ้าหากว่า’เนี่ยลี่’นั้นต้องการที่จะใกล้ชิดกับนางแล้ว ‘เนี่ยลี่’คงจักไม่เผชิญหน้าอย่างรุนแรงกับนางในด่านจิตวิญญาณแห่งแสงเป็นแน่ ตอนที่ลงแส้
“ข้าว่าท่านป้าก็คงเห็นด้วยตาของท่านอยู่แล้ว ในนิกายขนนกศักดิ์ศิทธิ์มีการแบ่งกลุ่มภายใน อยู่หลายกลุ่ม และต่างก็แก่งแย่งชิงดีกัน มีคนที่คิดเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ แต่ก็ไม่มีอำนาจมากพอที่จะทำได้ แม้แต่ปรมาจารย์เทียนอวิ๋น ท่านเลือกที่จะอยู่อย่างสงบและไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวภายในของนิกาย ข้ามั่นใจว่า ถ้าหากยังคงเป็นไปเช่นนี้อีกสองร้อยปีข้างหน้า นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์จักต้องล่มสลายไป อย่างที่ไม่อาจช่วยได้เป็นแน่! ”
‘เนี่ยลี่’พูดอธิบาย
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของ’เนี่ยลี่’ ‘หลงซูอวิ๋น’ก็ได้แต่นิ่งเงียบไป ‘หลงยู่อิน’จับจ้องไปที่’เนี่ยลี่’ เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้คิดไปถึงกับที่’เนี่ยลี่’ได้อธิบาย
“เจ้าพูดต่อไป…..”
‘หลงซูอวิ๋น’ พูดขึ้นมา
“คนบนโลกนี้ ทุกคนต่างคิดถึงแต่ประโยชน์ของตนเอง แม้ว่าทุกคนจักเข้าใจปัญหาในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ แต่ผลประโยชน์ของตนเองต้องมาก่อน จึงยังคงแก่งแย่งชิงดีกัน เมื่อเวลาผ่านไป นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์จักตกต่ำลงก็มิใช่เรื่องแปลก เมื่อร้อยปีก่อนนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์อยู่ในอันดับสามของหกสำนักใหญ่ แต่ในตอนนี้เรากลับอยู่อันดับท้ายสุด แม้ว่าผู้นำนิกาย ซื่อถู มุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องดังกล่าว แต่ก็ติดที่สามตระกูลใหญ่ เขานั้นจึงไม่มีอำนาจมากพอ เนื่องจากทั้งสามตระกูลใหญ่นั้นมีอำนาจมากมายนัก เรียกได้ว่าเหนือกว่าท่านผู้นำนิกายเสียอีก! ”
‘เนี่ยลี่’ค่อย ๆอธิบาย
“เจ้าหมายความ นอกจากเจ้าแล้ว ไม่มีผู้ใดที่จักเปลี่ยนมันได้เช่นนั้นเหรอ? ”
‘หลงซูอวิ๋น’พูดอย่างดูแคลน
“ถ้าข้าเพียงคนเดียวนั้นก็คงไม่อาจที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่หลังจากที่ข้าได้พบกับกู้เบ่ย หลี่ชิงอวิ๋น รวมถึงหลงยู่อินด้วย ข้าคิดว่าความสามารถของพวกเขานั้นก็ไม่ได้เลวร้ายนัก พวกเขานั้นยังน่าเชื่อถือกว่าคนอย่างกู้เหิง หลงเทียนหมิง และหลี่ยื่อฟงเสียอีก ถ้าหากว่า กู้เหิง หลงเทียนหมิง และหลี่ยื่อฟงได้เป็นผู้นำของสามตระกูลใหญ่ นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์จักเข้าสู่ยุคมืด และล่มสลายไปในที่สุด แต่ถ้าหากว่า ให้กู้เบ่ย หลี่ชิงอวิ๋น และหลงยู่อินได้กลายเป็นผู้นำตระกูลใหญ่ทั้งสามหล่ะก็ เรื่องราวจักต้องเปลี่ยนไปในทางตรงข้ามอย่างแน่นอน”
‘เนี่ยลี่’อธิบายด้วยความกระตือรือร้น
“แม้ว่าข้าเพียงคนเดียวนั้น เป็นเรื่องยากที่จะทำได้ แต่ข้ายินดีที่จะใช้กำลังทั้งหมดของข้า สนับสนุนกู้เบ่ย หลี่ชิงอวิ๋นและหลงยู่อิน ให้ได้เป็นผู้นำตระกูล ข้านั้นไม่ได้ทำเพื่อตนเอง ในอีกร้อยปีข้างหน้า นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ จังยังคงเป็นที่พักพิงของพวกเราได้!”
‘หลงซูอวิ๋น’มองดู’เนี่ยลี่’เอ่ยคำมั่นสัญญาออกมา ตอนนี้นางนั้นไม่อาจจะแยกแยะได้เลยว่าสิ่งใดจริง สิ่งใดเท็จ ไม่ว่าใครในโลกนี้ต่างก็ทำสิ่งใดเพราะหวังแต่ผลประโยชน์ของตนเอง ใครกันจักทำไปเพราะไม่เห็นแก่ผล แพ้หรือชนะ ‘หลงซูอวิ๋น’ยังไม่อาจที่จะเชื่อเขาได้มากนัก
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของ’เนี่ยลี่’
‘หลงยู่อิน’ก็รู้สึกหวั่นไหว นางไม่คิดเลยว่าในใจของ’เนี่ยลี่’จักมีความทะเยอทะยานถึงเพียงนี้ นางมองไปที่’เนี่ยลี่’ เมื่อเทียบกับ’เนี่ยลี่’แล้ว นางคิดว่าตนเองนั้นช่างต่ำต้อยยิ่งนัก
นางเองนั้นก็คิดถึงแต่ประโยชน์ของตนเองเท่านั้น แต่’เนี่ยลี่’กลับคิดถึงสถานการณ์โดยรวมของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ นางจึงยิ่งรู้สึกเทิดทูน’เนี่ยลี่’ยิ่งขึ้นกว่าเดิม
‘หลงซูอวิ๋น’พูดด้วยความเย้ยหยันว่า
“คำพูดที่เจ้าพูดมานี้ ก็อาจจะพอที่จะหลอกเด็กสาวได้ ถ้าหากว่าข้านั้นเชื่อเจ้า ข้าก็คงเป็นเด็กสาวที่ใสซื่อบริสุทธิ์กระมัง?”
วัตถุประสงค์ของ’เนี่ยลี่’ จักไม่ได้มีเพียงนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่’เนี่ยลี่’ยังคงมีความต้องการที่ชัดเจน เกี่ยวกับอาณาจักรซากมังกรทั้งหมด ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดหาใช่นิกายเทพอสูรไม่ แต่เป็นการปรากฏตัวของจักรพรรดิปราชญ์
ยอดฝีมือในอาณาจักรซากมังกร เสียสละอย่างกล้าหาญโดยไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อโชคชะตา โดยการต่อสู้กับจักรพรรดิปราชญ์ พวกเขาสละชีพไปนับสิบล้านคน
เพื่อที่จะปกป้องครอบครัว และตระกูลของพวกเขา เนี่ยลี่นั้นคิดคำนวนทุกอย่างด้วยจิตสำนึกอย่างชัดเจน หาได้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนไม่!
“ไม่ว่าท่านป้าจักเชื่อข้าหรือไม่ แต่สำหรับท่านป้าแล้ว มันก็ไม่ได้เลวร้ายเลยมิใช่เหรือ?”
‘เนี่ยลี่’มองไปยัง’หลงซูอวิ๋น’พร้อมกับหัวเราะ
“ก็จริงอย่างเจ้าพูดมา แล้วเจ้าจักทำด้วยวิธีไหนกัน?”
‘หลงซูอวิ๋น’ครุ่นคริดไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะถามกลับไป ไม่ต้องคำนึงว่า’เนี่ยลี่’จักตัดสินใจที่จะทำเช่นใด แต่คนที่จักได้ไปอยู่ในตำแหน่งผู้นำตระกูลนั้นคือลูกสาวของนาง เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ตราบเท่าที่ไม่ได้เป็นภัยคุกคามแก่นาง ไม่ว่า’เนี่ยลี่’จักทำสิ่งใด นางก็หาใส่ใจไม่
“สิ่งที่ข้าจักทำต่อนี้ไป อาจจะเป็นเรื่องที่ยาก ข้าได้แต่หวังว่าท่านป้าจักอยู่ฝ่ายเดียวกับข้า ก็เท่ากับว่าท่านได้ช่วยเหลือทั้งข้าและหลงยู่อิน!”
“มันก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของข้า!”
‘หลงซูอวิ๋น’กอดอกพร้อมกับตอบไป
“แต่ถ้าหากว่าเจ้านั้นมีเรื่องให้ข้าช่วย เจ้าก็จงบอกแก่ลูกอิ้นของข้ามา ข้าอาจจะลองคิดดูก็ได้!”
‘หลงซูอวิ๋น’นั้นดูมีความกังวลอยู่บ้าง แต่’เนี่ยลี่’ก็คิดว่าเขาสามารถที่จะโน้มน้าวนางได้ มีโอกาสที่จะเป็นไปได้แปดถึงเก้าส่วน ‘หลงซูอวิ๋น’นั้นมักจะตามใจ’หลงยู่อิน’ ถ้าหากว่าเขานั้นพูดให้’หลงยู่อิน’เข้าใจได้ แล้วให้’หลงยู่อิน’ไปเกลี้ยกล่อม’หลงซูอวิ๋น’ มีหรือที่’หลงซูอวิ๋น’จะปฏิเสธได้
เมื่อเขามียอดฝีมือระดับวิถีแห่งมังกรระดับเก้าให้ความช่วยเหลือ เรื่องทุกอย่างก็จักง่ายยิ่งขึ้น
“เจ้าเด็กน้อยเนี่ยลี่ เจ้าไม่ต้องการที่จะแต่งงานกับลูกอิ้นของข้าจริงๆเหรอ? ถ้าหากว่าเจ้าแต่งานกับลูกอิ้นของข้า ในฐานะแม่ยาย ข้าจักไม่ให้การสนับสนุนเจ้าได้อย่างไร? เมื่อถึงเวลาลงคะแนนเสียง ข้าก็จักพร้อมสนับสนุนให้เจ้าได้เป็นผู้นำนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ ถ้าไม่เช่นนั้นเจ้าไม่กลัวหรือว่าถ้าหากลูกอิ้นของข้าได้ขึ้นครองตำแหน่งผู้นำตระกูล ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือเจ้า เพราะไม่ได้เกิดประโยชน์อันใด”
‘หลงซูอวิ๋น’มองไปที่’เนี่ยลี่’และพูดขึ้นมาในฐานะแม่
“ท่านแม่!”
‘หลงยู่อิน’กระทืบเท้าของนางด้วยความเขินขาย
‘เนี่ยลี่’เข้าใจความหมายที่พูดมาทันที เขาตอบกลับไปว่า
“หลงยู่อินก็นับว่าเป็นหญิงสาวที่ดีพร้อม ในโลกนี้คงมีเพียงไม่กี่คนที่จักไม่ชื่นชม แต่เรื่องของการแต่งงาน เป็นสิ่งที่ต้องมาจากใจของคนทั้งคู่ ถ้าไม่เช่นนั้นจักไม่เป็นการดูหมิ่นหลงยู่อินเกินไปหรือ ท่านคิดว่าข้าต้องการความช่วยเหลือจนถึงกับยอมทำสิ่งที่เลวร้ายเช่นนั้นด้วยเหรอ? ดังนั้นสำหรับเรื่องนี้ท่านจักต้องคิดดูให้ดี ”
‘หลงซูอวิ๋น’จับจ้องไปที่’เนี่ยลี่’ นางนั้นไม่อาจที่จะมองทะลุจิตใจของ’เนี่ยลี่’ได้ ถ้าหากว่า’เนี่ยลี่’นั้นจักหาเหตุผลที่จะผลักดันให้’หลงยู่อิน’ขึ้นเป็นผู้นำตระกูล ถ้าหากว่าเขานั้นแต่งงานกับ’หลงยู่อิน’ เขาจักได้รับประโยชน์มากมายมหาศาล เพราะอย่างน้อย ด้วยชื่อเสียงและอำนาจของตระกูลผนึกมังกร ทุกอย่างก็จะดำเนินตามแผนที่คิดไว้อย่างง่ายดาย และนางเองก็มิได้ขัดขวางแต่อย่างใด
‘เนี่ยลี่’ช่างไม่รู้จักความโลภเลยหรืออย่างไร เขาช่างเป็นคนที่ไม่ทำเพื่อตัวเอง แต่กลับทำทุกอย่างเพื่อคนอื่นเท่านั้น………….
จบตอน
แปลโดย นายมะพร้าว
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: