I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 372 来历 ความเป็นมา

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

หลังจากที่เห็นว่า’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’หายตัวไป ‘กู้เบ่ย’ และ’หลี่ชิงอวิ๋น’ก็รู้สึกโล่งใจ

เมื่อพวก’เนี่ยลี่’หลบหนีไปได้ จักมีเรื่องใดให้พวกเขาต้องกังวลอีก?

“ทุกคน ถอนกำลัง!”

‘หลี่ชิงอวิ๋น’ตะโกนเสียงดัง

กองกำลังอสูรและกองกำลังเส้นทางสวรรค์ แยกออกเป็นกลุ่มหลายกลุ่ม กลุ่มละสิบคน ทั้งหมดวิ่งฝ่าออกไปด้านนอก เป็นการสู้ไปพลางและวิ่งหนีไปพลาง

‘กู้เหิง’นำคนของเขาไล่ตามไปหลายร้อยลี้ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจักบาดเจ็บล้มตายไปไม่น้อย แต่กองกำลังส่วนใหญ่ของกองกำลังอสูรและกองกำลังเส้นทางสวรรค์ก็สามารถที่จะหลบหนีไปได้ ‘กู้เหิง’ทำได้เพียงแค่มองดูเหล่ากองกำลังอสูรและกองกำลังเส้นทางสวรรค์หลบหนีไป

จากการประเมินคร่าว ๆกองกำลังอสูรและกองกำลังเส้นทางสวรรค์ ได้รับบาดเจ็บล้มตายไปกว่าห้าพันคน ส่วนกองกำลังของเขานั้นบาดเจ็บล้มตายไปกว่าหกพันคน ส่วนกองกำลังของ’หลี่ยื่อฟง’นั้นล้มตายไปกว่าพันคน

แต่ทะเลสาบแห่งเทพทั้งสามได้ถูกทำลายลงไป ความเสียหายนั้นเกินกว่ากองกำลังอสูรและกองกำลังเส้นทางสวรรค์ได้รับหลายเท่านัก ‘กู้เหิง’นั้นแทบอยากจะบ้าตาย

‘กู้เหิง’มองไปยังเส้นขอบฟ้าที่กองกำลังอสูรและกองกำลังเส้นทางสวรรค์หลบหนีไป ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความโกรธ

“ถ้าเป็นเพียงความขัดแย้งทั่ว ๆ ไป เหล่าผู้อาวุโสคงจักไม่สนใจ แต่ว่า ก็ไม่เคยมีการทำลายทะเลสาบแห่งเทพมาก่อน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเหล่าท่านผู้อาวุโสจักยอมอยู่นิ่งเฉยอีกต่อไป กู้เบ่ย ข้าจักคอยดูว่า ตำแหน่งผู้สืบทอดลำดับที่หนึ่งของเจ้าจักยังมั่นคงอยู่อีกหรือไม่? ”

‘กู้เหิง’นำคนของเขา กลับไปยังนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์

เขาจักต้องได้รับการหนุนหลังจากเหล่าผู้อาวุโส ถ้าหาก’กู้เบ่ย’เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

การทำลายทะเลสาบแห่งเทพทั้งสามแห่งของเขานั้น เป็นการกระทำที่ชั่วร้ายมากเกินไป แน่นอนว่า เขาจักต้องให้’กู้เบ่ย’ชดใช้ในเรื่องนี้ด้วย

วันต่อมา ในสถาบันวิญญาณฟ้า ห้องพักของ’กู้เบ่ย’

‘กู้เบ่ย’ ‘หลี่ชิงอวิ๋น’และ’ลู่เพียว’มารวมตัวกันอีกครั้ง

“เหตุใดเนี่ยลี่จึงยังไม่กลับมา?”

‘กู้เบ่ย’ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

“ที่เซี่ยวหยู่ปลดปล่อยออกมาในตอนท้ายนั้นเป็นค่ายกลรูปแบบวงกลม ดูเหมือนว่าจักเป็นประเภทที่ควบคุมพื้นที่และเวลาได้ อย่างไรก็ตามพวกเขาได้วางชะตาวิญญาณไวในห้องโถงวิญญาณแล้ว ถึงจะโชคร้าย ก็ถูกสังหารเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เจ้าไม่จำเป็นที่จักต้องกังวลเกี่ยวกับพวกเขา”

‘หลี่ชิงอวิ๋น’ตอบพร้อมกับยิ้ม

โลกภายนอกมีพื้นที่กว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด หากพวกเขาจักออกไปค้นหานั้นก็ม่ใช่วิธีการที่ดีนัก

“ได้ ถ้าเช่นนั้นข้าก็จักลืมมันไปก่อน!”

‘กู้เบ่ย’ตอบพร้อมกับพยักหน้า

‘ลู่เพียว’เองก็กังวลเกี่ยวกับ’เนี่ยลี่’ไม่น้อย

จากนั้นพวกเขาก็หารือกันเกี่ยวกับการจ่ายชดเชยให้กับสมาชิกในกองกำลังที่ต้องตายไป คนรับใช้คนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา คนรับใช้ผู้นี้มีนามว่า ‘กู้เถิง’ 顾腾 ซึ่งดูแล’กู้เบ่ย’มาเป็นเวลานานแล้ว

“นายน้อยเบ่ย ข้าได้ข่าวมาว่า กู้เหิงนั้นได้มาเข้าพบเหล่าผู้อาวุโส เพื่อที่จะร้องเรียน และกล่าวหาท่านขอรับ!”

‘กู้เถิง’รายงานอย่างร้อนใจ

“กล่าวหาข้า?”

‘กู้เบ่ย’ตกตะลึงไปชั่วครู่

 “ดูเหมือนว่าจักเป็นเรื่องที่กองกำลังเส้นทางสวรรค์และกองกำลังอสูรของนายน้อยไปทำลายทะเลสาบแห่งเทพทั้งสามแห่งของพวกเขาขอรับ!”

‘กู้เถิง’รีบรายงานต่อ

‘กู้เบ่ย’ขมวดคิ้ว การทำลายทะเลสาบแห่งเทพนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เรื่องนี้จริง ๆ แล้วพวกเขาก็ทำเกินไปไม่น้อย แต่ว่าเรื่องนี้ เมื่อเทียบได้กับการที่พี่สาวของเขาถูกวางยาพิษยังถือว่าน้อยเกินไป นั่นต่างหากคือสิ่งที่ชั่วร้ายที่สุด นี่แหละถึงจะเรียกได้ว่า ‘ตาต่อตา ฟันต่อฟัน’

“ไปจับตาดูให้ข้าที ว่ากู้เหิงนั้นคิดจะกล่าวหาข้าว่าเช่นใดบ้าง?”

‘กู้เบ่ย’ทำหน้าเครียด ถ้าหากว่า’กู้เหิง’ยังคิดจะใช่เล่ห์เหลี่ยม เขาก็จักเตรียมการรับมือเอาไว้!

‘หลี่ชิงอวิ๋น’และ’ลู่เพียว’ทำได้เพียงแค่นั่งฟัง นี่เป็นเรื่องภายในของตระกูลกู้ พวกเขาไม่อาจที่จะช่วยเหลืออะไรได้มากไปกว่าการช่วยคิดหาหนทางเท่านั้น

“กู้เหิงนั้นได้นำผู้อาวุโสของตระกูลกู้กว่าสิบคน เพื่อไปกดดันท่านผู้นำตระกูล ให้ปลดท่านออกจากผู้สืบทอดลำดับที่หนึ่ง และต้องการให้ท่านชดใช้ความเสียหายจากการทำลายทะเลสาบแห่งเทพทั้งสามของเขา หนึ่งในผู้อาวุโสที่ให้การสนับสนุนท่านกู้หลาน จึงได้แอบแจ้งให้กับคุณหนู และคุณหนูให้บอกให้ข้ารีบมาแจ้งแก่ท่าน!”

‘กู้เถิง’รายงานต่อ

ดวงตาของ’กู้เบ่ย’มีประกายเย็นชา ก่อนหน้าที่เขาจักแสดงฝีมือที่แท้จริงออกมา ‘กู้เหิง’นั้นได้เป็นผู้สืบทอดลำดับที่หนึ่ง เขาได้ใช้ตำแหน่งนั้นสร้างความสัมพันธ์กับเหล่าผู้อาวุโส

และในตอนนี้พวกเขาได้ทำลายทะเลสาบแห่งเทพทั้งสามแห่งของ’กู้เหิง’ไป ‘กู้เหิง’จักต้องแก้แค้นเรื่องนี้เป็นแน่ จึงคิดจะใช้กำลังของเหล่าผู้อาวุโสมาจัดการกับ’กู้เบ่ย’

“กู้เบ่ย เจ้าคิดจะทำเช่นใด?”

‘ลู่เพียว’เอ่ยปากถาม

‘กู้เบ่ย’เงียบไปชั่วครู่ และตอบกลับไปว่า

“ข้ามีทางออกอยู่แล้ว กู้เถิง ช่วยไปตรวจสอบว่า กู้เหิงนั้นติดต่อกับผู้อาวุโสท่านใดบ้าง!”

“ขอรับ!”

‘กู้เถิง’โค้งพร้อมกับตอบกลับ

‘กู้เบ่ย’ต้องยุ่งกับปัญหาของตนเองอีกครั้ง ที่โลกภายนอก ในหุบเขาลึกลับแห่งหนึ่ง

โดยรอบห้อมล้อมไปด้วยหน้าผาสูงชัน ตรงกลางเต็มไปด้วยดอกไม้เขียวชอุ่ม มีสายน้ำรินไหลออกมาจากป่าทึบ พลังงานสวรรค์ก็นับว่าเข้มข้นกว่าที่อื่น อย่างเห็นได้ชัด

‘เนี่ยลี่’ไม่รู้เลยว่าเขานั้นอยู่ห่างนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ไกลแค่ไหน ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา ก็ไม่เคยมายังสถานที่แห่งนี้

หลังจากที่’เซี่ยวหยู่’ได้ใช้ค่ายกลวงกลมสำหรับผันแปรพื้นที่และเวลาของเขา ‘เนี่ยลี่’ก็ได้มาปรากฏที่หุบเขาแห่งนี้ สามารถหลบหนีการตามล่าของ’กู้เหิง’มาได้

แต่’เซี่ยวหยู่’ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากเปลวเพลิงมังกร เรียกได้ว่าถ้าพลาดไปนิดเดียวก็อาจจะไม่รอดมาก็เป็นได้

‘เซี่ยวหยู่’นั้นก็อยู่แค่ในระดับชะตาสวรรค์ขั้นห้าชะตา หลังจากที่ถูกโจมตีโดยเปลวเพลิงมังกร ร่างกายของเขาก็ถูกไหม้เป็นสีดำ
ชีวิตเขานั้นแขวนอยู่บนเส้นด้าย ด้วยการบ่มเพาะพลังของเขา การที่จะคืนสภาพนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

ก่อนหน้านี้’เนี่ยลี่’ควรที่จะซื้อเกราะวิเศษระดับหกให้แก่’ซี่ยวหยู่’ด้วย ‘เนี่ยลี่’อดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้

‘เซี่ยวหยู่’พยายามที่จะนั่งพิงกับต้นไม้ เขาแทบจะเงยหน้าไม่ขึ้น แต่ก็พูดกับ’เนี่ยลี่’ว่า

“อาการบาดเจ็บของข้านั้น เป็นเรื่องยากที่จะรักษาได้ เจ้าก็แค่สังหารข้าเท่านั้น ข้าก็จักไปฟื้นคืนที่ห้องโถงวิญญาณได้”

“อาการบาดเจ็บของเจ้าสาหัสก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าข้าจักรักษาไม่ได้”

‘เนี่ยลี่’นั่งลงข้าง ๆ ‘เซี่ยวหยู่’และตรวจสอบบาดแผล เขายิ้มและพูดอย่างมั่นใจว่า

“ตราบเท่าที่ชะตาวิญญาณของเจ้ายังไม่สลายไป นั่นก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับข้า”

‘เซี่ยวหยู่’แสดงท่าทีที่ลำบากใจและพูดกลับไปว่า

“ลืมมันไปซะ!”

“ในเมื่อยังมีหนทาง เหตุใดจึงไม่ยอมให้ข้ารักษา?”

‘เนี่ยลี่’ถามด้วยความสงสัย เขามองไปที่แหวนของ’เซี่ยวหยู่’ และพูดว่า

“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจักปกปิดมันไว้ ดูเหมือนว่ามันจักเป็นของวิเศษโบราณที่สามารถควบคุมพื้นที่และเวลาได้ ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลย ดูเหมือนว่าของวิเศษชิ้นนี้จะเชื่อมต่อกับชีพจรของเจ้าด้วย”

‘เซี่ยวหยู่’ก้มหน้ามองแหวนที่นิ้ว จากนั้นเขาก็เหม่อมองออกไปและพูดว่า

“ข้าเป็นเด็กกำพร้า พ่อบุญธรรม เก็บข้ามาเลี้ยงตั้งแต่เป็นทารก ข้าไม่รู้เลยว่า ต้นกำเนิดของข้านั้นมาจากที่ใด มีเพียงแค่แหวนวงนี้ สำหรับข้าแล้วแหวนวงนี้ มันมีความสำคัญยิ่งนัก เป็นหลักฐานเพียงชิ้นเดียวที่บ่งบอกว่าข้าดำรงอยู่บนโลกใบนี้”

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของ’เซี่ยวหยู่’ ‘เนี่ยลี่’ยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าและพูดขึ้นมาว่า

“การดำรงอยู่ของตนเอง กับสิ่งที่ไม่อาจพิสูจน์ได้ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเคยได้ยินคำนี้หรือไม่ ชีวิตนี้ล้วนว่างเปล่า ดั่งดอกไม้ที่เงียบสงบ จิตใจเปรียบดังกระจก มิรู้ว่าสิ่งใดจริงหรือเท็จ ทุกคนบนโลกล้วนแต่มาจากความว่างเปล่า เจ้าไม่จำเป็นที่จักต้องพิสูจน์การดำรงอยู่ของตนเอง สิ่งสำคัญก็คือการมีความสุขกับสิ่งที่เราเป็นอยู่ มันสำคัญเสียยิ่งกว่า ว่าเจ้ามาจากที่ใด! ”

‘เซี่ยวหยู่’จ้องมองไปที่’เนี่ยลี่’ แม้ว่า’เนี่ยลี่’นั้นจักอายุน้อยกว่าเขา แต่ก็ฉลาดยิ่งกว่าเขา รู้ว่าสิ่งใดจริง สิ่งใดเท็จ หลังจากได้ฟังคำชี้แนะจาก’เนี่ยลี่’ เขาก็รู้สึกปล่อยวาง ในใจของเขาเคยจมอยู่กับความเหงา คำชี้แนะของเขา เป็นวิถีแห่งการปล่อยวางอย่างแท้จริง

“ข้าได้เข้าใจในสิ่งที่เจ้าชี้แนะแล้ว แต่ข้าก็อยากจะบอกกับเจ้าเช่นกันว่า แม้ว่าจักต้องรับรู้ถึงความเจ็บปวด ข้าก็อยากจะรู้ว่าตัวเองนั้นมาจากที่ใด?”

‘เซี่ยงหยู่’มองดูที่แหวนและพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง…………………

จบตอน

แปลโดย นายมะพร้าว

คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments