ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปหลังจากจ้องมองดู’อู๋หยาจื่อ’ ยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ก็ตะคอกเสียงดัง
“ข้าเรียกพวกเจ้าทั้งสามว่า พวกขยะ! ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า! ถ้าไม่เช่นนั้นข้าจะสังหารพวกเจ้าทั้งสามซะ!”
ยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ชำเลืองมองมาที่พวก’เนี่ยลี่’และพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ ‘อู๋หยาจื่อ’ก็โกรธเกรี้ยวยิ่งนัก
“ลืมมันไปเถิด พวกเราไปกันเถอะ!”
‘เนี่ยลี่’ตบไปที่ไหล่ของ’อู๋หยาจื่อ’และพูดออกมา
เมื่อเห็นว่าเด็กจากเผ่าอสูรผู้นี้โกรธเกรี้ยว ยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ก็รับรู้ได้ถึงอันตราย ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย แต่พอได้เห็นท่าทีอันอ่อนแอของ’เนี่ยลี่’แล้ว เขาก็รู้สึกฮึกเหิมอีกครั้ง
การที่’อู๋หยาจื่อ’ถูกอสูรที่อยู่ในระดับชะตาสวรรค์ตบไหล่เช่นนั้น ก็หมายความว่า ระดับฝีมือของพวกเขาคงไม่ต่างกันเท่าใดนัก
‘อู๋หยาจื่อ’กำหมัดจนแน่น จนมีเสียงดังออกมา ไม่มีใครกล้าเรียกเขาเช่นนั้นในนิกายเทพอสูร แล้วเจ้าหมอนี่เป็นใครกัน ถึงกล้ามาเรียกเขาว่าขยะ?
“พวกเจ้าจงไสหัวไปให้พ้นโดยเร็ว ข้าจักให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งก้านธูป สิบห้านาที ถ้าหากพวกเจ้ายังไม่ไสหัวไปอีก บิดาน้อยของเจ้าผู้นี้ จักกำจัดพวกเจ้าทุกคนที่อยู่ตรงนี้ทั้งหมดเอง!”
‘อู๋หยาจื่อ’ชี้ไปทางยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์และพูดออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
เมื่อได้ยินคำพูดของ’อู๋หยาจื่อ’ยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ก็ถึงกับหัวเราะ เจ้าเด็กเผ่าอสูรผู้นี้ มันจักอวดดีเกินไปแล้ว!
ในตอนนี้’หลงเทียนหมิง’เริ่มที่จะรับรู้ถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นใกล้ ๆ เขามองไปทางด้านข้างและเอ่ยถามว่า
“เกิดอะไรขึ้น?”
“นายน้อย! มีพวกเผ่าอสูรที่อยู่ในระดับชะตาสวรรค์สามตน ข้าบอกให้พวกมันไป แต่พวกมันก็ไม่ยอมรับฟัง”
ยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์โค้งคำนับพร้อมกับรายงานให้หลงเทียนหมิงทราบ
“ไล่พวกมันไป!”
‘หลงเทียนหมิง’พูดอย่างไม่ใส่ใจกับพวกเผ่าอสูรที่อยู่แค่ระดับชะตาสวรรค์ แค่เพียงไล่ออกไปก็เพียงพอแล้ว
โดยปกติแล้วถ้าหากพบเจอกับพวกเผ่าอสูรที่อยู่ในระดับชะตาสวรรค์ทั้งสามตนเช่นนี้ ‘หลงเทียนหมิง’จักต้องสั่งให้สังหารทิ้งเป็นแน่
แต่ว่าพวกเขาก็ยังไม่รู้วิธีที่จะเข้าไปยังตำหนักซีอิงเสิ่น จึงไม่ต้องการที่จะสร้างปัญหาการที่เขาให้’กู้เหิง’หยิบยืมยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์สองร้อยคน ทำให้เขาเหลือคนที่อยู่ข้างกายจำนวนแค่เล็กน้อย เขาจึงไม่อยากจะทำอะไรให้เป็นจุดสนใจ
ยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ หันมามองยังพวกของ’เนี่ยลี่’ และพูดว่า
“เจ้าไม่ได้ยินหรือว่า นายน้อยของเราเมตตาพวกเจ้ารีบไสหัวไปซะ!”
‘อู๋หยาจื่อ’เริ่มที่จะหมดความอดทน กับยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ เจ้าคนจองหองผู้นี้แล้ว ก่อนหน้านี้มีคนที่คิดจะแย่งชิงของ ของเขา เขาจึงสังหารพวกมันไปนับสิบคน ในตอนนี้เลือดของเจ้าพวกนั้นยังติดมือเขาอยู่เลย และในตอนนี้เขาก็ได้พบกับ พวกที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงอีกแล้ว
ฟุ่บบ!
‘อู๋หยาจื่อ’หายไปในทันที
เหล่ายอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์เริ่มที่จะรับรู้ได้ถึงความกดดัน พวกเขารับรู้ได้ว่ากำลังถูกความตายนั้นคุกคามอยู่
ในตอนนี้พวกเขาพยายามที่จะดิ้นรน แต่ก็ไม่อาจที่จะขยับตัวได้
หลังจากนั้นความหวาดกลัวก็แผ่มาจนถึงลำคอ เขาอยากที่จะตะโกนออกมา แต่ก็ไม่อาจเปร่งเสียงใดออกมาได้
“เจ้าเรียก…ใครว่าขยะกันนะ?”
เสียงอันเย็นชา ผ่านเข้าไปในหูของเขา
ยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ ก็ไม่รู้เลยว่า’อู๋หยาจื่อ’นั้นมาอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อใด เขาใช้นิ้วมือเพียงแค่สองนิ้ว คีบตรงลำคอและยกตัวเขาขึ้น ด้วยการออกแรงแค่เพียงเล็กน้อย คอกับลำตัวของเขาก็ขาดออก
เมื่อคอถูกตัดขาด ลำตัวของเขาก็หล่นลงไปบนพื้น
เมื่อเห็นเช่นนี้ เหล่าลูกน้องของหลงเทียนหมิงก็ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
“เจ้าบ้าเอ๊ย!”
“ฆ่ามัน!”
ยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ราวสามสิบคนพุ่งเจ้าจู่โจม’อู๋หยาจื่อ’ทันที
“พวกเจ้าคงต้องถอยห่างจากข้าไปสักเล็กน้อย!”
‘อู๋หยาจื่อ’หันมาบอกกับ’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’จากนั้นก็หันหน้าเข้ารับมือกับเหล่ายอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์
ตูมม!
ตูมม! ตูมม!*
การต่อสู้อันวุ่นวายได้เริ่มต้นขึ้น แม้ว่า’อู๋หยาจื่อ’จะถูกรุมล้อมไปด้วยยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ราวสามสิบคน แต่ก็มิได้มีท่าทีว่าจักเสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย เขาค่อยๆกำจัดยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ไปทีละคน
‘เซี่ยวหยู่’มองไปที่เนี่ยลี่และถามออกไปว่า
“เนี่ยลี่ เจ้าตั้งใจที่จะให้เป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่?”
“ถูกต้อง”
‘เนี่ยลี่’พยักหน้ายอมรับ
“ถ้าเช่นนั้น ทำไมเราจึงไม่รีบหลบหนีไปหล่ะ?”
‘เซี่ยวหยู่’ถาม นางคิดว่า’เนี่ยลี่’ต้องการที่จะให้ ‘อู๋หยาจื่อ’ต่อสู้ติดพันอยู่ และใช้โอกาสนี้หลบหนีไป
“ยังไม่ถึงเวลา พวกเรานั้นยังไม่ได้เข้าไปยังตำหนักซีอิงเสิ่น ทำไมจักต้องรีบจากไปด้วยหล่ะ?”
“ถ้าเป้าหมายของเจ้า คือการเข้าไปในตำหนักซีอิงเสิ่น แล้วทำไมจึงต้องสร้างความวุ่นวายนี้ขึ้นมา ผู้ที่เป็นผู้นำของคนพวกนั้นก็คือหลงเทียนหมิงนะ!”
‘เซี่ยวหยู่’จ้องไปที่ความวุ่นวายตรงหน้าและพูดต่อว่า
“เจ้านั้นมีความแค้นเคืองอันใดกับหลงเทียนหมิง จึงต้องทำการสั่งสอนหลงเทียนหมิงเช่นนี้?”
“ข้านั้นหาได้มีเรื่องแค้นเคืองอันใดไม่ แต่จากที่ข้าคิดดูอย่างรอบคอบ มีเรื่องราวมากมายที่ผ่านมา หลงเทียนหมิงจักต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่เป็นแน่ ข้ามักจะรู้สึกว่าเขานั้นแอบวางแผนที่จะกำจัดพวกเรา”
‘เนี่ยลี่’ตอบหลังจากที่ครุ่นคิด เขารู้สึกว่าคนอย่าง’หลงเทียนหมิง’ ก็เป็นดั่งแมงป่องที่แอบหลบอยู่ในเงามืด
‘เนี่ยลี่’นั้นชื่นชม’กู้เหิง’มากกว่าสำหรับเรื่องนี้ เพราะเขานั้นต่อสู้อย่างเปิดเผย แท้จริงแล้ว’เนี่ยลี่’นั้นไม่จำเป็นที่จักต้องเกรงกลัว’หลงเทียนหมิง’แม้แต่น้อย แต่’หลงเทียนหมิง’ผู้นี้มักจะคิดร้ายอยู่ด้านหลัง เป็นเรื่องยากที่จะตรวจสอบได้
ในชีวิตก่อนหน้าของเขา ตอนที่นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ใกล้จะล่มสลาย มีเพียง’หลงเทียนหมิง’ที่ได้ประโยชน์ ดังนั้น’เนี่ยลี่’จึงจักต้องคอยระหวัง’หลงเทียนหมิง’ผู้นี้ให้ดียิ่งกว่า’กู้เหิง’เสียอีก
ตราบเท่าที่มีโอกาส เขาจักไม่ยอมพลาดที่จะลดทอนกำลังของ’หลงเทียนหมิง’ได้เป็นแน่
นิกายเทพอสูรนั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์จักต้องทำการปกป้องตัวเองและจ่ายค่าความสูญเสียอย่างเจ็บปวด แต่ภัยที่คุกคามนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง กลับเป็นคนที่อยู่ภายในเสียมากกว่า
‘เนี่ยลี่’มองออกไป ‘อู๋หยาจื่อ’กำลังต่อสู้กับยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ราวสามสิบคนของ’หลงเทียนหมิง’ การเคลื่อนไหวของเขานั้นช่างรวดเร็ว และเคลื่อนไหวได้ในพริบตา ยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ผู้หนึ่ง ถูกโจมตีจนเลือดสาด และร่วงหล่นจากฟากฟ้า
‘อู๋หยาจื่อ’สังหารไปได้ถึงเจ็ดคน เขาก็ยิ่งห้าวหาญขึ้น ราวกับว่าไม่เกรงกลัวผู้ใด
พลังจากสายเลือดดั้งเดิมของอสูรจิ้งจอกเลือดศักดิ์สิทธิ์ ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
‘เนี่ยลี่’รับรู้ได้ว่า’อู๋หยาจื่อ’นั้นอยู่ในระดับแก่นแท้สวรรค์ขั้นที่เจ็ด ยิ่งเสริมด้วยพลังจากสายเลือดดั้งเดิมของตัวเขาแล้ว เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนักที่พวกของ’หลงเทียนหมิง’จะจัดการกับเขาได้
‘หลงเทียนหมิง’ถึงกับขมวดคิ้ว เขานั้นพอจะเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คนของเขากลับบอกมาว่า พวกเผ่าอสูรทั้งสามตนอยู่แค่ระดับชะตาสวรรค์เท่านั้น แล้วทำไมจึงได้มีฝีมือเก่งกาจถึงเพียงนั้นได้?
ความแข็งแกร่งของศัตรูนั้น แข็งแกร่งเกินไปแล้ว
‘หลงเทียนหมิง’มองไปยัง’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’ที่ยืนหัวเราะอยู่ จากนั้นก็สั่งการไปว่า
“จัดการเจ้าสองคนนั้นก่อน!”
ยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์คนหนึ่งพุ่งมายัง’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’ทันที
แม้ว่า’อู๋หยาจื่อ’ จักกำลังรับมือกับยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ของ’หลงเทียนหมิง’อยู่ เขาก็ยังคงหาเวลามองดู’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’เสมอ
เขาได้ช่วยเหลือ’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’ด้วยการสังเวยเลือดอสูร เพื่อที่จะเข้าไปยังตำหนักซีอิงเสิ่น ถ้าหาก’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’ถูกสังหารไป สิ่งที่เขาทำมาก็จักสูญเปล่าทั้งหมด
ทั้งที่ดูเหมือนว่า’อู๋หยาจื่อ’นั้นจักถูกล้อมอยู่ แต่จู่ ๆก็หายตัวไป และปรากฏอยู่ที่ด้านหน้า’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’ เขายื่นมือไปคว้าคอยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ที่พุ่งมาทาง’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’ และค่อย ๆ ออกแรงบีบเพิ่มขึ้นทีละน้อย จากนั้นคอของเขาก็ขาดออกจากกัน
เมื่อเห็นเช่นนั้น’หลงเทียนหมิง’ถึงกับหนาวเหน็บไปทั้งใจ นี่มันเทคนิคลับของเผ่าจิ้งจอก เจ้าเด็กอสูรผู้นี้ จักต้องมิได้มีสถานะต่ำต้อยในนิกายเทพอสูรอย่างแน่นอน
และการที่เด็กจากเผ่าอสูรผู้นี่ พยายามที่จะปกป้องเด็กจากเผ่าอสูรอีกสองตนที่อยู่ด้านหลัง นั่นก็หมายความว่า เด็กอสูรอีกสองตน ก็จักต้องมีสถานะที่สูงมากในนิกายเทพอสูรเป็นแน่!
‘หลงเทียนหมิง’รู้สึกโกรธยิ่งนัก เดิมทีเขาคิดที่จะไม่ทำให้ตนเองเป็นจุดสนใจ แต่ทำไมจักต้อง มีผู้สร้างปัญหา ให้แก่เขาเช่นนี้ด้วย?……………………
จบตอน
แปลโดย นายมะพร้าว
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: