ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“ดูเหมือนว่าจักมีพวกแมลงวันตามมา จักให้ข้าสังหารพวกมันเลยไหม?”
‘อู๋หยาจื่อ’ขมวดคิ้วและเอ่ยถาม เขาได้ปล่อย’หลงเทียนหมิง’ไปแล้วคราวหนึ่ง ไม่คิดเลยว่า’หลงเทียนหมิง’ผู้นี้จักยังไม่ยอมจบเรื่องอีกหรือ?
“ไม่จำเป็น ปล่อยให้พวกมันเข้ามาข้างใน พวกเขาไม่ทีทางที่จะไขปริศนาของค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบนี้ได้”
‘เนี่ยลี่’ส่ายหน้าและพูดต่ออีกว่า
“ตามข้ามา!”
‘เนี่ยลี่’เข้าไปในค่ายกลลวงตาเป็นคนแรกและตามด้วย’เซี่ยวหยู่’
‘อู๋หยาจื่อ’มองไปด้านหลัง ที่พวก’หลงเทียนหมิง’ตามมา เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างรุนแรง จากนั้นก็ตาม’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’เข้าไปใน ค่ายกลลวงตา
พวกเขาทั้งสามคนได้หายเข้าไป
เมื่อเห็นเช่นนั้น’หลงลิ่ว’ รีบกลับมารายงาน’หลงเทียนหมิง’ว่า
“นายน้อย พวกเขารู้วิธีเข้าไปยังค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบจริง ๆด้วย!”
“ข้าเห็นแล้ว!”
ตาของ’หลงเทียนหมิง’ก็ฉายให้เห็นถึงความตื่นเต้นไม่น้อยเขารีบสั่งการ
“รีบตามไปให้ทัน!”
ฟุ่บบ! ฟุ่บบ! ฟุ่บบ!
กลุ่มของ’หลงเทียนหมิง’ก็เข้าไปในค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่กลุ่มของ’เนี่ยลี่’ทั้งสามคนเข้ามาในค่ายกลลวงตา สภาพโดยรอบนั้นก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว บางครั้งก็เป็นป่าใหญ่ บางครั้งก็เป็นทุ่งหญ้า และบางครั้งก็กลายเป็นหุบเขาลึก
“สมแล้วที่ได้ชื่อว่าค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบ”
‘อู๋หยาจื่อ’อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ และเอ่ยชื่นชม
ในค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบ เขานั้นสูญเสียสัมผัสของการรับรู้เส้นทางไปอย่างสิ้นเชิง ถ้าหากว่าไม่มี’เนี่ยลี่’อยู่ด้วย เขาก็ไม่รู้เลยว่าจักต้องไปในทิศทางใด
ค่ายกลลวงตาได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบไปเกือบพันรอบ ‘เนี่ยลี่’คอยระวังการปรับเปลี่ยนของค่ายกลอย่างรอบคอบ เขามองดู’อู๋หยาจื่อ’และ’เซี่ยวหยู่’ จากนั้นเขาก็เผยยิ้มและพูดขึ้นมาว่า
“ตามข้ามา ข้าจักไปให้บทเรียนกับพวกแมลงวันที่ตามเรามา!”
กลุ่มของ’หลงเทียนหมิง’ที่เข้ามาในค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบ ถูกการเปลี่ยนแปลงที่ไม่รู้จบ ทำให้พวกเขาไม่อาจที่จะรับรู้ทิศทางได้อย่างสิ้นเชิง
“เจ้าสามคนนั้น อยู่ที่ไหนกัน?”
‘หลงเทียนหมิง’ขมวดคิ้ว
ในตอนนี้ ด้วยพลังของค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบ ‘เนี่ยลี่’และพวกของเขาได้ถูกปิดกั้นการมองเห็นจากคนพวกนี้แล้ว
“บ้าจริง! พวกมันหายไปที่ไหนกัน?”
เพราะค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบ ทำให้’หลงเทียนหมิง’รู้สึกสับสนยิ่งนัก เขาไม่รู้ว่าจะไปทิศทางใดต่อ
คนของเขาราวยี่สิบคนทำได้เพียงแค่ เดินไปมาอยู่ในค่ายกลลวงตา
ทันใดนั้นก็มีเงาของคนผู้หนึ่งวิ่งผ่านมา ได้ยินเพียงเสียงของการเฉือนเนื้อ และเลือดก็พุ่งออกมา โดยที่ยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ไม่อาจจะไหวตัวทัน พวกเขาถูกสังหารทันที และล้มลงไป
“เกิดอะไรขึ้น?”
‘หลงเทียนหมิง’ที่หันกลับไปมองพร้อมกับขมวดคิ้ว เขาสัมผัสได้ถึงลมปราณของ’อู๋หยาจื่อ’ แต่ไม่ทันที่จะตอบสนอง ก็มีร่างไร้ชีวิตล้มลงไปบนพื้น
จากนั้น ‘อู๋หยาจื่อ’ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย!
‘อู๋หยาจื่อ’นั้นยืมพลังของค่ายกลลวงตาในการจัดการพวกเขา
‘หลงเทียนหมิง’เจ็บใจยิ่งนัก หลังจากที่เข้ามาในค่ายกลลวงตา พวกเขาก็ราวกับเป็นคนตาบอดที่มองเห็นได้ เขาไม่รู้เลยว่าอู๋หยาจื่อและพวกของเขานั้นอยู่ที่ใด?
ฟุ่บบ!
ยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ของ’หลงเทียนหมิง’ ถูกสังหารไปอีกคน ‘หลงเทียนหมิง’ รีบหันหลังกลับมาดูทันที แต่’อู๋หยาจื่อ’ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยอีกครั้ง
“เจ้าบ้าเอ๊ย!”
‘หลงเทียนหมิง’ไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากตะโกนด่า เขานั้นแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว และรีบสั่งการว่า
“จัดรูปแบบป้องกันการโจมตีแบบกองโจรของพวกมัน”
ในตอนนี้ กลุ่มของ’เนี่ยลี่’อยู่ห่างออกไปจากกลุ่มของหลงเทียนหมิงเพียงแค่สองร้อยหมี่ เมตร พวกเขาทั้งสามยืนอยู่กันเงียบๆ
ในตอนนี้’อู๋หยาจื่อ’รู้สึกเชื่อคำพูดของ’เนี่ยลี่’ยิ่งนัก ทั้ง ๆที่เขาไปอยู่ใกล้กับพวก’หลงเทียนหมิง’ แต่ คนพวกนั้นก็ไม่อาจที่จะมองเห็นเขาได้ เขาอดไม่ได้ที่จะจ้องไปที่’เนี่ยลี่’แล้วเอ่ยถามว่า
“เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร? ทั้ง ๆที่พวกเรายืนอยู่ใกล้ ๆพวกมัน แต่พวกมันกลับมองไม่เห็นเราราวกับคนตาบอด”
‘เนี่ยลี่’หัวเราะและตอบไปว่า
“ความลึกลับของค่ายกลลวงตายังมีอีกมาก นี่แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
“นี่เจ้าจักบอกว่า เจ้านั้นรู้ถึงความลับของค่ายกลลวงตานี้เช่นนั้นเหรอ?”
‘อู๋หยาจื่อ’ไม่อยากที่จะเชื่อ เพราะที่เขารู้มาค่ายกลนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากยอดฝีมือชั้นสูงในยุคโบราณ
“ถ้าหากว่าเจ้ามีวัสดุ ข้าก็สามารถที่จะสร้างค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบที่เจ้าเห็นอยู่นี้ได้”
‘เนี่ยลี่’หัวเราะ และมองไปยังตำหนักซีอิงเสิ่น และพูดต่ออีกว่า
“และการรับมือค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบเป็นเรื่องที่ไม่ยากนัก และนี่เป็นเพียงขั้นแรกเท่านั้น และหลังจากนี้เราจักเจอกับขั้นต่อไปของค่ายกลที่เราจักต้องทำลาย เมื่อเราทำลายมันเราก็จะเข้าไปยังตำหนักซีอิงเสิ่นได้ แต่เมื่อเราทำลายค่ายกลด้านในไปแล้ว ทุกคนก็จักเข้าไปยังตำหนักซีอิงเสิ่นได้เช่นกัน ”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของ’เนี่ยลี่’
‘อู๋หยาจื่อ’ก็ถามออกไปว่า
“ถ้าเช่นนั้น สมบัติในตำหนักซีอิงเสิ่นก็จักไม่ได้เป็นของเราทั้งหมดสิ”
แม้ว่า’อู๋หยาจื่อ’นั้นจักแข็งแกร่งมาก แต่ว่าที่ด้านนอกตำหนักซีอิงเสิ่น ก็มียอดฝีมืออยู่เป็นจำนวนมากเช่นกัน
“ดังนั้นก่อนที่จักทำลาย เราก็ต้องรีบหาสมบัติให้ได้มากพอ”
‘เนี่ยลี่’มองไปทาง’หลงเทียนหมิง’ เขาหลี่ตาลงและพูดต่อไปว่า
“นอกจากนี้ พวกเราก็ต้องกำจัดภัยคุกคามออกไปให้หมดก่อน!”
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
‘อู๋หยาจื่อ’พยักหน้า แล้วมองไปที่’หลงเทียนหมิง’ เขาตบไปที่หน้าอกของตนเองและพูดออกมาว่า
“ให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง!”
‘อู๋หยาจื่อ’นั้นเป็นทายาทของอสูรจิ้งจอกเลือดศักดิ์สิทธิ์ และเทคนิคลับที่ได้รับการถ่ายทอดมาอย่างมากมาย รวมถึงคำแนะนำของ’เนี่ยลี่’ในการใช้ค่ายกลลวงตา เขาก็ราวกับพยัคฆ์ติดปีก เขาพุ่งไปราวกับแสงไปยัง’หลงเทียนหมิง’และคนของเขาอีกครั้ง
หลังจากที่มองดู’อู๋หยาจื่อ’พุ่งออกไป ‘เซี่ยวหยู่’ก็มองมาที่’เนี่ยลี่’และเอ่ยถามว่า
“เนี่ยลี่ เจ้านั้นได้บอกหลายสิ่งแก่อู๋หยาจื่อ มันจักมีปัญหาในภายภาคหน้าหรือไม่ พวกเรานั้นยังอยู่ในกำมือของอู๋หยาจื่อ และเราก็ไม่มีหนทางที่จะรับมือเขาได้ดอีกด้วย!”
“ไม่ต้องกังวล ก่อนที่จะออกจากตำหนักซีอิงเสิ่น เขาจักไม่ทำอะไรพวกเรา ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเรานั้นการเข้าไปยังตำหนักซีอิงเสิ่นนั้นก็เหมือนกับการแสวงหาความตาย เรายังต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของเขา”
‘เนี่ยลี่’ตอบกลับไป เขารู้ว่านี่เป็นการเต้นบนเส้นลวด 钢丝上跳舞:สำนวนจีนหมายถึงการทำอะไรที่มีความเสี่ยงสูงมาก
แต่ก็เป็นการเดิมพันที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขาอย่างรวดเร็วฟุ่บบ!
ฟุ่บบ! ฟุ่บบ!
‘อู๋หยาจื่อ’นั้นสังหารยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ของ’หลงเทียนหมิง’ไปถึงหกคน
“เจ้าบ้าเอ๊ย!”
เสียงตะโกนด่าของ’หลงเทียนหมิง’ดังลั่น เขาพยายามที่จะรวบรวมลมปราณ ให้พุ่งโจมตีไปยัง’อู๋หยาจื่อ’
ตูมม!
ลมปราณอันรุนแรงระเบิดออกมา สร้างความเสียหายจนเกิดหลุมขนาดใหญ่ ทำให้ยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์บางคนถึงกับลอยออกไป
‘อู๋หยาจื่อ’พ่นลมหายใจออกมา และหายไปในค่ายกลลวงตาอีกครั้ง จากนั้นไม่นานก็ไปปรากฏตัวอยู่ใกล้กับ’เนี่ยลี่’ เขาเช็ดเลือดที่ปากของเขา เขาพูดขึ้นมาว่า
“พลังของเจ้าหมอนั่นเกินกว่าที่ข้าคาดไว้เสียอีก!”
‘เนี่ยลี่’ไม่คิดเลยว่า’อู๋หยาจื่อ’จะได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของ’หลงเทียนหมิง’
‘เนี่ยลี่’ขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเขาจักประเมินความแข็งแกร่งของ’หลงเทียนหมิง’ต่ำไปด้วยเช่นกัน
หลังจากที่’หลงเทียนหมิง’โต้กลับ’อู๋หยาจื่อ’ไปได้
เขาถอยหลังตั้งหลักสองสามก้าว และปลดปล่อยลมปราณอันแข็งแกร่งออกมา จ้องมองไปรอบๆและตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวว่า
“เจ้าอสูรจิ้งจอกมีความสามารถแค่นี้เองหรือ? ไม่กล้าที่จักมาเอาชีวิตข้าแล้วหรืออย่างไร ทำไมต้องแอบซ่อนราวกับหนูเช่นนี้?”
‘เนี่ยลี่’ เอ่ยถาม’อู๋หยาจื่อ’ว่า
“เจ้าคิดว่าหลงเทียนหมิงมีความแข็งแกร่งในระดับไหน?”
‘อู๋หยาจื่อ’ส่ายหัวและตอบกลับไปว่า
“ข้าเองก็ไม่รู้แน่ชัด แต่ดูเหมือนว่าจักอยู่ในระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ขั้นที่เก้า แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่ายอดฝีมือในระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ทั่วไปนัก ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเลือดอสูร เห็นได้ชัดว่ามนุษย์ผู้นี้ เคยผ่านการสังเวยเลือดอสูรมาแล้ว และความแข็งแกร่งของอสูรที่สังเวยเลือดให้ก็ต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่!”
………จบตอน
แปลโดย นายมะพร้าว
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: