I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 389 离火圣子 โอรสศักดิ์สิทธิ์ หลีหั่ว

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

กลุ่มคนไปรวมกันตรงที่ห้องโถงด้านข้าง ซึ่งก็มี’หลงเทียนหมิง’และ’หลงลิ่ว’รวมอยู่ด้วย ทุกคนต่างก็จับจ้องและพุ่งไปยังหีบสมบัติที่อยู่ด้านใน

ในตอนนี้ ไม่รู้เลยว่าผู้ใดที่เป็นผู้สัมผัสค่ายกลกับดัก ทำให้ค่ายกลทำงานในทันที ยอดฝีมือหลายสิบคนถูกรัดและเผาไหม้ไปในทันที

แกรก! แกรก! แกรก!

โซ่ที่มาจากอักษรจารึกค่ายกล จำนวนนับไม่ถ้วนในห้องโถงด้านข้างนี้ พุ่งรัดยอดฝีมือที่อยู่ด้านใน

ทันใดนั้นยอดฝีมือกว่าสิบคนก็ถูกโซ่อักษรจารึกรัดเอาไว้

“นายน้อย ระวัง!”

‘หลงลิ่ว’กระโดดเข้าไปขวางด้านหน้าของ’หลงเทียนหมิง’ เขาถูกโซ่จากอักษรจารึกรัดและกระชากไปในทันที

‘หลงเทียนหมิง’มองไปที่’หลงลิ่ว’ แล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้ว เขารีบถอยออกมาในทันที เขาไม่รู้เลยว่า โซ่จากอักษรจารึกลึกลับนี้คือสิ่งใดกัน เข้าไม่กล้าแม้จะไปสัมผัส เขาทำได้แต่มองดู’หลงลิ่ว’ถูกกระชากลอยไป

ถึงอย่างไรก็เป็นแค่การสูญเสียลูกน้องไปคนหนึ่งเท่านั้น และ’หลงลิ่ว’ก็สามารถที่จะคืนชีพได้อีกด้วย

‘หลงเทียนหมิง’กระพริบตา ดูเหมือนว่าการเปิดหีบสมบัติพวกนั้น จักไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว

ในตอนนี้ ที่ด้านนอกของตำหนักซีอิงเสิ่น มีกองกำลังของเผ่าอสูร ที่เต็มไปด้วยยอดฝีมือเผ่าอสูรที่แข็งแกร่ง มีชายหนุ่มผู้หนึ่งสวมใส่ชุดเกราะเพลิงสวรรค์สีชาด 赤焰神:เซี๊ยะเยี่ยนเสิ่น ร่างกายของเขาถูกห่อหุ้มไปด้วยเปลวไฟอันเร่าร้อน ไม่มีผู้ใดที่กล้ายืนอยู่ในระยะสามหมี่ เมตร รอบๆตัวเขา

ผิวกายของเขาเป็นสีแดง คิ้วที่เต็มไปด้วยความหยิ่งยะโสอย่างเห็นได้ชัด พลังงานสวรรค์รอบ ๆ ตัวของเขาแผ่กลิ่นอายกระหายเลือดออกมา กดดันจนทำให้คนที่อยู่ใกล้ ๆ แทบหายใจไม่ออก

“โอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว 离火圣子 พวกเรายังไม่อาจระบุได้ว่าผู้ใดเป็นผู้ทำลายค่ายกลลวงตา แต่ที่ทางเข้าห้องโถงใหญ่ของตำหนักซีอิงเสิ่น มียอดฝีมืออยู่กว่าร้อยคน เรายังไม่อาจที่จะระบุตำแหน่งของ  ประตูเซิงเหมิน ประตูแห่งชีวิต ได้ขอรับ ”

เผ่าอสูรที่สวมชุดเกราะสีเงินและดูแล้วแข็งแกร่งยิ่งนักเป็นผู้รายงานสถานการณ์

“ผู้ที่สามารถทำลายค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบได้ จักต้องมิใช่คนธรรมดาเป็นแน่ แจ้งข่าวไปให้กองกำลังรับทราบ ล้อมตำหนักซีอิงเสิ่นเอาไว้ ดำเนินการให้เสร็จสิ้นในครึ่งชั่วยาม ห้ามมิให้ผู้ใดออกจากตำหนักซิอิงเสิ่นไปได้ ถ้ามีผู้ใดขัดขืน สังหารมันซะ!”

‘โอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว’ออกคำสั่ง

“ขอรับ!”

“พวกที่เหลือ ตามข้าเข้าไปในตำหนักซีอิงเสิ่น!”

‘โอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว’นำกองกำลังเข้าไปยังด้านในตำหนักซีอิงเสิ่น

กลับมาทางห้องโถงด้านข้าง เหล่ายอดฝีมือยังคงต่อสู้แย่งชิงสมบัติกัน เหล่ายอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ของสำนักเทพอัคคี คว้าสมบัติได้หลายชิ้น และเริ่มถูกไล่ล่า เขารีบหนีออกไปทางด้านนอก

‘หลีหั่ว’พ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็พ่นเปลวไฟมังกรอย่างรุนแรงเพื่อเปิดทางด้านหน้า

ชายที่หลบหนีออกมา ถูกกลืนกินไปด้วยเปลวไฟมังกรทันที และไม่อาจที่จะหลบหนีไปได้

‘หลีหั่ว’ พูดขึ้นมาว่า

“ด้วยฝีมือเพียงเท่านี้ คิดจะมาแย่งชิงสมบัติเช่นนั้นเหรอ”

เขายืนมือขวาไปทางด้านหน้า

ยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์รับรู้ได้ถึงแรงกดดันจนแทบจะกระอักเลือดออกมา เขาต้องการที่จะหลบออกไปจากเปลวไฟมังกรนี้ แต่ก็เหมือนกับว่าเขาถูกจับมัดเอาไว้ ในตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าเข็มนับสิบล้านเล่ม ทิ่มแทงใส่ร่างกายของเขา

ฟุ่บบ!

ตูมม!

ร่างกายของยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ระเบิดออกในทันที

แหวนห้วงมิติสำหรับเก็บของลอยไปยังโอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว

เหล่ายอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์หลายสิบคนที่ตามมา เมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็ถึงกับขมวดคิ้ว

“บ้าเอ๊ย! ทำไมโอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว ถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้?”

เมื่อได้เห็น’โอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว’ ความคิดที่จะต่อสู้เพื่อแย่งชิงสมบัติของพวกเขาก็หายไปทันที การที่คิดจะแย่งอะไรบางอย่างจากโอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว ก็แค่เป็นการแสวงหาความตายดี ๆนี่เอง!

‘โอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว’กวาดตามองดูคนพวกนั้น และพูดขึ้นมาว่า

“สังหารคนที่มาจากหกสำนักใหญ่ให้หมด สำหรับพวกที่มาจากนิกายเทพอสูร ตรวจสอบแหวนห้วงมิติสำหรับเก็บของ ของพวกเขา ถ้าหากว่ามีพวกที่พยายามซ่อนสมบัติ ก็จงสังหารพวกมันซะ”

“ขอรับ!”

เหล่ายอดฝีมือที่อยู่ด้านหลัง’โอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว’ตอบรับคำสั่งพร้อมกัน

ฟุ่บบ!

ฟุ่บบ! ฟุ่บบ!

เหล่ายอดฝีมือจากเผ่าอสูรมุ่งหน้าไปยังห้องโถงด้านข้าง

หลังจากที่’โอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว’สั่งให้กองกำลังของเขา เข้าร่วมการต่อสู้ การต่อสู้ก็ยิ่งเร่าร้อนขึ้น

‘โอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว’มองไปที่ห้องโถงใหญ่และ พูดขึ้นมาว่า

“เหล่ายอดฝีมือด้านค่ายกลของเรามาถึงหรือยัง?”

“ท่านโอรสศักดิ์สิทธิ์ พวกเขากำลังมาขอรับ!”

ลูกน้องคนหนึ่งรายงานอย่างสุภาพ

“เมื่อพวกเขามาถึง ให้พวกเขาไปตรวจสอบหาประตูเซิงเหมินของตำหนักซีอิงเสิ่นให้เจอ”

‘โอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว’ จับจ้องไปด้านหน้า มองผ่านความร้อนแรงที่กำลังลุกไหม้อยู่

“ขอรับ!”

ลูกน้องของเขาตอบรับทันที

ห่างออกไปราวห้าสิบหมี่ เมตร มีคนจากสำนัก เทพอัคคี หลายพันคนรวมตัวอยู่

*หมายเหตุ ในตอนแรก ชื่อสำนักมีแค่คำว่า 火 หั่วที่แปลว่าไฟ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่กลายเป็นชื่อ 火神 หั่วเสิ่น  ดังนั้นจึงขอเปลี่ยนแปลงชื่อสำนักอีกครั้งนะครับ

“ศิษย์พี่เหยียนหยาง ข้าได้ข่าวมาว่าโอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว นำกองกำลังเข้าไปยังตำหนักซีอิงเสิ่นแล้ว ”

‘เหยียนหยาง’ขมวดคิ้วและพูดออกไปว่า

“ใช้เทคนิค เทพเคลื่อนย้าย มุ่งหน้าไปยังตำหนักซีอิงเสิ่นโดยเร็ว”

นอกเหนือจากนิกายเทพอสูรและ สำนักเทพอัคคีแล้ว ยังมีกองกำลังอีกหลายกลุ่มมุ่งหน้าไปยังตำหนักซีอิงเสิ่น

ในเส้นทางลับ สำหรับมุ่งหน้าไปยังห้องโถงใหญ่

‘เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’เดินคู่กันไปอย่างช้าๆ ส่วน’หยาจื่อ’นั้นเดินกวัดแกร่งกระบี่ที่เต็มไปด้วยเลือด

ในเส้นทางลับนี้เต็มไปด้วย แมงมุมพิษวารีทมิฬ โดยทั่วไปพวกมันจะมีความแข็งแกร่งในระดับดาราสวรรค์ และ บางส่วนที่มีฝีมือระดับแก่นแท้สวรรค์ แต่ด้วยจำนวนที่มากนัก ทำให้’อู๋หย๋าจื่อ’ถึงกับเหน็ดเหนื่อย

แต่ที่ด้านหน้าของพวกเขาก็ยังคงมีแมงมุมพิษวารีทมิฬขวางอยู่อีกเป็นจำนวนมาก ไม่รู้ว่าอีกไกลแค่ไหนจึงจะไปจนถึงจุดสิ้นสุดของเส้นทางลับนี้

“เนี่ยลี่ เจ้าแน่ใจหรือว่าพวกเราเส้นทางนี้มิได้มีสิ่งใดผิดปกติ? คงไม่ใช่ว่าพวกเราจักเดินมาผิดเส้นทางนะ?”

‘อู๋หยาจื่อ’ยังคงมุ่งหน้าไปจัดการกับแมงมุมพิษวารีทมิฬ และเอ่ยถามอย่างเศร้าใจ

“เส้นทางนี้ไม่ผิดแน่ ไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ ไม่ช้าเราก็จะไปถึงที่หมายแล้ว!”

‘เนี่ยลี่’ตอบกลับอย่างสบายใจ อยู่ทางด้านหลัง เพราะถึงอย่างไร พวกแมงมุมพิษวารีทมิฬนี้ก็อยู่ในระดับดาราสวรรค์ พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องไปร่วมสู้ด้วย ‘เนี่ยลี่’ได้นำไข่มุกพิษมรกต ได้มาในบทที่ 223 ออกมา และทำการกระตุ้นพิษจาก ไข่มุกพิษมรกต
ละอองพิษจากแมงมุมพิษวารีทมิฬ ค่อย ๆ ถูกดูดเข้ามายัง ไข่มุกพิษมรกต จนหมดสิ้น

ไข่มุกพิษมรกตได้ส่องประกายเป็นเงามากยิ่งขึ้น

เมื่อเห็นไข่มุกพิษมรกตส่องประกายเช่นนั้น ทำให้ตาของ’เนี่ยลี่’ถึงกับเบิกกว้าง

“ทำไมข้ารู้สึกว่ากำลังกลายเป็น กุลี 苦力:พวกใช้แรงงาน จับกังของเจ้าเลยหล่ะ”

‘อู๋หยาจื่อ’ พูดด้วยใบหน้าที่เหน็ดเหนื่อย

“พวกเราตกลงกันแล้วว่า เมื่อเข้าไปยังห้องโถงใหญ่ของตำหนักซีอิงเสิ่นได้ เราจะแบ่งสมบัติเป็นสามส่วนเท่า ๆกัน ข้าเป็นผู้นำทาง เจ้าคือคนที่คอยปกป้อง เราต่างแบ่งหน้ากันกันแล้วมิใช่เหรือ?”

‘เนี่ยลี่’ตอบกลับไป

‘อู๋หยาจื่อ’คิดว่า ถ้าไม่ได้รับการนำทางจาก’เนี่ยลี่’ เขาก็ไม่อาจจะไปที่ห้องโถงใหญ่ได้ แม้ว่าจักต้องเป็น กุลี เขาก็ต้องยอมรับไปเท่านั้น

“แล้วของที่อยู่ในมือเจ้า มันมีคุณสมบัติเช่นใดกัน?”

‘อู๋หยาจื่อ’อดไม่ได้ที่จะสงสัย ที่เห็นลูกปัดสีเขียวมรกตลอยอยู่ตรงกลางฝ่ามือของ’เนี่ยลี่’ เพราะดูเหมือนว่าจักเป็นของวิเศษล้ำค่าเช่นกัน

“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้!”

‘เนี่ยลี่’ตอบกลับไปอย่างไม่ใยดีนัก

หลังจากได้ยินคำพูดของ’เนี่ยลี่’

‘อู๋หยาจื่อ’ก็อดไม่ได้ที่จะเศร้าใจ ‘เนี่ยลี่’ไม่ยอมที่จะบอกอะไรเลย เพราะถึงอย่างไร พวกเขาก็แค่พบเจอกันครึ่งทาง ต่างฝ่ายต่างใช้ประโยชน์ต่อกัน แน่นอนว่า ‘เนี่ยลี่’จักต้องปฏิเสธที่จะตอบคำถามในเรื่องอื่นที่เป็นความลับ

‘เนี่ยลี่’ยังคงกระตุ้นไข่มุกพิษมรกต ให้ดูดกลืนพิษจากแมงมุมพิษวารีทมิฬ

‘เนี่ยลี่’คิดสิ่งหนึ่งไว้ในใจ เขานำเลือดอสูรของ’อู๋หยาจื่อ’ออกมาเล็กน้อย และเขียนอักษรจารึกลงบนไข่มุกพิษมรกต และนำศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำส่วนหนึ่งออกมา และถ่ายทอดพลังงานสวรรค์เข้าไปยังไข่มุกพิษมรกต

แม้ว่าสมบัติที่ชื่อว่า ไข่มุกพิษมรกตนี้ เมื่อเทียบกับกระบี่เทพอัสนีดาวตก จะนับว่าด้อยกว่ามาก แต่เขาก็ยังสามารถที่จะใช้วิธีพิเศษ
ดึงความสามารถลึกลับของไข่มุกพิษมรกตออกมาได้

หลังจากที่ไข่มุกพิษมรกต ได้ดูดกลืนพิษของแมงมุมพิษวารีทมิฬมาเป็นจำนวนมาก ไข่มุกพิษมรกตก็ปลดปล่อยพลังออกมาอย่างรุนแรง………………

จบตอน

แปลโดย นายมะพร้าว

คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments