ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปกลุ่มคนไปรวมกันตรงที่ห้องโถงด้านข้าง ซึ่งก็มี’หลงเทียนหมิง’และ’หลงลิ่ว’รวมอยู่ด้วย ทุกคนต่างก็จับจ้องและพุ่งไปยังหีบสมบัติที่อยู่ด้านใน
ในตอนนี้ ไม่รู้เลยว่าผู้ใดที่เป็นผู้สัมผัสค่ายกลกับดัก ทำให้ค่ายกลทำงานในทันที ยอดฝีมือหลายสิบคนถูกรัดและเผาไหม้ไปในทันที
แกรก! แกรก! แกรก!
โซ่ที่มาจากอักษรจารึกค่ายกล จำนวนนับไม่ถ้วนในห้องโถงด้านข้างนี้ พุ่งรัดยอดฝีมือที่อยู่ด้านใน
ทันใดนั้นยอดฝีมือกว่าสิบคนก็ถูกโซ่อักษรจารึกรัดเอาไว้
“นายน้อย ระวัง!”
‘หลงลิ่ว’กระโดดเข้าไปขวางด้านหน้าของ’หลงเทียนหมิง’ เขาถูกโซ่จากอักษรจารึกรัดและกระชากไปในทันที
‘หลงเทียนหมิง’มองไปที่’หลงลิ่ว’ แล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้ว เขารีบถอยออกมาในทันที เขาไม่รู้เลยว่า โซ่จากอักษรจารึกลึกลับนี้คือสิ่งใดกัน เข้าไม่กล้าแม้จะไปสัมผัส เขาทำได้แต่มองดู’หลงลิ่ว’ถูกกระชากลอยไป
ถึงอย่างไรก็เป็นแค่การสูญเสียลูกน้องไปคนหนึ่งเท่านั้น และ’หลงลิ่ว’ก็สามารถที่จะคืนชีพได้อีกด้วย
‘หลงเทียนหมิง’กระพริบตา ดูเหมือนว่าการเปิดหีบสมบัติพวกนั้น จักไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว
ในตอนนี้ ที่ด้านนอกของตำหนักซีอิงเสิ่น มีกองกำลังของเผ่าอสูร ที่เต็มไปด้วยยอดฝีมือเผ่าอสูรที่แข็งแกร่ง มีชายหนุ่มผู้หนึ่งสวมใส่ชุดเกราะเพลิงสวรรค์สีชาด 赤焰神:เซี๊ยะเยี่ยนเสิ่น ร่างกายของเขาถูกห่อหุ้มไปด้วยเปลวไฟอันเร่าร้อน ไม่มีผู้ใดที่กล้ายืนอยู่ในระยะสามหมี่ เมตร รอบๆตัวเขา
ผิวกายของเขาเป็นสีแดง คิ้วที่เต็มไปด้วยความหยิ่งยะโสอย่างเห็นได้ชัด พลังงานสวรรค์รอบ ๆ ตัวของเขาแผ่กลิ่นอายกระหายเลือดออกมา กดดันจนทำให้คนที่อยู่ใกล้ ๆ แทบหายใจไม่ออก
“โอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว 离火圣子 พวกเรายังไม่อาจระบุได้ว่าผู้ใดเป็นผู้ทำลายค่ายกลลวงตา แต่ที่ทางเข้าห้องโถงใหญ่ของตำหนักซีอิงเสิ่น มียอดฝีมืออยู่กว่าร้อยคน เรายังไม่อาจที่จะระบุตำแหน่งของ ประตูเซิงเหมิน ประตูแห่งชีวิต ได้ขอรับ ”
เผ่าอสูรที่สวมชุดเกราะสีเงินและดูแล้วแข็งแกร่งยิ่งนักเป็นผู้รายงานสถานการณ์
“ผู้ที่สามารถทำลายค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบได้ จักต้องมิใช่คนธรรมดาเป็นแน่ แจ้งข่าวไปให้กองกำลังรับทราบ ล้อมตำหนักซีอิงเสิ่นเอาไว้ ดำเนินการให้เสร็จสิ้นในครึ่งชั่วยาม ห้ามมิให้ผู้ใดออกจากตำหนักซิอิงเสิ่นไปได้ ถ้ามีผู้ใดขัดขืน สังหารมันซะ!”
‘โอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว’ออกคำสั่ง
“ขอรับ!”
“พวกที่เหลือ ตามข้าเข้าไปในตำหนักซีอิงเสิ่น!”
‘โอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว’นำกองกำลังเข้าไปยังด้านในตำหนักซีอิงเสิ่น
กลับมาทางห้องโถงด้านข้าง เหล่ายอดฝีมือยังคงต่อสู้แย่งชิงสมบัติกัน เหล่ายอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ของสำนักเทพอัคคี คว้าสมบัติได้หลายชิ้น และเริ่มถูกไล่ล่า เขารีบหนีออกไปทางด้านนอก
‘หลีหั่ว’พ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็พ่นเปลวไฟมังกรอย่างรุนแรงเพื่อเปิดทางด้านหน้า
ชายที่หลบหนีออกมา ถูกกลืนกินไปด้วยเปลวไฟมังกรทันที และไม่อาจที่จะหลบหนีไปได้
‘หลีหั่ว’ พูดขึ้นมาว่า
“ด้วยฝีมือเพียงเท่านี้ คิดจะมาแย่งชิงสมบัติเช่นนั้นเหรอ”
เขายืนมือขวาไปทางด้านหน้า
ยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์รับรู้ได้ถึงแรงกดดันจนแทบจะกระอักเลือดออกมา เขาต้องการที่จะหลบออกไปจากเปลวไฟมังกรนี้ แต่ก็เหมือนกับว่าเขาถูกจับมัดเอาไว้ ในตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าเข็มนับสิบล้านเล่ม ทิ่มแทงใส่ร่างกายของเขา
ฟุ่บบ!
ตูมม!
ร่างกายของยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ระเบิดออกในทันที
แหวนห้วงมิติสำหรับเก็บของลอยไปยังโอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว
เหล่ายอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์หลายสิบคนที่ตามมา เมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็ถึงกับขมวดคิ้ว
“บ้าเอ๊ย! ทำไมโอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว ถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้?”
เมื่อได้เห็น’โอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว’ ความคิดที่จะต่อสู้เพื่อแย่งชิงสมบัติของพวกเขาก็หายไปทันที การที่คิดจะแย่งอะไรบางอย่างจากโอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว ก็แค่เป็นการแสวงหาความตายดี ๆนี่เอง!
‘โอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว’กวาดตามองดูคนพวกนั้น และพูดขึ้นมาว่า
“สังหารคนที่มาจากหกสำนักใหญ่ให้หมด สำหรับพวกที่มาจากนิกายเทพอสูร ตรวจสอบแหวนห้วงมิติสำหรับเก็บของ ของพวกเขา ถ้าหากว่ามีพวกที่พยายามซ่อนสมบัติ ก็จงสังหารพวกมันซะ”
“ขอรับ!”
เหล่ายอดฝีมือที่อยู่ด้านหลัง’โอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว’ตอบรับคำสั่งพร้อมกัน
ฟุ่บบ!
ฟุ่บบ! ฟุ่บบ!
เหล่ายอดฝีมือจากเผ่าอสูรมุ่งหน้าไปยังห้องโถงด้านข้าง
หลังจากที่’โอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว’สั่งให้กองกำลังของเขา เข้าร่วมการต่อสู้ การต่อสู้ก็ยิ่งเร่าร้อนขึ้น
‘โอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว’มองไปที่ห้องโถงใหญ่และ พูดขึ้นมาว่า
“เหล่ายอดฝีมือด้านค่ายกลของเรามาถึงหรือยัง?”
“ท่านโอรสศักดิ์สิทธิ์ พวกเขากำลังมาขอรับ!”
ลูกน้องคนหนึ่งรายงานอย่างสุภาพ
“เมื่อพวกเขามาถึง ให้พวกเขาไปตรวจสอบหาประตูเซิงเหมินของตำหนักซีอิงเสิ่นให้เจอ”
‘โอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว’ จับจ้องไปด้านหน้า มองผ่านความร้อนแรงที่กำลังลุกไหม้อยู่
“ขอรับ!”
ลูกน้องของเขาตอบรับทันที
ห่างออกไปราวห้าสิบหมี่ เมตร มีคนจากสำนัก เทพอัคคี หลายพันคนรวมตัวอยู่
*หมายเหตุ ในตอนแรก ชื่อสำนักมีแค่คำว่า 火 หั่วที่แปลว่าไฟ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่กลายเป็นชื่อ 火神 หั่วเสิ่น ดังนั้นจึงขอเปลี่ยนแปลงชื่อสำนักอีกครั้งนะครับ
“ศิษย์พี่เหยียนหยาง ข้าได้ข่าวมาว่าโอรสศักดิ์สิทธ์หลีหั่ว นำกองกำลังเข้าไปยังตำหนักซีอิงเสิ่นแล้ว ”
‘เหยียนหยาง’ขมวดคิ้วและพูดออกไปว่า
“ใช้เทคนิค เทพเคลื่อนย้าย มุ่งหน้าไปยังตำหนักซีอิงเสิ่นโดยเร็ว”
นอกเหนือจากนิกายเทพอสูรและ สำนักเทพอัคคีแล้ว ยังมีกองกำลังอีกหลายกลุ่มมุ่งหน้าไปยังตำหนักซีอิงเสิ่น
ในเส้นทางลับ สำหรับมุ่งหน้าไปยังห้องโถงใหญ่
‘เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’เดินคู่กันไปอย่างช้าๆ ส่วน’หยาจื่อ’นั้นเดินกวัดแกร่งกระบี่ที่เต็มไปด้วยเลือด
ในเส้นทางลับนี้เต็มไปด้วย แมงมุมพิษวารีทมิฬ โดยทั่วไปพวกมันจะมีความแข็งแกร่งในระดับดาราสวรรค์ และ บางส่วนที่มีฝีมือระดับแก่นแท้สวรรค์ แต่ด้วยจำนวนที่มากนัก ทำให้’อู๋หย๋าจื่อ’ถึงกับเหน็ดเหนื่อย
แต่ที่ด้านหน้าของพวกเขาก็ยังคงมีแมงมุมพิษวารีทมิฬขวางอยู่อีกเป็นจำนวนมาก ไม่รู้ว่าอีกไกลแค่ไหนจึงจะไปจนถึงจุดสิ้นสุดของเส้นทางลับนี้
“เนี่ยลี่ เจ้าแน่ใจหรือว่าพวกเราเส้นทางนี้มิได้มีสิ่งใดผิดปกติ? คงไม่ใช่ว่าพวกเราจักเดินมาผิดเส้นทางนะ?”
‘อู๋หยาจื่อ’ยังคงมุ่งหน้าไปจัดการกับแมงมุมพิษวารีทมิฬ และเอ่ยถามอย่างเศร้าใจ
“เส้นทางนี้ไม่ผิดแน่ ไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ ไม่ช้าเราก็จะไปถึงที่หมายแล้ว!”
‘เนี่ยลี่’ตอบกลับอย่างสบายใจ อยู่ทางด้านหลัง เพราะถึงอย่างไร พวกแมงมุมพิษวารีทมิฬนี้ก็อยู่ในระดับดาราสวรรค์ พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องไปร่วมสู้ด้วย ‘เนี่ยลี่’ได้นำไข่มุกพิษมรกต ได้มาในบทที่ 223 ออกมา และทำการกระตุ้นพิษจาก ไข่มุกพิษมรกต
ละอองพิษจากแมงมุมพิษวารีทมิฬ ค่อย ๆ ถูกดูดเข้ามายัง ไข่มุกพิษมรกต จนหมดสิ้นไข่มุกพิษมรกตได้ส่องประกายเป็นเงามากยิ่งขึ้น
เมื่อเห็นไข่มุกพิษมรกตส่องประกายเช่นนั้น ทำให้ตาของ’เนี่ยลี่’ถึงกับเบิกกว้าง
“ทำไมข้ารู้สึกว่ากำลังกลายเป็น กุลี 苦力:พวกใช้แรงงาน จับกังของเจ้าเลยหล่ะ”
‘อู๋หยาจื่อ’ พูดด้วยใบหน้าที่เหน็ดเหนื่อย
“พวกเราตกลงกันแล้วว่า เมื่อเข้าไปยังห้องโถงใหญ่ของตำหนักซีอิงเสิ่นได้ เราจะแบ่งสมบัติเป็นสามส่วนเท่า ๆกัน ข้าเป็นผู้นำทาง เจ้าคือคนที่คอยปกป้อง เราต่างแบ่งหน้ากันกันแล้วมิใช่เหรือ?”
‘เนี่ยลี่’ตอบกลับไป
‘อู๋หยาจื่อ’คิดว่า ถ้าไม่ได้รับการนำทางจาก’เนี่ยลี่’ เขาก็ไม่อาจจะไปที่ห้องโถงใหญ่ได้ แม้ว่าจักต้องเป็น กุลี เขาก็ต้องยอมรับไปเท่านั้น
“แล้วของที่อยู่ในมือเจ้า มันมีคุณสมบัติเช่นใดกัน?”
‘อู๋หยาจื่อ’อดไม่ได้ที่จะสงสัย ที่เห็นลูกปัดสีเขียวมรกตลอยอยู่ตรงกลางฝ่ามือของ’เนี่ยลี่’ เพราะดูเหมือนว่าจักเป็นของวิเศษล้ำค่าเช่นกัน
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้!”
‘เนี่ยลี่’ตอบกลับไปอย่างไม่ใยดีนัก
หลังจากได้ยินคำพูดของ’เนี่ยลี่’
‘อู๋หยาจื่อ’ก็อดไม่ได้ที่จะเศร้าใจ ‘เนี่ยลี่’ไม่ยอมที่จะบอกอะไรเลย เพราะถึงอย่างไร พวกเขาก็แค่พบเจอกันครึ่งทาง ต่างฝ่ายต่างใช้ประโยชน์ต่อกัน แน่นอนว่า ‘เนี่ยลี่’จักต้องปฏิเสธที่จะตอบคำถามในเรื่องอื่นที่เป็นความลับ
‘เนี่ยลี่’ยังคงกระตุ้นไข่มุกพิษมรกต ให้ดูดกลืนพิษจากแมงมุมพิษวารีทมิฬ
‘เนี่ยลี่’คิดสิ่งหนึ่งไว้ในใจ เขานำเลือดอสูรของ’อู๋หยาจื่อ’ออกมาเล็กน้อย และเขียนอักษรจารึกลงบนไข่มุกพิษมรกต และนำศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำส่วนหนึ่งออกมา และถ่ายทอดพลังงานสวรรค์เข้าไปยังไข่มุกพิษมรกต
แม้ว่าสมบัติที่ชื่อว่า ไข่มุกพิษมรกตนี้ เมื่อเทียบกับกระบี่เทพอัสนีดาวตก จะนับว่าด้อยกว่ามาก แต่เขาก็ยังสามารถที่จะใช้วิธีพิเศษ
ดึงความสามารถลึกลับของไข่มุกพิษมรกตออกมาได้หลังจากที่ไข่มุกพิษมรกต ได้ดูดกลืนพิษของแมงมุมพิษวารีทมิฬมาเป็นจำนวนมาก ไข่มุกพิษมรกตก็ปลดปล่อยพลังออกมาอย่างรุนแรง………………
จบตอน
แปลโดย นายมะพร้าว
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: