I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 392 再遇妖主 เผชิญหน้ากับจอมมารอีกครั้ง

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

‘เนี่ยลี่’จับจ้องไปที่แผ่นกำแพงวิญญาณที่ว่างเปล่า ราวกับมีอักษรอาคมลอยเข้ามาที่ดวงตาของเขา มันคือเทคนิคการบ่มเพาะพลัง เทพสื่อวิญญาณ 灵语神 เทคนิคการบ่มเพาะพลังเทพสื่อวิญญาณถูกคิดค้นขึ้นมาจากยอดฝีมือขั้นสุงสุด และสามารถทำให้ผู้ที่ฝึกฝนมีอำนาจราวกับเป็นพระเจ้า

เทคนิคการบ่มเพาะพลังเทพสื่อวิญญาณ นี้ เป็นเทคนิคการบ่มเพาะพลังที่อยู่ในระดับเดียวกับ เทคนิคการบ่มเพาะพลัง เทพวิถีฟ้า

อาจเป็นไปได้ว่าเจ้าของตำหนักซีอิงเสิ่นนี้ อาจจะเป็น ผู้คิดค้นเทคนิคการบ่มเพาะพลังเทพสื่อวิญญาณ ขึ้นมา ปรมาจารย์เต๋าฉาง 道藏 ‘ปรมาจารย์เต๋าฉาง’เป็นผู้ที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

เขาคือปริศนาอันยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์มนุษย์ ไม่มีผู้ใดรู้ถึงวิถีชีวิตของปรมาจารย์เต๋าฉาง ที่รับรู้มาก็เพียงแค่ปรมาจารย์เต๋าฉางได้ต่อสู้กับจักรพรรดิปราชญ์ แม้ว่าไม่อาจที่จะเอาชนะได้ แต่ก็หนีรอดกลับมาได้ ต่อมาเขาได้คิดค้นวิธีในการ ผนึกพลังของจักรพรรดิปราชญ์ เอาไว้ด้วยกระดูกมนตรา จากนั้น’ปรมาจารย์เต๋าฉาง’ก็หายสาปสูญไป

หรือว่าตำหนักซีอิงเสิ่นนี้ จักเป็นสุสานของ’ปรมาจารย์เต๋าฉาง’ ก็เป็นได้

เทคนิคการบ่มเพาะพลัง เทพสื่อวิญญาณ เป็นเทคนิคที่ฝึกฝนได้ยากยิ่งนัก ผู้ที่ฝึกฝนมีจักต้องมีจิตใจที่บริสุทธิ์ จึงจักสามารถฝึกฝนได้อย่างถ่องแท้

แม้ว่า’เนี่ยลี่’จักมีประสพการณ์ถึงสองชีวิต แต่’เนี่ยลี่’ก็ยังเป็นมนุษย์ธรรมดาที่มี รัก โลภ โกรธ หลง  การที่จะฝึกฝนเทคนิคการบ่มเพาะพลัง เทพสื่อวิญญาณ จึงเป็นเรื่องที่ยากไม่น้อย

‘เนี่ยลี่’นั่งอยู่อย่างเงียบ ๆ ด้านหน้าแผ่นกำแพงวิญญาณที่ว่างเปล่า เขาพยายามที่จะจับจ้อง และทำความเข้าใจกับความลับ ของตัวอักษร คำจารึก ที่อยู่ในแผ่นกำแพงวิญญาณที่ว่างเปล่า

ในขณะที่’เนี่ยลี่’และคนอื่น ๆ นั่งเงียบและตรึกตรองกับแผ่นกำแพงที่อยู่ตรงหน้า ก็มีชายหนุ่มหน้าตาซีดขาวผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น ไม่รู้ว่าเขานั้นเดินมาจากที่ใด

เมื่อได้เห็นชายหนุ่มผู้นี้ ‘เนี่ยลี่’หลี่ตาลงเล็กน้อย ทำให้รับรู้ได้ถึงจิตสังหาร ผ่านทางดวงตาอันเย็นชาคู่นั้น

เจ้านั่นคือ ‘จอมมาร’!

เขาไม่คิดเลยว่าจักได้เจอกับ’จอมมาร’ในที่แห่งนี้ ‘จอมมาร’ไม่ได้ผ่านเข้ามาทางประตูเซิงเหมิน เขามาจากทางไหนกันแน่ ถึงเข้ามายังตำหนักซีอิงเสิ่นได้

‘จอมมาร’มองเห็นคนที่นั่งอยู่  แต่เขาก็หาได้สนใจไม่ เขาจ้องมองไปที่แผ่นกำแพงวิญญาณที่ว่างเปล่า ‘เนี่ยลี่’ในตอนนี้นั้นดูเหมือนพวกเผ่าอสูร นั่งอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น ‘จอมมาร’จึงไม่อาจที่จะรู้ได้ว่าคนผู้นี้คือ’เนี่ยลี่’

‘จอมมาร’นั่งลงอยู่ห่างจาก’เนี่ยลี่’หลาย สิบหมี่ มีลมปราณลึกลับโคจรรอบ ๆ ร่างของเขา

‘เนี่ยลี่’สามารถระบุได้จากลมปราณที่แผ่ออกมานี้ ‘จอมมาร’น่าจะบรรลุระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่แปด แต่ทั่วร่างของจอมมารนั้น มีลมปราณที่ลึกลับอยู่ ทำให้’เนี่ยลี่’รู้สึกขนลุกเล็กน้อย

เนื่องจากในขอบเขตวิญญาณของ’เนี่ยลี่’นั้นมีเถาวัลย์ลึกลับอยู่ การบ่มเพาะพลังของเขาจึงก้าวหน้าได้ไม่รวดเร็วนัก ถ้าหากไม่ได้พลังจากการสังเวยเลือดอสูร เขาก็จะยังอยู่แค่เพียงระดับชะตาสวรรค์ขั้นห้าชะตาเท่านั้น แต่จอมมารที่มีร่างกายอันทรงพลังที่สุด ทำให้สามารถบ่มเพาะพลังได้อย่างรวดเร็วอย่างก้าวกระโดด

พอคิดถึงตอนที่’เอียเซิ่ง’ถูกสังหารด้วยน้ำมือของจอมมาร ใจของ’เนี่ยลี่’นั้นเต็มไปด้วยความกระหายที่จะฆ่า ถ้าหากไม่มีผู้อื่นอยู่ที่นี่ ‘เนี่ยลี่’คงจะยื่นมือไปสังหาร’จอมมาร’แล้ว

แม้ว่าจะมีลมปราณลึกลับโคจรอยู่รอบกายเขา ‘เนี่ยลี่’ก็หาได้เกรงกลัวไม่ ถ้าก่อเรื่องทำให้ยอดฝีมือคนอื่นรำคาญ อาจจะโดนสังหารได้ อย่าลืมว่าคนอื่น ๆ ที่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า ดาราสวรรค์

ถ้าหากเขาสังหาร’จอมมาร’ในตอนนี้ อย่างมากก็แค่ทำให้ ระดับของการบ่มเพาะพลังของจอมมารลดลงแค่หนึ่งระดับเท่านั้น

ในตอนนี้’จอมมาร’หาได้สนใจสิ่งใด เขาแค่เพียงนั่งจับจ้องแผ่นกำแพงวิญญาณที่ว่างเปล่าอย่างเงียบ ๆ

‘เซี่ยวหยู่’นั้นเคยพบกับ’จอมมาร’มาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนที่ยังอยู่ที่โลกใบเล็ก เมื่อนางได้เจอ’จอมมาร’อีกครั้ง นางก็รับรู้ได้ถึงความเกลียดชังที่มีระหว่าง’เนี่ยลี่’กับ’จอมมาร’ นางอดไม่ได้ที่จะมองไปที่’เนี่ยลี่ด้’วยความกังวล นางรู้สึกได้เลยว่า ‘จอมมาร’ผู้นี้เป็นคนที่อันตรายยิ่งนัก

“ข้าไม่คิดเลยว่าจักมีผู้คนมากมายมาอยู่ที่นี่ แต่พวกเจ้ากลับหยุดแค่ตรงนี้ ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะมิได้มีชะตาต้องกันกับสมบัติของปรมาจารย์เต๋าฉางสินะ”

‘จอมมาร’มองผู้อื่นด้วยความดูถูก เขาลุกขึ้นยืนและเดินไปยังแผ่นกำแพงวิญญาณที่ว่างเปล่า

ในตอนนี้สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่’จอมมาร’

“มีคนบางคนที่คิดจะทำลายค่ายกลอักษรจารึกลึกลับบนแผ่นกำแพงหยกแก้ว”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ช่างอวดดียิ่งนัก การที่จะทำลายค่ายกลอักษรจารึกลึกลับบนแผ่นกำแพงหยกแก้วนี้มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”

“อีกสักพักเขาก็จักเป็นเหมือนนกที่ถูกทำร้ายแล้วก็คลานกลับมา”

ก่อนหน้านี้ก็มีคนที่คิดจะทำลายค่ายกลอักษรจารึกลึกลับบนแผ่นกำแพงวิญญาณที่ว่างเปล่า แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวกันทุกคนจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจักคิดว่าจอมมารก็ต้องไม่อาจที่จะทำได้เช่นกัน

‘เนี่ยลี่’จับจ้องไปที่’จอมมาร’ เขารับรู้ได้ว่า ‘จอมมาร’ที่เขาเผชิญหน้าเมื่อก่อนหน้านี้ กับ’จอมมาร’ที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ มีอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย แต่สิ่งนั้นคืออะไร เขาก็ไม่สามารถที่จะบอกได้เช่นกัน

‘จอมมาร’ยื่นมือขวาไปยังด้านหน้าแผ่นกำแพงหยกแก้ว และวางทาบลงไปบนผิวหน้าของแผ่นกำแพงหยกแก้ว ทันใดนั้นก็มีร่องรอยของแสงลึกลับ ที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ตรงฝ่ามือของ’จอมมาร’ และกระจายออกไปบริเวณใกล้เคียง

แผ่นกำแพงหยกแก้วเปร่งแสงออกมาจนสว่างไปทั่ว ทำให้ทุกคนถึงกับต้องยกมือขึ้นมาปิดไว้

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

‘เจิ่นหยวน’พูดขึ้นมาด้วยความตกใจ

‘อู๋หยาจื่อ’ก็รู้สึกตกใจเล่นกัน ชายผู้นั้นทำอะไรลงไปกันแน่?

‘เนี่ยลี่’เองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน เขารีบตะโกนออกไปว่า

“หยุดเขาเอาไว้!”

หลังจากได้ยินคำพูดของ’เนี่ยลี่’ ยอดฝีมือเผ่าอสูรสองตนก็รีบลุกขึ้นและพุ่งไปยัง’จอมมาร’ทันที

แต่ทว่า ร่างกายของ’จอมมาร’ก็กลายเป็นแค่ภาพอันเลือนลางและหายเข้าไปในแผ่นกำแพงหยกแก้วอย่างรวดเร็ว ราวกับหยดน้ำที่ร่วงหล่นลงไปในทะเลสาบ

ยอดฝีมือเผ่าอสูรทั้งสองตนพุ่งเข้าหาความว่างเปล่า พวกเขาพยายามจ้องมองแผ่นกำแพงหยกแก้วด้วยความประหลาดใจ

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

“เจ้าคนที่อยู่ตรงนี้หายไปไหนกัน?”

“เขาเข้าไปด้านในแผ่นกำแพงหยกแก้วได้!”

เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า เหล่ายอดฝีมือที่นั่งอยู่ก็รู้สึกทั้งโกรธและเศร้าใจยิ่งนัก พวกเขานั้นพยายามที่จะศึกษา แผ่นกำแพงหยกแก้ว นี้มาเป็นเวลาเนิ่นนาน

แต่ก็ไม่อาจที่จะรู้วิธีเข้าไปในแผ่นกำแพงหยกแก้วนี้ได้ แต่ชายผู้นั้นโผล่ไม่ถึงชั่วเวลาหนึ่งก้านธูป กลับสามารถที่จะแยกแยะและปรับเปลี่ยน ค่ายกลอักษรจารึกลึบลับและเข้าไปในแผ่นกำแพงหยกแก้วได้ในคราเดียว

‘เนี่ยลี่’กำหมัดจนแน่น เขาไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่า ‘จอมมาร’เข้ามายังห้องโถงใหญ่นี้ได้อย่างไร และใช้วิธีไหนในการเข้าไปในแผ่นกำแพงหยกแก้วนั่น

จากการคำนวนของเขา เหล่ายอดฝีมือที่อยู่ด้านนอกตำหนักซีอิงเสิ่น ก็น่าจะยังไม่อาจเข้ามาถึงห้องโถงด้านในนี้ได้

เว้นแต่ว่า ตั้งแต่ก่อนที่’เนี่ยลี่’จักทำลายค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบไป ‘จอมมาร’ก็ได้อยู่ในห้องโถงใหญ่ของตำหนักซีอิงเสิ่นแล้ว

ดูเหมือนว่าเขาจักประเมินจอมมารต่ำเกินไป

เมื่อได้เห็น’จอมมาร’หายเข้าไปด้านใน แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกเศร้าใจแต่ก็กลับมานั่งเช่นเดิม และทำการไตร่ตรองแผ่นกำแพงหยกแก้วเช่นเดิม

‘เนี่ยลี่’ก็ยังคงจ้องมองไปที่แผ่นกำแพงหยกแก้ว และพยายามที่จะไขปริศนา รูปแบบค่ายกลจารึกอักษรที่อยู่บน แผ่นกำแพงหยกแก้วนี้ น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เขานั้นพยายามอย่างถึงที่สุด และในที่สุดเขาก็สามารถเข้าใจถึงรูปแบบค่ายกลจารึกอักษร และหาทางเข้าไปได้

‘เนี่ยลี่’ส่งเสียงของเขาไปที่เซี่ยวหยู่อย่างแผ่วเบาว่า

“เจ้าจงไตร่ตรองแผ่นกำแพงหยกแก้วนี้ต่อไป และจำไว้ว่า ถ้าหากว่าข้ายังไม่กลับมา อย่าออกห่างจากแผ่นกำแพงหยกแก้วนี้ มันอันตรายเกินไป!”

“ได้!”

‘เซี่ยวหยู่’ตอบกลับไป นางสับสนอยู่เล็กน้อย หรือว่า ‘เนี่ยลี่’จักหาหนทางเข้าไปด้านในได้แล้ว?

‘เนี่ยลี่’เดินออกไปด้านหน้าและไปยืนใกล้ ๆ กับแผ่นกำแพงหยกแก้ว

“มีคนที่พยายามจะทำลายรูปแบบค่ายกลจารึกอักษรบนแผ่นกำแพงหยกแก้วอีกแล้ว!”

“การที่จักทำลายรูปแบบค่ายกลจารึกอักษรบนแผ่นกำแพงหยกแก้วมีเพียงแค่ผู้มีพรสวรรค์หนึ่งในล้านคนเท่านั้น ซึ่งนับพันปีจะปรากฏขึ้นมาสักคนหนึ่ง จะปรากฏขึ้นมาพร้อมกันถึงสองคนได้เช่นใด?”

ทุกคนต่างพิจารณาดู’เนี่ยลี่’ โดยมีผู้หนึ่งที่อยู่ใกล้กับ’เนี่ยลี่’ เขาจับจ้องแทบตาไม่กระพริบ ในตอนที่จอมมารเข้าไปนั้น มันรวดเร็วเกินไป พวกเขาจึงไม่มีเวลาที่จะหยุดได้ทัน

แต่ถ้าหาก’เนี่ยลี่’สามารถเปิดประตูของแผ่นกำแพงหยกแก้วได้ พวกเขาจักไม่มีทางปล่อยให้’เนี่ยลี่’เข้าไปได้เป็นแน่

‘เนี่ยลี่’เคาะลงบนแผ่นกำแพงหยกแก้ว

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

มีเสียงสะท้อนออกมาจากแผ่นกำแพงหยกแก้ว

แม้แต่เหล่ายอดฝีมือก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ ท่าทางที่’เนี่ยลี่’ทำ ไม่เหมือนกับว่าเป็นผู้ที่จักสามารถเข้าไปในแผ่นกำแพงหยกแก้วได้เลย…………..

จบตอน

แปลโดย นายมะพร้าว

คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments