ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปภายในตำหนักซีอิงเสิ่น ห้องโถงใหญ่
มีพรมสีแดงปูยาวตรงไปที่ห้องโถงใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ห้อมล้อมไปด้วยเสาที่สูงตระหง่าน ภายในบริเวณนี้ก็ไม่อาจที่จะรวบรวมพลังจากขอบเขตพลังได้ ในส่วนของลมปราณนั้นก็ราวกับว่าถูกแช่แข็งอยู่
‘เนี่ยลี่’มองไปทางด้านหน้า ตรงหน้าของห้องโถงใหญ่มีรูปปั้นสูงใหญ่ราวห้าสิบหกหมี่ เป็นรูปปั้นของชายชรามีหนวดเคราสีขาว นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่รูปปั้น แต่ก็ดูราวกับว่าเป็นคนที่มีชีวิตจริง ๆ
รูปปั้นดังกล่าว ดูแล้วช่างดูยิ่งใหญ่และมี เกียรติยิ่งนัก เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเคารพและบูชาขึ้นมาในจิตใจหรือว่านี่จะเป็น ‘ปรมาจารย์เต๋าฉาง’ ตามตำนานที่เล่าขานมา
‘จอมมาร’ยืนอยู่ห่างจากรูปปั้น’ปรมาจารย์เต๋าฉาง’ เพียงแค่ไม่กี่สิบหมี่ เขาเงยหน้ามองรูปปั้นของ’ปรมาจารย์เต๋าฉาง’อย่างเงียบๆ
‘เนี่ยลี่’มองดู’จอมมาร’จากทางด้านหลัง ดวงตาของเขาแสดงให้เห็นจิตสังหารอย่างชัดเจน แต่ที่แห่งนี้มิใช้สถานที่ ที่จะต่อสู้กันได้
ดูเหมือนว่า’ปรมาจารย์เต๋าฉาง’ จักซุกซ่อนสมบัติที่แท้จริงเอาไว้ในห้องโถงใหญ่แห่งนี้ แต่ไม่ว่าของสิ่งนั้นจะเป็นอะไร เขาไม่มีทางที่จักยอมให้’จอมมาร’ได้รับไปเป็นแน่!
‘จอมมาร’รับรู้ถึงการมาถึงของ’เนี่ยลี่’ และหันกลับมามอง พวกเขาสบตากันครู่หนึ่ง จากนั้น’จอมมาร’ก็หันหลังกลับไปเช่นเดิม โดยที่หาได้ให้ความสนใจกับ’เนี่ยลี่’อีกไม่
เดิมทีลมปราณของ’จอมมาร’นั้น แหลมคมราวกับกระบี่ และในตอนนี้ราวกับว่าถูกเก็บไว้ในฝัก แต่’เนี่ยลี่’รับรู้ได้เลยว่า ‘จอมมาร’นั้นอันตรายยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เป็นแน่
หลังจากที่’จอมมาร’เข้ามายังอาณาจักรซากมังกร เขาไม่รู้ว่า’จอมมาร’นั้นได้เรียนรู้สิ่งใดมาบ้าง ‘เนี่ยลี่’จึงระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้น ก็มีคลื่นพลังที่ยิ่งใหญ่ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ราวกับท่วมท้นลงมาจากสวรรค์ ‘เนี่ยลี่’รู้สึกราวกับว่าตนเองนั้นจมสู่ห้วงทะเลลึก และพร้อมที่จะตายได้ทุกขณะ
‘เนี่ยลี่’รู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังจะถูกบดขยี้เป็นชิ้น ๆ ‘เนี่ยลี่’จึงพยายามรวบรวมพลังจากจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ เพื่อรับมือกับคลื่นลมปราณนี้
“อืมม?”
มีเสียงที่ก้องกังวลามาจากทางด้านในสุดของห้องโถงใหญ่ น้ำเสียงนั้นแสดงให้เห็นถึงความประหลาดใจไม่น้อย
“ข้านั้นเฝ้ารอมานับพันหมื่นปี สิบล้านปี ที่ผ่านมาก็มักจะมีเพียงแค่คนจากเผ่าอสูร จนในที่สุดก็มีมนุษย์สองคนเช่นเจ้าเข้ามายังที่แห่งนี้ได้ เจ้าทั้งสองยินดีที่จะรับมอบมรดกที่ข้าเหลือทิ้งไว้ และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับมนุษย์หรือไม่?”
เสียงดังกล่าว ราวกับว่าเป็นการชะล้างบาป จิตใจอันชั่วร้ายของพวกเขารู้สึกเรากับถูกชะล้างไปด้วย
“มนุษย์เช่นนั้นเหรอ?”
‘จอมมาร’ชำเลืองมองที่’เนี่ยลี่’ที่ยืนห่างออกไป เห็นได้ชัดว่ารูปลักษ์ของ’เนี่ยลี่’นั้นเป็นอสูร
แม้ว่า’เนี่ยลี่’จะใช้พลังจากการสังเวยเลือดอสูร และ แปลงรูปลักษณ์อยู่ แต่ก็ไม่อาจที่จะปกปิดเสียงที่ทรงอำนาจนี้ได้ และสามารถมองเห็นร่างที่แท้จริงของ’เนี่ยลี่’ได้อย่างง่ายดาย
“ข้ายินดีที่จะใช้มันเพื่อประโยชน์ของชาวมนุษย์!”
‘จอมมาร’ตอบพร้อมกับพยักหน้า อย่างไม่ค่อยสนใจใยดีนัก
ถ้าหาก’จอมมาร’ได้รับมอบมรดกของ’ปรมาจารย์เต๋าฉาง’ หลังจากนี้จะไม่เกิิดความวุ่นวายขึ้นเช่นนั้นเหรอ? ‘เนี่ยลี่’เงยหน้าขึ้นและพูดออกไปตรงหน้าที่ว่างเปล่า และพูดขึ้นมาว่า
“ข้ายินดีที่ี่จะใช้มันเพื่อประโยชน์ของชาวมนุษย์แต่…..”
‘เนี่ยลี่’ชี้ไปที่จอมมารที่ยืนอยู่ทางด้านหน้า และพูดต่อว่า
“ข้าไม่คิดว่าเขาจะยินดีที่จะใช้มันเพื่อประโยชน์ของชาวมนุษย์ ข้าหวังว่าท่านปรมาจารย์จักเห็นความจริงที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ได้”
หลังจากได้ยินคำพูดของ’เนี่ยลี่’
‘จอมมาร’ถึงกับขมวดคิ้ว ดวงตาอันเย็นชาจับจ้องไปที่’เนี่ยลี่’ เขาเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่า เขาไปทำอะไรให้’เนี่ยลี่’ต้องแค้นเคือง
“ทุกสรรพสิ่งในโลก ล้วนมีต้นสายปลายเหตุ เช่นเดียวกันกับที่พวกเจ้า เข้ามายังตำหนักซีอิงเสิ่นนี้ได้ ก็เพราะมีชะตาต้องกันกับข้า ความดีและความชั่วบนโลกใบนี้ ไม่อาจที่จะมองผ่านแล้วชี้วัดสิ่งใดได้”
เสียงของ’ปรมาจารย์เต๋าฉาง’ เอื้อนเอ่ยอย่างช้า ๆ แต่ก้องกังวาล จนสามารถทะลุผ่านไปถึงหัวใจของพวกเขาได้
‘เนี่ยลี่’ถึงกับขมวดคิ้ว ด้วยพลังของ’ปรมาจารย์เต๋าฉาง’ น่าจะมองเห็นการใช้เทคนิคย้ายวิญญาณของจอมมาร และการที่เขานั้นได้สังหารผู้คนเป็นจำนวนมาก เขาก็เป็นคนที่ชั่วช้าอย่างเห็นได้ชัด แต่เหตุใด’ปรมาจารย์เต๋าฉาง’จึงยินดีที่จะรับจอมมารเป็นศิษย์อีกเช่นนั้นหรือ?
“ถ้าหากเจ้ากลายเป็นศิษย์ของข้า เจ้าก็จักได้รับ ประกาศิตลับแห่งเต๋าฉาง ซึ่งจักทำให้เจ้าสามารถที่จะออกคำสั่งกับเหล่าลูกศิษย์แห่งเต๋าฉางได้ และเจ้าจักต้องเลือกชีวิตของเจ้าต่อไปจากนี้ ด้วยความแข็งแกร่งที่จักได้รับ เจ้าจักสามารถที่จะทำลายหกสำนักใหญ่ได้อย่างง่ายดาย แม้แต่เหล่าผู้นำของหกสำนักใหญ่ก็ไม่อาจที่จะต่อต้านเจ้าได้ ถ้าหากว่าเจ้าทั้งสองรู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่จักได้รับ ก็จงรีบถอยหนีไปให้เร็วที่สุด”
‘ปรมาจารย์เต๋าฉาง’อธิบายอย่างช้า ๆ
“ข้ายินดีที่จักรับมัน!”
‘จอมมาร’ตอบอย่างใจเย็น โดยที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อย
‘เนี่ยลี่’ถึงกับขมวดคิ้ว นับตั้งแต่ที่เขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง ‘เนี่ยลี่’ได้เพิ่มความสามารถของตัวเอง ด้วยการใช้เทคนิคการบ่มเพาะพลัง เทพวิถีฟ้า จิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ ซึ่งจักทำให้เขาบรรลุขั้นสูงสุด จนกระทั่งสามารถท้าทายอำนาจของจักรพรรดิปราชญ์ได้ แต่จนกว่าจักถึงตอนนั้น เขาจะให้จักรพรรดิปราชญ์รับรู้ของการคงอยู่ของตัวเขาไม่ได้
ถ้าหาก’เนี่ยลี่’กลายเป็นผู้สืบทอดประกาศิตลับแห่งเต๋าฉาง อาจจะทำให้ถูกรับรู้ได้ การที่คิดจะท้าทาย’จักรพรรดิปราชญ์’ในตอนนี้
ก็เป็นแค่การแสวงหาความตายเท่านั้น!แม้แต่’ปรมาจารย์เต๋าฉาง’ในช่วงเวลาที่แข็งแกร่งที่สุด ก็ยังไม่อาจที่จะรับมือ’จักรพรรดิปราชญ์’ได้เลย
“ข้าขออภัยด้วยท่านปรมาจารย์เต๋าฉาง ข้าไม่อาจที่จะเป็นศิษย์ของท่านได้”
‘เนี่ยลี่’ประสานมือเคารพก่อนที่จะพูดออกไป
“โอ้?”
‘ปรมาจารย์เต๋าฉาง’พูดขึ้นมาโดยที่ไม่แปลกใจเท่าใดนัก
“ถ้าเช่นนั้น ผู้สืบทอดมรดกของข้า ก็มีเขาเพียงผู้เดียวเท่านั้น”
‘เนี่ยลี่’รู้สึกเศร้าใจไม่น้อย เขาไม่อาจที่จะหยุด’จอมมาร’เอาไว้ได้
ถ้า’จอมมาร’สามารถที่จะครอบครองอำนาจของ’ปรมาจารย์เต๋าฉาง’ได้ ก็คงเป็นเรื่องยากที่เขาจะจัดการได้ แต่ก็เป็นสิ่งที่’เนี่ยลี่’จักไม่ยอมทำเป็นอันขาด
แม้ว่า’จอมมาร’จะมีความแค้นกับเขา แต่’ปรมาจารย์เต๋าฉาง’และเหล่าลูกศิษย์ของเต๋าฉางนั้นล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ และพวกเขาจักต้องเป็นกำลังหลักในการผนึกพลังของจักรพรรดิปราชญ์ไว้ในกระดูกมนตรา
‘เนี่ยลี่’รู้สึกโมโหยิ่งนัก แม้ว่าจะกลับมาเกิดใหม่ ก็มีอยู่หลายสิ่งที่เขาไม่อาจจะควบคุมได้
เมื่อคิดถึงการตายอย่างน่าอนาถของ’เอียเซิ่ง’ในใจของ’เนี่ยลี่’ก็เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง สักวันหนึ่งเขาจะต้องทวงคืนความยุติธรรมนี้ให้ได้
“แม้ว่าเจ้าจักไม่ยอมเป็นผู้สืบทอดมรดกแห่งข้า แต่เจ้ากับข้านั้นก็นับว่ามีชะตาต้องกัน ข้าสัมผัสได้ถึง เทคนิคการบ่มเพาะพลัง เทพวิถีฟ้า ของเจ้า และจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำที่เจ้าครอบครองอยู่ รวมถึงลมปราณจากบางสิ่งที่สืบทอดมาจาก คงหมิง ในช่วงเวลาสั้น ๆ การที่จะฝึกให้สำเร็จขั้นสูงสุดนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ข้าจักไม่รู้ที่มาของเจ้า แต่ข้าก็รู้ถึงสิ่งที่เจ้าต้องการจะไป กว่าที่เจ้าจะทำการบ่มเพาะพลังถึงขั้นสูงสุดและพอที่จะรับมือกับจักรพรรดิปราชญ์ได้ คงใช้เวลาอีกนับพันปี ยอดฝีมือมากมายที่พยายามทำการปิดกั้นความสามารถในการผันแปรห้วงเวลาและพื้นที่ของจักรพรรดิปราชญ์ แต่ทุกคนก็ต้องประสบกับความล้มเหลว ถ้าหากเจ้าไม่อาจที่จะทำลายความสามารถในการผันแปรห้วงเวลาและพื้นที่ของจักรพรรดิปราชญ์ได้ ไม่ว่าเจ้าจักสังหารเขาลงไปเป็นล้านครั้ง เขาก็สามารถที่จะก่อร่างเนื้อหนังและกลับเป็นปกติได้ และในห้วงเวลาและพื้นที่ของเขา เจ้านั้นก็จักมีเพียงแค่ชีวิตเดียว เว้นแต่ว่าเจ้าจักหาคนที่กลับชาติมาเกิด ให้พวกเขาให้การช่วยเหลือเจ้า ก็อาจจะมีโอกาสชนะสักหนึ่งในร้อยส่วน”
เสียงของ’ปรมาจารย์เต๋าฉาง’ยังคงคลุมเคลือดังมาจากพื้นที่ว่างเปล่าด้านหน้าอีกครั้ง
‘เนี่ยลี่’ถึงกับรู้สึกหวาดกลัว เขาไม่คิดเลยว่า’ปรมาจารย์เต๋าฉาง’ จักล่วงรู้ทุกเรื่องได้อย่างชัดเจน
“คนที่กลับชาติมาเกิดเช่นนั้นเหรอ? แล้วคนที่กลับชาติมาเกิดนั้นคือผู้ใดกัน?”
‘เนี่ยลี่’ถามออกไป
“นับตั้งแต่การกำเนิดของห้วงเวลาและพื้นที่ มีผู้ทรงอำนาจอยู่ทั้งหมดหกคน พวกเรานั้นก็มีฝีมือพอที่จะรับมือกับจักรพรรดิปราชญ์ได้ และข้าก็คือหนึ่งในนั้น พวกเราทั้งหกอยู่กันอย่างสงบ และพวกเรานั้นเข้าถึงวิถีแห่งสวรรค์ แต่พวกเราไม่คาดคิดเลยว่าจักรพรรดิปราชญ์จักมีความทะเยอทะยานไปกว่านั้น เขาได้สร้างค่ายกลผนึกเก้าอณาจักรมนุษย์ และสิบดินแดนสวรรค์ และทำการปิดผนึกห้วงเวลาและพื้นที่เอาไว้ และหลังจากนั้นพวกเราก็ท้าประลองกับจักรพรรดิปราชญ์ ถ้าหากมิได้กายาเทพของเทพธิดาจินหยาน จินหยานแปลว่า เพลิงสีทอง น่าจะเป็นฉายาของเทพธิดาที่ผู้อ่านรู้จักดี ได้ผนึกพลังของจักรพรรดิปราชญ์ไว้ในกระดูกมนตรา ณ ดินแดนบรรพชนแห่งเทพ เกรงว่าพวกเราทุกคนคงจักถูกสังหารไปจนหมดทุกคนเป็นแน่ ในตอนนี้พวกเขาได้ใช้เทคนิคทำนายสวรรค์ เพื่อที่จะวนเวียนกลับชาติมาเกิด ซึ่งจะวนเวียนเช่นนี้ไปชั่วนิรันดิ์ ถ้าหากเจ้าสามารถที่จะค้นหาพวกเขาเจอ บางทีอาจจะทำลายการ ปิดผนึกห้วงเวลาและพื้นที่ของจักรพรรดิปราชญ์ได้ การที่จะทำเช่นนั้นได้ ก็ขึ้นอยู่กับโชคและวาสนาของเจ้า ”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของ ‘ปรมาจารย์เต๋าฉาง’
‘เนี่ยลี่’ก็จมอยู่กับความคิดของเขา ในตอนนี้ เขาได้ตระหนักถึงการดำรงอยู่ของจักรพรรดิปราชญ์ ว่าเป็นมาเช่นใด………….
จบตอน
แปลโดย นายมะพร้าว
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: