ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“ข้าเองนั้นก็เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของความนึกคิดที่เหลืออยู่ และยังคงวนเวียนอยู่ในตำหนักซีอิงเสิ่น การกลับชาติมาเกิดนั้นจักต้องมีร่างกายมาด้วย ซึ่งตัวข้าเองก็เช่นกัน และข้าเองก็ไม่รู้ว่า ร่างกายที่กลับชาติมาเกิดของข้านั้นอยู่ที่ใด”
‘ปรมาจารย์เต๋าฉาง’พูดอย่างแผ่วเบา
การที่จะหาคนทั้งหกที่กลับชาติมาเกิด นั่นเป็นเรื่องที่ยากยิ่งนัก
ถ้าหากไม่สามารถที่จะทำลายการ ปิดผนึกห้วงเวลาและพื้นที่ เขาก็ไม่อาจที่จะกำจัดจักรพรรดิปราชญ์ได้ เรื่องนี้ทำให้’เนี่ยลี่’รู้สึกกดดันยิ่งนัก
เท่าที่ทราบมา จักรพรรดิปราชญ์นั้นควบคุมห้วงเวลาและพื้นที่มานับพันพันปี ล้านปี ไม่ต้องคำนึงเลยว่า’เนี่ยลี่’จักวางแผนสิ่งใดไว้
การที่จะทำลายเงื่อนไขของจักรพรรดิปราชญ์นั้นย่อมเป็นเรื่องที่ยากยิ่งนัก ถ้าหากเขาค้นหาผู้ที่กลับชาติมาเกิดทั้งหกได้ ความเป็นไปได้ที่จะจัดการกับจักรพรรดิปราชญ์ก็เพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อยแต่ถึงอย่างไรทั้งหกคนก็เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งจากอดีตกาล แม้จะเป็นเพียงร่างกายที่กลับชาติมาเกิด ก็จักต้องมีสายเลือดที่แข็งแกร่งเป็นแน่
“นอกจากวิธีนี้ ไม่มีหนทางอื่นที่จะต่อกรกับจักรพรรดิปราชญ์ได้อีกเลยเช่นนั้นหรือ?”
‘เนี่ยลี่’เอ่ยถาม
“ก็ใช่ว่าจะไม่มี ถ้าหากว่าเจ้าสามารถที่จะหาสมบัติวิเศษล้ำค่าชิ้นหนึ่งได้….”
‘ปรมาจารย์เต๋าฉาง’พูดหลังจากที่ขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“สมบัติวิเศษล้ำค่า? สมบัติวิเศษล้ำค่าอะไรกัน?”
‘เนี่ยลี่’ถามด้วยความตื่นตกใจ
“เมื่อครั้งอดีตกาล จักรพรรดิปราชญ์และพวกเรายังคงอยู่ในกลียุค ในตอนนั้นพวกเราเพิ่งจะก้าวเข้าสู่ ระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า ยอดฝีมือผู้หนึ่งได้นำสมบัติชิ้นนี้มายังโลกนี้ ก่อนที่เขาจักต่อสู้จนบาดเจ็บสาหัส จนแทบจะไปถึงปากทางเข้าสู่ความตาย เขาได้บอกเล่าความลับของตำราเล่มนั้นว่า ตำราเล่มนี้สามารถที่จะควบคุมห้วงเวลาและพื้นที่ได้ มันมีอำนาจอย่างไร้ที่สิ้นสุด”
‘ปรมาจารย์เต๋าฉาง’ค่อย ๆ พูดออกไป
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของ’ปรมาจารย์เต๋าฉาง’
‘เนี่ยลี่’ถึงกับประหลาดใจยิ่งนัก ควบคุมห้วงเวลาและพื้นที่ได้ นี่’ปรมาจารย์เต๋าฉาง’จักหมายถึงตำราจิตอสูรท่องเวลาใช่หรือไม่?
“แล้วท่านรู้วิธีที่จักได้มันมาหรือไม่?”
‘เนี่ยลี่’อดไม่ได้ที่จะถามออกไป
‘จอมมาร’ก็ฟังอยู่ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกไป
“ยอดฝีมือผู้นั้นพยายามที่จะแย่งชิงแก่นแท้วิญญาณของพวกเราทั้งเจ็ด เพื่อใช้ในการรักษาตัวของเขา จึงได้เกิดการต่อสู้กับพวกเราทั้งเจ็ด ทั้งเจ็ดคนห้อมล้อมตัวเขาเอาไว้ ในที่สุดก็สามารถสังหารเขาได้ แต่ก่อนที่เขาจะตาย เขาได้ฉีกตำราเล่มนั้นออกหลายแผ่น ๆ และโยนลอยข้ามขอบฟ้าไป พวกเราเคยค้นหาแล้วแต่ก็ไม่เคยพบ จากนั้นพวกเราก็ทำการแบ่งปันตำราแปดหน้าที่เหลือ”
‘ปรมาจารย์เต๋าฉาง’อธิบายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ตำราที่ลอยข้ามขอบฟ้าไป’เนี่ยลี่’เข้าใจได้ในทันว่าว่า จักต้องเป็นตำราจิตอสูรท่องเวลาเป็นแน่และในตอนนี้เขาก็ไม่รู้เลยว่าตำราจิตอสูรท่องเวลาในตอนนี้อยู่ที่ใด
“สุดท้ายแล้วอีกแปดหน้าที่เหลือมันยังคงอยู่หรือไม่?”
“ทั้งแปดหน้าที่เหลือนั้น อย่างน้อยก็สามหน้าที่อยู่ในมือของจักรพรรดิปราชญ์ และอยู่ในตำหนักนี้หนึ่งหน้า ส่วนที่เหลือนั้นข้าเองก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด การที่จักรพรรดิปราชญ์สามารถที่จะผนึกห้วงเวลาและพื้นที่ได้ ข้าเกรงว่าอาจจะเป็นเพราะจักรพรรดิปราชญ์นั้นสามารถที่จะเข้าใจอำนาจในการควบคุมห้วงเวลาและพื้นที่ได้จากหน้าหนังสือพวกนั้น”
ในใจของ’เนี่ยลี่’ถึงกับสั่นไหว เพราะเขานั้นมีตำราจิตอสูรท่องเวลาอยู่ถึงสองหน้า
“ท่านปรมาจารย์เต๋าฉาง ข้าไม่ทราบว่า ท่านสามารถที่จะมอบตำราหน้าที่ท่านมี ให้แก่ข้าได้หรือไม่?”
‘เนี่ยลี่’พูดหลังจากที่ขบคิดอยู่ชั่วครู่
“ท่านอาจารย์โปรดมอบหน้าหนังสือให้แก่ข้าได้หรือไม่?”
‘จอมมาร’พูดขึ้นมาและพูดขึ้นมา ในเวลานี้เขานั้นได้เป็นศิษย์ของ’ปรมาจารย์เต๋าฉาง’ก็เป็นเรื่องปกติที่จักไม่ยอมให้สมบัติชั้นนี้ตกไปอยู่ในมือของ’เนี่ยลี่’
‘ปรมาจารย์เต๋าฉาง’ตอบกลับไปว่า
“เจ้านั้นได้เป็นผู้สืบทอดของข้าแล้ว แม้ว่าเจ้าจักมีสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจ ตำราหนึ่งหน้านี้ เป็นสิ่งที่อันตรายยิ่งนัก แม้แต่เจ้าก็ไม่อาจที่จะทำความเข้าใจกับหน้าตารานี้ได้ และมันเป็นเรื่องง่ายที่จักสร้างปัญหาได้อีกด้วย”
‘จอมมาร’นิ่งเงียบไป เขาเข้าใจถึงคำพูดของผู้ที่อยู่ในระดับนี้ พวกเขาจักรักษาสัจจะยิ่งนัก ทุกคำที่พูดออกมาจักไม่มีกา เปลี่ยนแปลง เขาจึงทำได้เพียงนิ่งเงียบเท่านั้น
‘ปรมาจารย์เต๋าฉาง’กลับมาพูดคุยกับ’เนี่ยลี่’
“ข้ายินดีที่จะมอบหน้าตำรานี้ให้แก่เจ้า ถ้าหากว่าเจ้านั้นมีเหตุผลเพียงพอ ที่จะโน้มน้าวข้าได้ แต่ว่าเมื่อมอบหน้าตำรานี้ให้แก่เจ้า มันจักทำให้เจ้าพบแต่ปัญหา และหาได้มีประโยชน์อันใดไม่ เจ้ายังคิดที่จะต้องการมันอีกเช่นนั้นเหรอ?”
‘เนี่ยลี่’ยิ้มและพูดออกไปว่า
“ข้านั้นมีตำราที่เหลืออีกสองหน้าแล้ว…”
หลังจากได้ยินคำพูดของ’เนี่ยลี่’
‘ปรมาจารย์เต๋าฉาง’ก็ถึงกับตกตะลึงไปชั่วครู่ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดเลยว่า’เนี่ยลี่’จักมีตำราที่เหลืออีกสองหน้า
“ถ้าหากว่าเจ้ามีตำราสองหน้าที่เหลือ ตำราหน้าที่สามนี้คงจะสร้างปัญหาให้เจ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่หลังจากที่เจ้าได้รับมันไปจักต้องระวังตัวให้ดี ต้องมิให้จักรพรรดิปราชญ์รับรู้ได้!”
‘ปรมาจารย์เต๋าฉาง’พูดออกไป ด้วยหน้าตำราที่เหลือ ไม่ว่าจักเป็นสองหรือสามหน้า มันก็คงจักไม่ต่างกันเท่าใด
จอมมารมองไปที่เนี่ยลี่ด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
ในตอนนี้หน้าตาราที่เหลือค่อย ๆ ลอยไปหยุดตรงหน้าของ’เนี่ยลี่’
‘เนี่ยลี่’เอื้อมมือไปหยิบและเอามาเก็บไว้
แม้ว่า’จอมมาร’ไม่อาจที่จะได้รับตำราหน้านั้นไป แต่ก็มิได้เสียหายอะไร ‘จอมมาร’เริ่มได้รับการถ่ายทอดเทคนิคการบ่มเพาะพลัง ‘มันช่างเป็นเทคนิคบ่มเพาะพลังที่วิเศษยิ่งนัก เกินกว่าที่ข้าจินตนาการเอาไว้เสียอีก ถ้าหากเขาสำเร็จการบ่มเพาะพลังนี้ ข้าคงจักใช้แค่เพียงเวลาอันสั้น ในการบรรลุระดับที่เหนือกว่าระดับเทพสงครามเป็นแน่’
“ขอบคุณท่านอาจารย์!”
‘จอมมาร’ป้องมือคำนับไปยังพื้นที่ว่างเปล่าด้านหน้า
‘เนี่ยลี่’กำหมัดจนแน่น จนมองเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นมาอย่างชัดเจน เมื่อ’จอมมาร’ได้รับสืบทอดมรดกจาก’ปรมาจารย์เต๋าฉาง’ มันก็เป็นเรื่องยากที่จะสามารถกำจัดเขาได้
‘จอมมาร’ค่อย ๆนั่งลงขัดสมาธิ จากนั้นก็ค่อย ๆ จางหายไป
‘เนี่ยลี่’รับรู้ได้ทันทีว่า จอมมารนั้นได้เข้าไปยังสถานที่บ่มเพาะพลังลับของตำหนักซีอิงเสิ่น
‘เนี่ยลี่’ยืนนิ่งเงียบ เขารู้สึกเจ็บปวดที่ไม่อาจจะทำอะไรได้ เพราะเขานั้นคือผู้สืบทอดของ’ปรมาจารย์เต๋าฉาง’ จึงเป็นเรื่องยากที่เนี่ยลี่จะแก้แค้นให้กับ’เอียเซิ่ง’ได้ แต่เขาจะไม่ยอมแพ้เพียงเท่านี้แน่!
“เจ้าคงจะสงสัยว่า เหตุใดข้าจึงยอมรับเขาเป็นศิษย์สินะ?”
เศษเสี้ยวความนึกคิดของ’ปรมาจารย์เต๋าฉาง’เอ่ยถาม
“ถูกต้องแล้ว ข้าสงสัย!”
‘เนี่ยลี่’พยักหน้าตอบ ‘ปรมาจารย์เต๋าฉาง’นั้นเป็นผู้รอบรู้ แล้วเหตุใดจึงยอมให้คนชั่วร้าย และใช้เทคนิคย้ายวิญญาณ จนต้องสังเวยชีวิตคนไปจำนวนไม่น้อย เพื่อให้ตนเองสัมฤทธิ์ผลของการบ่มเพาะพลัง
“ในวิถีแห่งฟ้าและดิน ในบรรดาสิ่งที่มีชีวิต ไม่มีสิ่งใดที่มีชีวิตที่เป็นนิรันดร์”
‘ปรมาจารย์เต๋าฉาง’อธิบายต่ออีกว่า
“แม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือขั้นสูงสุด สุดท้ายก็ต้องมีการดับสูญ”
“ดูเหมือนว่าท่านปรมาจารย์เต๋าฉางจักหมายความว่า ผู้คนเหล่านั้นมีชะตาที่ต้องเป็นเครื่องสังเวยในการใช้เทคนิคย้ายวิญญาณเช่นนั้นหรือ? แล้วเหตุใดมันจักต้องเป็นเช่นนั้นด้วย?”
‘เนี่ยลี่’ขมวดคิ้วอย่างสงสัย เขาไม่อาจที่จะยอมรับการใช้ชีวิตผู้อื่นราวกับต้นไม้ใบหญ้าเช่นนี้
“ถูกต้อง ชีวิตและความตายนั้น ในตอนแรกมันอาจจะเจ็บปวดแต่สุดท้ายก็จักจางหายไป และเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาโต้แย้งกันในเรื่องนี้”
‘ปรมาจารย์เต๋าฉาง’ส่ายหน้า และพูดต่ออีกว่า
“ข้ารู้ดีจากสิ่งที่เจ้าแสดงออก ว่ามันมิใช่แค่เรื่องเล็กน้อย แต่การที่เจ้าจักเอาชนะจักรพรรดิปราชญ์ เจ้าจักต้องได้รับความช่วยเหลือจากเขา เพราะเขาคือคนที่เจ้าตามหา หนึ่งในหกของผู้ที่กลับชาติมาเกิด”
ตาของ’เนี่ยลี่’เบิกกว้างขึ้นทันที เขาไม่คิดเลยว่า จอมมารจักเป็นหนึ่งในหกของผู้ที่กลับชาติมาเกิด
ถ้าเช่นนั้นก็แปลว่า ถ้าหากตัวเขาต้องการที่จะโค่นล้มจักรพรรดิปราชญ์ ความร่วมมือกับจอมมารคือสิ่งจำเป็นเช่นนั้นหรือ?
“เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะขอความช่วยเหลือจากเขา!”
ดวงตาของ’เนี่ยลี่’เป็นประกายอย่างเย็นชา บ่งบอกให้เห็นได้ชัดว่า เขาจักไม่ยอมร่วมมือกับ’จอมมาร’เป็นแน่
“ความแค้นของพวกเจ้าเป็นแค่เพียงเรื่องส่วนตัว แต่เรื่องของจักรพรรดิปราชญ์นั้นเกี่ยวพันถึงฟ้าและดิน เจ้าจักสามารถปล่อยวางมันได้หรือไม่? ”
‘ปรมาจารย์เต๋าฉาง’พูดพร้อมกับถอนหายใจ
“ข้าไม่อาจทำได้!”
‘เนี่ยลี่’พูดอย่างเด็ดขาด และพูดต่ออีกว่า
“จอมมารกับจักรพรรดิปราชญ์ ในความคิดของข้านั้น พวกเขามองเห็นชีวิตของผู้อื่นเป็นแค่เพียงใบหญ้า หาได้ต่างกันเลยไม่”
………………จบตอน
แปลโดย นายมะพร้าว
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: