I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 400 破阵? ทำลาย

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

‘เนี่ยลี่’หรี่ตาลงเล็กน้อย ดูเหมือนว่า’หลีหั่ว’จะค้นพบบางอย่าง  ‘เหยียนหยาง’เองก็เหมือนจะตระหนักถึงบางอย่างเช่นกัน  สมแล้วที่ได้ถูกขนานนามว่าโอรสศักดิ์สิทธิ์ช่างเหนือกว่าคนทั่วไปนัก

โอรสศักดิ์สิทธิ์’หลีหั่ว’ ยืนตรวจสอบค่ายกลจารึกบนรูปปั้น แต่เห็นได้ชัดว่ามิได้รวดเร็วดั่งที่’เนี่ยลี่’ได้ทำก่อนหน้านี้ เขาใช้เวลาเนิ่นนานในการตรวจสอบรูปปั้นรูปแรก

อันที่จริง ‘หลีหั่ว’ก็มีความรู้เกี่ยวกับค่ายกลอักษรจารึกเป็นอย่างดี แต่หากจะเทียบกับความรู้ของ’เนี่ยลี่’แล้ว นับว่าไม่อาจที่จะเทียบได้

‘เนี่ยลี่’ได้ใช้เวลาในการศึกษาอยู่ในตำราจิตอสูรท่องเวลา และในตำราจิตอสูรท่องเวลานี้ก็เต็มไปด้วย ค่ายกลรูปแบบต่าง ๆมากมาย คนทั่ว ๆ ไปจึงไม่อาจที่จะมีความรู้เทียบเท่าเขาได้

หากโอรสศักดิ์สิทธิ์’หลีหั่ว’ คิดที่จะทำลายค่ายกลอักษรจารึกนี้ คงต้องใช้เวลาราวครึ่งเดือนจึงจะมีโอกาสเป็นไปได้

ในขณะที่ ‘เสิ่นเหลย โม๋จุน’ นั้นอดทนยืนเฝ้ารออยู่ เขาก็เริ่มรู้สึกร้อนใจ  เขาทะยานออกไปเพื่อต่อสู้แย่งชิงผลึกแก้วแห่งคงคา แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าเหตุใด ‘เหยียนหยาง’และ’หลีหั่ว’จึงได้หยุดที่จะ ต่อสู้แย่งชิงผลึกแก้วแห่งคงคาแต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด เขาก็จะแย่งชิงผลึกแก้วแห่งคงคามาเพื่อตัวเขาเอง

“ท่านโอรสศักดิ์สิทธิ์ พวกเราควรทำเช่นใดต่อไป? พวกเราควรที่จะรอคอยอยู่เฉยๆอีกหรือไม่?”

ผู้ติดตาม’เหยียนหยาง’คนหนึ่งเอ่ยถาม ‘เหยียนหยาง’จ้องมองไปที่หลีหั่วที่ยืนอยู่ตรงหน้ารูปปั้น เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง และพูดขึ้นมาว่า

“พวกเราจะไปหาที่อื่น ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปต่อสู้แย่งชิงผลึกแก้วแห่งคงคา”

‘เสิ่นเหลย โม๋จุน’ยังคงต่อสู้แย่งชิงผลึกแก้วแห่งคงคาอย่างสนุกสนาน เขารู้สึกมีความสุขที่ได้เข่นฆ่าผู้อื่น ถ้าหากพวก’เหยียนหยาง’คิดที่จะต่อสู้แย่งชิงผลึกแก้วแห่งคงคา ก็เป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะกับ’เสิ่นเหลย โม๋จุน’ และเป็นเรื่องยากอีกเช่นกันที่จะหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตายและก็ไม่มีเหตุผลที่จะยืนรอเฉย ๆ อยู่ที่นี่เขาจะลองไปตรวจสอบว่ามีสมบัติอื่น ๆ ซุกซ่อนอยู่ในส่วนอื่น ๆ ของตำหนักซีอิงเสิ่นหรือไม่

ทันใดนั้น ก็มีเสียงอันน่ากลัวดังมาจากภายในตำหนักซีอิงเสิ่นอีกครั้ง

“ตั้งแต่ที่พวกเจ้าเข้ามาในตำหนักซีอิงเสิ่นแห่งนี้ พวกเจ้าก็ต้องทำตามกฏของตำหนัก ผู้ใดที่คิดจะทำลายกฏ ก็อย่าหาว่าข้านั้นไม่สุภาพ สำหรับทุกคนที่คิดจะเข้าไปยังห้องโถงด้านใน จงล่าถอยจากที่นั่นโดยเร็ว ถ้ามิเช่นนั้น ข้าจะเป็นผู้มอบความตายให้กับพวกเจ้าเอง!”

ตำหนักซีอิงเสิ่นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับว่าเป็นการลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนกฏ

‘เนี่ยลี่’เองก็ไม่รู้ว่า ตำหนักซีอิงเสิ่นคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่เขารู้สึกว่า ความนึกคิดของตำหนักซีอิงเสิ่นกลัวว่าจะมีคนทำลายค่ายกลนี้ เพราะหลายครั้งที่มีคนที่คิดจะตรวจสอบค่ายกล มันก็จะหาทางวิธีหยุดยั้ง!

เขาไม่รู้เลยว่าในท้ายที่สุด ตำหนักซีอิงเสิ่นจะทำสิ่งใดต่อ แต่’เนี่ยลี่’รับรู้ได้ถึงความกดดันที่ครอบคลุมไปทั่ว ความนึกคิดของตำหนักซีอิงเสิ่นอาจจะเริ่มกระตุ้นการทำงานของค่ายกลนี้ จิตสังหารที่แผ่กระจายออกมานี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก ถ้าหากพวกเขายังคงทำอะไรต่อไป ทุกคนที่อยู่ในนี้จะต้องถูกสังหารจนหมดแน่!

ในตอนนี้ ‘หลีหั่ว’ ‘เหยียนหยาง’ และ’เสิ่นเหลย โม๋จุน’ ต่างก็หยุดการเคลื่อนไหว ดูเหมือนว่าความนึกคิดของตำหนักซีอิงเสิ่นไม่ต้องการให้พวกเขาเข้าไปในห้องโถงด้านใน ดังนั้นเป็นไปได้ว่าในส่วนของห้องโถงด้านใน อาจจะมีสมบุติที่ซุกซ่อนอยู่ก็เป็นได้ และด้วยนิสัยใจคอของพวกเขาแล้ว พวกเขาจึงลังเลที่จะกลับออกไป

“โอรสศักดิ์สิทธิ์ พวกเราควรจะทำเช่นใดกันต่อ?”

เหล่าศิษย์ของสำนักเทพอัคคี เอ่ยถาม’เหยียนหยาง’

‘เหยียนหยาง’ตอบกลับไปว่า

“ทุกคนฟังข้า ให้เตรียมพร้อมที่จะถอยกลับ แต่ว่าในตอนนี้ ให้รอไปก่อน!”

ดวงตาของเหยียนหยางจับต้องไปที่’หลีหั่ว’

ดวงตาของ’อู๋หยาจื่อ’เป็นประกายลึกลับ เขานั้นรับรู้ถึงความลับของรูปปั้นเหล่านี้ แต่ด้วยเวลาเพียงเล็กน้อย เขาไม่อาจที่จะทำลายค่ายกลนี้ได้ และหากเขาพยายามที่จะทำลายค่ายกลนี้ต่อไป ก็อาจจะถูกจิตสังหารที่น่ากลัวนี้ สังหารเขาได้แต่ในใจของเขา ก็ไม่อาจที่จะยอมหันหลังกลับไปเช่นนี้

ถ้าหากว่ามีสมบัติที่ซุกซ่อนอยู่ในตำหนักซีอิงเสิ่นนี้จริง และมีกองกำลังอื่นสามารถเข้ามาถึงที่นี่ได้และนำเอาสมบัติไป ‘หลีหั่ว’เกรงว่าสมบัติเหล่านั้นอาจจะไม่ตกอยู่ในมือของเขา

‘เนี่ยลี่’กวาดสายตามอง’หลีหั่ว’ ‘เหยียนหยาง’ และ ‘เสิ่นเหลย โม๋จุน’ ทั้งสามคนนี้เป็นผู้ออกคำสั่งให้แต่ละกองกำลัง ซึ่งก่อให้เกิดความสมดุล ‘เนี่ยลี่’มีความคิดบางอย่างเข้ามาในหัว บางที เขาอาจจะต้องใช้โอกาสนี้!

‘เนี่ยลี่’ลอบส่งเสียงไปยัง’อู๋หยาจื่อ’

“โอรสศักดิ์สิทธิ์ หลีหั่ว เขาจะสามารถมองทะลุได้ทันทีเลยหรือไม่ว่าข้านั้นได้ใช้การสังเวยเลือดอสูร?”

“ภายใต้สถานการณ์ปกติแล้ว ไม่อาจที่จะมองทะลุได้ในทันที ถ้าใช้ในการต่อสู้จะตรวจสอบได้ง่าย ถ้าหากว่าการสังเวยเลือดอสูรสามารถที่จะดูออกได้อย่างง่ายดาย ก็คงจะมิได้ชื่อว่า การสังเวยเลือดอสูร เว้นแต่ว่าโอรสศักดิ์สิทธิ์ หลีหั่ว จะมีเครื่องรางพิเศษในการตรวจสอบ!”

“ถ้าเช่นนั้น ข้าก็คงจะต้องลองเสี่ยงดู!”

‘เนี่ยลี่’ก้าวออกไปด้านหน้า

‘หลีหั่ว’ ‘เหยียนหยาง’และ ‘เสิ่นเหลย โม๋จุน’ ยังคงกังวลว่าพวกเขาจะต้องถอนกำลังออกไปตามคำสั่งของตำหนักซีอิงเสิ่นหรือไม่
‘เนี่ยลี่’ก็พูดขึ้นมาว่า

“ข้าสามารถที่จะทำลายค่ากลนี้ได้!”

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของ’เนี่ยลี่’ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงด้านในนี้ต่างจับจ้องมาที่เขา

 “เขาที่อยู่ในระดับชะตาสวรรค์ แต่เขากลับบอกว่าสามารถทำลายค่ายกลนี้ได้เช่นนั้นหรือ?”

สายตาของคนส่วนใหญ่ ยังคงสงสัย

หลังจากที่ได้เห็นค่ายกลนี้แล้วแม้แต่ โอรสศักดิ์สิทธิ์ ‘หลีหั่ว’ ก็ใช้เวลาคิดอยู่พักใหญ่ แต่ก็ยังไม่อาจหาเงื่อนงำใด ๆเจอ ‘เหยียนหยาง’ และ ‘เสิ่นเหลย โม๋จุน’ ก็จ้องมองดูที่’เนี่ยลี่’และพยายามดูว่าเขาพูดจริงหรือไม่

เจ้าเด็กเผ่าอสูรผู้นี้เหยียนหยางนึกถึงตอนที่ไปแลกเปลี่ยนความรู้กับเหล่าสามนิกายศักดิ์สิทธิ์ ที่ได้เปลี่ยนชีวิตของเขาเพราะเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง ในบางครั้ง ความรู้ของคนผู้หนึ่ง เพียงแค่อายุนั้นไม่อาจที่จะชี้วัดสิ่งใดได้

โอรสศักดิ์สิทธิ์ ‘หลีหั่ว’ จ้องมองมาที่’เนี่ยลี่’แล้วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

“เจ้าจงมาที่นี่!”

โอรสศักดิ์สิทธิ์ ‘หลีหั่ว’พูดขึ้นมาหลังจากนิ่งเงียบไป

ดวงตาของ’เนี่ยลี่’มองไปที่’หลีหั่ว’ ‘เหยียนหยาง’ และ ‘เสิ่นเหลย โม๋จุน’ และพูดขึ้นว่า

“มีเรื่องหนึ่งที่ข้ายืนยันได้ชัดเจน ความนึกคิดของตำหนักซีอิงเสิ่นไม่ต้องการให้พวกเรานั้นทำลายค่ายกลที่ถูกผนึกเอาไว้นี้ ข้าหมายความว่า ข้าเองนั้นก็ไม่รู้ว่า เขาจะทำอะไรกับพวกเรา ข้ามีเรื่องหนึ่งที่ต้องการจะร้องขอ คือขอให้พวกท่านโปรดละวางความบาดหมางเอาไว้ชั่วคราว!

“ข้านั้นหาได้มีปัญหาไม่!”

‘เสิ่นเหลย โม๋จุน’โบกมือตอบกลับไป เพราะถึงอย่างไร เขาก็ชนะและได้ครอบครองสมบัติอยู่แล้ว และไม่คิดที่จะยุ่งเกี่ยวกับผู้ใด ชนะที่ว่านี้คือได้ ผลึกแก้วแห่งคงคา มากกว่าผู้อื่นและอยู่ใน หกอันดับแรกอย่างแน่นอนแล้ว

‘เหยียนหยาง’มองไปที่’หลีหั่ว’ แม้ว่าเขาจะรู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย แต่เขาก็เข้าใจดีกว่า เขาเองนั้นก็ไม่ควรที่จะเป็นศัตรูกับ’หลีหั่ว’ในตอนนี้ถ้ามีคนหนึ่งพ่ายแพ้’เสิ่นเหลย โม๋จุน’ ก็จะจัดการอีกคนได้อย่างง่ายดาย

 “ข้าเองก็หาได้มีปัญหาเช่นกัน!”

‘เหยียนหยาง’ตอบกลับไป

 “ข้าเองก็ไม่ได้คิดที่จะจัดการกับพวกเขา!”

โอรสศักดิ์สิทธิ์ ‘หลีหั่ว’ตอบกลับแบบมิได้แยแส

‘เนี่ยลี่’รู้ดีว่าคงจะไม่มีทางที่จะให้พวกเขาทั้งสามคนร่วมมือกันได้ในทันที แต่จริงๆแล้วเนี่ยลี่ก็ไม่คิดที่จะสนใจคำตอบของพวกเขาอยู่แล้ว ไม่ว่าทั้งสามคนนี้จะสู้กันหรือไม่ แต่อย่างน้อย พวกเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะจัดการกับ’เนี่ยลี่’ในตอนนี้

ในทางหนึ่ง’เนี่ยลี่’สามารถรอดพ้นจากภัยคุกคามที่ถึงแก่ชีวิตได้ เพราะอีกในอีกทางหนึ่ง ‘เนี่ยลี่’อาจจะเป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถที่จะปลดผนึกค่ายกลนี้ได้

‘เนี่ยลี่’ทำการเตรียมที่จะทำลายผนึกค่ายกลอย่างรวดเร็ว

ก่อนที่ กลุ่มของพวกเขาทั้งสาม จะเข้ามาถึงที่นี่ ‘เนี่ยลี่’ก็ได้ทำลายค่ายกลที่รูปปั้นไปแล้วถึงแปดรูป และในระหว่างที่พวกเขาต่อสู้กัน ‘เนี่ยลี่’ก็ได้ทำลายค่ายกลที่รูปปั้นไปอีกห้ารูป  และที่โชคดีก็คือ หนึ่งในนั้นเป็นค่ายกลอักษรจารึกบนรูปปั้นตัวที่สำคัญที่สุด! เรียกได้ว่าเป็นกุญแจที่หาอยู่ในตอนแรก

ในตอนนี้ที่เขาต้องทำก็คือการคลายผนึกค่ายกลออกเท่านั้น!

แต่ ‘หลีหั่ว’ ‘เหยียนหยาง’และ ‘เสิ่นเหลย โม๋จุน’ ต่างก็จับจ้องดูการคลายผนึกค่ายกลนี้อยู่ หากเขาพยายามที่จะต่อรองก็คงจะเหมือนกับ ขอผิวหนังจากเสือ 虎谋皮 หู่ โหมว  ผี : สำนวนจีนหมายถึงปรึกษากับคนชั่วให้ละทิ้งผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งไม่มีทางที่จะสำเร็จ

‘เนี่ยลี่’ลอบส่งเสียงบอกไปยัง ‘เซี่ยวหยู่’ว่า

“ถ้ามีโอกาสเจ้าจงหลบหนีไป ในตอนนี้ข้าอาจจะต้องตาย แต่เจ้าไม่ต้องสนใจ ถึงอย่างไรข้าก็สามารถที่จะกลับไปคืนชีพที่ห้องโถงวิญญารได้ เจ้านั้นอย่าได้มาติดร่างแหไปด้วย!”

……………..จบตอน

แปลโดย นายมะพร้าว

คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments