ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘เนี่ยลี่’ยังคงดูดซับพลังสวรรค์ที่อยู่โดยรอบอย่างต่อเนื่องบรรยากาศภายในจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำเริ่มที่จะปั่นป่วน
‘เซี่ยวหยู่’เริ่มที่จะรู้สึกหวาดกลัว กับการปั่นป่วนของพลังสวรรค์ ที่เปลี่ยนแปลงไปเพราะการบ่มเพาะพลังของ’เนี่ยลี่’ มันช่างน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก ในตอนนี้มีความเป็นไปได้ที่เนี่ยลี่จะบรรลุไปจนถึงระดับอันสูงส่งได้
นางนั้นไม่ต้องการให้มีความห่างชั้นมากเกินไปของความแข็งแกร่งระหว่างนางและ’เนี่ยลี่’ นางจึงเริ่มตั้งสมาธิกับการบ่มเพาะพลัง ในใจของนางนั้นได้ยินเสียงคำชี้แนะก้องกังวาลมาจากที่ ที่ห่างไกลด้วยการชี้แนะจากเสียงนี้ สติของนางเริ่มที่จะหายไป ราวกับว่ากำลังนอนหลับ
เวลาในจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ ก็ผ่านไปอย่างช้า ๆ
ณ ตระกูล กู้
ผู้อาวุโสลำดับที่แปด กู้ไป๋ [顾白 เจตจำนงสีขาว] ในห้องประชุมลับของตระกูล
“ท่านอาแปด ไม่ทราบว่าท่านพอที่จะหารือกับข้าได้หรือไม่ ดูเหมือนว่าท่านเองก็กังวลไม่น้อยสินะ? ข้าได้ยินมาว่ากู้เหิงนั้น ไม่ได้ปฏิบัติต่อท่านดีเท่าใดนัก เมื่อเทียบกับท่านอาสามและอาหก!”
‘กู้เบ่ย’ยิ้มและจ้องไปที่หน้าของชายชรา
ชายชราที่สวมชุดคลุมสีขาวที่อยู่ตรงหน้าเขาก็คือ ผู้อาวุโสลำดับที่แปดของตระกูลกู้ ‘กู้ไป๋’
‘กู้ไป๋’ชำเลืองมองกู้เบ่ยเล็กน้อย และพูดออกไปว่า
“กู้เบ่ย การที่เจ้านั้นทำลายทะเลสาบแห่งเทพนี้เป็นการกระทำที่ เลวร้ายจนเกินไป แม้ว่าจะเป็นการแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูล ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำให้อีกฝ่ายถึงกับหมดสิ้นหนทางถึงเพียงนี้ การที่กู้เหิงนั้นกล่าวหาเจ้า ในฐานะที่ข้าเองนั้นก็เป็นผู้อาวุโสลำดับที่แปด ข้าต้องปฏิบัติอย่างยุติธรรมเพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้เห็น!”
‘กู้เบ่ย’ได้แต่แอบโต้แย้งในจิตใจ ‘กู้ไป๋’ผู้นี้หาได้สนใจเรื่องความชอบธรรมไม่ เพราะเป็นคนที่เห็นแก่ทรัพย์สินเงินทองเท่านั้น เหตุใด’กู้เบ่ย’จะไม่รู้ว่า ‘กู้เหิง’นั้นได้มอบผลประโยชน์ให้แก่’กู้ไป๋’มามากมายแล้ว
แม้ว่า’กู้เบ่ย’จะคิดเช่นนั้น แต่เขาก็ต้องแสร้งทำเป็นยิ้มและพูดกลับไปว่า
“ผู้อาวุโสกู้ไป๋นั้นเป็นผู้ทรงความยุติธรรมแค่ไหน ข้าเองนั้นก็ทราบดี แต่เรื่องการทำลายทะเลสาบแห่งเทพในคราวนี้ ท่านได้ฟังเรื่องราวจากทางกู้เหิงเพียงฝั่งเดียว ข้าก็แค่ขโมยรากเทวะมาจากทะเลสาบแห่งเทพของเขาเท่านั้น การที่เขานั้นไร้ความสามารถที่จะปกป้องเอาไว้ได้ เขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะต่อว่าผู้ใดได้! ”
‘กู้ไป๋’เคาะนิ้วลงบนที่โต๊ะและพูดขึ้นมาอย่างไม่สนใจใยดีนักว่า
“นี่เจ้าพูดเรื่องอะไรกันแน่?”
“ข้ารู้ว่ากู้เหิงนั้นได้มาหาท่านอาแปดแล้ว แต่ข้าขอให้ท่านอาแปดอย่าได้เชื่อคำโกหกมดเท็จเหล่านั้น นี่คือของขวัญเล็กน้อยที่ข้านำติดมือมาฝากท่านอาแปด ท่านอาแปดโปรดรับเอาไว้ด้วย เรื่องที่ข้าพูดไปนั้นขอให้ท่านตัดสินใจตามแต่สมควร แน่นอนว่าข้าจะต้องกลับมาขอบคุณท่านอีกแน่นอน”
‘กู้เบ่ย’นำถุงผ้าออกมาจากแหวนห้วงมิติสำหรับเก็บของ และส่งไปที่ด้านหน้าของ’กู้ไป๋’ และประสานมือคารวะ
‘กู้ไป๋’ขยับมุมปากด้วยท่าทีที่ดูแคลน และพูดออกไปว่า
“เจ้าหลานชายกู้เบ่ย นี่เจ้าคิดจะทำสิ่งใดกัน?”
‘กู้ไป๋’โบกมือขวาของเขา ถุงผ้านั้นก็เปิดออก เขาพบว่ามีศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณหลายสิบก้อนอยู่ในนั้น และมีของวิเศษระดับหกอยู่ในนั้นด้วย
เมื่อเห็นของเหล่านี้ คิ้วของ’กู้ไป๋’ถึงกับกระตุกด้วยความตกใจ ด้วยตำแหน่งผู้อาวุโสของเขานั้น เขาก็มีสมบัติแค่เพียงไม่กี่สิบหมื่นศิลาจิตวิญญาณเท่านั้น ศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณหลายสิบก้อนที่’กู้เบ่ย’มอบให้นี้ ก็มีค่านับหมื่นศิลาจิตวิญญาณแล้ว และของวิเศษระดับหกชิ้นนี้ ก็มีค่าเท่ากับสมบัติที่เขามีครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
[ตามหน่วยนับของจีนแล้ว จะมีสูงสุดแค่ หลักหมื่น สิบหมื่นคือหนึ่งแสน ร้อยหมื่นคือหนึ่งล้าน พันหมื่นคือสิบล้าน แต่ถ้าตัวเลขเยอะ ๆ ผู้แปลอาจจะปรับเปลี่ยนอีกที]
[ศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณหนึ่งก้อนมีค่าเท่ากับศิลาจิตวิญญาณหนึ่งพันก้อน]
“ข้าได้ยินมาว่า ท่านพี่กู้เหิง มอบศิลาจิตวิญญาณให้แก่ท่านอาแปด ไม่กี่พันก้อน เขาช่างตระหนี่ถี่เหนียวยิ่งนัก ถ้าหากท่านอาแปดตัดสินใจที่จะสนับสนุนข้า ข้าก็พร้อมที่จะเตรียมของขวัญให้แก่ท่านอีกมากมาย”
‘กู้เบ่ย’เผยรอยยิ้ม และพูดต่ออีกว่า
“ข้ารู้ว่าการบ่มเพาะพลังของท่านอาแปดนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบากยิ่งนัก และจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรเป็นจำนวนมาก ในภายภาคหน้าหากหลานชายผู้นี้พอจะมีอะไรช่วยเหลือท่านได้ ขอให้ท่านอาแปดเอ่ยปากมาได้ทุกเมื่อ!”
“เหตุใดหลานชายกู้เบ่ย ของข้าจึงพูดเช่นนี้? สำหรับเรื่องของหลานชายกู้เบ่ยในคราวนี้ ในฐานะที่ข้าเป็นอาของเจ้า แน่นอนว่าข้าต้องให้การช่วยเหลือเจ้าอยู่แล้ว!”
‘กู้ไป๋’หัวเราะพร้อมกับพูดออกมา
“ขอบคุณท่านมาก เมื่อท่านอาแปดพูดเช่นนี้ หลานชายผู้นี้ก็รู้สึกเบาใจ! จากนี้ไปหลานชายผู้นี้คงต้องไปคารวะท่านอาเก้า ข้าจึงขอกล่าวลาท่านเพียงเท่านี้ก่อน!”
‘กู้เบ่ย’พูดพร้อมกับลุกยืนขึ้น
“ก็ดี! ขอให้หลานชายกู้เบ่ยเดินทางปลอดภัยนะ!”
‘กู้ไป๋’ลุกยืนขึ้น และไปส่งกู้เบ่ยที่ประตู จน’กู้เบ่ย’เดินลับตาไป เขามองกลับไปที่โต๊ะ แล้วพูดขึ้นมาว่า
“เจ้าเด็กกู้เบ่ยผู้นี้ ช่างใจถึงยิ่งนัก กู้เหิงเอ๋ยกู้เหิง เจ้าจะเอาอะไรไปแข่งกับเขาได้?”
‘กู้เถิง’กระซิบถาม’กู้เบ่ย’ว่า
“นายน้อย ท่านกู้ไป๋จะยอมเชื่อที่ท่านพูดจริง ๆ เช่นนั้นหรือ?”
“ท่านกู้ไป๋ ผู้นี้เป็นคนที่หวังผลตอบแทนยิ่งกว่าความชอบธรรม เป็นพวก หนูที่มีหลายหน้า[首鼠两端 : เทียบได้กับสำนวนนกสองหัว] ถ้าข้ามอบของขวัญแก่เขาอย่างเป็นรูปธรรม ข้าเชื่อว่าจะไม่ถูกเขาแว้งกัดเป็นแน่”
‘กู้เบ่ย’พูดพร้อมกับหัวเราะ หลายปีที่ผ่านมาในตระกูลกู้ ทำให้ข้ารู้นิสัยของเหล่าผู้อาวุโสในตระกูลกู้เป็นอย่างดี
“กู้เหิงนั้นเป็นคนที่ฉลาดมีไหวพริบในเรื่องชั่วร้าย ก็ย่อมที่จะดึงดูดคนประเภทเดียวกัน เหล่าผู้อาวุโสที่สนับสนุนเขานั้นก็หาได้เป็นคนดีมากนัก เขาต้องค่อย ๆ แยกคนเหล่านั้นออกมาทีละคน!”
พวกเขาเหล่านั้นมีเพียงแค่ไม่กี่คน รวมไปถึงผู้อาวุโสอีกคนที่พวกเขากำลังจะไปเยี่ยมเยือนในตอนนี้
ณ บ้านพักของกู้เหิง
“เรียนนายน้อย! กู้เบ่ยกับคนของเขา หลังจากที่ไปพบท่านผู้อาวุโสลำดับที่แปด ก็กำลังเดินทางไปเยี่ยมผู้อาวุโสลำดับที่เก้าขอรับ!”
คนรับใช้วิ่งมารายงานแก่กู้เหิงอย่างเร่งรีบ
‘กู้เหิง’ยิ้มอย่างเย้ยหยันและพูดขึ้นมาว่า
“เจ้ากู้เบ่ยคิดว่าการเข้าหาผู้อาวุโสเหล่านี้ คิดที่จะให้ผู้อาวุโสเหล่านี้ให้การสนับสนุนเขาสินะ? เขาช่างอ่อนหัดยิ่งนัก ระหว่างข้ากับผู้อาวุโสเหล่านั้น ข้าผูกมิตรกับพวกเขานับสิบปี และยังส่งมอบของขวัญให้แก่พวกเขาในทุกๆปี การที่กู้เบ่ยคิดที่จะให้ผู้อาวุโสเหล่านี้ ให้การสนับสนุนเขา มันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้!”
หลังจากที่’กู้เหิง’ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นมาว่า
“เจ้าจงไปจับตาดูกู้เบ่ยต่อไป!”
“ขอรับ!”
คนรับใช้ตอบกลับพร้อมกับพยักหน้า และกลับออกมา
ภายในตระกูลกู้ มีบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเงียบ ๆ
ภายในตระกูลกู้นี้ ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ ล้วนวางตัวเป็นกลาง พวกเขาไม่สนใจเรื่องอื่นนอกจากการบ่มเพาะพลังของตนเองเท่านั้น นอกจากนั้นก็มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ที่ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับ’กู้เหิง’
ถ้าหากไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมจาก’เนี่ยลี่’ ‘กู้เบ่ย’คงจะทำไม่ได้ถึงเพียงนี้เป็นแน่ แต่เมื่อมีการสนับสนุนจาก’เนี่ยลี่’ ‘กู้เบ่ย’ก็สามารถทำได้ทุกสิ่งโดยที่ไม่ต้องกังวล ‘เนี่ยลี่’นั้นได้มอบศิลาจิตวิญญาณ มากพอที่จะใช้ได้อีกหลายปี
มันยากที่จะคิดได้ว่า ‘เนี่ยลี่’นั้นได้ศิลาจิตวิญญาณมามากมายมาจากที่ไหน แม้ว่าพอที่จะคาดเดาได้ว่าเกี่ยวกับรากเทวะ แต่’กู้เบ่ย’เองก็ไม่คิดที่จะสอบถามในเรื่องนี้ เพราะถ้าหากสักวันที่’เนี่ยลี่’ต้องการที่จะบอก เขาก็จะบอกออกมาเอง
ณ ตระกูล ผนึกมังกร
‘หลงเทียนหมิง’นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเงียบ ๆ พร้อมกับชายชราที่สวมเสื้อคลุมสีเทา และฟังการรายงานจากคนรับใช้ชายชราผู้นี้มีคิ้วดกดำ ผิวของเขาเรืองแสงเป็นสีเทาเงิน ดวงตามีประกายอันหนาวเหน็บ
“การเติบโตของกองกำลังอสูรนั้นรวดเร็วยิ่งนัก ช่างน่าตื่นตกใจไม่น้อย ในความเห็นของข้า กู้เหิงคงไม่อาจที่จะรับมือกู้เบ่ยได้เป็นแน่”
ชายชราส่ายหน้า ถอนหายใจ พร้อมกับพูดขึ้นมา
“แค่เพียงกู้เบ่ยก็ยังไม่อาจที่จะกำจัดได้ มันก็แค่ขยะชิ้นหนึ่ง เสียแรงที่เราให้การสนับสนุนเขา!”
‘หลงเทียนหมิง’ พูดออกมาด้วยความรู้สึกน่ารำคาญ
“กู้เหิงนั้นเป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมตระกูลกู้ของพวกเรา พวกเราจะปล่อยให้เขายอมแพ้กู้เบ่ยอย่างง่ายดายเช่นนี้ไม่ได้ ถ้าไม่เช่นนั้น เรื่องที่พวกเราได้ทำก่อนหน้านี้ก็จะสูญเปล่า!”
ชายชราพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว และพูดต่ออีกว่า
“แต่ดูเหมือนว่ากู้เหิงในตอนนี้ไม่อาจที่จะทำอะไรได้ เพราะสถานการณ์ทางการเงินของเขา ก็มีไม่เพียงพอ!”
“ตอนที่กลับมาจากตำหนักซีอิงเสิ่น ข้าได้เก็บเกี่ยวสมบัติมาไม่น้อย นี่คือศิลาจิตวิญญาณสามแสนก้อน จงนำไปมอบให้กับเหล่าผู้อาวุโสของกู้เหิง แม้ว่าอาจจะทำให้กู้เหิงดูไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ยังพอที่จะถ่วงเวลาเอาไว้ได้บ้าง เมื่อเวลาผ่านไป จนถึงเวลาที่เหมาะสม พวกเราจะทำให้กู้เบ่ยเป็นดั่งกู้หลาน กลายเป็นแค่คนพิการ”
‘หลงเทียนหมิง’เผยรอยยิ้มอันชั่วร้าย และดวงตาเป็นประกายอมหิต
“อะไรกัน? เทียนหมิง เจ้านั้นได้สัมผัสโชคลาภจากการเข้าไปยังตำหนักซีอิงเสิ่นด้วยเช่นนั้นหรือ?”
ชายชราในชุดคลุมสีเทาถามด้วยความแปลกใจ
“ข้าหาได้สัมผัสโชคลาภอันใดไม่ ก็แค่เก็บเกี่ยวศิลาจิตวิญญาณมาได้จำนวนหนึ่งเท่านั้น”
‘หลงเทียนหมิง’ยิ้มและหลบสายตาราวกับว่าปิดบังอะไรบางอย่างเอาไว้……………….
จบตอน
แปลโดย นายมะพร้าว
ที่มา :