ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“การที่กู้เบ่ยทำลายทะเลสาบแห่งเทพนั้น ก็นับว่าทำเกินไปจริง ๆ”
ผู้อาวุโสลำดับที่แปด ‘กู้ไป๋’พูดขึ้นมาอย่างจริงจัง
เมื่อได้ยินคำพูดของ’กู้ไป๋’ ‘กู้เหิง’ก็เผยรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ผู้อาวุโสลำดับที่แปดเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสที่ให้การสนับสนุนเขา
“แต่ว่า!”
น้ำเสียงของ’กู้ไป๋’เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพูดต่ออีกว่า
“ข้าเชื่อว่าผู้อาวุโสทั้งหลายก็คงคิดเช่นกันว่า กู้เบ่ยเองก็คงไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้เป็นเช่นนั้น พวกเราเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ การกระทำของกู้เหิงที่ผ่านมาพวกเราก็ได้เห็นกับตา และธรรมชาติก็ได้ลงโทษเขาแล้ว แม้ว่าข้านั้นจะเข้าข้างกู้เหิงอยู่เสมอ แต่ในตอนนี้ ข้าคงไม่อาจที่จะสนับสนุนเขาต่อไปได้อีก! ”
คำพูดของ’กู้ไป๋’ ทำให้ทุกคนสะใจยิ่งนัก
ความใกล้ชิดกันของ’กู้ไป๋’กับ’กู้เหิง’นั้น ทุกคนในตระกูลกู้นั้นต่างก็รู้ดี การกล่าวหา’กู้เบ่ย’ในคราวนี้ ‘กู่ไป๋’เองก็มีส่วนร่วมเป็นอย่างมาก แต่เหตุใด’กู้ไป๋’จึงได้เปลี่ยนฝ่ายไปเช่นนี้?
เมื่อได้ยินคำพูดของ’กู้ไป๋’
‘กู้เหิง’รู้สึกโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก เขาจ้องไปที่’กู้ไป๋’ เขาไม่คิดเลยว่า’กู้ไป๋’จะทำอะไรเช่นนี้ พูดจากล่าวร้ายกับเขาจนไม่อาจที่จะทันตั้งตัว
ผู้อาวุโสลำดับที่สาม’กู้อวี่’ ถึงกับขมวดคิ้ว เหตุใด’กู้ไป๋’จึงพูดเช่นนั้น ทำไมเขาจึงพยายามพูดช่วยเหลือ’กู้เบ่ย’เช่นนี้?
เมื่อ’กู้ไป๋’พูดจบ ผู้อาวุโสลำดับที่เก้า ‘กู้เฟิง’ 顾峰:เจตจำนงขั้นสูงสุด ก็ไม่อาจที่จะรออะไรอีกต่อไปเขาต้องรีบพูดอะไรบางอย่าง
เขาคิดว่า’กู้ไป๋’นั้น ได้ใช้เวลาที่เหมาะสมยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่า’กู้ไป๋’นั้นคิดว่าการที่แยกตัวออกมาโดยเร็วจะเป็นประโยชน์มากกว่า!‘กู้เฟิง’ยืนขึ้นและพูดว่า
“ข้าเห็นด้วยกับข้อโต้แย้งของท่านกู้ไป๋ ที่ผ่านมากู้เหิงนั้นก็ได้ทำเกินเลยไปเช่นกัน การที่กู้เบ่ยนั้นคิดที่จะแก้แค้นก็มิได้ผิด และยังเป็นการเผยให้เห็นว่าสายเลือดของตระกูลกู้นั้นห้าวหาญเพียงใด คนเช่นนี้ ที่จะเหมาะสมเป็นผู้สืบทอดของตระกูลกู้!”
“และความขัดแย้งที่โลกภายนอกนั้น นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์เองก็ได้ให้การยอมรับ ก็แค่เพียงการสูญเสียแค่เล็กน้อย กลับมาร้องห่มร้องไห้และทำการร้องเรียนอีกฝ่าย การกระทำเช่นนี้มันเหมาะสมเช่นนั้นหรือ?”
‘กู้เฟิง’พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา ราวกับการเย้ยหยัน
“ท่านผู้อาวุโสกู้เฟิง การร้องเรียนกู้เบ่ยนั้น ท่านเองก็เห็นด้วยมิใช่หรือ? เหตุใดจึงทำตัวเป็นหนูที่มีหลายหน้า ท่านมันช่างชั่วช้ายิ่งนัก!”
เขาไม่คิดเลยว่า หลายปีที่พยายามสร้างความสัมพันธ์กับผู้อาวุโสทั้งสอง แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ผู้อาวุโสทั้งสองจึงได้ทำตัวเป็นศัตรูกับเขาเช่นนี้!
ผู้อาวุโสลำดับที่สามขมวดคิ้ว เขาไม่คิดเลยว่า’กู้ไป๋’และ’กู้เฟิง’ จะหันไปเป็นฝ่ายตรงข้ามเช่นนี้ ดูเหมือนว่าในตอนนี้’กู้เหิง’จะอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง
แม้ว่าเขาจะให้การสนับสนุนอยู่เสมอในฐานะอาจารย์ แต่เขาก็เข้าใจดีว่า’กู้เหิง’นั้นก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีเท่าใดนัก และในตอนนี้ดูเหมือนว่าเหล่าผู้อาวุโสจะหันไปอยู่ฝ่าย’กู้เบ่ย’
‘กู้เหิง’คงจะหมดหวังที่จะแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลแล้ว
“กู้เหิง ระวังคำพูดของเจ้าด้วย!”
‘กู้เฟิง’มีท่าทีไม่พอใจกับคำพูดของ’กู้เหิง’ และพูดต่อด้วยน้ำเสียงอันเย็นชาว่า
“จริงอยู่ ที่ก่อนหน้านี้ข้าเห็นด้วยกับการร้องเรียนกู้เบ่ย เพราะกู้เบ่ยนั้นได้ทำผิดจริง แต่เมื่อเทียบความผิดของกู้เบ่ยกับความผิดของเจ้า ความผิดของกู้เบ่ยก็ดูแล้วช่างเล็กน้อยเสียจริง!”
‘กู้เหิง’นั้นโกรธเสียจนปอดของเขาแทบจะระเบิดออกมา
มีผู้อาวุโสหลายคนที่ลุกยืนขึ้นมา
“ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยสนับสนุนท่านผู้อาวุโสกู้ไป๋และท่านผู้อาวุโสกู้เฟิง”
“พวกท่านทำกับข้าเกินไปแล้ว!”
เหล่าผู้อาวุโสที่เห็นด้วยกับการร้องเรียนเรื่อง’กู้เบ่ย’
ในตอนนี้ไม่มีใครกล้าที่จะออกหน้า เมื่อได้เห็นสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว พวกเขาต้องรีบหันมาอยู่ฝ่าย’กู้เบ่ย’ในทันที หลังจากที่ได้ไตร่ตรองดูแล้ว แม้แต่ผู้อาวุโสลำดับที่แปดและลำดับที่เก้า ก็ยังเปลี่ยนไปอยู่อีกฝ่าย การคัดเลือกตำแหน่งผู้นำตระกูล คงจะเห็นได้ชัดแล้ว ว่าในตอนนี้พวกเขาควรที่จะตัดสินใจเช่นใด
กำแพงคอยปกป้อง’กู้เหิง’นั้นพังทะลายลงไปแล้ว
เดิมทีความสัมพันธ์ของ’กู้เหิง’กับผู้อาวุโสเหล่านี้ล้วนสร้างขึ้นมาจากผลตอบแทน เมื่อ’กู้เบ่ย’สามารถที่จะเสนอสิ่งตอบแทนที่มากกว่าได้ ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะใช้ประโยชน์จากผู้อาวุโสเหล่านั้น
‘กู้เทียนหลง’ ‘กู้หยา’ และผู้อาวุโสท่านอื่น ๆ หันมาสบตากัน เหล่าผู้อาวุโสที่ให้การสนับสนุน’กู้เบ่ย’ แทบจะไม่มีอะไรที่ต้องพูดออกมา เนื่องจาก’กู้ไป๋’ และ ‘กู้เฟิง’ ผู้อาวุโสทั้งสองได้ช่วยลั่นกลองรบในการสนับสนุน’กู้เบ่ย’ไปแล้ว
พวกเขาก็ทำได้เพียงแต่รู้สึกภูมิใจ ดูเหมือนว่า’กู้เบ่ย’นั้นจะได้ทำอะไรมากมาย ทำให้ผู้อาวุโสเหล่านั้นหันมาให้การสนับสนุน ซึ่งนั่นก็พิสูจน์ได้ชัดเจนแล้วว่า’กู้เบ่ย’นั้นมีความสามารถที่จะขึ้นปกครองตระกูลกู้
และในส่วนของเหล่าผู้อาวุโสที่มีความเป็นกลาง ถ้าหากต้องเลือกระหว่าง’กู้เบ่ย’กับ’กู้เหิง’เพียงคนเดียว แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องเลือก’กู้เบ่ย’อย่างแน่นอน
แม้ว่า’กู้เบ่ย’จะทำเรื่องที่ผิดโดยการทำลายทะเลสาบแห่งเทพ แต่ก็อย่างน้อยเขาก็ทำต่อหน้า’กู้เหิง’ ต่างจาก’กู้เหิง’ที่ได้แอบทำเรื่องชั่วร้ายเอาไว้ เพื่อที่จะแย่งชิงตำแหน่งถึงกับลอบวางยาพิษ ‘กู้หลาน’ที่เป็นพี่สาวของ’กู้เบ่ย’ การที่’กู้เบ่ย’นั้นเกลียดชัง’กู้เหิง’ก็จึงไม่ใช่เรื่องที่ผิด!
สำหรับในสถานการณ์เช่นนี้’กู้เหิง’ไม่เคยคิดมาก่อนเลยแม้แต่น้อย ‘กู้เหิง’นั้นอยู่ในสภาพที่น่าสมเพช เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ได้?!
เขานั้นใช้เวลาหลายปี เขาคิดว่าตัวเองนั้นอยู่ในสถานะที่จะครอบครองตระกูลกู้ได้อย่างแน่นอน เขาไม่คิดเลยว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นมาได้
“ถือว่าในตอนนี้ ข้าจะประกาศวิธีจัดการกับปัญหาที่ได้เกิดขึ้น”
‘กู้เทียนหลง’พูดขึ้นมา
“กู้เบ่ยและกู้เหิงได้ถือว่าทำการต่อสู้กับคนในตระกูล กู้เบ่ยได้ทำผิดจริงในการทำลายทะเลสาบแห่งเทพ แต่เมื่อได้รับฟังเหตุผลแล้ว ก็พอที่จะละเว้นบทลงโทษได้ แต่เพื่อเป็นการชดใช้ให้แก่นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ เจ้าต้องถูกลงโทษโดยการ ต้องบริจาคเงินให้แก่นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ สำนวน ห้าแสนศิลาจิตวิญญาณ และอีก หนึ่งล้าน ศิลาจิตวิญญาณ ให้แก่ตระกูลกู้ของเรา และต้องชำระภายในเวลาสามปี จะต้องไม่ช้าเกินไปกว่านี้ ส่วนเจ้า กู้เหิง เจ้านั้นเคยทำผิดแต่ไม่เคยที่จะกลับตัวกลับใจ เฝ้าแต่จะตำหนิและกล่าวหาผู้อื่น เจ้าจะต้องถูกกักขังเป็นเวลาสามสิบปี! ”
“ท่านผู้นำตระกูล ช้าก่อน…..”
ผู้อาวุโสลำดับที่สามกำลังจะพูดขึ้นมา แต่’กู้เทียนหลง’ก็ได้พูดขัดจังหวะขึ้นมาว่า
“ข้าได้ตัดสินใจแล้ว ถ้าหากผู้ใดคิดที่จะออกหน้าแทนเขา ก็จงคำนึงถึงผลที่จะตามมาเอาไว้ด้วย!”
‘กู้เทียนหลง’ พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง’กู้เหิง’มองดูอย่างเหม่อลอย เขานั้นไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย ทำไมเขาต้องเจอกับเรื่องเช่นนี้
การที่’กู้เทียนหลง’ทำการปรับ’กู้เบ่ย’ด้วยศิลาจิตวิญญาณ ในทางหนึ่งก็คือการบริจาคให้แก่นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ ในทางกลับกันเขาก็รู้ว่า’กู้เบ่ย’นั้นมีศิลาจิตวิญญาณอยู่เป็นจำนวนมาก มันเป็นเพียงข้ออ้างที่จะเพิ่มเติมทรัพยากรณ์ให้แก่ตระกูลเท่านั้น
แต่เขาไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว’กู้เบ่ย’นั้นมีสมบัติอยู่มากเท่าใด ถ้าหากรู้ว่า’กู้เบ่ย’มีสมบัติมากเพียงไหนแล้ว เขาจะต้องรู้สึกว่าการลงโทษนี้เบามากเกินไปเป็นแน่
หนึ่งล้านห้าแสนศิลาจิตวิญญาณ สำหรับคนทั่วไปแล้ว เป็นเงินจำนวนมากยิ่งนัก
แม้ว่าการลงโทษของ’กู้เบ่ย’ก็เพียงแค่การที่’กู้เบ่ย’ต้องบริจาคศิลาจิตวิญญาณเท่านั้น ก็นับว่าเป็นแค่โทษสถานเบา แต่’กู้เหิง’นั้นต้องนั่งจ้องกำแพงที่กักขังเขาเอาไว้เป็นเวลาสามสิบปี
โดยส่วนใหญ่แล้วเหล่าคนรุ่นใหม่ ในช่วงเวลาสามสิบปีควรที่จะมีประสบการณ์มากมายนัก ‘กู้เหิง’กลับต้องนั่งมองแต่ผนัง และต้องนั่งมองไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ออกมา และการบ่มเพาะพลังคงจะไม่อาจทำได้ดีนัก คงไม่อาจที่จะก้าวข้าม’กู้เบ่ย’และคนอื่นๆในเวลานั้นได้เป็นแน่!
‘กู้เหิง’ไม่อาจที่จะเป็นภัยคุกคามของเขาได้อีกต่อไป ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ต่างก็ให้ยืนอยู่ฝั่ง’กู้เบ่ย’แล้ว’กู้เหิง’จะไปเอาอะไรมาแข่งขันกับเขาได้อีก?
เมื่อผ่านไปสามสิบปี ‘กู้เหิง’ได้ถูกปล่อยออกมาในตอนนั้น’กู้เบ่ย’คงจะได้อยู่ในตำแหน่งผู้นำตระกูลกู้ไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นแค่เพียงการซื้อขายต่อรองราคา ‘กู้เหิง’นั้นรวบรวมผู้อาวุโสจำนวนมากเพื่อที่จะร้องเรียน’กู้เบ่ย’ ไม่มีใครคิดเลยว่ากำแพงป้องกันของ’กู้เหิง’จะถูกกัดกร่อน และเป็นการทำให้ตัวเขาเองต้องได้รับการลงโทษ ถ้าหากเหล่าผู้อาวุโสให้การสนับสนุนคำพูดของ’กู้เหิง’
แม้แต่’กู้เทียนหลง’ ก็คงไม่อาจที่จะคัดค้านได้ แต่ใครจะรู้ว่า เพราะเหตุใดผู้อาวุโสเหล่านั้นกลับย้ายฝั่งมาสนับสนุน’กู้เบ่ย’เช่นนี้?
‘กู้เหิง’นั้นเป็นคนหยิ่งทะนง คิดว่าตัวเองนั้นมีเส้นสายความสัมพันธ์ในการติดต่อกับเหล่าผู้อาวุโส และคิดว่าคงจะไม่มีทางที่จะพังทะลายลงได้ แต่ผลที่ปรากฏกลับเป็นดั่งที่เห็น เรื่องนี้ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งนัก!
ผู้อาวุโสลำดับที่สาม ‘กู้อวี่’ ลุกยืนขึ้นเขามองไปที่’กู้เบ่ย’และเดินออกจากห้องไป
‘กู้เบ่ย’มองไปที่ ผู้อาวุโสลำดับที่สาม ‘กู้อวี่’ ที่เดินกลับออกไปเพียงลำพังจนลับสายตาไป………….
จบตอน
รายชื่อผู้อาวุโสตระกูลกู้ที่เคยปรากฏชื่อออกมา
กู้เทียนหลง
ผู้นำตระกูลกู้หยา ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่ง
กู้อวี่ ผู้อาวุโสลำดับที่สาม
อาจารย์ของกู้เหิงกู้ไป๋ ผู้อาวุโสลำดับที่แปด
กู้เฟิง ผู้อาวุโสลำดับที่เก้า
แปลโดย นายมะพร้าว
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: