I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 418 潜修 เทคนิคการบ่มเพาะพลังลับ

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

ที่โลกภายนอกอันกว้างใหญ่

สำหรับการต่อสู้เพื่อยึดครองทะเลสาบแห่งเทพ กองกำลังเส้นทางสวรรค์และกองกำลังของ ‘หลี่ยื่อฟง’ ได้เข้าปะทะกัน และต่างก็ได้รับความเสียหายกันเป็นอย่างมาก แม้ว่า’กู้เบ่ย’และ’ลู่เพียว’จะไม่อยู่

แต่’กู้เบ่ย’และ’ลู่เพียว’ก็ได้ออกคำสั่งไว้ ถ้าหากกองกำลังเส้นทางสวรรค์เกิดปัญหาอันใด แม้ว่าพวกเขาจะมิได้อยู่สั่งการ ก็ให้เข้าทำการช่วยเหลือกองกำลังเส้นทางสวรรค์ในทันที

แต่การเข้าร่วมต่อสู้ของกองกำลังอสูร ก็แค่ทำให้ความรุนแรงของการต่อสู้สูงขึ้นไปเท่านั้น กองกำลังทั้งสาม เข้าต่อสู้กันอย่างชุลมุน

‘หลี่ชิงอวิ๋น’ไม่รู้เลยว่า’หลี่ยื่อฟง’นั้นได้ยอดฝีมือจำนวนมากจากที่ใดมาช่วย

ในตอนแรก ‘หลี่ยื่อฟง’นั้นมียอดฝีมือระดับแก่นแท้สวรรค์ไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น แต่ในภายหลัง พวกเขากลับถูกยอดฝีมือระดับแก่นแท้สวรรค์ปิดล้อมเจ็ดถึงแปดร้อยคน และมียอดฝีมือระดับวิถีมังกรอยู่อีกหลายคนด้วย

เมื่อ’หลี่ชิงอวิ๋น’รับรู้ถึงความผิดปกติ เขาจึงรีบออกคำสั่งให้กองกำลังเส้นทางสวรรค์ และ กองกำลังอสูรให้อยู่แค่ภายในบริเวณนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น

ด้วยความสามารถของ’หลี่ยื่อฟง’เขาไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือพวกนั้นได้ด้วยตัวคนเดียวเป็นแน่

เรื่องนี้จะต้องมีอะไรซ่อนเร้นอยู่เป็นแน่!

‘หลี่ยื่อฟง’และคนของเขามารวมตัวกันตะโกนที่ทางเข้าสถาบันวิญญาณฟ้า

“เจ้าพวกขยะ กองกำลังเส้นทางสวรรค์ และ กองกำลังเส้นทางอสูร พวกเจ้ากลัวจะถูกพวกเราสังหารจนไม่กล้าที่จะออกมาเลยเช่นนั้นหรือ? สมควรที่จะเปลี่ยนชื่อเป็นกองกำลังเต่าหดหัวเสียมากกว่า! ”

“พวกเจ้ามีความสามารถเพียงเท่านี้เองหรือ? พวกเจ้ายังกล้าที่จะออกมาต่อสู้กันอีกหรือไม่?”

คำท้าทายจาก’หลี่ยื่อฟง’และลูกน้อง เป็นที่รับรู้ไปทั่วสถาบันวิญญาณฟ้า

เหล่าศิษย์ของสถาบันวิญญาณฟ้าต่างก็พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้

“พวกเจ้าได้ข่าวมาหรือไม่ กองกำลังเส้นทางสวรรค์ และกองกำลังอสูร ได้ต่อสู้อย่างรุนแรงกับกองกำลังจิตวายุ กองกำลังเส้นทางสวรรค์ และกองกำลังอสูร นั้นได้พ่ายแพ้จนไม่กล้าที่จะออกมาสู้หน้าเลย! ”

“กองกำลังอสูรเป็นกองกำลังที่เพิ่งจะก่อตั้งขึ้นมาใหม่ แม้ว่าจะดูเหมือนมีสมาชิกเป็นจำนวนมาก แต่ก็คงยังไม่อาจเทียบกับกองกำลังจิตวายุก็ยังคงเล็กกว่ามากสินะ แต่กองกำลังเส้นทางสวรรค์ก็มีความแข็งแกร่งมิด้อยไปกว่ากัน เหตุใดจึงไม่อาจที่จะรับมือได้กันหล่ะ?”

“เรื่องนั้นก็ยังไม่มีความชัดเจนนัก แต่ดูเหมือนว่ากองกำลังจิตวายุนั้นจะปกปิดความแข็งแกร่งของตนเองเอาไว้!”

“ตระกูลเถ้าอัคคีมีผู้สืบทอดที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีฝีมืออยู่สองคน หนึ่งในนั้นคือหลี่ยื่อฟง และอีกคนคือหลี่ชิงอวิ๋น ตอนนี้ดูเหมือนว่าหลื่ยื่อฟงจะมีโอกาสสูงกว่าสินะ!”

“หลี่ยื่อฟงเป็นผู้สืบทอดลำดับที่หนึ่งมาอย่างยาวนานหลายปีแล้ว หลี่ชิงอวิ๋นจะเหนือกว่าได้เช้นใดกันเล่า?”

ตลอดทั้งวันศิษย์ของสถาบันวิญญาณฟ้าต่างก็พูดคุยกันในเรื่องดังกล่าว

“ท่านหัวหน้าชิงอวิ๋น พวกเราออกไปต่อสู้กับพวกมันเถิด!”

‘หลี่ยื่อฟง’นำคนมาต่อว่าและดูถูกด้วยถ้อยคำที่สกปรก เหล่าพี่น้องของ’หลี่ชิงอวิ๋น’ จึงโกรธแค้นและต้องการที่จะออกไปจัดการกับ’หลี่ยื่อฟง’และคนของเขา

“ถ้าออกไปก็เหมือนกับส่งพวกเจ้าไปตาย ทุกคนฟังคำสั่งของข้า ถ้ามิได้รับอนุญาตจากข้า พวกเจ้าห้ามก้าวขาออกไปนอกสถาบันวิญญาณฟ้า!”

‘หลี่ชิงอวิ๋น’พูดอย่างจริงจัง

เมื่อได้ยินคำสั่งของ’หลี่ชิงอวิ๋น’ สมาชิกของกองกำลังเส้นทางสวรรค์และกองกำลังอสูรต่างก็รู้สึกไม่ค่อยเต็มใจยอมรับ แม้ว่าพวกเขาจะมีความโกรธอัดแน่นอยู่เต็มหัวใจ แต่พวกเขาก็ยังเชื่อฟังคำสั่งของ’หลี่ชิงอวิ๋น’

เมื่อเห็นว่ากองกำลังเส้นทางสวรรค์และกองกำลังอสูร มีความลังเลที่จะออกมา สมาชิกของกองกำลังจิตวายุก็รู้สึกได้ใจ  ตะโกนคำพูดด่าทอและดูถูกออกมาไม่หยุด

‘หลี่ชิงอวิ๋น’ขมวดคิ้ว และเดินนำสมาชิงกองกำลังเส้นทางสวรรค์และกองกำลังอสูรเข้าไปทางด้านใน

เหล่าศิษย์ของสถาบันวิญญาณฟ้ามองดู’หลี่ชิงอวิ๋น’นำคนของเขาไป

“พวกเขาถูกตะโกนต่อว่าและดูถูกเหยียนหยาม ไม่คิดคิดเลยว่าหลี่ชิงอวิ๋นจะเป็นคนที่ขี้ขลาดถึงเพียงนี้!”

“ที่ผ่านมาในอดีตข้าเคยคิดว่า หลี่ชิงอวิ๋นเป็นคนที่กล้าหาญเสียอีก!”

“นี่ต่างหากที่เขาเรียกว่ากลยุทธ รู้ว่าเวลาไหนควรบุก เวลาไหนควรถอย ถ้ารู้ว่าจะออกไปตายเจ้าจะออกไปเช่นนั้นหรือ?”

“เดิมทีข้าก็ต้องการที่จะเข้าร่วมกองกำลังอสูร แต่ข้าไม่คิดเลยว่ากองกำลังอสูรจะขี้ขลาดเช่นนี้!”

เมื่อได้ยินเสียงเหล่าศิษย์ของสถาบันวิญญาณฟ้ากระซิบพูดคุยกัน สมาชิกของกองกำลังเส้นทางสวรรค์และกองกำลังอสูร ต่างก็โกรธจนหน้าแดง พวกเขาทำได้เพียงแค่อดกลั้นลมหายใจที่กำลังเดือดพล่าน และเดินตามหลัง’หลี่ชิงอวิ๋น’ไป

‘หลี่ยื่อฟง’ที่ยืนหน้าประตูทางเข้าสถาบันวิญญาณฟ้า มองไปที่ด้านหลังของ’หลี่ชิงอวิ๋น’ที่เดินเข้าไป เขาจ้องมองด้วยสายตาอันเย็นชา

ถ้าหาก’หลี่ชิงอวิ๋น’เป็นคนที่มุทะลุทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า เขาก็คงจะไม่มีความกังวลมากนัก แต่เมื่อได้ต่อสู้กันในหลาย ๆ ที่ผ่านมา ‘หลี่ชิงอวิ๋น’สามารถที่จะทำให้กองกำลังเส้นทางสวรรค์และกองกำลังเส้นทางอสูรให้เสียหายน้อยที่สุด

ดูเหมือนว่า’หลี่ชิงอวิ๋น’จะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขา ว่าเขานั้นมีคนให้ความช่วยเหลืออยู่!

ด้วยความแข็งแกร่งของกองกำลังจิตวายุ คงไม่อาจที่จะรับมือกับกองกำลังเส้นทางสวรรค์ได้ ไม่ต้องพูดถึงกองกำลังอสูรที่เป็นกำลังเสริมให้กับ’หลี่ชิงอวิ๋น’อีกด้วย

แต่เป็นเพราะได้รับความช่วยเหลือจากบุคคลอื่น ทำให้’หลี่ยื่อฟง’ไม่ได้รู้สึกดีใจมากนัก จากความคิดของเขา เขาเองก็ต้องการที่จะต่อสู้กันอย่างเท่าเทียม และด้วยอิทธิพลของกองกำลังที่ให้เขาหยิบยืมยอดฝีมือ เพื่อที่จะให้กำจัดกองกำลังเส้นทางสวรรค์และกองกำลังอสูร ดูเหมือนว่าเป้าหมายที่แท้จริงของคนผู้นั้น คือการยึดครองตำแหน่งผู้นำนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่

แม้ว่าพวกเขานั้นต่างก็ได้ผสานเข้ากับจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้า แต่พวกเขานั้นก็แตกต่างกันยิ่งนัก เรื่องเหล่านี้มันกัดกินใจของ’หลี่ยื่อฟง’

เขาโยนความผิดทุกอย่างไปให้กับ’หลี่ชิงอวิ๋น’แต่’หลี่ชิงอวิ๋น’กลับทำทุกอย่างได้เท่าเทียมกับเขา เหล่าคนรุ่นใหม่ในตระกูลเถ้าอัคคีต่างก็นับถือ’หลี่ชิงอวิ๋น’ เขาไม่อาจจมอยู่ในสถานการณ์อันเป็นทุกข์เช่นนั้นได้อีกต่อไป

ถ้าไม่เช่นนั้นเขาคงไม่หาทางออกโดยการร่วมมือกับคนภายนอกเช่นนี้! เพราะบางทีเขาอาจจะมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะขึ้นครองตำแหน่งผู้นำนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ได้เช่นกัน!

หลังจากวันนั้น ก็มีข่าวกระจายออกไปทั่วทั้งนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ว่า กองกำลังเส้นทางสวรรค์และกองกำลังอสูรได้ถูกจัดการ แต่ในตอนนี้ก็ยังไม่มีเหล่าผู้อาวุโส ที่ออกมาไกล่เกลี่ย การต่อสู้กันของเหล่าคนรุ่นใหม่ เป็นสิ่งที่นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์คิดเห็นร่วมกันแล้วว่าสามารถยอมรับในเรื่องนี้ได้

ภายในจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ

‘เนี่ยลี่’ยังคงดูดซับพลังสวรรค์อย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าห้วงขอบเขตวิญญาณของเขาเริ่มที่จะขยายตัวออก

เขารับรู้ได้อย่างคลุมเครือว่าเถาวัลย์ลึกลับที่อยู่ในห้วงขอบเขตวิญยาณของเขานั้นเติบใหญ่ขึ้น ทีละน้อย และเชื่อมต่อเข้ากับ ดาราวิญญาณทั้งเก้าที่จุดตันเถียนอีกด้วย ความแข็งแกร่งในทุกส่วนเริ่มที่จะเชื่อมโยงกัน ความแข็งแกร่งของ ห้วงพื้นที่และเวลา ก็โคจรไหลเวียนไปอย่างต่อเนื่อง ‘เนี่ยลี่’นั้นรับรู้ได้ว่ากำลังเข้าสู่สภาวะที่รู้สึกยอดเยี่ยมยิ่งนัก

เป็นเวลาสามวันแล้วที่’เนี่ยลี่’ยังคงบ่มเพาะพลังแม้ว่าไม่อาจที่จะบรรลุขั้นต่อไปได้สำเร็จ แต่ดูเหมือนว่าความรู้สึกของ’เนี่ยลี่’จะถูกปรับเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ราวกับว่าลมปราณของเขานั้นได้ผสานเข้ากับฟ้าและดิน

ในตอนนั้นเอง ‘เนี่ยลี่’ก็รับรู้ได้ถึงบางสิ่งอย่างเลือนราง ที่ด้านบนของเถาวัลย์ลึกลับ ราวกับมีดาราบนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด
ลมปราณอันมีประสิทธิภาพยิ่งนักแผ่ออกมาจากบนท้องฟ้าที่ไร้ที่สิ้นสุดนั้น ทำให้’เนี่ยลี่’รู้สึกตกใจยิ่งนัก

ลมปราณนี้….สุดท้ายแล้วมันคือสิ่งใดกันแน่?

หรือว่าความสามารถของเถาวัลย์ลึกลับนี้ ยังมีความลับซุกซ่อนอยู่อีกมากเช่นนั้นหรือ? ‘เนี่ยลี่’ตื่นจากภวังค์ เขาขมวดคิ้ว และครุ่นคิด
หลังจากนั้นเขาจะต้องทำการตรวจสอบความลับของเถาวัลย์ลึกลับนี้

‘กู้เบ่ย’และ’ลู่เพียว’

หลังจากที่ได้พลังจากการสังเวยเลือดอสูร และอยู่ค่ายกลลับเก้ามังกรสวรรค์ ทำให้การบ่มเพาะพลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกเขานั้นได้บรรลุเข้ามาอยู่ในขอบเขตดาราสวรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ลู่เพียว’

เนื่องจากเขาได้เชื่อมโยงกับห้วงขอบเขตวิญญาณกับ’เนี่ยลี่’ ตั้งแต่อยู่บนโลกใบเล็ก ทำให้เขานั้นพ่มเพาะพลังเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เขาสามารถสร้างดาราวิญญาณได้ถึงหกดวงแล้ว

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้านั้นบรรลุระดับดาราสวรรค์ขั้นที่หกแล้ว! เนี่ยลี่ ค่ายกลของเจ้าช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”

‘ลู่เพียว’พูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

‘กู้เบ่ย’มองไปที่’ลู่เพียว’ด้วยความรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย ก่อที่จะเข้ามาเขากับลู่เพียวนั้นอยู่ในระดับเดียวกัน หลายวันที่ผ่านมาเขานั้นสามารถสร้างดาราวิญญาณได้เพียงแค่สามดวง เขานั้นตามหลังลู่เพียงถึงสามระดับ จะไม่ให้เขานั้นอดที่จะเศร้าใจไม่ได้อย่างไร?

เมื่อ’เนี่ยลี่’เห็น’กู้เบ่ย’อยู่ในสภาพคอตก

‘เนี่ยลี่’ก็ยิ้มและพูดออกไปว่า

“กู้เบ่ยเจ้านั้นไม่ต้องเศร้าใจไป ลู่เพียวนั้นได้เชื่อมโยงกับห้วงขอบเขตวิญญาณของข้า ดังนั้นจึงสามารถเพิ่มระดับพลังได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้การบ่มเพาะพลังของเจ้านั้นนับว่าเป็นเรื่องรอง เจ้าจะต้องอุทิศตนให้กับการเข้าถึงเจตจำนงแห่กระบี่ ตราบเท่าที่เจ้าสามารถบรรลุเจตจำนงแห่งกระบี่ขั้นสูงสุด เจ้าก็จะก้าวล้ำเสียยิ่งกว่าการบ่มเพาะพลังเสียอีก!”

“ข้าเข้าใจแล้ว!”

‘กู้เบ่ย’พยักหน้าตอบ การเข้าถึงเจตจำนงแห่งกระบี่ ในเรื่องนี้เขาเองก็มิได้ด้อยไปกว่าผู้ใด เรื่องนี้สร้างความมั่นใจให้แก่เขายิ่งนัก

“พวกเรานั้นอยู่ในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำมาหลายวันแล้ว พวกเราควรที่จะกลับออกไปได้แล้ว!”

………………….จบตอน

แปลโดย นายมะพร้าว

คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments