I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 421 天元神族 เผ่าพันธุ์แห่งเทพเมฆาสวรรค์ 2

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

หลังจากนั้นราวครึ่งชั่วยาม’หลงยู่อิน’และหญิงวัยกลางคนก็ไปถึงที่ป่าเล็กๆ แห่งหนึ่ง

“กลิ่นของธูปวิญญาณหมดลงตรงจุดนี้”

‘หลงยู่อิน’ขมวดคิ้ว พวกนางมองเข้าไปในป่า แต่ก็มองไม่เห็นร่างของ’เนี่ยลี่’เลยแม้แต่น้อย กลิ่นของธูปติดอยู่กับตัวของ’หลงยู่อิน’และนางวิ่งกอด’เนี่ยลี่’ในตอนก่อนหน้านี้ ทำให้กลิ่นธูปติดตัว’เนี่ยลี่’ไป

“หรือว่าคุณชายตรวจพบว่าร่างกายของเขามีกลิ่นของธูปวิญญาณติดอยู่?”

หญิงผู้ติดตาม’หลงยู่อิน’ผู้หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะสงสัย

‘หลงยู่อิน’นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง การรับรู้ของ’เนี่ยลี่’นั้นเฉียบคมยิ่งนัก การที่จะรับรู้ได้ว่าร่างของเขามีกลิ่นธูปวิญญาณติดอยู่จริงก็เป็นไปได้ ‘หลงยู่อิน’รู้สึกไม่พอใจ จนอดไม่ได้ที่จะทืบเท้าของนาง และพูดขึ้นมาว่า

“ข้าจะต้องหาเขาให้พบ!”

‘หลงยู่อิน’ทะยานเข้าไปในป่า และหญิงผู้ติดตามทั้งสองก็ทะยานตามไปติด ๆ

หลังจากนั้นไม่นาน มีกลุ่มคนอีกหลายคนที่ตามมายังที่แห่งเดียวกัน หนึ่งในนั้นคือ’หลี่ยื่อฟง’ นอกจากนี้ยังมียอดฝีมือสวมหน้ากากสองคนที่ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด และยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์อีกสามคน

“หลงยู่อินและผู้ติดตามทั้งสอง หายไปจากทางนี้เช่นนั้นหรือ?”

‘หลี่ยื่อฟง’เอ่ยถาม

หนึ่งในยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ผู้หนึ่งรีบพยักหน้าตอบกลับพร้อมกับพูดว่า

“ข้าเห็นพวกเขายืนอยู่ตรงนี้ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มุ่งหน้าไปทางด้านนั้น”

‘หลี่ยื่อฟง’หันมองไปทิศทางนั้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หันมามองยอดฝีมือที่สวมหน้ากากทั้งสอง และถามขึ้นมาว่า

“พวกนางหายไปตามทิศทางนี้ ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้าทั้งสองพร้อมกันหรือไม่?”

หนึ่งในชายที่สวมหน้ากากป้องมือคารวะและพูดออกไปว่า

“นายน้อยหลี่ยื่อฟงไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ ท่านสามารถปล่อยให้พวกข้าจัดการได้ หลังจากนั้นพวกข้าจะกลับไปรายงานแก่ท่านนายน้อยเอง พวกข้าขอตัวก่อนนายน้อยหลี่ยื่อฟง!”

ฟุ่บบ! ฟุ่บบ!

ยอดฝีมือที่สวมหน้ากากทั้งสองทะยายออกไปราวกับเป็นลำแสง

ยอดฝีมือที่สวมหน้ากากทั้งสองคนนี้อยู่ในระดับวิถีแห่งมังกร!

หลังจากที่มองดูยอดฝีมือที่สวมหน้ากากทั้งสองลับหายไปจากสายตาของเขา เหล่าผู้ติดตามที่เป็นยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามหลี่ยื่อฟงว่า

“นายน้อย ยอดฝีมือทั้งสองคนนี้มาจากที่ใดกันขอรับ?”

‘หลี่ยื่อฟง’หันกลับไปมองยังผู้ติดตามผู้นั้นด้วย

สายตาอันเย็นชา และตอบกลับไปว่า

“นั่นคือคำถามของเจ้าเช่นนั้นหรือ?”

ยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์รีบคุกเข่าลงด้วยความหวาดกลัวและพูดขึ้นมาว่า

“นางน้อย โปรดอภัยข้าด้วย ข้านั้นพูดมากเกินไป โปรดอภัยด้วย!”

“ลุกขึ้นหลังจากนี้ไป เจ้าต้องหัดเรียนรู้เอาไว้ ว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควรถาม!”

‘หลี่ยื่อฟง’มองออกไปไกล ๆ และพูดขึ้นมา

ตระกูลเถ้าอัคคีและตระกูลผนึกมังกร นั้นอยู่ในระดับที่ทัดเทียมกัน และต่างก็มุ่งหวังกับผู้สืบทอดตระกูลลำดับที่หนึ่ง แต่ผู้ติดตามของ’หลี่ยื่อฟง’นั้นมีความแข็งแกร่งแค่เพียงระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ และโดยทั่วไปยอดฝีมือระดับวิถีแห่งมังกร จะเป็นเหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ในตระกูลของเขา

ยอดฝีมือในระดับนั้น แม้จะเป็นผู้สืบทอดลำดับที่หนึ่งเช่นเขา ก็ไม่อาจที่จะสั่งการให้ทำสิ่งใดได้

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ‘หลงเทียนหมิง’ก็ยังมีผู้ติดตามที่อยู่ในระดับวิถีแห่งมังกรถึงสองคน!

และเมื่อได้ติดต่อกัน’หลี่ยื่อฟง’จึงรู้ว่า’หลงเทียนหมิง’นั้นยังปกปิดความแข็งแกร่งของเขาเอาไว้!

‘หลี่ยื่อฟง’อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจ แม้ว่าในตอนนี้เขาจะต้องการพลังของ’หลงเทียนหมิง’ แต่เขาเองก็ไม่ต้องการที่จะเป็นหุ่นเชิดของ’หลงเทียนหมิง’เช่นกัน ด้วยความหยิ่งทะนงในตัวเขา เขาเองก็ไม่ได้เต็มใจที่จะร้องขอความช่วยเหลือเช่นนี้ แต่เขาก็ตระหนักดีว่า กองกำลังของเขาในตอนนี้ ไม่ได้มีความแข็งแกร่งในระดับเดียวกันกับกองกำลังของ’หลงเทียนหมิง’

แม้ไม่ต้องการที่จะก้มหัว แต่ก็จำเป็นที่จะต้องทำ ‘หลี่ยื่อฟง’คิดด้วยใจที่หดหู่

เขาไม่คิดเลยว่า’หลงเทียนหมิง’จะเตรียมการกำจัด’หลงยู่อิน’และผู้ติดตามของนางตาของ’หลี่ยื่อฟง’เป็นประกาย เขามองไปที่ผู้ติดตามระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ของเขาและพูดขึ้นว่า

“ไปกันได้แล้ว!”

“ขอรับ!”

เหล่ายอดฝีมือระดับแก่นแห่งสวรรค์ตอบกลับไป

จากนั้นกลุ่มของ’หลี่ยื่อฟง’ก็ทะยานออกไป

ที่ชายแดนพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด

เมื่อมองไปยังพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด เขามองเห็นแต่พื้นที่สีเหลืองกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด มันเป็นดินแดนที่แห้งแล้งโดยไม่มีการเจริญเติบโตของพืชใดๆ

เมื่อสายลมพัดมา บนท้องฟ้าก็เต็มไปฝุ่นสีเหลืองกระจายไปทั่ว

เป็นเวลานับพันปี ที่เผ่าพันธุ์แห่งเทพเมฆาสวรรค์ ที่ต้องติดอยู่ในโลกสีเหลืองอันแห้งแล้งนี้ ต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดในพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด

ในครั้งหนึ่ง เหล่าบรรชนของเผ่าพันธุ์แห่งเทพเมฆาสวรรค์ เคยยืนหยัดอยู่บนตำแหน่งที่สูงสุด และสามารถรับมือได้แม้แต่กับจักรพรรดิปราชญ์

แต่ทว่า สุดท้ายแล้วเหล่าบรรชนของเผ่าพันธุ์แห่งเทพเมฆาสวรรค์กลับถูก  จักรพรรดิปราชญ์สาปให้อยู่ในพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด
เนื่องจากเขามองว่าเหล่าลูกหลานของเผ่าพันธุ์แห่งเทพเมฆาสวรรค์จะเป็นภัยคุกคามเขาได้

หลังจากนั้นก็ถูกผนึกให้อยู่ในพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุดไปชั่วนิรันด์

เมื่อใดก็ตามที่เผ่าพันธุ์แห่งเทพเมฆาสวรรค์ออกจากพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด พวกเขาต้องยอมลดตัวไปเป็นผู้รับใช้ของบุคคลอื่น!

ซึ่งเรื่องนี้นับว่าเป็นความอัปยศอดสูไม่มีที่สิ้นสุด

ของเผ่าพันธุ์แห่งเทพเมฆาสวรรค์

ซึ่งเหล่ายอดฝีมือที่แข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์แห่งเทพเมฆาสวรรค์ไม่อาจที่จะยอมรับได้ หลายคนยอมตายเสียดีกว่าที่จะยอมออกไปจากพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด แต่ก็มีคนจากเผ่าพันธุ์แห่งเทพเมฆาสวรรค์บางส่วนที่ถูกขับไล่ให้ออกจากพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด

แต่เมื่อพวกเขา ลงนามในพันธสัญญาเป็นผู้รับใช้ และออกมาจากพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด กลับถูกข่มเหงราวกับทาส และมีชีวิตที่เจ็บปวดเสียยิ่งกว่าความตาย

เผ่าพันธุ์แห่งเทพเมฆาสวรรค์ที่เคยมีประชากรขนาดใหญ่ของพันล้านชาติพันธุ์ สุดท้ายก็เหลือรอดเพียงแค่ไม่กี่ร้อยคน

ในทุกปีก็จะมีคนออกจากพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุดอยู่เสมอ พวกเขามีทางเลือกเพียงสองทางคือยอมตายอยู่ในพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด หรือว่า ออกไปยังอยู่ที่โกลภายนอกอย่างอัปยศอดสู

แต่ในเรื่องของความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์แห่งเทพเมฆาสวรรค์นั้นไม่มีข้อสงสัยเลยแม้แต่น้อย แม้แต่เผ่าพันธุ์แห่งเทพเมฆาสวรรค์ที่อ่อนแอยังมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับวิถีแห่งมังกร!

ที่ชายแดนพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด มีเมืองเล็ก ๆ อยู่ ในเมืองเต็มไปด้วยเสียงจากร้านค้าต่าง ๆ ที่ได้มาตั้งรกรากยังที่แห่งนี้

พื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุดแห่งนี้ ไม่มีทรัพยากรใด ๆ เผ่าพันธุ์แห่งเทพเมฆาสวรรค์ที่ต้องกลายเป็นทาส พวกเขาแลกเปลี่ยนตัวเองกับศิลาจิตวิญญาณเป็นจำนวนมาก และใช้เงินเหล่านี้ซื้ออาหารจากภายนอก และส่งอาหารไปให้คนจากเผ่าพันธุ์ของพวกเขา

ด้วยการกระทำเช่นนี้ ทำให้ในช่วงสิบปีมานี้ ประชากรเผ่าพันธุ์แห่งเทพเมฆาสวรรค์จึงไม่ได้ลดลง

จะมีหลายร้อยคนในแต่ละปี ที่เหล่ายอดฝีมือจากเผ่าพันธุ์แห่งเทพเมฆาสวรรค์ ได้ออกไปจากพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด ที่ต้องยอมไปเป็นทาสรับใช้

ยอดฝีมือเผ่าพันธุ์แห่งเทพเมฆาสวรรค์ที่อยู่ในระดับวิถีแห่งมังกร ในระดับที่หนึ่งนั้น จะต้องจ่ายค่าจ้างเริ่มต้นที่อย่างน้อยสามหมื่นศิลาจิตวิญญาณหรือสูงกว่านั้น และในระดับที่สองนั้น จะต้องจ่ายสูงขึ้นไปอีกสองเท่า และในระดับที่สามนั้นก็จะแพงยิ่งขึ้นไปอีก

ดังนั้นจึงมีแค่เพียงคนจากตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวยเท่านั้น จึงจะมีทาสจากเผ่าพันธุ์แห่งเทพเมฆาสวรรค์ที่แข็งแกร่งได้

การลงนามในพันธสัญญาเป็นผู้รับใช้ของยอดฝีมือจากเผ่าพันธุ์แห่งเทพเมฆาสวรรค์ จักรพรรดิปราชญ์เป็นผู้กำหนดขึ้นมา ยอดฝีมือจากเผ่าพันธุ์แห่งเทพเมฆาสวรรค์ไม่อาจที่จะทำลายพันธสัญญานี้ได้

ดังนั้นเมื่อยอดฝีมือจากเผ่าพันธุ์แห่งเทพเมฆาสวรรค์ได้ลงนามในพันธสัญญาเป็นผู้รับใช้ ก็จะต้องทำตามคำสั่ง แม้ว่าจะเป็นคำสั่งให้พวกเขาต้องตาย

พวกเขาก็จะไม่อาจที่จะปฏิเสธได้ ด้วยเหตุนี้ทาสที่มาจากเผ่าพันธุ์แห่งเทพเมฆาสวรรค์ จึงเป็นที่นิยมยิ่งนัก

‘เนี่ยลี่’เดินไปตามถนนเล็ก ๆในเมือง นอกเหนือจากการพูดคุยกันของร้านค้าที่สวมชุดผ้าไหม ก็จะเห็น ทาสที่มาจากเผ่าพันธุ์แห่งเทพเมฆาสวรรค์ที่ซูบผอมอยู่หลายคน

แม้ว่าราคาที่ต้องจ่ายสำหรับยอดฝีมือจากเผ่าพันธุ์แห่งเทพเมฆาสวรรค์จะสูงกว่าสามหมื่นศิลาจิตวิญญาณ แต่อาหารจากทั่วทุกมุมโลกที่ได้จัดส่งมายังที่แห่งแห่งนี้ ก็ยังจำหน่ายในราคาที่สูงนัก ยอดฝีมือจากเผ่าพันธุ์แห่งเทพเมฆาสวรรค์ ก็สามารถนำไปแลกเปลี่ยนอาหารได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น และไม่เพียงพอที่จะซื้อเสื้อผ้าได้

‘เนี่ยลี่’เดินไปจนสุดทาง และมองไปโดยรอบ ก็จะเห็นร้านค้าที่เคยค้าขายติดต่อกับเหล่านิกายศักดิ์สิทธิ์

เมื่อได้เห็นคนเหล่านั้น’เนี่ยลี่’จะก้าวขาให้เร็วขึ้นอีกครึ่งก้าว

‘เนี่ยลี่’สวมเสื้อคลุมและเดินก้มต่ำ ในช่วงเวลาที่เดินผ่านก็ได้ยินเสียงมากมาย มีผู้คนเดินไปมามายมายไปรวมตัวกันยังที่แห่งหนึ่ง

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!”

‘เนี่ยลี่’ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเดินตามเหล่าฝูงชนไปยังที่แห่งนั้น

………………จบตอน

แปลโดย นายมะพร้าว

คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ

บทต่อไป
& บทที่ 422 主仆契约 พันธสัญญาข้ารับใช้

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments