ตอนที่แล้วตอนต่อไปเด็กชายคนหนึ่งที่นอนอยู่ใต้ต้นแอปเปิ้ลในสวนบริเวณคฤหาสน์
เป็นเหมือนกับเตียงหลังที่สองของเขา
“เฮ้อ… อยากดื่มโค้กจัง”
เขาเป็นบุตรชายคนที่สามแห่งตระกูลไอเฟลเลตาร์ ไรลีย์
“มันชักจะบ่อยขึ้นแล้วนะ ความฝันในอดีตเนี่ย”
โลกที่เต็มไปด้วยพื้นคอนกรีตและตึกระฟ้า
มันสะท้อนให้เห็นชีวิตของตัวเขาในอดีตของตัวเขา
ตั้งแต่วันที่เขาดึงดาบศักดิ์สิทธิ์ออกจากพื้น มีการต่อสู้มากมาย
เพื่อป้องกันโลกที่ถูกรุกรานโดยราชาปีศาจ เขาต้องฆ่าเหล่ามอนสเตอร์นับไม่ถ้วน
แทนที่ตัวเขาจะได้ไปโรงเรียนกับเพื่อนๆ เขากลับถูกบังคับให้ต้องต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วน
เขาถอนหายใจออกมาเมื่อเขานึกถึงความฝันที่เกี่ยวกับชีวิตที่ผ่านมา
“มันย้อนกลับมาทุกครั้งที่ผมลืมมัน”
เขาเกาหัวเมื่อนึกถึงประโยคเขาพูดออกมา ‘อยากดื่มโค้กจัง’
“โค้ก เฮ้อ…”
มันเป็นเครื่องดื่มที่ตัวเขาใน‘อดีต’ โปรดปราน
เขาเสียใจที่ไม่รู้วิธีทำมัน
“หึ”
‘นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้รู้สึกถึงน้ำอัดลมที่ไหลผ่านลำคอ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้วสินะ….’
เขาประสานนิ้วทั้งสิบของเขาเข้าด้วยกันแล้วยืดแขนทั้งสองข้างออกไป ขณะที่เขากำลังคิดถึงอดีตของตัวเอง
“ก็นะ ไม่จำเป็นต้องนึกถึงอดีตแล้ว”
ผมจะใช้ชีวิตนี้อย่างสงบสุข
เพราะว่าความทรงจำของเขายังอยู่ครบถ้วน มันจึงทำให้เขานึกถึงเรื่องที่ตัวเองมาเกิดใหม่ในโลกนี้
ให้ต่อสู้ด้วยดาบ เพื่อปกป้องโลก…
เพื่อให้กลายเป็นคนที่ถูกเทิดทูล ให้เป็นที่พึ่งพิง…
มันไม่จำเป็น!
เขาหลีกหนีจากอุปสรรคทั้งหมดในชีวิตของเขา
น่าขอบคุณจริงๆ ที่ทำให้เขาเกิดเป็นบุตรชายคนที่สามแห่งตระกูลชนชั้นสูง
“…นายน้อยครับ นายน้อย!”
ถ้าไม่มีอุปสรรคใดๆเลย
“นายน้อยครับ! นายน้อยหลับอีกแล้วหรอครับ!”
‘เวรกรรม’
แม้ว่าตัวเขาจะตื่นแล้ว แต่เขากลับหลับตาของเขาอีกครั้งเพื่อหลีเลี่ยงจากสถานการณ์แบบนี้
เขาอยากจะบอกว่าอย่ารบกวนการนอนของเขา
“นี่พึ่งจะเลยเที่ยงมานิดหน่อยเองนะครับ พระอาทิตย์เพิ่งจะขึ้นเองนะท่าน! ท่านควรจะนอนในเวลากลางคืนนะครับ!”
ถ้าชายคนหนึ่งเหนื่อยมากๆ เขาสามารถนอนได้ทั้งวัน
นอนเหมือนกับผักนั่นแหละ เขาก็จะหลับเป็นตาย
‘นอนในตอนกลางวันและหลับในตอนกลางคืนมันคือสองสิ่งที่แตกต่างกัน’
เมื่อเขาเลือกคำตอบในใจได้ เขาก็กรนออกมาเสียงดัง
เขาทำแบบนี้ก็เพื่อแสดงให้พ่อบ้านเห็นว่าเขากำลังอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน
“แม้ว่าผมจะแก่ปูนนี้แล้ว แต่ผมก็ยังแยกแยะระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องโกหกออกนะครับ”
“…”
“ผมรับใช้ท่านมาเกือบ 20 ปีนะครับ ท่านควรจะเลิกแกล้งหลับแล้วลุกขึ้นมานะครับ”
เขามักจะพูดอย่างนั้นเสมอ แต่เอียนมีวิธีที่ทำให้รู้ความจริง เพราะอย่างนั้นเขาถึงกำลังขอร้องให้ไรลีย์ลุกขึ้นมา
“เฮ้อ นายน้อยครับใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วนะครับ”
เขาเขย่าไหล่ของไรลี่ย์
“หืม จริงหรอ?”
ไรลีย์ลุกขึ้นมา แต่เขาก็อดที่จะพูดออกมาด้วยเสียงเศร้าๆไม่ได้
เขาไม่อยากให้ชายแก่คนนี้ร้องไห้
“ดูเหมือนว่า… วันนี้ท่านก็ไม่ได้ฝึกซ้อมเช่นเคยสินะครับ”
ไรลีย์ไม่ได้ตอบเอียนกลับไป
“ขอเพียงท่านได้ลองดู ผมมั่นใจว่าท่านจะได้พบพรสวรรค์ของท่านแน่นอนครับ”
เขาเริ่มบ่น
อีกแล้ว…
ไรลีย์เริ่มสงสัยแล้วว่าที่เขาตื่นขึ้นมาเป็นการกระทำที่ถูกไหม
“แล้ว… เหตุผลล่ะครับ?”
“นี่ นายคิดว่ามื้อเย็นวันนี้จะเป็นอะไรหรอ?”
“จากการคาดการณ์ของผม ผมคาดว่าท่านจะต้องเอาชนะท่านพี่ทั้งสองของท่านได้แน่ครับ!”
ครั้งหนึ่งเอียนเคยประเมินว่าไรลีย์นั้น ‘ดูเป็นผู้ใหญ่เกินอายุของเขา’
ในทางที่ดี
ในความทรงจำของเขา เขาคิดว่าไรลีย์นั้นไม่แสดงท่าทีเหมือนกับเด็กทารกทั่วๆไป
“หลายๆคนอาจจะลืมเลือนไปแล้ว แต่ผมรู้นะครับ! รู้ว่านายน้อยน่ะ-”
“ขี้เกียจหรอ?”
ไรลีย์ตอบกลับแล้วยิ้มออกมา
“ไม่! ไม่ใช่แบบนั้นครับ!”
หน้าของเอียนนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดง และมีไอน้ำพุ่งออกมาจากหูของเขา
“ฮึ… ท่านไม่รู้หรอกครับว่าผมโกรธไอ้พวกสารเลวนั่นในหมู่บ้านอิฟฟาแค่ไหน!”
เอียนหลับตาของเขา ในหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เมื่อไรลีย์รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาก็เดินออกห่างจากเอียนทันที
เอียนเดินตามเขาไป และพึมพำคำก่นด่าต่างๆนาๆเท่าที่เขาจะคิดได้ออกมา
***
“ด้วยความสัตย์จริงครับท่านหญิงไอริส! ได้โปรดช่วยตำหนินายน้อยไรลีย์ด้วยเถอะครับ นายน้อยไม่แม้แต่จะแตะต้องดาบเลยสักนิดครับ…เหมือนกับว่านายน้อยพยายามที่จะเป็นจอมเวทย์เลยครับ”
“แล้วมันมีปัญหาอะไรรึจ๊ะ เอียน?”
ในห้องรับประทานอาหารของคฤหาสน์ในขณะนี้ มีคนสอง- ไม่สิ สามคนอยู่ที่โต๊ะอาหาร
หญิงสาวกำลังยิ้มให้กับบุตรชายของเธอที่นั่งอยู่ทางฝั่งตรงข้ามของเธอ
“แหะ ๆ”
เมื่อไรลีย์มองหน้าท่านแม่ของเขา เขาก็ยิ้มออกมาเช่นกัน
ท่านแม่ของเขาเป็นคนๆเดียวในคฤหาสน์ที่เข้าใจในตัวของเขา
ไอริส
เธอมักจะตั้งอกตั้งใจฟังความฝันประหลาดๆของเขาเสมอ
มารดาผู้ยอดเยี่ยมผู้ซึ่งหวังเพียงแต่ให้บุตรชายของเธอมีความสุข แม้ว่าเขาไม่อยากจะเรียนวิชาดาบของตระกูลก็ตาม
ถ้าให้ไรลีย์เลือกสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของเขา เขาก็จะเลือกท่านแม่ของเขาในทันที
“แหะ ๆ ท่านก็เช่นกันครับ ท่านหญิง”
เอียนถอนหายใจให้กับทั้งสองคน
“โอ้? นายหมายความว่ายังไงหรอเอียน?”
“นายน้อยก็อายุ 18 แล้วนะครับ เขาเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว ท่านจะให้เขาทำตัวเป็นเด็กไปถึงไหนกันครับท่านหญิง?
ถึงเวลาที่จะต้องเข้มงวดกับนายน้อยแล้วนะครับ แล้วยังมีปัญหาเรื่องตำแหน่งผู้สืบทอดอยู่อีกนะครับ”
เอียนกุมขมับเมื่อเขาพูดคำเหล่านั้นออกมา แค่นึกถึงเรื่องนั้นก็ทำให้เขาปวดหัวขึ้นมาแล้ว
“นี่ท่านไม่โกรธหรอครับ? ที่บุตรชายทั้งสองของท่านหญิงโอแรลีย์มาพบท่านเมื่อมีเวลาว่างเท่านั้น พวกเขาเยาะเย้ยท่านนะครับ พวกเนรคุณนั่นน่ะ”
[คำให้เกียรติที่พ่อบ้านใช้ตรงนี้จะบอกว่าท่านหญิงโอแรลีย์นั้นเป็นภรรยาคนแรกในตระกูลไอเฟลเลต้า และยังเป็นมารดาของบุตรชายคนที่หนึ่งและสอง ในขณะที่ท่านหญิงไอริสเป็นภรรยาคนที่สองและยังเป็นมารดาของไรลีย์อีกด้วย]
“เอียนระวังคำพูดของเธอด้วย พวกเรายังอยู่ในคฤหาสน์นะ”
“ไม่ครับ ผมจะพูดแบบนี้ พวกท่านทั้งสองน่ะ… มีความทะเยอทะยานบ้างสิครับ ท่านไม่อยากจะเอาคืนพวกเขาหรอครับ?”
เอียนเริ่มบ่นออกมา
“แทนที่จะคิดถึงเรื่องความฝันแปลกๆของนายน้อยน่ะครับ!”
ไรลีย์มักจะเล่าเรื่องความฝันของเขาให้ท่านแม่ของเขาฟังเสมอ เมื่อเอียนตะโกนออกมาว่าเขาควรจะคุยเรื่องดาบแทน ไรลีย์ก็ตอบกลับมา
“ฝันแปลกๆที่ผมพูดถึงน่ะมันก็น่าสนใจใช่ไหมล่ะ?”
“หะ? ใช่ครับมันน่าสนใจ… เดี๋ยว นั่นมันไม่ใช่ประเด็นนะครับ!”
เอียนเริ่มบอกไอริสเกี่ยวกับลักษณะที่ดีของไรลีย์
“ท่านก็รู้ถึงความฉลาดของนายน้อยดีหนิครับ”
ในวัยเด็กของไรลีย์ เขาเรียนรู้ทั้งการเขียนและการพูดได้รวดเร็วมาก
มันไม่ใช่สิ่งเดียวที่เขาคิดออก
มันมีอีกนับไม่ถ้วน
“แล้วไงล่ะ?”
ทักษะการแก้ไขปัญหาของไรลีย์นั้นเหนือล้ำกว่าอายุของเขาจนน่าตกใจ และไม่ว่าจะมีภัยอันใดเกินขึ้น เขามักจะหายตัวไปจากคฤหาสน์เสมอ โดยใช้คำว่า ‘เล่นซ่อนหา’ เป็นข้ออ้าง
แล้วเขาจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อภัยต่างๆได้หายไปแล้ว
“ผมยังคง…”
ไอริสรู้ดีว่าไรลีย์นั้นแตกต่างจากคนทั่วไป เรื่องราวความฝันของเขา วิธีที่เขาใช้พูดออกมา… ทุกคำและทุกท่าทางของเขาล้วนเปี่ยมไปด้วยวุฒิภาวะ
“ความฉลาดของนายน้อยจะสามารถนำไปใช้กับดาบได้เป็นอย่างดีครับ! ผมได้พูดกับท่านหญิงมาหลายครั้งแล้วเกี่ยวกับพรสวรรค์อันไร้ขีดจำกัดของเขา-”
“เอียน”
ไอริสขัดคำพูดต่อไปของเอียน
“ฉันมีความสุขในสิ่งที่ไรลีย์เป็น”
เธอจะไม่สนใจการกระทำของไรลีย์มากนัก
เพราะว่าเธอเป็นแม่ของเขา เธอหวังแต่เพียงว่าลูกชายของเธอจะมีความสุข
“เฮ้ออออ…”
เอียนห่อไหล่ลงเมื่อเขาไม่สามารถโน้มน้าวใจของเธอได้อีกครั้งแล้วที่เป็นอย่างนี้
เขารู้สึกว่าตัวเขาเล็กลงกว่าแต่ก่อน ราวกับว่ากล้ามเนื้อภายใต้เสื้อผ้าของเขาทั้งหมดก็หดลงเช่นกัน
“เอียน นี่คือชีวิตของผม ผมดูแลตัวเองได้น่า”
ไรลีย์หัวเราะในใจขณะที่ปากของเขายังเต็มไปด้วยซุป เพราะเขารู้ว่าเขาสามารถหลบหนีจากการบ่นของเอียนได้สำเร็จ ต้องขอบคุณท่านแม่ของเขา
“แค่ก!”
ไอริสเริ่มจะไอออกมา
อาหารของเธอเข้าไปติดขัดหลอดลมงั้นหรอ?
หรือว่าใส่พริกลงไปในซุปมากเกินไป?
“แค่ก แค่ก!”
อาการไอดูเหมือนว่าจะเริ่มหนักขึ้นๆ
หน้าของไรลีย์เริ่มมืดมิด ขณะที่เสียงไอยังไม่หยุดลง แม้ว่าเวลาจะผ่านไปสักเล็กน้อยแล้ว
“ท่านแม่?”
ไอริสปิดปากของเธอด้วยมือข้างหนึ่ง ขณะที่อีกมือหนึ่งกำลังส่ายเบื่อจะบอกให้คนอื่นรู้ว่าเธอไม่เป็นอะไร
บทที่3
แต่ไรลีย์สังเกตเห็นบางอย่างบนมือที่ส่ายไปส่ายมาของเธอ
“ท่านแม่ มือของท่าน!”
“แค่ก! แค่ก!”
อาการไอยิ่งหนักขึ้นเมื่อเธอมองที่มือของเธอ
สีแดง
เลือดได้อาบมือของเธอ แล้วเธอก็ล้มลงบนโต๊ะ
“ท่านแม่!”
ไรลีย์ยืนขึ้นอย่างร้อนรน แต่เขาก็ต้องหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็วเมื่อเขารู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังดูอยู่ ในตอนนั้นเอง ตาของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นสายตาของนักล่า แต่ก็กลับมาเป็นอย่างเดิมอย่างรวดเร็ว
“คิกๆ”
มีเสียงหัวเราะเบาๆออกมาจากที่ๆห่างออกไปเพียงเล็กน้อย แต่ไรลีย์สามารถได้ยินเสียงนั้นได้ จากนั้นเขาก็ได้เห็นมัน
“รอเดี๋ยวครับนายน้อย ผมจะไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้แหละครับ!”
“…”
หลังจากที่หัวเราะเยาะเย้ยเสร็จ ภรรยาคนแรกแห่งตระกูลฟินน์ ไอเฟลเลตาร์ ที่อยู่ห่างออกไปก็ค่อยๆ เดินจากไป