มันเป็นสถานการณ์ที่น่าหวาดหวั่น
 
ข่าวที่ส่งมาถึงนั้นกล่าวถึงเอียนผู้เป็นพ่อบ้านได้นำมีดสั้นที่ถูกพบไปแสดงแก่เคาท์สไตน์
 
เป็นเรื่องธรรมดาที่สมาคมนักฆ่าต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ แม้มันจะไม่ถูกพบในตัวศพ แต่ก็ไม่สามารถใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างได้
 
 
 
‘เพื่อความปลอดภัย… งานต้องเสร็จภายในวันนี้เท่านั้น’
 
 
 
ท่านหญิงโอแรลีย์ ภรรยาคนแรกแห่งตระกูลไอเฟลเลต้า
 
แม้จะไม่เป็นที่รู้จัก แต่พ่อของเธอเป็นหัวหน้าสมาคมนักฆ่าแบบลับๆ
 
ถ้าจะกล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้… ก็คงต้องพูดถึงความจริงที่ว่าตระกูลไอเฟลเลต้านั้นเกลียดชังคนเหล่านี้ และสำหรับโอแรลีย์ ความลับของตระกูลเธอนั้นกำลังมีความเสี่ยงที่จะถูกเปิดเผย
 
จะเป็นอย่างไรถ้าข้อมูลเหล่านี้ถูกรู้เข้า?
 
เมื่อเวลานั้นมาถึง สถานการณ์ก็จะแย่ลงจนน่าหวาดหวั่น
 
การแต่งงานระหว่างโอแรลีย์และสไตน์นั้นเป็นเพียงการแต่งงานทางการเมืองเท่านั้น
 
 
 
‘ถะ-ถ้าพวกเขารู้ว่ายาพิษที่ไอริสกินเข้าไปมากจากฉันล่ะก็…’
 
 
 
โอแรลีย์กลืนน้ำลายลงไป
 
ถ้าคำเหล่านี้หลุดออกไปล่ะก็ ความสัมพันธ์อันเปราะบางระหว่างเธอกับบุตรชายทั้งสองคงสลายไปอย่างสิ้นเชิง
 
เธอไม่อยากเสียชายอย่างสไตน์ไป
 
เธอไม่ยอมเสียเขาให้กับไอริสอย่างแน่นอน
 
นั่นเป็นสิ่งที่เธอกังวลมากที่สุด เธอกังวลในเรื่องนี้มากว่าการที่ความลับของเธอจะถูกเปิดเผยเสียอีก
 
 
 
“-ม่ครับ?”
 
 
 
‘ไม่ เรื่องแบบนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นได้หรอก’
 
 
 
“ท่านแม่!”
 
 
 
บุตรชายคนที่สองแห่งตระกูลไอเฟลเลต้า ลอยด์ กำลังเขย่าไหล่เธออยู่
 
 
 
“หืม? มีอะไรเหรอจ๊ะ?”
 
 
 
“เรากำลังคุยเรื่องไรลีย์กันอยู่ครับ ท่านแม่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
 
 
 
ใบหน้าเธอแสดงออกถึงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
 
บางทีอาจเป็นเพราะแม่ของเขาดูสภาพไม่ค่อยดีก็เป็นได้
 
 
 
“เปล่าจ้ะ แม่สบายดี”
 
 
 
“ดูเหมือนท่านแม่จะมีไข้นิดหน่อยนะครับ”
 
 
 
“อาจเป็นเพราะแม่นอนไม่พอก็ได้จ้ะ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานมันหนักเกินไปสำหรับแม่น่ะจ้ะ”
 
 
 
โอแรลีย์โกหกออกไปราวกับเธอไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่นิด
 
เธอไม่ได้บอกบุตรชายทั้งสองของเธอว่าศพที่ถูกพบหน้าห้องเธอนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ
 
 
 
“แม้เขาจะตายแล้ว แต่เขาก็ยังเป็นอันตรายต่อเราครับ มีที่อื่นตั้งเยอะ แต่กลับมาตายหน้าห้องท่านแม่”
 
 
 
ลอยด์กัดฟัน
 
 
 
“พักผ่อนสักหน่อยเถอะครับ ท่านแม่ ผมจะอยู่กับท่านแม่เอง”
 
 
 
เธอจะบอกเขาได้อย่างไรว่าเธอเป็นลูกสาวของนักฆ่าผู้โหดเหี้ยม?
 
ไม่มีทาง
 
 
 
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ แม้สนใจเรื่องที่เราคุยกันก่อนหน้านี้มากกว่า เกี่ยวกับเรื่องของไรลีย์ใช่ไหมจ๊ะ?”
 
 
 
โอแรลีย์ยิ้มให้กับบุตรชายของเธอที่กำลังกังวล
 
 
 
“ใช่ครับ”
 
 
 
ลอยด์พยักหน้า
 
 
 
“จริงๆแล้ว เมื่อวานนี้ไรลีย์จับดาบแล้วครับ”
 
 
 
“โอ้ ไรลีย์จับดาบงั้นเหรอจ๊ะ?”
 
 
 
“มันเป็นเรื่องก่อนที่ศพจะถูกพบน่ะครับ”
 
 
 
ลอยด์เกาหัวตัวเอง
 
 
 
“อาจเป็นเพราะท่านหญิงไอริสโดนยาพิษก็เป็นได้ครับ ผมคิดว่ามันสมเหตุสมผลที่สุดแล้ว ผมคิดว่าในตอนนั้นเจ้าเด็กขี้เกียจนั่นต้องโกรธมากแน่ๆเลยครับ ฮ่าๆ”
 
 
 
“แล้วเป็นอย่างไรบ้างล่ะจ๊ะ?”
 
 
 
หางตาของโอไรลีย์กระตุกเล็กน้อย
 
เธอรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อวานจากชายสวมผ้าคลุมแล้ว
 
แต่การได้ยินจากบุตรชายของเธอนั้นให้ความรู้สึกแตกต่างจริงๆ
 
 
 
“…มันแย่จนเกินบรรยายเลยครับ”
 
 
 
ตอนนี้ รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นมาบนริมฝีปากของเธอ
 
 
 
“โอ้ อย่างนั้นเหรอจ๊ะ?”
 
 
 
ใช่แล้ว
 
หลักฐานที่จะแสดงว่าเธอนั้นเหนือกว่าภรรยาน้อยอย่างไอริสคือเธอควรเป็นคนได้รับความรักมากที่สุด
 
บุตรชายของไอริสนั้นน่าสังเวช และเป็นเพียงไพร่ที่ไร้ประโยชน์ ในขณะที่บุตรชายทั้งสองของเธอเกิดมาเพื่อเดินบนเส้นทางแห่งดาบอย่างแท้จริง
 
เพียงสิ่งนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าเธอนั้นมีความสำคัญต่อตระกูลนี้
 
 
 
“โฮะๆ เรื่องเป็นอย่างนี้นี่เอง”
 
 
 
สายตาของโอไรลีย์นั้นมองออกไปนอกหน้าต่าง
 
ข้างนอกนั่น เธอเห็นไรลีย์นอนอยู่ใต้ต้นแอปเปิ้ลภายในสวน
 
ราวกับความคิดที่จะให้เขาเรียนวิชาดาบนั้นไม่มีทางเป็นจริง
 
 
 
———————————————————————————————————————
 
 
 
ยามบ่ายแก่ๆ ณ หมู่บ้านอิฟฟา
 
ด้วยเหตุบางประการ ในหมู่บ้านมีขบวนรถม้าวิ่งเรียงกันอยู่
 
พวกมันช่างดูหรูหรายิ่งนัก
 
 
 
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ? ทำไม ‘ขบวนรถมิธริล’ ของเทสแห่งสมาคมการค้าถึงได้มาที่หมู่บ้านนี้กัน?”
 
 
 
ชาวบ้านคนหนึ่งถามออกมาพร้อมชี้ไปยังรถม้าที่ดูหรูหรามากที่สุด
 
 
 
“ใครจะไปรู้ล่ะ?”
 
 
 
“พวกเขาพบเหมืองทองใกล้ๆนี้หรือเปล่า?”
 
 
 
“ถ้าพวกเขาพบเหมืองทองสักแห่งล่ะก็ ข้าจะยกเมียข้าให้แกเลย”
 
 
 
“การเดิมพันนี้เหมือนจะเป็นประโยชน์กับแกเลยนะ?”
 
 
 
ดูเหมือนไม่มีชาวบ้านคนไหนรู้เหตุผลเลย
 
ชาวบ้านทำได้เพียงมองอย่างสงสัย
 
สมาคมการค้าเป็นหนึ่งในสมาคมที่ใหญ่ที่สุดในทวีป
 
การที่ขบวนรถม้าส่วนตัวของหัวหน้าสมาคมมาที่นี่นั้นเป็นเรื่องใหญ่สำหรับชาวบ้านในหมู่บ้านอิฟฟา
 
 
 
“อืม… ข้าได้ยินข่าวลือว่าพวกเขามาหาภรรยาของตระกูลไอเฟลเลต้าน่ะ”
 
 
 
“หืม?”
 
 
 
เหล่าชาวบ้านกระซิบกระซาบเกี่ยวกับข่าวลือกันโดยใช้มือป้องปาก
 
 
 
“ภรรยาคนแรกชื่ออะไรนะ… อ๋อ! ท่านหญิงโอแรลีย์นี่เอง ข้าเคยได้ยินว่าเธอเป็นลูกสาวของหัวหน้าสมาคม”
 
 
 
“อะไรนะ? ข้าพึ่งได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกเลย!”
 
 
 
“เฮ้ ลองคิดดูสิว่าทำไมท่านเคาท์สไตน์ถึงได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ค่อยสวยอย่างท่านหญิงโอแรลีย์กันล่ะ? ถ้าเธอไม่ได้เป็นลูกสาวหัวหน้าสมาคมล่ะก็ เขาคงไม่ยอมแต่งงานด้วยหรอกจริงไหม?”
 
 
 
ชาวบ้านที่คุยกันเรื่องท่านหญิงโอแรลีย์กำมือแล้วนำนิ้วหัวแม่มือไปสอดใต้นิ้วชี้
 
 
 
“เรื่องมันต้องเป็นอย่างนี้แน่ๆ”
 
 
 
“ว้าว…”
 
 
 
ชาวบ้านร้องออกมาเมื่อได้ยินเรื่องเหล่านี้ เหล่าพนักงานของสมาคมการค้าหันมาทางชาวบ้านเมื่อยินได้เสียงเหล่านั้น
 
 
 
“ชู่ พวกแกน่ะระวังปากหน่อย”
 
 
 
“…”
 
 
 
แม้พวกเขาจะคุยกันอย่างเงียบๆ แต่พวกเขายังคงได้ยินอีกกระนั้นหรือ?
 
เมื่อเห็นว่าพ่อค้าเทสกำลังมองมาทางพวกตน ชาวบ้านทั้งสองจึงยกมือขึ้นมาปิดปากแล้วเดินออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว
 
 
 
“แล้วทำไมขบวนรถมิธริลถึงได้มาที่นี่กันล่ะ?”
 
 
 
“ก็นะ? บางทีเขาคงคิดถึงลูกสาวล่ะมั้ง?”
 
 
 
เมื่อออกจากระยะสายตาของพ่อค้าเทสแล้ว ชาวบ้านทั้งสองยังคงนินทาต่อ
 
 
 
“ถ้าอย่างนั้นทำไมเขาถึงมาจอดรถม้าในหมู่บ้านแทนที่จะไปยังคฤหาสน์ล่ะ? ไปที่นั่นด้วยรถม้าใช้เวลาไม่ถึง 30 นาทีเลยด้วยซ้ำ”
 
 
 
“การจะเข้าพบตระกูลไอเฟลเลต้ามันยากแค่ไหนนายรู้ไหม แม้จะเป็นขุนนางชั้งสูงก็ยังต้องมีการขออนุญาตก่อนเข้าพบเลย”
 
 
 
“อ่า งั้นเหรอ”
 
 
 
“ที่พวกเขาหยุดรถม้าในหมู่บ้านเพราะพวกเขากำลังส่งคนไปส่งจดหมายให้แก่คฤหาสน์เพื่อขอเข้าพบล่ะมั้ง”
 
 
 
ชาวบ้านทั้งสองที่กำลังคุยเกี่ยวกับโอแรลีย์และตระกูลไอเฟลเลต้าไม่สามารถรู้สึกได้ถึงสายตากระหายเลือดที่จับจ้องมาทางพวกตนแม้แต่น้อย
 
 
 
——————————————————————————————————————————–
 
 
 
“ฝันแบบนั้นอีกแล้วเหรอ…”
 
 
 
ไรลีย์ถอนหายใจออกมาเมื่อเขาตื่นจากการนอนอันยาวนาน เขานอนจนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน
 
 
 
“…ฮาววววว”
 
 
 
เขากำลังอารมณ์เสีย
 
มีเหตุผลสามประการที่ทำให้เขาอารมณ์เสียอย่างนี้
 
หนึ่ง ‘มุมที่สมบูรณ์แบบ’ ของเขาได้หายไปแล้ว
 
สอง เป็นเพราะ ‘ความฝันเกี่ยวกับชาติที่แล้วของตัวเขา’
 
และสาม…
 
 
 
<หมายเลข 2 เข้าไปก่อน ตามด้วยหมายเลข 4 และ 5 อย่าทำพลาดล่ะ>
 
 
 
เขาได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยอยู่ภายในหัวของเขา
 
มันเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาตื่น
 
 
 
“ชิ… ไม่ชอบแบบนี้เลยแฮะ”
 
 
 
ไรลีย์ขมวดคิ้วแล้วพึมพำออกมา
 
สิ่งที่เขาคาดหวังไว้คือมีดสั้นที่เอียนนำไปแสดงให้แก่สไตน์จะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ ซึ่งจะป้องกันไม่ให้ผู้กระทำผิดมาทำอะไรในคฤหาสน์มากกว่านี้
 
โดยทั่วไปแล้วมันคือการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์อื่นๆเกิดขึ้นอีก แต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นดั่งแผนที่เขาวางไว้
 
 
 
“ก็นะ ยังไงมันก็มีโอกาส 50/50 อยู่แล้ว”
 
 
 
ไรลีย์ลุกขึ้นแล้วปัดฝุ่นออกจากกางเกง
 
 
 
<พวกแกพร้อมหรือยัง?>
 
 
 
‘「โทรจิต」สินะ’ 
 
เขามีทักษะในการในการดักฟัง 「โทรจิต」ระหว่างผู้คน เขาสามารถได้ยินในสิ่งที่เข้าต้องการได้ยิน
 
 
 
<อย่างแรก ตอนข้าเข้าไปต้องทำให้มั่นใจว่าเครื่องมือพร้อมทุกเมื่อ เราต้องทำงานให้เสร็จอย่างรวดเร็ว และต้องเร็วกว่าครั้งก่อนๆด้วย>
 
 
 
คำเหล่านั้นที่ไรลีย์ได้ยินจะสามารถส่งผ่านได้เฉพาะผู้ที่ควบคุมมานาได้เท่านั้น มันเหมือนการสื่อสารทางจิต
 
[TLN: โดยทั่วไปแล้ว「โทรจิต」นั้นเป็นทักษะที่ต้องใช้มานา มันทำให้ผู้ร่ายสามารถสื่อสารกับคนอื่นได้โดยไม่ต้องขยับปาก ไรลีย์สามารถดักฟังสิ่งเหล่านี้ได้ บทสนทนาที่ใช้「โทรจิต」จะถูกครอบด้วยเครื่องหมาย < > ครับ]
 
 
 
<เป้าหมายของเรามีเพียงสิ่งเดียว คือการนำศพของหมายเลข 3 กลับมา>
 
 
 
มีเพียงเสียงเดียวที่เขาได้ยิน
 
ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นหัวหน้าของผู้บุกรุก
 
 
 
<พยายามอย่าถูกตรวจพบโดยข้ารับใช้ภายในคฤหาสน์ พวกนั้นไม่ได้เป็นเพียงสาวใช้หรือพ่อบ้าน… ก่อนมาทำงานที่นี่พวกเขาต่างก็เคยเป็นนักรบมาก่อน>
 
 
 
“ชิ…”
 
 
 
ไรลีย์เดาะลิ้นอีกครั้ง
 
ดูเหมือนผู้นำกลุ่มผู้บุกรุกจะค่อนข้างคุ้นเคยกับตระกูลไอเฟลเลต้า
 
 
 
<ถ้าพร้อมแล้ว เริ่มภารกิจได้>
 
 
 
<เดี๋ยวก่อน… ก่อนจะเริ่มภารกิจน่ะ>
 
 
 
ไรลีย์เข้าร่วมบทสนทนาก่อนพวกเขาจะเริ่มภาระกิจ
 
โดยการใช้ 「โทรจิต」ซึ่งเป็นทักษะที่ต้องใช้มานา
 
 
 
<…?!>
 
 
 
ความเงียบได้เข้าปกคลุม
 
ได้ยินเพียงเสียงใบไม้สั่นไหว
 
แม้ขณะไรลีย์กำลังคิดว่าจะพูดอะไรออกไปดี ผู้บุกรุกกลับไม่ส่งข้อความใดๆกลับมาเลย
 
เมื่อตระหนักได้ว่าบทสนทนาของพวกตนโดนดักฟัง พวกเขาก็ตั้งท่าป้องกัน
 
 
 
<ฉันอยากบอกอะไรพวกนายอย่างหนึ่ง>
 
 
 
<…>
 
 
 
<ฉันไม่สนว่าพวกนายจะทำอะไรในคฤหาสน์นี้ แค่อย่าทำอะไรให้ฉันต้องเคลื่อนไหวด้วยตัวเองก็พอ พิจารณาคำเตือนนี้ด้วย>
 
 
 
ไม่มีคำตอบใดๆกลับมา แต่「โทรจิต」ได้ถูกส่งแล้วออกไปอย่างแน่นอน
 
หลังจากไรลีย์เตือน บรรยากาศรอบๆก็เปลี่ยนไป
 
 
 
<อย่า>
 
 
 
ไรลีย์พูดต่อขณะกำลังเดิน
 
 
 
<รบกวนฉัน>
 
 
 
เขาเดินตรงไปยังห้องไอริส
 
 
 
<ก็นะ ขอแค่เพียงเคารพพื้นที่ส่วนตัวของกันและกันก็พอ !>
 
 
 
แม้ไรลีย์จะไม่แน่ใจว่าพวกเขารู้ถึงความหมายของพื้นที่ส่วนตัวหรือไม่ แต่เขาเพียงแค่ต้องการถ่ายทอดออกไปว่าให้เคารพซึ่งกันและกันและจากไป
 
 
            
            
            ตอนที่แล้ว
            
            
            ตอนต่อไป