ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปสิ่งที่ไรลีย์พบก็คือ…
เศษกระดาษที่ถูกฉีกขาด
เอียนมองกระดาษด้วยความตกตะลึง แล้วพูดออกมา
“นายน้อยครับ”
“หืม?”
ไรลีย์ตอบกลับไปแบบจริงจัง
“ทำไมท่านถึงได้ให้ผมดูกระดาษทิชชู่กันครับ?”
“อะไรนะ?”
ไรลีย์จับกระดาษไว้แน่นขณะที่ตาของเขากระตุกไปครู่หนึ่ง
ใบหน้าที่เศร้าสร้อยของเขานั้นราวกับมีความเข้าใจผิดเกิดขึ้น
“ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้น!”
‘เขาคิดว่าฉันเป็นใครกันแน่ ?’
เพื่อจะแก้ไขความเข้าใจผิดของเอียน ไรลีย์จึงส่งเสียงดังออกมาขณะยื่นกำปั้นไปข้างหน้า
เมื่อไรลีย์เงยหน้า เอียนก็ขยับมือไปด้านหน้าพร้อมกับปากที่กำลังสั่น
ไรลีย์แบมือ แล้วกระดาษก็ล่วงลงไปยังมือของเอียน
“ลองดูสิ”
เอียนเปิดมันอย่างระมัดระวัง
ต้องขอบคุณที่เขาไม่เจอรอยสีดำ ๆ บนกระดาษ
“เฮ้อ”
“…”
เมื่อเอียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไรลีย์ก็จ้องเขาอีกครั้ง
“หืม?”
เอียนมองกระดาษใกล้ ๆ และพบอะไรบางสิ่ง
มันมีตัวหนังสือเขียนอยู่บนกระดาษ
แต่นี่มันอะไรกัน?
ลายมือนั้นช่างดูคุ้นเคยสำหรับเอียนจริง ๆ
“ลายมือนี้มัน…?”
“นายดูออกงั้นเหรอ?”
เพราะกระดาษถูกฉีกขาดจึงทำให้ไม่สามารถบอกได้ว่ามันเขียนอะไรไว้บ้าง แต่มันมีคำว่า ‘ส่วนผสม’ อยู่
‘ไม่ เป็นไปไม่ได้’
ลายมือที่ดูคุ้นเคยนี่…
รวมกับส่วนผสมซึ่งดูราวกับจะฆ่าคนได้หากใส่ลงไปในซุป
มีเพียงคนเดียวที่เขานึกถึงจากการพิจารณาข้อเท็จจริงทั้งสองข้อนี้
——————————————————————————————————————
หากคุณถามคนภายนอกว่าใครเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลไอเฟลเลต้าล่ะก็ 9 ใน 10 คนจะตอบว่าผู้นำตระกูลไอเฟลเลต้า เคาท์สไตน์
“ฉันต้องยอมรับเลยว่าแกเป็นหนูที่เจ้าเล่ห์จริง ๆ”
“…”
น่าแปลกใจที่ชายสวมผ้าคลุมคนสุดท้ายสามารถหนีเขาได้นานขนาดนี้
จริง ๆ แล้วคน ๆ นั้นคือเทส
เขาเป็นหัวหน้าของเหล่าชายสวมผ้าคลุมที่บุกรุกเข้ามา
เมื่อไหร่ก็ตามที่ดาบซึ่งเต็มไปด้วยมานาถูกฟันออกมา เขาก็จะหลบมันได้อย่างเฉียดฉิวและสวนกลับจากระยะไกล
‘ตามที่คาดไว้เลยเจ้าลูกเขย’
ถ้านี่เป็นการต่อสู้ประชิดตัว เทสคงพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
‘ไม่มีทางที่ฉันจะชนะเจ้าลูกเขยได้เลย’
เป็นที่แน่นอนแล้วว่าใครมีทักษะที่เหนือกว่า แต่วัตถุประสงค์ของเทสไม่ใช่หัวของสไตน์
หากเขาต้องการจบชีวิตสไตน์ เขาคงซุ่มโจมตีหรือไม่ก็ใส่ยาพิษในอาหารของเขาแทนการสู้อย่างตรง ๆ ในที่โจ่งแจ้ง…
วิธีการที่ต่างกันเหล่านี้เป็นวิถีของนักฆ่า และมีประสิทธิภาพมากกว่า
วัตถุประสงค์ของเทสนั้นช่างเรียบง่าย เขาต้องการซื้อเวลาเพียงแต่นั้น ในขณะที่ลูกสมุนของเขากู้ศพของพรรคพวกที่อยู่ที่ไหนสักแห่งในคฤหาสน์หลังนี้ เขาต้องรับมือกับนับดาบที่แข็งแกร่งที่สุดเคาท์สไตน์ในพื้นที่ ๆ กำหนดไว้
‘เราได้มีดสั้นมาแล้ว ตอนนี้ก็รอเพียงพวกนั้นกู้ศพกลับมาเท่านั้น’
เทสหมุนข้อมือเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดในขณะที่สร้างระยะห่างกับสไตน์ที่เหนื่อยได้ช้ากว่าเขา
หากสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นดังที่เขาคาดหวัง เขาแค่ต้องทนอีกสองนาทีแล้ววัตถุประสงค์ของเขาก็จะสำเร็จ
“…ชิ”
สไตน์เดาะลิ้นเพราะชายสวมผ้าคลุมนั้นหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับเขาได้อย่างปราดเปรียว
เขารู้ว่าคู่ต่อสู้ของเขานั้นเล็งสิ่งใดเอาไว้
“แกพยายามจะถ่วงวลาใช่ไหม?”
“…”
เทสไม่ได้ตอบกลับไป
หากเขาไม่ปลอมเสียงของเขา เขาอาจถูกคนอื่นรู้ว่าเป็นเขาหากตอบกลับไป
ในฐานะหัวหน้าสมาคมการค้าเทส เขาเคยเห็นสไตน์ตั้งแต่เขายังเด็ก
การพบกันครั้งที่สองก็คือตอนที่ลูกสาวของเขาแต่งงาน
แม้ว่าเขาจะเคยเห็นเทสเพียงแค่สองครั้งในชีวิต แต่สไตน์ดูเหมือนจะจำเสียงเขาได้
เขาต้องระวังให้มากเพราะเขายังคงเป็นพ่อเขยของสไตน์อยู่
ในตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในฐานะหัวหน้าสมาคมการค้าเทส แต่เป็นหัวหน้าสมาคมนักฆ่า
“ดูเหมือนฉันจะประเมินแกต่ำไป”
สถานการณ์ดูเหมือนยังไม่ดีขึ้นแม้แต่น้อย
ดาบของสไตน์ไม่สามารถแตะโดนคู่ต่อสู้ของเขาได้เลย
สไตน์พูดพร้อมขมวดคิ้ว ราวกับกำลังหงุดหงิด
“ฉันสามารถบอกได้เลยว่าแกไม่มีทักษะพอที่จะฆ่าฉัน เจ้าคนน่าสงสารที่มีเพียงทักษะในการหนี”
ในตอนนี้ สไตน์เปลี่ยนความตั้งใจของเขาแล้ว
วัตถุประสงค์ของเขาเปลี่ยนจากจับตัวชายคนนั้นเป็นฆ่าให้ตาย
‘เวรเอ๊ย’
เทสรู้สึกได้ถึงเหงื่อเย็นบนใบหน้าเมื่อตระหนักได้ว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง และทำให้ประสาทสัมผัสของตนเองตื่นตัวตลอดเวลา
ช่วงเวลาแห่งความประมาทจะเป็นจุดสิ้นสุดของชีวิตเขา
‘เคลื่อนไหวไม่ดีเพียงครั้งเดียวฉันอาจตายได้เลย’
‘แม้ว่าจะไม่นานนัก แต่ซื้อเวลาเพิ่มหน่อยก็ดี’
เมื่อเทสตัดสินใจได้ เขาจะใช้ระเบิดควันที่ห้อยอยู่ที่เอวเมื่อ…
“หืม?”
เทสสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าอันรีบเร่งดังมาจากหลังประตู
ลูกสมุนของเขาไม่มีทางส่งเสียงเช่นนั้นแน่
นั่นหมายความว่าเจ้าของเสียงฝีเท้าคงเป็น…
“…นายท่านครับ!”
ปัง!
ชายผู้ซึ่งพุ่งผ่านประตูเข้ามือคือชายแก่ในชุดพ่อบ้าน
ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ราวกับเขามาที่นี่อย่างรีบร้อน
“เอียน?”
ทำไมเอียนถึงมาอยู่ที่นี่? สไตน์คิดว่าเขากำลังปกป้องไรลีย์อยู่
สไตน์เริ่มกังวลเมื่อเขามองไปข้างหลังเอียน
มีอีกใบหน้าหนึ่งที่คุ้นเคยมากับเขาด้วย
“หืม?”
“…!?”
คนที่มายังห้องทำงานของสไตน์ไม่ได้มีเพียงเอียน
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจจะมา แต่ก็ยังมีผู้มาเยือนอีกคนหนึ่ง
“เอียน? น-นายจะทำอะไรน่ะ?”
เธอสวมชุดที่แสดงถึงความภาคภูมิใจของเธอ
เรือนผมสีส้มถูกมัดไปทางด้านหลัง
ผู้มาเยือนอีกคนก็คือท่านหญิงโอแรลีย์
ราวกับเธอถูกบังคับให้มา เพราะเธอพยายามหนีจากการจับกุมของเอียน
ดูเหมือนเธอหมดหวังที่จะหนีจากที่นี่ เธอไม่สามารถซ่อนตัวจากสถานการณ์นี้ได้
“นายท่านครับ ท่านหญิงโอแรลีย์… ท่านหญิงโอแรลีย์!”
สไตน์เหลือบมองไปยังชายสวมผ้าคลุมแวบเดียวหลังจากได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น จากนั้นเขาก็ลดดาบลง
ชายสวมผ้าคลุมตัวแข็งเป็นหินและหมดความตั้งใจที่จะสู้ราวกับตกใจมากกว่าเขา
—————————————————————————————————————————-
“ไรลีย์! ลูกปลอดภัยไหม? ลูกบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
“ครับ ไม่ต้องกังวลหรอกครับท่านแม่”
“โอ้พระเจ้า นี่มันภัยพิบัติอะไรกัน…”
หลังจากมาถึงห้องไอริส ไรลีย์ก็ส่งเอียนไปหาท่านหญิงโอไรลีย์แล้วเข้าไปกอดแม่ของเขาเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเขาไม่เป็นอะไร
เซร่าผู้เป็นสาวใช้กำลังเฝ้ามองอย่างมีความสุขจากการพบกันจากด้านข้าง
ต้องขอบคุณที่ไม่มีนักฆ่าเข้ามาในห้องนี้เลย
“อืมมม เซร่า”
ไรลีย์ค่อย ๆ หันไปมองเซร่าหลังจากกอดเสร็จ
“มีอะไรเหรอคะนายน้อย?”
เซร่ากลับมายังความเป็นจริงอย่างรวดเร็วและก้มหัวลง
แม้เธอจะคิดว่าไรลีย์ดูน่าขันอยู่ชั่วขณะ แต่เธอก็รีบล้มเลิกความคิดนั้นไป
“เธอมีป๊อปคอร์นหรือเปล่า?”
“คะ?”
“ป๊อปคอร์นน่ะ”
“ป๊อป…คอร์น?”
ป๊อปคอร์น?
เซร่าเอียงหัวเพราะไม่เข้าใจคำถามของเขา
‘เอ่อ… พวกเขาไม่มีของอย่างนั้นเหรอ?’
ไรลีย์เกาหัวของตนเมื่อตระหนักได้ถึงความผิดพลาดของตัวเอง เมื่อไอริสถามออกมา
“ไรลีย์จ๊ะ อะไรคือป๊อปคอร์นเหรอจ๊ะ?”
“เอ่อ มันคือ…”
เมื่อตระหนักได้ว่าที่นี่ไม่มีขนมขบเคี้ยวที่ซึ่งตัวเขาในภพที่แล้วชอบ เขาพยายามคิดว่าจะหลีกเลี่ยงคำถามยังไงดี จากนั้นเขาก็อธิบายออกไป
“มันเป็นบางอย่างที่คล้ายขนมขบเคี้ยว… ที่ทำขึ้นมาจากเนยและข้าวโพดนิดหน่อยน่ะครับ”
“ขนมขบเคี้ยว?”
อยากกินขนมขบเคี้ยวในตอนที่นักฆ่าบุกรุกเข้ามาในคฤหาสน์เนี่ยนะ?
การไม่สนใจอะไรก็มีข้อจำกัดในตัวของมันเหมือนกัน
เซร่ามองอย่างว่างเปล่าพร้อมทำไหล่ตก
‘สิ่งที่ฉันได้ยินจากคุณเอียนเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของภูเขาน้ำแข็งสินะ…’
เซร่าซึ่งได้ฟังคำบ่นของเอียนในที่สุดก็รู้สึกราวกับเข้าใจความรู้สึกของเขาขึ้นมานิดหน่อยและยิ้มเจื่อน ๆ ออกมา
“ไรลีย์จ๊ะ… ขนมขบเคี้ยวก็ไม่แย่หรอกนะลูก แต่ลูกอยากกินมันตอนนี้เลยงั้นเหรอจ๊ะ?”
แม้ว่าไอริสซึ่งปกติจะตอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับไรลีย์ด้วยรอยยิ้ม แต่ดูเหมือนในครั้งนี้เธอจะไม่ปล่อยให้เขาทำตามใจ
ใบหน้าเธอจริงจังขึ้นมาราวกับเตรียมจะดุลูกชายของเธอ
“เฮ้อ…”
เมื่อเซร่าและไอริสมองมายังเขา ในที่สุดไรลีย์ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความกังวลและขอโทษอย่างรวดเร็ว
“แต่มันกำลังจะมีความบันเทิงนิดหน่อย… ผมอยากกินบางสิ่งเวลาดูมัน…”
“หา?”
“เมื่อกี้นายน้อยพูดอะไรนะคะ?”
เซร่าและไอริสที่ไม่ได้ยินเสียงเล็ก ๆ ของเขา และขอให้พูดอีกครั้ง
ไรลีย์ยิ้มอย่างงุ่มง่ามออกมา
“เอ่อ… เปล่า ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมขอโทษ ผมจะคิดในสิ่งที่ผมทำลงไป ฉันขอโทษนะเซร่าที่รบกวนเธออย่างนี้”
เพราะการขอโทษที่รวดเร็วของไรลีย์ทำให้ไอริสที่กำลังจะดุเขาและเซร่าที่กำลังสับสนและมองหน้ากัน
“แต่ เซร่า… ในห้องครัวมีข้าวโพดอยู่ใช่ไหม?”
“…”
เซร่าอ้าปากค้าง
ในที่สุดเธอก็เข้าใจ
นิดหน่อย ไม่สิ มากเลยล่ะ
ในที่สุดเธอก็เข้าใจความรู้สึกของเอียนแล้ว