I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

The Lazy Swordmaster ตอนที่ 11 – ป๊อปคอร์น

| The Lazy Swordmaster | 1121 | 2362 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

สิ่งที่ไรลีย์พบก็คือ…

เศษกระดาษที่ถูกฉีกขาด

เอียนมองกระดาษด้วยความตกตะลึง แล้วพูดออกมา

 

“นายน้อยครับ”

 

“หืม?”

 

ไรลีย์ตอบกลับไปแบบจริงจัง

 

“ทำไมท่านถึงได้ให้ผมดูกระดาษทิชชู่กันครับ?”

 

“อะไรนะ?”

 

ไรลีย์จับกระดาษไว้แน่นขณะที่ตาของเขากระตุกไปครู่หนึ่ง

ใบหน้าที่เศร้าสร้อยของเขานั้นราวกับมีความเข้าใจผิดเกิดขึ้น

 

“ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้น!”

 

‘เขาคิดว่าฉันเป็นใครกันแน่ ?’

เพื่อจะแก้ไขความเข้าใจผิดของเอียน ไรลีย์จึงส่งเสียงดังออกมาขณะยื่นกำปั้นไปข้างหน้า

เมื่อไรลีย์เงยหน้า เอียนก็ขยับมือไปด้านหน้าพร้อมกับปากที่กำลังสั่น

ไรลีย์แบมือ แล้วกระดาษก็ล่วงลงไปยังมือของเอียน

 

“ลองดูสิ”

 

เอียนเปิดมันอย่างระมัดระวัง

ต้องขอบคุณที่เขาไม่เจอรอยสีดำ ๆ บนกระดาษ

 

“เฮ้อ”

 

“…”

 

เมื่อเอียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไรลีย์ก็จ้องเขาอีกครั้ง

 

“หืม?”

 

เอียนมองกระดาษใกล้ ๆ และพบอะไรบางสิ่ง

มันมีตัวหนังสือเขียนอยู่บนกระดาษ

แต่นี่มันอะไรกัน?

ลายมือนั้นช่างดูคุ้นเคยสำหรับเอียนจริง ๆ

 

“ลายมือนี้มัน…?”

 

“นายดูออกงั้นเหรอ?”

 

เพราะกระดาษถูกฉีกขาดจึงทำให้ไม่สามารถบอกได้ว่ามันเขียนอะไรไว้บ้าง แต่มันมีคำว่า ‘ส่วนผสม’ อยู่

 

‘ไม่ เป็นไปไม่ได้’

 

ลายมือที่ดูคุ้นเคยนี่…

รวมกับส่วนผสมซึ่งดูราวกับจะฆ่าคนได้หากใส่ลงไปในซุป

มีเพียงคนเดียวที่เขานึกถึงจากการพิจารณาข้อเท็จจริงทั้งสองข้อนี้

 

——————————————————————————————————————

 

หากคุณถามคนภายนอกว่าใครเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลไอเฟลเลต้าล่ะก็ 9 ใน 10 คนจะตอบว่าผู้นำตระกูลไอเฟลเลต้า เคาท์สไตน์

 

“ฉันต้องยอมรับเลยว่าแกเป็นหนูที่เจ้าเล่ห์จริง ๆ”

 

“…”

 

น่าแปลกใจที่ชายสวมผ้าคลุมคนสุดท้ายสามารถหนีเขาได้นานขนาดนี้

จริง ๆ แล้วคน ๆ นั้นคือเทส

เขาเป็นหัวหน้าของเหล่าชายสวมผ้าคลุมที่บุกรุกเข้ามา

เมื่อไหร่ก็ตามที่ดาบซึ่งเต็มไปด้วยมานาถูกฟันออกมา เขาก็จะหลบมันได้อย่างเฉียดฉิวและสวนกลับจากระยะไกล

 

‘ตามที่คาดไว้เลยเจ้าลูกเขย’

 

ถ้านี่เป็นการต่อสู้ประชิดตัว เทสคงพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

 

‘ไม่มีทางที่ฉันจะชนะเจ้าลูกเขยได้เลย’

 

เป็นที่แน่นอนแล้วว่าใครมีทักษะที่เหนือกว่า แต่วัตถุประสงค์ของเทสไม่ใช่หัวของสไตน์

หากเขาต้องการจบชีวิตสไตน์ เขาคงซุ่มโจมตีหรือไม่ก็ใส่ยาพิษในอาหารของเขาแทนการสู้อย่างตรง ๆ ในที่โจ่งแจ้ง…

วิธีการที่ต่างกันเหล่านี้เป็นวิถีของนักฆ่า และมีประสิทธิภาพมากกว่า

วัตถุประสงค์ของเทสนั้นช่างเรียบง่าย เขาต้องการซื้อเวลาเพียงแต่นั้น ในขณะที่ลูกสมุนของเขากู้ศพของพรรคพวกที่อยู่ที่ไหนสักแห่งในคฤหาสน์หลังนี้ เขาต้องรับมือกับนับดาบที่แข็งแกร่งที่สุดเคาท์สไตน์ในพื้นที่ ๆ กำหนดไว้

 

‘เราได้มีดสั้นมาแล้ว ตอนนี้ก็รอเพียงพวกนั้นกู้ศพกลับมาเท่านั้น’

 

เทสหมุนข้อมือเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดในขณะที่สร้างระยะห่างกับสไตน์ที่เหนื่อยได้ช้ากว่าเขา

หากสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นดังที่เขาคาดหวัง เขาแค่ต้องทนอีกสองนาทีแล้ววัตถุประสงค์ของเขาก็จะสำเร็จ

 

“…ชิ”

 

สไตน์เดาะลิ้นเพราะชายสวมผ้าคลุมนั้นหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับเขาได้อย่างปราดเปรียว

เขารู้ว่าคู่ต่อสู้ของเขานั้นเล็งสิ่งใดเอาไว้

 

“แกพยายามจะถ่วงวลาใช่ไหม?”

 

“…”

 

เทสไม่ได้ตอบกลับไป

หากเขาไม่ปลอมเสียงของเขา เขาอาจถูกคนอื่นรู้ว่าเป็นเขาหากตอบกลับไป

ในฐานะหัวหน้าสมาคมการค้าเทส เขาเคยเห็นสไตน์ตั้งแต่เขายังเด็ก

การพบกันครั้งที่สองก็คือตอนที่ลูกสาวของเขาแต่งงาน

แม้ว่าเขาจะเคยเห็นเทสเพียงแค่สองครั้งในชีวิต แต่สไตน์ดูเหมือนจะจำเสียงเขาได้

เขาต้องระวังให้มากเพราะเขายังคงเป็นพ่อเขยของสไตน์อยู่

ในตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในฐานะหัวหน้าสมาคมการค้าเทส แต่เป็นหัวหน้าสมาคมนักฆ่า

 

“ดูเหมือนฉันจะประเมินแกต่ำไป”

 

สถานการณ์ดูเหมือนยังไม่ดีขึ้นแม้แต่น้อย

ดาบของสไตน์ไม่สามารถแตะโดนคู่ต่อสู้ของเขาได้เลย

สไตน์พูดพร้อมขมวดคิ้ว ราวกับกำลังหงุดหงิด

 

“ฉันสามารถบอกได้เลยว่าแกไม่มีทักษะพอที่จะฆ่าฉัน เจ้าคนน่าสงสารที่มีเพียงทักษะในการหนี”

 

ในตอนนี้ สไตน์เปลี่ยนความตั้งใจของเขาแล้ว

วัตถุประสงค์ของเขาเปลี่ยนจากจับตัวชายคนนั้นเป็นฆ่าให้ตาย

 

‘เวรเอ๊ย’

 

เทสรู้สึกได้ถึงเหงื่อเย็นบนใบหน้าเมื่อตระหนักได้ว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง และทำให้ประสาทสัมผัสของตนเองตื่นตัวตลอดเวลา

ช่วงเวลาแห่งความประมาทจะเป็นจุดสิ้นสุดของชีวิตเขา

 

‘เคลื่อนไหวไม่ดีเพียงครั้งเดียวฉันอาจตายได้เลย’

 

‘แม้ว่าจะไม่นานนัก แต่ซื้อเวลาเพิ่มหน่อยก็ดี’

เมื่อเทสตัดสินใจได้ เขาจะใช้ระเบิดควันที่ห้อยอยู่ที่เอวเมื่อ…

 

“หืม?”

 

เทสสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าอันรีบเร่งดังมาจากหลังประตู

ลูกสมุนของเขาไม่มีทางส่งเสียงเช่นนั้นแน่

นั่นหมายความว่าเจ้าของเสียงฝีเท้าคงเป็น…

 

“…นายท่านครับ!”

 

ปัง!

 

ชายผู้ซึ่งพุ่งผ่านประตูเข้ามือคือชายแก่ในชุดพ่อบ้าน

ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ราวกับเขามาที่นี่อย่างรีบร้อน

 

“เอียน?”

 

ทำไมเอียนถึงมาอยู่ที่นี่? สไตน์คิดว่าเขากำลังปกป้องไรลีย์อยู่

สไตน์เริ่มกังวลเมื่อเขามองไปข้างหลังเอียน

มีอีกใบหน้าหนึ่งที่คุ้นเคยมากับเขาด้วย

 

“หืม?”

 

“…!?”

 

คนที่มายังห้องทำงานของสไตน์ไม่ได้มีเพียงเอียน

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจจะมา แต่ก็ยังมีผู้มาเยือนอีกคนหนึ่ง

 

“เอียน? น-นายจะทำอะไรน่ะ?”

 

เธอสวมชุดที่แสดงถึงความภาคภูมิใจของเธอ

เรือนผมสีส้มถูกมัดไปทางด้านหลัง

ผู้มาเยือนอีกคนก็คือท่านหญิงโอแรลีย์

ราวกับเธอถูกบังคับให้มา เพราะเธอพยายามหนีจากการจับกุมของเอียน

ดูเหมือนเธอหมดหวังที่จะหนีจากที่นี่ เธอไม่สามารถซ่อนตัวจากสถานการณ์นี้ได้

 

“นายท่านครับ ท่านหญิงโอแรลีย์… ท่านหญิงโอแรลีย์!”

 

สไตน์เหลือบมองไปยังชายสวมผ้าคลุมแวบเดียวหลังจากได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น จากนั้นเขาก็ลดดาบลง

ชายสวมผ้าคลุมตัวแข็งเป็นหินและหมดความตั้งใจที่จะสู้ราวกับตกใจมากกว่าเขา

 

—————————————————————————————————————————-

 

“ไรลีย์! ลูกปลอดภัยไหม? ลูกบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”

 

“ครับ ไม่ต้องกังวลหรอกครับท่านแม่”

 

“โอ้พระเจ้า นี่มันภัยพิบัติอะไรกัน…”

 

หลังจากมาถึงห้องไอริส ไรลีย์ก็ส่งเอียนไปหาท่านหญิงโอไรลีย์แล้วเข้าไปกอดแม่ของเขาเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเขาไม่เป็นอะไร

เซร่าผู้เป็นสาวใช้กำลังเฝ้ามองอย่างมีความสุขจากการพบกันจากด้านข้าง

ต้องขอบคุณที่ไม่มีนักฆ่าเข้ามาในห้องนี้เลย

 

“อืมมม เซร่า”

 

ไรลีย์ค่อย ๆ หันไปมองเซร่าหลังจากกอดเสร็จ

 

“มีอะไรเหรอคะนายน้อย?”

 

เซร่ากลับมายังความเป็นจริงอย่างรวดเร็วและก้มหัวลง

แม้เธอจะคิดว่าไรลีย์ดูน่าขันอยู่ชั่วขณะ แต่เธอก็รีบล้มเลิกความคิดนั้นไป

 

“เธอมีป๊อปคอร์นหรือเปล่า?”

 

“คะ?”

 

“ป๊อปคอร์นน่ะ”

 

“ป๊อป…คอร์น?”

 

ป๊อปคอร์น?

เซร่าเอียงหัวเพราะไม่เข้าใจคำถามของเขา

 

‘เอ่อ… พวกเขาไม่มีของอย่างนั้นเหรอ?’

 

ไรลีย์เกาหัวของตนเมื่อตระหนักได้ถึงความผิดพลาดของตัวเอง เมื่อไอริสถามออกมา

 

“ไรลีย์จ๊ะ อะไรคือป๊อปคอร์นเหรอจ๊ะ?”

 

“เอ่อ มันคือ…”

 

เมื่อตระหนักได้ว่าที่นี่ไม่มีขนมขบเคี้ยวที่ซึ่งตัวเขาในภพที่แล้วชอบ เขาพยายามคิดว่าจะหลีกเลี่ยงคำถามยังไงดี จากนั้นเขาก็อธิบายออกไป

 

“มันเป็นบางอย่างที่คล้ายขนมขบเคี้ยว… ที่ทำขึ้นมาจากเนยและข้าวโพดนิดหน่อยน่ะครับ”

 

“ขนมขบเคี้ยว?”

 

อยากกินขนมขบเคี้ยวในตอนที่นักฆ่าบุกรุกเข้ามาในคฤหาสน์เนี่ยนะ?

การไม่สนใจอะไรก็มีข้อจำกัดในตัวของมันเหมือนกัน

เซร่ามองอย่างว่างเปล่าพร้อมทำไหล่ตก

 

‘สิ่งที่ฉันได้ยินจากคุณเอียนเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของภูเขาน้ำแข็งสินะ…’

 

เซร่าซึ่งได้ฟังคำบ่นของเอียนในที่สุดก็รู้สึกราวกับเข้าใจความรู้สึกของเขาขึ้นมานิดหน่อยและยิ้มเจื่อน ๆ ออกมา

 

“ไรลีย์จ๊ะ… ขนมขบเคี้ยวก็ไม่แย่หรอกนะลูก แต่ลูกอยากกินมันตอนนี้เลยงั้นเหรอจ๊ะ?”

 

แม้ว่าไอริสซึ่งปกติจะตอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับไรลีย์ด้วยรอยยิ้ม แต่ดูเหมือนในครั้งนี้เธอจะไม่ปล่อยให้เขาทำตามใจ

ใบหน้าเธอจริงจังขึ้นมาราวกับเตรียมจะดุลูกชายของเธอ

 

“เฮ้อ…”

 

เมื่อเซร่าและไอริสมองมายังเขา ในที่สุดไรลีย์ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความกังวลและขอโทษอย่างรวดเร็ว

 

“แต่มันกำลังจะมีความบันเทิงนิดหน่อย… ผมอยากกินบางสิ่งเวลาดูมัน…”

 

“หา?”

 

“เมื่อกี้นายน้อยพูดอะไรนะคะ?”

 

เซร่าและไอริสที่ไม่ได้ยินเสียงเล็ก ๆ ของเขา และขอให้พูดอีกครั้ง

ไรลีย์ยิ้มอย่างงุ่มง่ามออกมา

 

“เอ่อ… เปล่า ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมขอโทษ ผมจะคิดในสิ่งที่ผมทำลงไป ฉันขอโทษนะเซร่าที่รบกวนเธออย่างนี้”

 

เพราะการขอโทษที่รวดเร็วของไรลีย์ทำให้ไอริสที่กำลังจะดุเขาและเซร่าที่กำลังสับสนและมองหน้ากัน

 

“แต่ เซร่า… ในห้องครัวมีข้าวโพดอยู่ใช่ไหม?”

 

“…”

 

เซร่าอ้าปากค้าง

ในที่สุดเธอก็เข้าใจ

นิดหน่อย ไม่สิ มากเลยล่ะ

ในที่สุดเธอก็เข้าใจความรู้สึกของเอียนแล้ว

 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments