ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘นี่คงเป็นครั้งแรกในชีวิตนี้สินะ?’
ไรลีย์คิดกับตัวเองขณะสำรวจพื้นที่
ในชีวิตก่อนหน้านี้ เขาเคยได้ทำมันมาแล้วหลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตนี้
นั่นก็คือ การใช้ดาบ
‘สงสัยจังว่าฉันจะทำได้ดีแค่ไหนกันนะ?’
นิ้วของไรลีย์ลูบไปทั่วดาบไม้
ราวกับกำลังตรวจสอบด้วยนิ้วของเขา ค่อย ๆ ขยับทีละนิ้วจนกระทั่งพอใจ
ภายในอากาศเต็มไปด้วยจิตสังหารที่พร้อมจะระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา
“…ฆ่าเจ้านั่นซะ”
โอแรลีย์ที่มองไรลีย์ด้วยแววตาที่ว่างเปล่าพูดออกมา
ด้วยกลิ่นอายที่ไรลีย์ปล่อยออกมา ทำให้ไหล่เธอถึงกับสั่นออกมาด้วยความช็อค
เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอช็อคเพราะความโกรธหรือความกลัวกันแน่
“ฉันบอกให้ฆ่ามันไง!”
เธอตะโกนออกมา
เธอสั่งให้เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของพ่อเธอ ฆ่าไรลีย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา
แม้ว่าเธอจะถูกขับไล่ออกจากคฤหาสน์แล้ว แต่เธอยังคงเป็นบุตรสาวของเจ้านายพวกเขาเหมือนเดิม พวกเขาจึงทำตามคำสั่งของเธออย่างรวดเร็ว
สิ่งแรกที่พวกเขาทำคือ การปามีดสั้นออกไป
“เดี๋ยว หยุดก่อ-!”
เทสที่จำข้อความทางโทรจิตก่อนเริ่มโจมตีคฤหาสน์ได้ตะโกนออกมา แต่มันก็สายไปเสียแล้ว
มีดสั้นนับสิบเล่มหรือมากกว่านั้น ได้ถูกปาออกไป การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว!
‘อึก…’
ความคิดในอดีตของไรลีย์ได้หวนคืนกลับมาขณะที่ได้มองมีดสั้นที่บินเข้ามาใกล้
ไรลีย์เม้มริมฝีปากเงียบ ๆ เพราะมันชวนให้คิดถึงชีวิตก่อนหน้านี้ของตัวเองยิ่งนัก
และนั่นมันก็ไม่ใช่ความทรงจำที่ดีเลยสักนิด
‘มันกำลังทำให้ตัวฉันคนเดิมกลับมา’
ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา เขาได้สูญเสียคนรักไปเพราะพวกนักฆ่า
ด้วยความคิดที่ว่าวีรบุรุษผู้กอบกู้โลกนั้น ควรจะละเว้นการเอาชีวิตผู้อื่น
เขาได้แสดงให้เห็นถึงความเมตตาโดยการปล่อยนักฆ่าที่เขาจับได้ ให้เป็นอิสระ เพราะคิดว่าคนพวกนั้นเองก็เป็นคนที่มีครอบครัวมากกว่าที่จะเป็นฆาตกร
แต่แล้ว… โศกนาฏกรรมก็ได้เกิดขึ้น
ผลตอบแทนของสิ่งที่ได้ทำไปก็คือ การทรยศต่อความไว้วางใจของเขา ด้วยร่างที่ไร้ชีวิตของบุคคลที่เขารัก
‘สถานการณ์แบบนี้…’
ในความมืดมิด…
เขาถูกล้อมรอบด้วยมีดที่เหล่าชายสวมผ้าคลุมปามา และสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่นี้…
มันทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะความอ่อนโยนที่มากเกินไปของเขาทั้งหมด
‘เอาเถอะ ฉันจะไม่ทำความผิดแบบเดิมเป็นครั้งที่สองหรอก’
ไรลีย์ค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้า
เขากรอกสายตาไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว เพื่อนับจำนวนและวิเคราะห์มุมตกกระทบของมีดที่กำลังบินอยู่ จากนั้นเขาก็บิดตัวโดยการขยับไหล่ในมุมแนวทแยง
“มันกำลังทำอะไรน่ะ?”
ทุกสายตาได้จดจ่อไปที่ไรลีย์ จากนั้นทุกสายตาก็ถูกดึงดูดด้วยการปัดป้องมีดทั้งหลายด้วยดาบไม้ พอเสร็จเขาก็ชี้ดาบลงพื้น
“ฮะ?”
พวกเขาคิดว่าไรลีย์ที่ยืนอย่างไม่เกรงกลัวนั่น จะต้องกลายเป็นหมอนที่ถูกปักด้วยมีดจำนวนนับไม่ถ้วนแท้ ๆ
แต่ทว่า…
ไม่มีมีดเล่มไหนที่สามารถทำร้ายเขาได้เลย
มีดสั้นทั้งหมดถูกปัดอย่างคล่องแคล่ว
‘อะไรกัน?’
เพราะมีดจำนวนมากถูกปาไปพร้อม ๆ กัน จึงทำให้เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดนิดหน่อย แต่ทว่า… ความจริงคือไม่มีมีดเล่มไหนสามารถทำร้ายเขาได้เลยสักนิด
“พวกแกจำไว้ด้วยล่ะ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้เป็นแค่การป้องกันตัว”
ไรลีย์พูดออกมา
พวกมันได้โจมตีเขาก่อน
เขาไม่คิดจะปล่อยพวกนั้นให้มีชีวิตรอดตั้งแต่แรกแล้ว… แต่ก็แค่อยากมีเหตุผลรองรับความรู้สึกผิดที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง
“อย่าไปปากโป้งในนรกซะล่ะ”
ด้วยพละกำลังที่เขารวบรวมไว้ที่เท้า เขาถีบพื้นที่เขายืนอยู่ ไรลีย์หายตัวไปจากที่ที่เคยยืนทิ้งไว้เพียงแต่หลุมเล็ก ๆ เท่านั้น
“…!?”
จากนั้นไรลีย์ที่หายตัวไป อยู่ ๆ ก็ปรากฏตัวตรงหน้าชายสวมผ้าคลุมที่อยู่ใกล้เขาที่สุด
พอชายสวมผ้าคลุมได้สบตากับเด็กชายผมดำ ก็รู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง
‘ฮะ?’
…และตอนที่เขากำลังสับสนอยู่นั้นเอง…
‘ทำไม… ภาพที่เห็นมัน…?’
ภายในค่ำคืนอันแสนหนาวเหน็บ…
ชายสวมผ้าคลุมที่สั่นสะท้านไปทั้งร่าง บางทีอาจจะมาจากจิตสังหารก็ได้นั่นมันทำให้เขาตระหนักได้ว่าเขาไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่นิดเดียว
จากนั้น ภาพการมองเห็นของเขาก็ลอยขึ้นไปในอากาศ
ราวกับโลกกำลังหมุน
“…”
ตุบ
เมื่อทัศนวิสัยของชายสวมผ้าคลุมตกลงถึงพื้น สติของเขาก็หายไปแล้ว
หัวของเขากลิ้งไปตามพื้น พร้อมกับแววตาที่ไร้ซึ่งชีวิต
“มันเกิดอะไรขึ้น…?”
ไม่มีใครที่สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเขาได้สักนิด
หนึ่งในนักฆ่าได้ถูกเด็กชายตัดหัวในพริบตา
ไม่ใช่ดาบเหล็กที่คมกริบ แต่เป็นพียงดาบที่ใช้ฝึกซ้อมกับหุ่นฟาง
พวกเขาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ที่แน่ ๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงความห่างชั้นของทักษะอย่างลิบลับ
‘นี่มันสิ้นหวังชัด ๆ !’
ชายสวมผ้าคลุมทุกคนที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นตกใจเป็นอย่างมาก แล้วนี่เองก็เป็นสิ่งที่ชายสวมผ้าคลุมทุกคนคิดเหมือนกัน
ดังนั้น ความตั้งใจที่จะหลบหนี… ได้ทะลักเข้ามาในจิตใจอย่างท่วมท้น
ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และสูญเสียเหตุผลที่จะสู้ไปหมดสิ้น
‘เดี๋ยวก่อนนะ- ร่างกายของฉันมัน…’
ความสามารถในการหลบหนีจากสถานที่ปัจจุบัน เป็นหนึ่งในทักษะที่สำคัญที่สุดที่นักฆ่าทุกคนพึงมี
จากนั้นอีกความรู้สึกก็ได้ปรากฏขึ้นมาในแววตาของพวกเขา เมื่อพวกเขาพยายามจะหนีเอาชีวิตรอด
นั่นก็คือ ความสับสน
ร่างกายของพวกเขาขยับไม่ได้แม้แต่น้อย
‘เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของฉัน?’
พระเจ้าทรงหยุดเวลาเอาไว้งั้นเหรอ?
ในขณะที่นักฆ่าบางคนเริ่มคิดเช่นนั้น…
ไรลีย์ก็เริ่มเดินอีกครั้ง เพียงผู้เดียว
‘ฉันขยับไม่ได้!’
ชายสวมผ้าคลุมไม่สามารถแม้แต่จะขยับนิ้วหรือเท้าของตนได้เลย
สิ้นหวัง…
เป็นคำที่อธิบายสถานการณ์พวกเขาในตอนนี้ได้ดีที่สุด
‘นี่… นี่มันเป็นไปไม่ได้’
ท่ามกลางชายสวมผ้าคลุมที่นิ่งแข็งราวกับรูปปั้น ไรลีย์กระโดดจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง พร้อมกวัดแกว่งดาบไม้อย่างไร้ความปราณี
ในการกวัดแกว่งแต่ละครั้ง ก็จะค่อย ๆ มีหัวตกลงพื้นทีละหัว…
“จริง ๆ แล้วฉันไม่ใช่คนแบบนี้หรอกนะ… แต่ฉันจะเมตตาพวกแกไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว หวังว่าคงจะเข้าใจกันบ้างนะ?”
ไรลีย์พูดขึ้นพร้อมกับนึกถึงความผิดพลาดของตนในอดีต
“อย่าทำให้มันยุ่งยากนักเลย”
นักฆ่าค่อย ๆ ล้มลงทีละคน ๆ
ไรลีย์พูดเบา ๆ กับตัวเองขณะขมวดคิ้วแล้วเฝ้ามองพวกเขา
“โทษทีนะ แต่ฉันไม่อยากใช้ชีวิตเหมือนในอดีตอีกต่อไปแล้วล่ะ”
‘ฉันจะหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมที่อาจเกิดขึ้น จากการที่โยนทิ้งปัญหาเอาไว้เบื้องหลัง’
ไรลีย์พร่ำบอกกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เขาไม่ได้เป็นวีรบุรุษที่มีดาบศักดิ์สิทธิ์ และไม่จำเป็นต้องแบกรับความรับผิดชอบต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับมันอีกแล้ว
“การทิ้ง ‘เมล็ดพันธุ์’ ใด ๆ ไว้เบื้องหลังนั้น มันมักจะจบลงด้วยความน่ารำคาญเสมอ”
ทำในสิ่งที่อยากจะทำ
นอนให้มากที่สุดเท่าที่อยากจะนอน
นี่คือชีวิตของฉัน
ในชีวิตนี้ นี่มันคือเส้นทางของฉัน
เฉกเช่นที่ไรลีย์เคยตัดสินใจก่อนหน้านี้
“เพื่อไม่ให้มีอะไรที่มันน่ารำคาญเกิดขึ้นอีก”
แต่ว่า…
มีข้อยกเว้นประการหนึ่ง
“เพื่อที่ฉันจะได้ไม่สูญเสียผู้คนที่ฉันรักอีก”
ถ้ามันเป็นในอดีตล่ะก็
ถ้ามันเป็นในอดีต…
เขามักจะยึดติดความคิดตัวเอง ว่าให้เลือกเส้นทางที่มีคนเสียชีวิตน้อยที่สุด
ในฐานะวีรบุรุษผู้ถูกเลือก เขาไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างสบาย ๆ ได้
แต่ตอนนี้ เขาคือ ‘ไรลีย์’ ที่อาศัยอยู่ในโลกแห่งนี้
ถ้างั้น…
“ถ้าอย่างงั้น ปล่อยให้ฉัน…”
ไรลีย์พูดต่อขณะที่คิดว่า ‘อยากกลับไปนอนเตียงนุ่ม ๆ ที่บ้านจังน้าา’
“…ปล่อยให้ฉันใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายเถอะนะ”
ไรลีย์เหวี่ยงดาบอีกครั้ง
‘เป็นไปได้ยังไง?’
เทสจ้องมองไปด้วยสายตาที่แดงก่ำ
เขาตกใจในความสามารถของไรลีย์ ที่สามารถสังหารนักฆ่าทั้งหมดได้อย่างง่ายดายยิ่งนัก
โชคดีที่เขายังขยับตาได้ แม้ว่ามือและเท้าที่ขยับไม่ได้ราวกับเป็นอัมพาตก็เถอะ
‘เขาไม่ลังเลที่จะฆ่าคนซักนิดเลยหรอ? เขาคือ… คนที่ไม่เคยใช้ดาบสู้กับใครมาตลอด 19 ปีจริง ๆ งั้นเหรอ?’
การลงดาบของไรลีย์นั้น ไม่มีเศษเสี้ยวของความลังเลแม้แต่นิด
แม้ว่าจะเห็นกับตาตัวเองแล้ว แต่มันก็ยากที่จะทำใจให้เชื่อได้
‘ฉัน… ไม่อยากจะเชื่อเลย…’
เทสอาจจะยังไม่รู้ แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรก… ที่ไรลีย์ได้ตัดหัวคนอื่น
ถ้าคุณได้นับรวมใน ‘อดีต’ ของเขาด้วย…
ความจริงแล้ว ถ้าคุณเทียบระหว่างปัจจุบันกับอดีต จำนวนนักฆ่าที่เขาตัดผ่านเฉกเช่นเนยนั้น ตอนนี้มันลดลงกว่าแต่ก่อนมากยิ่งนัก
——————————————————————————————————————————–
“นายน้อยครับ! แฮ่ก ๆ … เขาไปอยู่ที่ไหนกันนะ?”
หลังจากท่านหญิงโอไรลีย์โดนขับไล่ คฤหาสน์ไอเฟลเลต้าก็ได้เผชิญกับปัญหาอีกอย่างหนึ่ง
ไรลีย์ที่ควรจะนั่งคุยอยู่ในห้องของไอริสจนถึงตอนนี้ได้หายตัวไปอย่างกะทันหัน
‘นักฆ่าลักพาตัวนายน้อยไปจริง ๆ งั้นเหรอ? รึว่าพวกมันจะใช้เขาเป็นตัวประกัน?’
คงจะเป็นไปไม่ได้หรอก ที่เขาจะมาเล่น‘ซ่อนหา’ในตอนนี้
เอียนเดาว่าโอแรลีย์ที่จนมุมได้ลักพาตัวนายน้อยไปเพื่อใช้ในแผนการของพวกเขา
จากนั้นเขาก็ส่ายหัว
เขาแทบไม่อยากจะนึกภาพกรณีที่เลวร้ายที่สุด
เอียนเม้มริมฝีปากของตนพร้อมค้นหาทุกซอกทุกมุมในคฤหาสน์ แล้วก็มีเสียงดังมาจากข้างหลังเขา
เธอคือสาวใช้เซร่านั่นเอง ผู้ซึ่งได้รับหน้าที่ปกป้องห้องท่านหญิงไอริสเช่นเดียวกับเขา
“คุณเอียนคะ!”
“เซร่า”
“เจอตัวนายน้อยหรือยังคะ?”
“ยัง… ฉันยังไม่เจอเขาเลย”
หลังจากที่เอียนตอบกลับไป ก็มองไปที่เซร่าด้วยความมุ่งมั่น
จากสายตาของเอียนมันราวกับจะถามว่า ‘แล้วเธอเจอนายน้อยไหม’
ความเศร้าก็ปรากฏขึ้นบนหน้าของเซร่า เมื่อเธอเห็นสายตาของเอียน
“ฉันก็ยังไม่เจอเขาเช่นกันค่ะ”
“ไอ้เวรเอ๊ย !”
“เขาไม่อยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะมองยังไง บางทีนายน้อยอาจจะ… ไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์หลังนี้แล้วก็ได้ค่ะ…”
“…”
แม้ว่าพวกเขาจะระวังตัวกันแล้ว แต่มันก็เกิดขึ้นจนได้
เอียนแสดงสีหน้าปวดร้าว กับความจริงที่ว่าเขาเสียนายน้อยไป แม้ว่าเขาจะอยู่ข้าง ๆ ตัวเขาก็ตาม
เซร่าก็เองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
เธอไม่สามารถซ่อนใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิดและความสิ้นหวังที่ไม่สามารถปกป้องไรลีย์ไว้ได้
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโศกเศร้า”
“คุณเอียนคะ?”
เอียนหันหลังและเริ่มเดิน
ถ้าหาเขาไม่เจอในคฤหาสน์ เช่นนั้นก็ไม่ทางเลือกแล้ว
เขาจะออกไปค้นหานอกคฤหาสน์
“คุณเอียนคะ! เดี๋ยวก่อนค่ะ! คุณจะไปทำอะไรข้างนอกคฤหาสน์คะ? พวกเขาเป็นนักฆ่านะคะ! พวกเขาเป็นนักฆ่าระดับหัวกระทิที่ทำให้สมาคมการค้าเทสอันไร้ชื่อ… กลายเป็นสมาคมชื่อดังที่ทุกคนรู้จักภายในเวลาแค่ 30 ปีนะคะ! นักฆ่าที่มีทักษะเหล่านั้น… จะไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ ไว้หลังจากการลักพาตัวหรอกค่ะ! และตอนนี้ยังเป็นตอนกลางคืนด้วย ถ้าคุณออกไปข้างนอกโดยไม่มีการเตรียมตัวล่ะก็-”
“แล้วยังไงล่ะ…”
เซร่าที่เสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ หยุดพูดในทันที
เพราะเอียนหันหน้ามาหาเธอด้วยความโกรธ
“เราควรจะรออยู่เฉย ๆ อย่างงั้นเหรอ!!?”
เอียนตะโกนใส่เธอ
ไหล่เซร่าถึงกับกระตุกเมื่อเธอเห็นชายแก่ที่ทำหน้าตาอย่างกับปีศาจ
“…”
“อึก… ฉันขอโทษ นั่นมันไม่ใช่ตัวฉันเลย”
‘เราไม่ใช่คนเดียวที่โกรธ’
เอียนขอโทษหลังจากที่หลุดปากไป
หมัดของเขาสั่นมานานแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจดี”
เฉกเช่นเอียน
เซร่าผู้ซึ่งกัดริมฝีปากของตนเอง แสดงสีหน้าโกรธกับความจริงที่ว่าเธอไม่สามารถทำอะไรได้เช่นกัน
จู่ ๆ เซร่าก็เรียกเอียนพร้อมเบิกตากว้างเมื่อตระหนักได้ถึงบางสิ่ง
“เดี๋ยวก่อน… คุณเอียนคะ”
“…?”
เอียนมองไปยังเซร่า โดยที่มีเครื่องหมายคำถามลอยอยู่บนหัว
ความคิดบางอย่างที่ลอยเข้ามาในหัวเธอ มันคือสภาพของห้องครัว
“มีบางสิ่ง… ในห้องครัวมันกวนใจฉันน่ะค่ะ”
“บางสิ่งที่กวนใจเธอ?”
“ฉันไปดูที่นั่นมาแล้วครั้งนึงค่ะ แต่ลังที่ใส่ข้าวโพด… มันเปิดอยู่ นอกจากลังแล้วก็ไม่มีอย่างอื่นอีกค่ะ”
“แค่ลังใส่ข้าวโพดงั้นเหรอ?”
เอียนเลิกคิ้วขึ้น
ข้าวโพด?
ทำไมต้องข้าวโพด?
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกันล่ะ?”
“โอ๊ะ ใช่ คุณเอียนไม่ได้อยู่นี่นา”
ก่อนหน้านี้ ไรลีย์คุยเกี่ยวกับ ‘ข้าวโพด’ ในห้องไอริส
‘มันเป็นบางสิ่งที่คล้ายขนมขบเคี้ยว… มันทำจากเนยกับข้าวโพดนิดหน่อย’
เขาพูดมันออกมาอย่างเรียบ ๆ ในสถานการณ์ที่จริงจัง
“มันอาจจะเป็นสัญชาตญาณของผู้หญิงมั้งคะ? แต่ว่าพวกเราควรไปค้นหาที่นั่นอีกครั้งค่ะ!”
เซร่าที่รายงานสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต เริ่มกระตุ้นเอียนให้ไปค้นหาที่ห้องครัวอีกครั้งหนึ่ง
“บางทีเราอาจพบหลักฐานสำหรับการหายตัวไปของนายน้อ-”
“เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ?”
“…!?”
“…!?”
เอียนและเซร่าตกใจ
“ไรลีย์หายตัวไปงั้นเหรอ?”
ด้านหลังพวกเขา… มีสไตน์กับบุตรทั้งสองของเขายืนอยู่