I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

The Lazy Swordmaster ตอนที่ 14 – ป็อปคอร์น(4)

| The Lazy Swordmaster | 1175 | 2359 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘นี่คงเป็นครั้งแรกในชีวิตนี้สินะ?’

 

ไรลีย์คิดกับตัวเองขณะสำรวจพื้นที่

ในชีวิตก่อนหน้านี้ เขาเคยได้ทำมันมาแล้วหลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตนี้

นั่นก็คือ การใช้ดาบ

 

‘สงสัยจังว่าฉันจะทำได้ดีแค่ไหนกันนะ?’

 

นิ้วของไรลีย์ลูบไปทั่วดาบไม้

ราวกับกำลังตรวจสอบด้วยนิ้วของเขา ค่อย ๆ ขยับทีละนิ้วจนกระทั่งพอใจ

ภายในอากาศเต็มไปด้วยจิตสังหารที่พร้อมจะระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา

 

“…ฆ่าเจ้านั่นซะ”

 

โอแรลีย์ที่มองไรลีย์ด้วยแววตาที่ว่างเปล่าพูดออกมา

ด้วยกลิ่นอายที่ไรลีย์ปล่อยออกมา ทำให้ไหล่เธอถึงกับสั่นออกมาด้วยความช็อค

 เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอช็อคเพราะความโกรธหรือความกลัวกันแน่

 

“ฉันบอกให้ฆ่ามันไง!”

 

เธอตะโกนออกมา

เธอสั่งให้เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของพ่อเธอ ฆ่าไรลีย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา

แม้ว่าเธอจะถูกขับไล่ออกจากคฤหาสน์แล้ว แต่เธอยังคงเป็นบุตรสาวของเจ้านายพวกเขาเหมือนเดิม พวกเขาจึงทำตามคำสั่งของเธออย่างรวดเร็ว

สิ่งแรกที่พวกเขาทำคือ การปามีดสั้นออกไป

 

“เดี๋ยว หยุดก่อ-!”

 

เทสที่จำข้อความทางโทรจิตก่อนเริ่มโจมตีคฤหาสน์ได้ตะโกนออกมา แต่มันก็สายไปเสียแล้ว

มีดสั้นนับสิบเล่มหรือมากกว่านั้น ได้ถูกปาออกไป การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว!

 

‘อึก…’

 

ความคิดในอดีตของไรลีย์ได้หวนคืนกลับมาขณะที่ได้มองมีดสั้นที่บินเข้ามาใกล้

ไรลีย์เม้มริมฝีปากเงียบ ๆ เพราะมันชวนให้คิดถึงชีวิตก่อนหน้านี้ของตัวเองยิ่งนัก

และนั่นมันก็ไม่ใช่ความทรงจำที่ดีเลยสักนิด

 

‘มันกำลังทำให้ตัวฉันคนเดิมกลับมา’

 

ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา เขาได้สูญเสียคนรักไปเพราะพวกนักฆ่า

ด้วยความคิดที่ว่าวีรบุรุษผู้กอบกู้โลกนั้น ควรจะละเว้นการเอาชีวิตผู้อื่น

เขาได้แสดงให้เห็นถึงความเมตตาโดยการปล่อยนักฆ่าที่เขาจับได้ ให้เป็นอิสระ เพราะคิดว่าคนพวกนั้นเองก็เป็นคนที่มีครอบครัวมากกว่าที่จะเป็นฆาตกร

แต่แล้ว… โศกนาฏกรรมก็ได้เกิดขึ้น

ผลตอบแทนของสิ่งที่ได้ทำไปก็คือ การทรยศต่อความไว้วางใจของเขา ด้วยร่างที่ไร้ชีวิตของบุคคลที่เขารัก

 

‘สถานการณ์แบบนี้…’

 

ในความมืดมิด…

เขาถูกล้อมรอบด้วยมีดที่เหล่าชายสวมผ้าคลุมปามา และสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่นี้…

มันทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะความอ่อนโยนที่มากเกินไปของเขาทั้งหมด

 

‘เอาเถอะ ฉันจะไม่ทำความผิดแบบเดิมเป็นครั้งที่สองหรอก’

 

ไรลีย์ค่อย ๆ  ก้าวไปข้างหน้า

เขากรอกสายตาไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว เพื่อนับจำนวนและวิเคราะห์มุมตกกระทบของมีดที่กำลังบินอยู่ จากนั้นเขาก็บิดตัวโดยการขยับไหล่ในมุมแนวทแยง

 

“มันกำลังทำอะไรน่ะ?”

 

ทุกสายตาได้จดจ่อไปที่ไรลีย์ จากนั้นทุกสายตาก็ถูกดึงดูดด้วยการปัดป้องมีดทั้งหลายด้วยดาบไม้ พอเสร็จเขาก็ชี้ดาบลงพื้น

 

“ฮะ?”

 

พวกเขาคิดว่าไรลีย์ที่ยืนอย่างไม่เกรงกลัวนั่น จะต้องกลายเป็นหมอนที่ถูกปักด้วยมีดจำนวนนับไม่ถ้วนแท้ ๆ

แต่ทว่า…

ไม่มีมีดเล่มไหนที่สามารถทำร้ายเขาได้เลย

มีดสั้นทั้งหมดถูกปัดอย่างคล่องแคล่ว

 

‘อะไรกัน?’

 

เพราะมีดจำนวนมากถูกปาไปพร้อม ๆ กัน จึงทำให้เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดนิดหน่อย แต่ทว่า… ความจริงคือไม่มีมีดเล่มไหนสามารถทำร้ายเขาได้เลยสักนิด

 

“พวกแกจำไว้ด้วยล่ะ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้เป็นแค่การป้องกันตัว”

 

ไรลีย์พูดออกมา

พวกมันได้โจมตีเขาก่อน

เขาไม่คิดจะปล่อยพวกนั้นให้มีชีวิตรอดตั้งแต่แรกแล้ว… แต่ก็แค่อยากมีเหตุผลรองรับความรู้สึกผิดที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง

 

“อย่าไปปากโป้งในนรกซะล่ะ”

 

ด้วยพละกำลังที่เขารวบรวมไว้ที่เท้า เขาถีบพื้นที่เขายืนอยู่ ไรลีย์หายตัวไปจากที่ที่เคยยืนทิ้งไว้เพียงแต่หลุมเล็ก ๆ เท่านั้น

 

“…!?”

 

จากนั้นไรลีย์ที่หายตัวไป อยู่ ๆ ก็ปรากฏตัวตรงหน้าชายสวมผ้าคลุมที่อยู่ใกล้เขาที่สุด

พอชายสวมผ้าคลุมได้สบตากับเด็กชายผมดำ ก็รู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง

 

‘ฮะ?’

 

…และตอนที่เขากำลังสับสนอยู่นั้นเอง…

 

‘ทำไม… ภาพที่เห็นมัน…?’

 

ภายในค่ำคืนอันแสนหนาวเหน็บ…

ชายสวมผ้าคลุมที่สั่นสะท้านไปทั้งร่าง บางทีอาจจะมาจากจิตสังหารก็ได้นั่นมันทำให้เขาตระหนักได้ว่าเขาไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่นิดเดียว

จากนั้น ภาพการมองเห็นของเขาก็ลอยขึ้นไปในอากาศ

ราวกับโลกกำลังหมุน

 

“…”

 

ตุบ

 

เมื่อทัศนวิสัยของชายสวมผ้าคลุมตกลงถึงพื้น สติของเขาก็หายไปแล้ว

หัวของเขากลิ้งไปตามพื้น พร้อมกับแววตาที่ไร้ซึ่งชีวิต

 

“มันเกิดอะไรขึ้น…?”

 

ไม่มีใครที่สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเขาได้สักนิด

หนึ่งในนักฆ่าได้ถูกเด็กชายตัดหัวในพริบตา

ไม่ใช่ดาบเหล็กที่คมกริบ แต่เป็นพียงดาบที่ใช้ฝึกซ้อมกับหุ่นฟาง

พวกเขาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ที่แน่ ๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงความห่างชั้นของทักษะอย่างลิบลับ

 

‘นี่มันสิ้นหวังชัด ๆ !’

 

ชายสวมผ้าคลุมทุกคนที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นตกใจเป็นอย่างมาก แล้วนี่เองก็เป็นสิ่งที่ชายสวมผ้าคลุมทุกคนคิดเหมือนกัน

ดังนั้น ความตั้งใจที่จะหลบหนี… ได้ทะลักเข้ามาในจิตใจอย่างท่วมท้น

ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และสูญเสียเหตุผลที่จะสู้ไปหมดสิ้น

 

‘เดี๋ยวก่อนนะ- ร่างกายของฉันมัน…’

 

ความสามารถในการหลบหนีจากสถานที่ปัจจุบัน เป็นหนึ่งในทักษะที่สำคัญที่สุดที่นักฆ่าทุกคนพึงมี

จากนั้นอีกความรู้สึกก็ได้ปรากฏขึ้นมาในแววตาของพวกเขา เมื่อพวกเขาพยายามจะหนีเอาชีวิตรอด

นั่นก็คือ ความสับสน

ร่างกายของพวกเขาขยับไม่ได้แม้แต่น้อย

 

‘เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของฉัน?’

 

พระเจ้าทรงหยุดเวลาเอาไว้งั้นเหรอ?

ในขณะที่นักฆ่าบางคนเริ่มคิดเช่นนั้น…

ไรลีย์ก็เริ่มเดินอีกครั้ง เพียงผู้เดียว

 

‘ฉันขยับไม่ได้!’

 

ชายสวมผ้าคลุมไม่สามารถแม้แต่จะขยับนิ้วหรือเท้าของตนได้เลย

สิ้นหวัง…

เป็นคำที่อธิบายสถานการณ์พวกเขาในตอนนี้ได้ดีที่สุด

 

‘นี่… นี่มันเป็นไปไม่ได้’

 

ท่ามกลางชายสวมผ้าคลุมที่นิ่งแข็งราวกับรูปปั้น ไรลีย์กระโดดจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง พร้อมกวัดแกว่งดาบไม้อย่างไร้ความปราณี

ในการกวัดแกว่งแต่ละครั้ง ก็จะค่อย ๆ มีหัวตกลงพื้นทีละหัว…

 

“จริง ๆ แล้วฉันไม่ใช่คนแบบนี้หรอกนะ… แต่ฉันจะเมตตาพวกแกไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว หวังว่าคงจะเข้าใจกันบ้างนะ?”

 

ไรลีย์พูดขึ้นพร้อมกับนึกถึงความผิดพลาดของตนในอดีต

 

“อย่าทำให้มันยุ่งยากนักเลย”

 

นักฆ่าค่อย ๆ ล้มลงทีละคน ๆ

ไรลีย์พูดเบา ๆ กับตัวเองขณะขมวดคิ้วแล้วเฝ้ามองพวกเขา

 

“โทษทีนะ แต่ฉันไม่อยากใช้ชีวิตเหมือนในอดีตอีกต่อไปแล้วล่ะ”

 

‘ฉันจะหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมที่อาจเกิดขึ้น จากการที่โยนทิ้งปัญหาเอาไว้เบื้องหลัง’

 

ไรลีย์พร่ำบอกกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เขาไม่ได้เป็นวีรบุรุษที่มีดาบศักดิ์สิทธิ์ และไม่จำเป็นต้องแบกรับความรับผิดชอบต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับมันอีกแล้ว

 

“การทิ้ง ‘เมล็ดพันธุ์’ ใด ๆ ไว้เบื้องหลังนั้น มันมักจะจบลงด้วยความน่ารำคาญเสมอ”

 

ทำในสิ่งที่อยากจะทำ

นอนให้มากที่สุดเท่าที่อยากจะนอน

นี่คือชีวิตของฉัน

ในชีวิตนี้ นี่มันคือเส้นทางของฉัน

เฉกเช่นที่ไรลีย์เคยตัดสินใจก่อนหน้านี้

 

“เพื่อไม่ให้มีอะไรที่มันน่ารำคาญเกิดขึ้นอีก”

 

แต่ว่า…

มีข้อยกเว้นประการหนึ่ง

 

“เพื่อที่ฉันจะได้ไม่สูญเสียผู้คนที่ฉันรักอีก”

 

ถ้ามันเป็นในอดีตล่ะก็

ถ้ามันเป็นในอดีต…

เขามักจะยึดติดความคิดตัวเอง ว่าให้เลือกเส้นทางที่มีคนเสียชีวิตน้อยที่สุด

ในฐานะวีรบุรุษผู้ถูกเลือก เขาไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างสบาย ๆ ได้

แต่ตอนนี้ เขาคือ ‘ไรลีย์’ ที่อาศัยอยู่ในโลกแห่งนี้

ถ้างั้น…

 

“ถ้าอย่างงั้น ปล่อยให้ฉัน…”

 

ไรลีย์พูดต่อขณะที่คิดว่า ‘อยากกลับไปนอนเตียงนุ่ม ๆ ที่บ้านจังน้าา’

 

“…ปล่อยให้ฉันใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายเถอะนะ”

 

ไรลีย์เหวี่ยงดาบอีกครั้ง

 

‘เป็นไปได้ยังไง?’

 

เทสจ้องมองไปด้วยสายตาที่แดงก่ำ

เขาตกใจในความสามารถของไรลีย์ ที่สามารถสังหารนักฆ่าทั้งหมดได้อย่างง่ายดายยิ่งนัก

โชคดีที่เขายังขยับตาได้ แม้ว่ามือและเท้าที่ขยับไม่ได้ราวกับเป็นอัมพาตก็เถอะ

 

‘เขาไม่ลังเลที่จะฆ่าคนซักนิดเลยหรอ? เขาคือ… คนที่ไม่เคยใช้ดาบสู้กับใครมาตลอด 19 ปีจริง ๆ งั้นเหรอ?’

 

การลงดาบของไรลีย์นั้น ไม่มีเศษเสี้ยวของความลังเลแม้แต่นิด

แม้ว่าจะเห็นกับตาตัวเองแล้ว แต่มันก็ยากที่จะทำใจให้เชื่อได้

 

‘ฉัน… ไม่อยากจะเชื่อเลย…’

 

เทสอาจจะยังไม่รู้ แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรก… ที่ไรลีย์ได้ตัดหัวคนอื่น

ถ้าคุณได้นับรวมใน ‘อดีต’ ของเขาด้วย…

ความจริงแล้ว ถ้าคุณเทียบระหว่างปัจจุบันกับอดีต จำนวนนักฆ่าที่เขาตัดผ่านเฉกเช่นเนยนั้น ตอนนี้มันลดลงกว่าแต่ก่อนมากยิ่งนัก

 

——————————————————————————————————————————–

 

“นายน้อยครับ! แฮ่ก ๆ … เขาไปอยู่ที่ไหนกันนะ?”

 

หลังจากท่านหญิงโอไรลีย์โดนขับไล่ คฤหาสน์ไอเฟลเลต้าก็ได้เผชิญกับปัญหาอีกอย่างหนึ่ง

ไรลีย์ที่ควรจะนั่งคุยอยู่ในห้องของไอริสจนถึงตอนนี้ได้หายตัวไปอย่างกะทันหัน

 

‘นักฆ่าลักพาตัวนายน้อยไปจริง ๆ งั้นเหรอ? รึว่าพวกมันจะใช้เขาเป็นตัวประกัน?’

 

คงจะเป็นไปไม่ได้หรอก ที่เขาจะมาเล่น‘ซ่อนหา’ในตอนนี้

เอียนเดาว่าโอแรลีย์ที่จนมุมได้ลักพาตัวนายน้อยไปเพื่อใช้ในแผนการของพวกเขา

จากนั้นเขาก็ส่ายหัว

เขาแทบไม่อยากจะนึกภาพกรณีที่เลวร้ายที่สุด

เอียนเม้มริมฝีปากของตนพร้อมค้นหาทุกซอกทุกมุมในคฤหาสน์ แล้วก็มีเสียงดังมาจากข้างหลังเขา

เธอคือสาวใช้เซร่านั่นเอง ผู้ซึ่งได้รับหน้าที่ปกป้องห้องท่านหญิงไอริสเช่นเดียวกับเขา

 

“คุณเอียนคะ!”

 

“เซร่า”

 

“เจอตัวนายน้อยหรือยังคะ?”

 

“ยัง… ฉันยังไม่เจอเขาเลย”

 

หลังจากที่เอียนตอบกลับไป ก็มองไปที่เซร่าด้วยความมุ่งมั่น

จากสายตาของเอียนมันราวกับจะถามว่า ‘แล้วเธอเจอนายน้อยไหม’

ความเศร้าก็ปรากฏขึ้นบนหน้าของเซร่า เมื่อเธอเห็นสายตาของเอียน

 

“ฉันก็ยังไม่เจอเขาเช่นกันค่ะ”

 

“ไอ้เวรเอ๊ย !”

 

“เขาไม่อยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะมองยังไง บางทีนายน้อยอาจจะ… ไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์หลังนี้แล้วก็ได้ค่ะ…”

 

“…”

 

แม้ว่าพวกเขาจะระวังตัวกันแล้ว แต่มันก็เกิดขึ้นจนได้

เอียนแสดงสีหน้าปวดร้าว กับความจริงที่ว่าเขาเสียนายน้อยไป แม้ว่าเขาจะอยู่ข้าง ๆ ตัวเขาก็ตาม

เซร่าก็เองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

เธอไม่สามารถซ่อนใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิดและความสิ้นหวังที่ไม่สามารถปกป้องไรลีย์ไว้ได้

 

“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโศกเศร้า”

 

“คุณเอียนคะ?”

 

เอียนหันหลังและเริ่มเดิน

ถ้าหาเขาไม่เจอในคฤหาสน์ เช่นนั้นก็ไม่ทางเลือกแล้ว

เขาจะออกไปค้นหานอกคฤหาสน์

 

“คุณเอียนคะ! เดี๋ยวก่อนค่ะ! คุณจะไปทำอะไรข้างนอกคฤหาสน์คะ? พวกเขาเป็นนักฆ่านะคะ! พวกเขาเป็นนักฆ่าระดับหัวกระทิที่ทำให้สมาคมการค้าเทสอันไร้ชื่อ… กลายเป็นสมาคมชื่อดังที่ทุกคนรู้จักภายในเวลาแค่ 30 ปีนะคะ! นักฆ่าที่มีทักษะเหล่านั้น… จะไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ ไว้หลังจากการลักพาตัวหรอกค่ะ! และตอนนี้ยังเป็นตอนกลางคืนด้วย ถ้าคุณออกไปข้างนอกโดยไม่มีการเตรียมตัวล่ะก็-”

 

“แล้วยังไงล่ะ…”

 

เซร่าที่เสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ หยุดพูดในทันที

เพราะเอียนหันหน้ามาหาเธอด้วยความโกรธ

 

“เราควรจะรออยู่เฉย ๆ อย่างงั้นเหรอ!!?”

 

เอียนตะโกนใส่เธอ

ไหล่เซร่าถึงกับกระตุกเมื่อเธอเห็นชายแก่ที่ทำหน้าตาอย่างกับปีศาจ

 

“…”

 

“อึก… ฉันขอโทษ นั่นมันไม่ใช่ตัวฉันเลย”

 

‘เราไม่ใช่คนเดียวที่โกรธ’

 

เอียนขอโทษหลังจากที่หลุดปากไป

หมัดของเขาสั่นมานานแล้ว

 

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจดี”

 

เฉกเช่นเอียน

เซร่าผู้ซึ่งกัดริมฝีปากของตนเอง แสดงสีหน้าโกรธกับความจริงที่ว่าเธอไม่สามารถทำอะไรได้เช่นกัน

จู่ ๆ เซร่าก็เรียกเอียนพร้อมเบิกตากว้างเมื่อตระหนักได้ถึงบางสิ่ง

 

“เดี๋ยวก่อน… คุณเอียนคะ”

 

“…?”

 

เอียนมองไปยังเซร่า โดยที่มีเครื่องหมายคำถามลอยอยู่บนหัว

ความคิดบางอย่างที่ลอยเข้ามาในหัวเธอ มันคือสภาพของห้องครัว

 

“มีบางสิ่ง… ในห้องครัวมันกวนใจฉันน่ะค่ะ”

 

“บางสิ่งที่กวนใจเธอ?”

 

“ฉันไปดูที่นั่นมาแล้วครั้งนึงค่ะ แต่ลังที่ใส่ข้าวโพด… มันเปิดอยู่ นอกจากลังแล้วก็ไม่มีอย่างอื่นอีกค่ะ”

 

“แค่ลังใส่ข้าวโพดงั้นเหรอ?”

 

เอียนเลิกคิ้วขึ้น

ข้าวโพด?

ทำไมต้องข้าวโพด?

 

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกันล่ะ?”

 

“โอ๊ะ ใช่ คุณเอียนไม่ได้อยู่นี่นา”

 

ก่อนหน้านี้ ไรลีย์คุยเกี่ยวกับ ‘ข้าวโพด’ ในห้องไอริส

 

‘มันเป็นบางสิ่งที่คล้ายขนมขบเคี้ยว… มันทำจากเนยกับข้าวโพดนิดหน่อย’

 

เขาพูดมันออกมาอย่างเรียบ ๆ ในสถานการณ์ที่จริงจัง

 

“มันอาจจะเป็นสัญชาตญาณของผู้หญิงมั้งคะ? แต่ว่าพวกเราควรไปค้นหาที่นั่นอีกครั้งค่ะ!”

 

เซร่าที่รายงานสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต เริ่มกระตุ้นเอียนให้ไปค้นหาที่ห้องครัวอีกครั้งหนึ่ง

 

“บางทีเราอาจพบหลักฐานสำหรับการหายตัวไปของนายน้อ-”

 

“เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ?”

 

“…!?”

 

“…!?”

 

เอียนและเซร่าตกใจ

 

“ไรลีย์หายตัวไปงั้นเหรอ?”

 

ด้านหลังพวกเขา… มีสไตน์กับบุตรทั้งสองของเขายืนอยู่

 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments