I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

The Lazy Swordmaster ตอนที่ 15 – ป๊อปคอร์น(5)

| The Lazy Swordmaster | 1213 | 2362 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

บนเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างคฤหาสน์แห่งตระกูลไอเฟลเลต้ากับหมู่บ้านอิฟฟามีป่าอยู่

หากมีใครถามถึงสถานการณ์ภายในป่าตอนนี้ล่ะก็…

 

“อึก… อึกกก…”

 

มันเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

บ่อเลือดถูกสร้างมาจากศพอันไร้หัวของพวกนักฆ่า ซึ่งสามารถทำให้คนอื่นขนหัวลุกได้เลย

 

‘นี่ฉันฝันอยู่สินะ?’

 

เด็กชายได้เดินตรงมายังเขาขณะกวัดแกว่งดาบไปในอากาศ…

ซึ่งนี่มันน่าจะเป็นภาพที่ทำให้เทสเชื่อว่า ตัวเขานั้นต้องกำลังฝันอยู่แน่ ๆ

เด็กชายตรงหน้าเขาคือไรลีย์

เด็กชายผู้เกียจคร้าน และเฉื่อยชา  ไม่ได้สนใจฐานะหัวหน้าสมาคมการค้าของเทสแม้แต่น้อย เขาค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ หลังจากที่สังหารคนไปนับไม่ถ้วน ราวกับว่าเป็นปีศาจ

 

“อีกแค่ 2 สินะ”

 

ไรลีย์พึมพำ

สิ่งที่เขาต้องการจะบอกก็คือ พวกเขานั้นเป็นรายถัดไป

ผู้เหลือรอดสองคนสุดท้าย นั่นก็คือ เทสและโอแรลีย์

 

“…!”

 

เทสกรอกตาไปมาหลังจากที่เขาได้สติกลับคืนมา

เช่นเดียวกับที่ไรลีย์ได้กล่าวไว้ รอบตัวพวกเขานั้นไม่หลงเหลือนักฆ่าอยู่อีกแล้ว

 

‘ฉันจะต้องมาตายแบบนี้ไม่ได้’

 

เพราะดูเหมือนว่าไรลีย์จะตั้งใจให้พยานทั้งสองไม่รอดไปอยู่แล้ว

นั่นคือสิ่งที่เทสเชื่อมั่น

และนั่นก็ไม่ใช่ในฐานะนักฆ่า แต่เป็นในฐานะพ่อค้าต่างหาก ดังนั้นแล้วเขาควรจะคิดให้มากกว่านี้

เขาต้องการมอบทุกสิ่งให้แก่ไรลีย์เพื่อร้องขอชีวิต

แต่ถ้าไม่ได้ล่ะก็ อย่างน้อยขอแค่บุตรสาวตนก็พอ…

 

“ร-”

 

พระเจ้าทรงช่วยเรางั้นหรือ?

ริมฝีปากของเทสค่อย ๆ ขยับอย่างช้า ๆ

เขาเริ่มพูดตะกุกตะกัก

 

“ท่านไรลีย์”

 

ไรลีย์ที่ยกดาบขึ้นสูงหมายจะฟัน ก็หยุดชะงักลง เมื่อได้ยินที่เทสกล่าวออกมา

 

“ด-ได้โปรด”

 

ไรลีย์หรี่ตาลง

เขากลืนน้ำลายเสียงดังเมื่อไรลีย์มองจ้องมา

ในฐานะหัวหน้าของสมาคมการค้าแล้ว เขาได้พบเห็นผู้คนมามากมาย แต่เขากลับไม่สามารถอ่านความคิดของเด็กชายผู้อยู่ตรงหน้าได้เลยซักนิด

ซึ่งตรงข้ามกับอายุของไรลีย์ เขากลับสามารถเห็นถึงวุฒิภาวะ และประสบการณ์ ภายใต้ดวงตาคู่นั้นได้อย่างชัดเจน

 

“ค-คุณจะฆ่าผมก็ได้”

 

เทสขยับสายตาไปด้านข้าง

เขามองไปยังลูกสาวที่อยู่ข้างหลังตน โอแรลีย์

เธอได้สร้างพายุเล็ก ๆ ขึ้นมา แต่เธอเป็นเพียงธิดาคนเดียวที่เขามี

 

“คุณจะฆ่าผมก็ได้ แต่ขอเพียงอย่างเดียว ขอให้บุตรสาวของผม… ได้โปรดปล่อยให้โอแรลีย์มีชีวิตต่อไปเถอะ”

 

เทสมองไปที่ไรลีย์และยอมรับความตายของตัวเอง ขณะริมฝีปากของโอแรลีย์สั่นด้วยความหวาดกลัวจนแทบจะทำให้ร่างกายเป็นอัมพาต

 

“ฉันจะให้เวลา 5 นาที… ไม่สิ 4 นาทีก็พอมั้ง?”

 

ไรลีย์พึมพำกับตัวเอง มันเป็นการตอบสนองต่อคำขอร้องของเทส

เทสกระพริบตา เขาไม่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาจึงขอร้องอีกครั้งหนึ่ง

 

“อาจจะจริงที่ว่าเด็กคนนี้เป็นคนผิด แต่เธอไม่ได้แย่เท่าเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้เธอเป็นเด็กดีแล้ว ดังนั้น ได้โปรด ขอแค่-!”

 

ปล่อยให้บุตรสาวของผมมีชีวิตรอด

ได้โปรดปล่อยให้เธอมีชีวิตรอด

 

“เป็นไปตามที่คาดไว้เลยแฮะ”

 

ไรลีย์ตอบกลับมา

ตาของเทสสั่นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบ

เป็นไปตามที่เขาคาดไว้?

เขาคาดหวังอะไรไว้กัน?

 

“…”

 

หลังจากที่ไรลีย์ตอบกลับไป ดาบไม้ของเขาก็ได้ตวัดผ่านอากาศอย่างรวดเร็ว

 

“…อึ๊ก”

 

“…อ๊า”

 

นี่มันคือความเมตตาที่มากที่สุดที่ไรลีย์จะสามารถให้ได้แล้ว

ไรลีย์ได้เลือกที่จะคร่าชีวิตทั้งสองพร้อมกัน โดยที่จะได้ไม่ให้ทั้งคู่ได้เห็นว่าใครต้องตายก่อน

 

‘จบสักที’

 

จากนั้นร่างของคนเป็นพ่อกับลูกสาว ก็ค่อย ๆ ล้มลงคุกเข่า และล้มลงขนานไปกับพื้นในที่สุด

สีหน้าของไรลีย์เริ่มที่จะมืดมน หลังจากที่เห็นร่างทั้งสองร่วงลงพื้น

ไรลีย์จ้องศพทั้งสองราวกับกำลังใคร่ครวญถึงบางสิ่ง จากนั้นเขาก็หันหลังกลับไปมอง

มันต่างจาก 5 นาทีที่แล้ว เพราะ ณ ตอนนี้บริเวณรอบ ๆ นั้นเต็มไปด้วยศพ

 

“ฟู่…”

 

ใบหน้าของไรลีย์แย่ลงขณะปักดาบไม้ลงบนพื้น

ไรลีย์นวดขมับของตนราวกับกำลังปวดหัว จากนั้นเขารีบเอามือไปปิดไว้ที่ปาก

 

“อุ๊บบบ…!”

 

จากนั้นจู่ ๆ ก็รู้สึกคลื่นไส้ และได้อาเจียนออกมา

แต่นี่ไม่ใช่เพราะความรู้สึกผิดกับสิ่งที่ได้ทำ

แต่เป็นเพราะเขาใช้มานามหาศาลในการหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดของพวกนักฆ่า เทส และโอไรลีย์

มันเป็นผลกระทบมาจาก ‘การยับยั้ง’ ที่ทำให้พลัง คิของเขาไหลผิดปกติ

 

“…แฮ่ก แฮ่ก”

 

ไรลีย์ที่อาเจียนป๊อปคอร์นที่เขากินก่อนหน้านี้ทั้งหมดลงบนพื้น หยุดมือของเขาที่กำลังจะเช็ดปาก

เขาคิดว่ามันอาจทำให้คนอื่นสงสัยได้ ถ้าหากว่าเขาทิ้งรอยแปลก ๆ ไว้บนเสื้อของเขา

 

‘เราสามารถบอกได้ว่าเสื้อผ้าพวกนี้มันขาดที่ห้องครัว แต่นี่มันไม่เหมือนกัน’

 

นอกจากรอยฉีกขาดบนเสื้อแล้ว เขาก็ไม่ได้มีเลือดไหลเลยซักนิด

เพื่อที่จะได้ไม่ทิ้งหลักฐานเอาไว้ เขาต้องทำให้แน่ใจว่าเขาจัดการกับรอยฟันที่เขาทำไว้กับพวกนักฆ่าเรียบร้อยแล้ว

เมื่อสะสางปัญหาทั้งหมดแล้ว หลังจากผ่านการต่อสู้ที่แสนยากลำบาก มันคงไม่น่าพิสมัยยิ่งนัก หากว่าเขาต้องมาถูกจับได้จากอาเจียนของตนเอง

 

‘ไม่สิ เราบอกได้นี่ ว่าเราป่วยเพราะกินเร็วเกินไป?’

 

มันไม่ใช่เลือดสักหน่อย

ขณะที่คิดเช่นนั้น พอเขามีเหตุผลมารองรับแล้ว เขาก็เริ่มเช็ดปากของตนด้วยแขนเสื้อ

 

“เอาเถอะ ร่างนี้แตกต่างจากร่างเก่าล่ะนะ แถมร่างนี้ยังเด็กเกินกว่าที่จะรับพลังของฉันได้ทั้งหมด… คงช่วยอะไรไม่ได้”

 

มือของไรลีย์สั่นเพราะผลกระทบจากการใช้พลังมากเกินไป

ไรลีย์เริ่มพูดกับตัวเองอีกครั้งขณะกำและแบมือสลับกัน

 

“นี่ก็เหมือนการทดสอบล่ะนะ… แต่ฉันคิดว่าคงจะใช้มานาไม่ได้ไปซักพัก ถ้าจะเคลื่อนไหวล่ะก็ ควรใช้แค่ดาบก็พอ”

 

ครั้งนี้ฝ่ายตรงข้ามเป็นนักฆ่า

ไม่ใช่เพียงนักฆ่าเท่านั้น แต่พวกเขายังเป็นจ้าวแห่งการหลบหนีอีกด้วย เขาไม่สามารถทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ได้ เพื่อที่จะได้รักษาความลับของเขาเอาไว้

มันค่อนข้างดูโหดร้าย แต่ทางที่ไรลีย์เลือกนั้นมีประสิทธิภาพที่สุดแล้ว

 

“ฉันน่าจะกลับได้แล้วสินะ?”

 

เขาได้วางแผนเรื่องการทำความสะอาดร่างกายไว้แล้ว

ดังนั้นเขาจึงตรวจสอบตัวเองอีกครั้ง และเริ่มออกเดิน

 

“เอียนคงจะบ้าตายแล้วมั้ง”

 

ไรลีย์ยิ้มขม ๆ ขณะที่คิดในใจว่า‘คงต้องไปขอโทษแล้วล่ะ’

 ลมหนาวยามค่ำคืนก็ได้พัดผ่านศพทั้งหลายที่อยู่ในผืนป่า

 

——————————————————————————————————————-

 

เมื่อเหตุการณ์การหายตัวไปของไรลีย์ได้เข้าหูของเคาท์สไตน์

เซร่าและเอียนที่พยายามจะไม่โกรธสไตน์ที่เพิ่งระเบิดอารมณ์ออกมาเพราะท่านหญิงโอไรลีย์ตะโกนเสียงดังและเริ่มทำเสียงอึกอัก

 

“บอกฉันมาช้า ๆ ชัด ๆ สิเอียน ว่าไรลีย์หายตัวไปงั้นเหรอ?”

 

“คือว่า…”

 

จากการที่ไรลีย์ได้รับการปฏิบัติอย่างกับขยะข้างถนนจากคนในคฤหาสน์

มันจะเกิดอะไรขึ้ถ้าหากคำว่า ‘ดูเหมือนว่าไรลีย์จะถูกลักพาตัวไปโดยนักฆ่า’ ได้พูดออกไป ในตอนที่เคาท์สไตน์กำลังฉุนเฉียว?

 

“…”

 

“…”

 

เอียนและเซร่าที่ไม่อยากคิดถึงผลที่ตามมา เลยได้แต่เงียบปากไว้ มองหน้าซึ่งกันและกัน

เดาว่าเคาท์สไตน์คงจะพูดแบบนี้ออกมาแน่ ๆ :

 

‘อะไรนะ? เขาถูกลักพาตัวไปโดยนักฆ่างั้นเหรอ? น่าสังเวชจริง ๆ ไม่ต้องไปตามหาเขาหรอก ตระกูลไอเฟลเลต้าไม่ต้องการสวะแบบนั้น’

 

…แล้วไรลีย์ก็จะโดขับไล่เช่นเดียวกับโอแรลีย์

ซึ่งหมายความว่า พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ไปช่วยนายน้อย

 

“คือว่า…”

 

เอียนที่มีความสามารถในการพูด ได้เริ่มเค้นสมองของตนอย่างหนัก เพื่อที่คิดว่าจะพูดอย่างไรดี

 

ฉันจะฝ่าวิกฤตินี้ไปได้ยังไงนะ?

แล้วฉันจะแก้ตัวยังไงดีล่ะ?

ขณะที่เขากำลังจะพูดด้วยริมฝีปากอันเหือดแห้งนั้นเอง…

 

“…นายเรียกฉันรึเปล่า?”

 

“…!?”

 

ก็ได้มีเสียงอันคุ้นเคยดังมาจากด้านหลังของเอียน

 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments