ตอนที่แล้วตอนต่อไป‘นี่เราคิดฟุ้งซ่านเรื่องกระดาษนั่นมากเกินไป จนได้ยินผิดอย่างนั้นเหรอ?’
ไรลีย์ไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเพิ่งจะได้ยิน และถามกลับไปว่า
“เดี๋ยวครับ… ท่านพ่อพูดว่าอะไรนะครับ? ออกไป?”
“…”
สไตน์ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
เขาเพียงรอคำตอบของไรลีย์ โดยที่ยังคงยื่นมือขวาออกมาเช่นเดิม
“เดี๋ยวครับ ผม…”
ไรลีย์ที่ขมวดคิ้วด้วยความตกใจ หรี่ตาลงและจ้องไปยังกระดาษที่สไตน์ยื่นให้
“นั่นมันอะไรเหรอครับ?”
สไตน์ไม่กล่าวอะไร เขาทำเพียงส่ายกระดาษที่ยื่นออกมาเท่านั้น
ดูเหมือนแต่เดิมมันถูกม้วนมา เขาเห็นเพียงขอบกระดาษที่ม้วนเข้า
“หืม เมืองหลวงงั้นรึ?”
ไรลีย์พึมพำกับตัวเอง มันเป็นคำที่โดดเด่นที่สุดในกระดาษ
เมืองหลวง
เป็นเมืองขนาดใหญ่ที่อยู่นอกเขตปกครองของตระกูลไอเฟลเลต้า
ใจกลางเมืองมีปราสาทขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ ภายนอกมีกำแพงสีขาวสะอาดตาล้อมรอบเมือง
ชาวเมือง พ่อค้า และขุนนาง อาศัยอยู่ภายในเมืองที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม
[รายละเอียดในการแข่งขันงานประลองฝีมือที่ถูกจัดขึ้นในเมืองหลวง]
[การแข่งขันครั้งที่ 17 จะเริ่มในสัปดาห์หน้า ทางเราขอเชิญหนึ่งในบุตรชายแห่ง ‘ตระกูลไอเฟลเลต้า’ ซึ่งได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางในเชิงดาบ จะเป็นเกียรติอย่างยิ่งหากท่านเข้าร่วม และแสดงฝีมือเป็นตัวอย่างในงานนี้]
ข้อความบนกระดาษนั้นมองไกล ๆ แล้วเห็นไม่ชัด
ไรลีย์จึงเข้าไปใกล้โต๊ะทำงานของสไตน์ และหยิบกระดาษมาเพื่อดูเนื้อหา
“…”
ข้อความบนกระดาษมีสิ่งที่ไรลีย์เกลียดที่สุดอยู่
‘ออกจากคฤหาสน์นี้ไปซะ’
ดูเหมือนว่านี่จะเป็นเหตุผลที่สไตน์กล่าวถ้อยคำเหล่านั้นออกมา
เพื่อให้ไปลงแข่งขันในการแข่งขันการประลองฝีมือ
‘ถึงแม้เขาจะเป็นคนพูดน้อยก็เถอะ…’
แกไปเข้าร่วมการแข่งขันการประลองฝีมือซะ
หากเขาพูดเช่นนั้นจะง่ายกว่า เขาไม่จำเป็นต้องกล่าวว่า ‘ออกจากคฤหาสน์นี้ไปซะ’ ก็ได้นี่?
ไรลีย์ที่บ่นอุบอิบในใจ วางกระดาษบนโต๊ะ และค่อย ๆ เดินกลับไปที่เดิม
“ฮ่า ๆ ๆ …”
“ไรลีย์”
“ท่านพ่อคงรู้คำตอบของผมดีใช่ไหมครับ?”
“มันจะเป็นประสบการณ์ที่ดีแน่”
“แต่ผมไม่เอาประสบการณ์พวกนั้นได้ไหมครับ?”
“พี่ชายของแกต่างก็เคยไปกันมาแล้ว”
“แล้วทำไมไม่ให้พวกท่านพี่ไปอีกครั้งหนึ่งล่ะครับ? ผมว่าแบบนั้นดีกว่ากันเยอะ”
“จดหมายมันส่งมาถึงแก”
“อะไรนะครับ ไม่มีทางหรอกครับ”
“พวกเขาอ้างว่ามันเป็นการกระชับมิตร”
“…”
เขาพูดว่าอะไรนะ?
กระชับมิตรงั้นเหรอ?
ถ้อยคำเหล่านั้นออกมาจากปากของคนหัวแข็งอย่างสไตน์
เมื่อไรลีย์หยุดเดิน และชะงักราวกับสะดุดอะไรบางสิ่ง สไตน์ดันเก้าอี้ไปด้านหลัง และยืนขึ้น
“ผม…ไม่..ไปครับ”
ขณะที่เสียงขาเก้าอี้ถูกับพื้นดังขึ้น สติของไรลีย์ก็กลับมา เขาส่ายหน้าและกล่าวถ้อยคำเหล่านั้นออกมา
จะร้องไห้ไม่อยากไปก็ใช้ไม่ได้อีก เพราะเขาไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว
ดังนั้นเขาจึงต้องระบุความตั้งใจของตนให้ชัดเจน
“ผมไม่มีทางลงแข่งขันในการประลองฝีมือแน่นอนครับ”
“นี่แกเลิกใช้ชีวิตเน่า ๆ เอาแต่อารมณ์ส่วนตัวเป็นศูนย์กลางนี่ซักทีได้ไหม? แกควรจะหยุดการใช้ชีวิตแบบนั้นได้แล้ว”
“ผมไม่มีความสามารถในเชิงดาบหรอก”
ไรลีย์มองมือตนเองและตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันเบื่อหน่าย
“ครั้งก่อนผมได้ลองพยายามด้วยดาบไม้แล้ว ผมกังวลเรื่องท่านแม่มาก อยากจะปกป้องท่าน แต่… ความสามารถของผมมันช่างน่าสังเวช ฮ่ะ! ท่านพ่อควรจะได้เห็นสายตาของเอียนในตอนนั้นนะครับ มันเป็นสายตาแบบนั้นแหละครับ!”
ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องจริง แต่อีกส่วนเป็นเรื่องโกหก
ไม่รู้ว่าสไตน์จะสามารถจับส่วนที่เขาโกหกได้หรือเปล่า
“…”
“ผมรู้นะ… รู้มาตลอดว่าผมไม่มีความสามารถในเชิงดาบเลยซักนิด ผมถึงได้ยอมแพ้ ปล่อยผมไปเถอะครับ ได้โปรดอย่าบีบบังคับให้ผมเดินบนเส้นทางนี้อีกเลย…”
‘เพราะผมชอบการอ่านหนังสือยังไงล่ะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ผมจะหาทางเป็นจอมเวทย์เอง’ ไรลีย์กล่าวเสริมภายในใจ
เขารู้สึกว่าสไตน์จะยอมแพ้หลังจากได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น
‘ฉันแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสบาย ๆ เท่านั้นแหละ ไม่อยากรับความหวังอันสูงส่งของคนอื่นอีกแล้ว’
ไรลีย์เม้มริมฝีปากเพราะคำสัตย์สาบานที่เขาให้ไว้ตั้งแต่ลืมตาดูโลกใบนี้
“ไรลีย์”
ไรลีย์สะดุ้งเพราะเสียงของสไตน์
คนทั่วไปคงไม่สังเกต แต่ภายใต้เสียงอันแหบแห้งของสไตน์นั้นมีความหวังเล็ก ๆ ซ่อนอยู่
“…”
ไรลีย์เริ่มกำหมัด
มือของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
‘หากเป็นท่านล่ะก็…’
‘เราเชื่อในตัวท่าน…’
‘ท่านสามารถทำได้ เพราะเป็นท่านนั่นแหละ!’
‘ท่านทำได้แน่นอน! ท่านผู้กล้า!’
เสียงของเหล่าสหายในชีวิตที่แล้วดังก้องอยู่ในหูของเขา
เขายังคงจำร่างที่ถูกย้อมไปด้วยเลือดพร้อมกับลมหายใจสุดท้ายของเหล่าสหายได้
ไรลีย์กลืนน้ำลายเสียงดัง
‘อย่ามองแบบนั้นนะ…’
อย่ามองมาที่ฉันด้วยสายตาแบบนั้น
ปากของไรลีย์สั่นเมื่อเขาคิดกับตัวเอง
ไรลีย์เริ่มเดินถอยหลังช้า ๆ พร้อมหลั่งเหงื่อเย็นบนใบหน้า
“ไรลีย์… การแข่งขันประลองฝีมือนักดาบรุ่นเยาว์กับประลองในเมืองหลวงมันต่างกัน เมื่อเราบอกให้แกเข้าร่วมการแข่งประลองฝีมือนักดาบรุ่นเยาว์… แกก็ชักแม่น้ำทั้งห้าเพื่อไม่เข้าร่วม”
สไตน์คว้ากระดาษที่มีหัวข้อ ‘การแข่งขันประลองฝีมือแห่งเมืองหลวง’ และเดินมาหาไรลีย์
“แต่ตอนนี้มันต่างออกไป แกน่ะโตแล้ว ฉันจะไม่ปล่อยไปง่าย ๆ แน่ แกต้องเข้าร่วม อย่างน้อยก็ไปแสดงหน้าค่าตาให้องค์ราชาให้เห็-”
แกร๊ก
สไตน์ลืมตาด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูขณะเทศน์ใส่ไรลีย์อยู่
ก็เป็นเพราะเจ้าเด็กนั่นค่อย ๆ เดินไปที่ประตูโดยที่เขาไม่ทันสังเกต
“…อุหวา!?”
หลังจากมีเสียงประตูดังแอ๊ดขึ้นมา เอียนก็ร้องตกใจ
“อ๊ะ เปล่าครับ! ผมไม่ได้แอบฟังนะครับ! ผมแค่รู้สึกว่าประตูมันสร้างขึ้นมาดีมาก ผมก็เลยเข้าไปดูมันใกล้ ๆ เท่านั้นเองครับ!”
ดูเหมือนเอียนจะสงสัยเกี่ยวกับบทสนทนา และพยายามแอบฟัง เห็นได้เลยว่าใบหน้าอีกฝั่งของเขามีรอยแดงฉาบอยู่
“หือ? น-นายน้อยครับ? จะไปไหนงั้นเหรอครับ?”
เอียนเอียงหัว และถามออกมา เมื่อเห็นไรลีย์ค่อยๆถอยหลัง โดยไม่ลดการป้องกันลง
“เอียน ฉันฝากท่านพ่อไว้กับนายด้วย!”
“นายน้อย!?”
ดูเหมือนว่าประตูจะสามารถเก็บเสียงได้ดีมาก เอียนจึงไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งสอง จึงทำให้เอียนสับสนว่าเกิดอะไรขึ้น
การที่เขาแนบหูกับประตูนั้นเป็นการกระทำที่เปล่าประโยชน์
“เอียน จับตัวไรลีย์ไว้!”
‘ฉันจะลงโทษเขาในภายหลัง’
สไตน์สั่งเอียนที่ล้มอยู่
“อะไรนะครับ?”
เอียนตอบกลับมาอย่างสับสน และสไตน์ก็ตะโกนออกมา
“จับตัวไรลีย์ไว้!”
ให้มันได้อย่างนี้สิ
เจ้าเด็กนั่นกำลังจะเริ่มเล่นซ่อนหาอีกครั้งแล้ว
สไตน์รู้ดีว่าเมื่อใดก็ตามที่ไรลีย์จนมุม เขาจะซ่อนตัวในคฤหาสน์ราวกับสัตว์กินพืช และปรากฏตัวอีกครั้งหลังจากเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว
ดังนั้น เขาจึงจำเป็นต้องจับตัวไรลีย์ก่อนที่เขาจะหายตัวไป
‘นี่มันเหมือนกับ-’
มันเหมือนกับนักฆ่าที่คนในคฤหาสน์เหยียดหยามเลยไม่ใช่เหรอ?
สำหรับลูกของภรรยาของตนที่ทำตัวราวกับนักฆ่า
สไตน์ขมวดคิ้ว และกัดฟันด้วยความเดือดดาล
“ไรลีย์ หยุดเดี๋ยวนี้!”
เด็กผู้มีไหวพริบ
เมื่อพิจารณาจากการที่เขาไม่มีความสนใจในวิชาดาบ เขาก็เป็นเด็กที่สดใสจนผิดปกติ
บุตรชายคนที่สามคนนี้ไม่มีจุดอ่อนใด ๆ เลย
เว้นแต่แม่ของเขา ไอริส
แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่สไตน์ไม่สามารถจับต้องได้เช่นกัน
ไรลีย์รู้เรื่องนั้นดี
ดังนั้น-
“ไรลีย์!”
-เขาจึงสามารถเมินเฉยต่อคำพูดของพ่อ และวิ่งหนีเช่นนี้ได้
“เวรเอ๊ย! เซร่า!!!”
สไตน์ตะโกนเรียกเซร่าที่ชนกับไรลีย์ในมุม ๆ หนึ่ง
เซร่าสะดุ้งเพราะความตกใจ
“ค่ะ!? นายท่าน!?”
“ไรลีย์ จับตัวไรลีย์ไว้!”
เธอไม่รู้ว่าทำไม แต่มันเป็นคำสั่งของเจ้านายเธอ
เธอไม่สามารถละเลยคำสั่งได้ จึงหันกลับไปเพื่อจับตัวไรลีย์ แต่เธอก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความช็อก
“หือ? เมื่อกี้เขาอยู่ตรงนี้…”
เมื่อ 3 วินาทีที่แล้ว เขายังยืนอยู่ข้าง ๆ เธออยู่เลย
จู่ ๆ ไรลีย์ก็หายตัวไป
“พ-เพียงครู่เดียวเนี่ยนะ?”