I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

The Lazy Swordmaster ตอนที่ 45 (50%หลัง)

| The Lazy Swordmaster | 2105 | 2359 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

….

 

….

 

….

 

สายตาของ เย่ ซิงหยู่ นั้นไม่ได้พร่ามัว  แต่เขากลับเห็นภาพในหนังสือเล่มนั้นแค่เพียงเลือนราง  เขามองเห็นไม่ชัดว่าในหนังสือเล่มนั้นได้เขียนอะไรไว้บ้าง  ในที่สุดหนังสือสัมฤทธิ์เล่มนั้นก็ปิดสนิทลงอีกครั้ง  จากนั้นมันก็เริ่มส่งเสียงและสั่นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง  และแสงสีทองอ่อนๆที่หายเข้าไปในหนังสือสัมฤทธิ์เล่มนั้นปรากฏขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

 

ยังไม่ทันที่ เย่ ซิงหยู่ จะได้ทำอะไร แสงสีทองอ่อนๆนั้นก็แผ่กระจายไปทั่วแล้วกลายเป็นเส้นพลังงานปราณหยวนรูปร่างยาว  มันพาดผ่านทะเลแห่งจิตที่ไร้จุดสิ้นสุดราวกับว่ามันกำลังท่องอยู่ในอวกาศและมันก็ได้เข้ามาตามร่างกายของ เย่ ซิงหยู่ อีกครั้ง  พลังงานที่ไหลเข้ามาในร่างกายของ เย่ ซิงหยู่ นั้นเป็นพลังงานที่บริสุทธิ์และอุ่นขึ้นกว่าเดิม  และในที่สุดมันก็ได้กลายมาเป็นลำธารที่ไหลไปสู่จุดกำเนิดน้ำที่แห้งเหือดภายในตันเถียนของเขา…  การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของ เย่ ซิงหยู่ โดยสิ้นเชิง  และสิ่งที่มันนำมาด้วยนั้นก็คือพลังงานที่ไม่มีที่สิ้นสุด/พลังงานที่ไม่มีวันหมด นั่นเอง

 

เย่ ซิงหยู่ สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าในร่างกายที่ผอมแห้งและขาดสารอาหารของเขาได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง  ความอ่อนล้าที่เขารู้สึกเมื่อสักครู่นี้ได้หายวับไป  พละกำลังและความแข็งแกร่งที่มากกว่าเดิมได้เข้ามาแทนที่

 

ภายในโลกที่อยู่ในจุดตันเถียนของเขา  จุดกำเนิดน้ำที่ได้แห้งเหือดไปนั้นได้กลับมาชุ่มชื้นขึ้นและเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ของสิ่งมีชีวิตอีกครั้ง  เส้นผ่าศูนย์กลางของมันมีขนาด 15 หรือ 16 เมตรซึ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิมประมาณ 10 เท่าตัวได้  พลังงานปราณหยวนที่อยู่ในนั้นใสสะอาดและมีฟองผุดขึ้นมาราวกับว่ามันคือน้ำที่กำลังเดือดอยู่ก็ว่าได้  มันเป็นน้ำที่ใสบริสุทธิ์อย่างมาก  มันไม่มีร่องรอยของสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ปนเปื้อนอยู่เลยแม้แต่น้อย

 

น้ำพุปราณหยวนพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงหลายร้อยเมตรราวกับว่ามันคือน้ำพุร้อนก็ว่าได้  เสียงของน้ำที่ปะทุขึ้นมานั้นมันเหมือนกับเสียงของมังกรที่กำลังคำราม

 

“พลังงานปราณหยวนภายในของข้านั้นบริสุทธิ์กว่าเมื่อก่อนหลายเท่านัก  และอัตราการไหลของมันก็ช่างรวดเร็วส่วนประสิทธิภาพของมันนั้นก็รุนแรงขึ้น! ความเร็วของมันที่ทำให้ทะเลทรายกลับมาชุ่มชื้นอีกครั้งนั้นมันมีผลต่อความเร็วในการบ่มเพาะพลังของข้าอีกด้วย  นั่นก็หมายความว่าเวลาที่จะต้องใช้ในการขุดค้นจิตก่อเกิดแห่งใหม่ก็ต้องน้อยลงกว่าเดิม!”  เย่ ซิงหยู่ รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับเขา

 

หลังจากที่หนังสือสัมฤทธิ์เล่มนั้นได้ดูดกลืนพลังงานปราณหยวนภายในของเขาไปจนหมดสิ้นแล้ว เย่ ซิงหยู่ ก็รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้จบสิ้นลงแล้ว  เขาคิดว่าหนังสือเล่มนี้คือสิ่งชั่วร้ายประเภทหนึ่งโดยที่ไม่ทันคาดคิดเลยว่ามันจะดูดกลืนพลังงานปราณหยวนของเขาเข้าไปเพื่อทำให้มันบริสุทธิ์ยิ่งขึ้นและนำมันกลับคืนมาให้กับเขา  มันเหมือนกับว่าหนังสือสัมฤทธิ์เล่มนี้ได้มอบของขวัญให้แก่เขา

 

พลังงานปราณหยวนภายในที่เขาได้รับกลับมานั้นมันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง  มันบริสุทธิ์กว่าเดิม  เข้มข้นกว่าเดิม  และมีอำนาจมากกว่าเดิม….

 

“หนังสือสัมฤทธิ์เล่มนี้มันคือขุมสมบัติชัดๆ!”  เย่ ซิงหยู่ ตัดสินใจที่จะเชื่อเช่นนั้นโดยไม่มีความลังเลอีกต่อไป

 

จากการคาดการณ์ของ เย่ ซิงหยู่ นั้น หากเป็นความเร็วในการบ่มเพาะพลังตามปกติของเขาแล้ว  เขาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือนหรือมากกว่านั้นที่จะทำให้พลังงานปราณหยวนของเขาบริสุทธิ์และมีขนาดใหญ่เท่าตอนนี้  รวมถึงพลังงานและอัตราการไหลที่รวดเร็ว!  

 

แต่ด้วยหนังสือสัมฤทธิ์เล่มนี้มันช่วยดูดกลืนพลังงานปราณหยวนของเขาและนำมันกลับคืนมาให้แก่เขาภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

 

เย่ ซิงหยู่ ตระหนักได้ว่าเขาได้ค้นพบขุมสมบัติเข้าเสียแล้ว  มันเป็นขุมสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้  เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาก็มีอารมณ์ดีขึ้นมาในทันที

 

“ฮี่ๆๆๆ…เมื่อความโชคดีจะมาอะไรก็ขวางทางไม่ได้จริงๆ”  ใครจะไปคาดคิดกันว่าหนังสือสัมฤทธิ์ที่เขาได้ค้นพบโดยบังเอิญจะเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ได้ถึงเพียงนี้  

 

ในขณะที่เขากำลังตื่นเต้นดีใจอยู่นั้นเขาก็ได้สังเกตทะเลแห่งจิตของเขา  ภายในทะเลแห่งจิตของเขา  เขามองเห็นหนังสือสัมฤทธิ์เล่มนั้นได้กลับเข้าสู่สภาวะที่เงียบสงบอีกครั้งหนึ่ง  มันไม่ได้สั่นหรือส่งเสียงอะไรออกมา  และมันก็ไม่ได้ส่องแสงอะไรออกมาอีกแล้วเช่นกัน  ราวกับว่ามันได้กลับเข้าสู่สภาวะจำศีลอีกครั้งหนึ่ง 

 

เย่ ซิงหยู่ พยายามที่จะเชื่อมต่อกับมันอีกครั้งแต่ก็ไม่มีการตอบรับกลับมา

 

เย่ ซิงหยู่ เดาว่าการที่หนังสือสัมฤทธิ์เล่มนี้ได้ดูดกลืนพลังงานปราณหยวนและคืนมันให้กับเขานั้น  มันจะต้องได้รับพลังงานบางอย่างเป็นการตอบแทนแน่ๆ  ดังนั้นแล้วมันจะต้องมีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนไปอย่างแน่นอน  แต่สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดก็คือพลังงานปราณหยวนที่อยู่ภายในของเขานั้นอยู่ลึกเกินไปและไม่สามารถที่จะเชื่อมต่อกับมันได้นั่นเอง  หรือจะให้พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ  การที่จะปลุกหนังสือสัมฤทธิ์เล่มนี้ขึ้นมาได้นั้นจำเป็นต้องใช้พลังงานปราณหยวนภายในจำนวนมากงั้นหรือ?   มันเป็นแค่เพียงการคาดเดาของ เย่ ซิงหยู่  

 

เย่ ซิงหยู่ คาดเดาไว้ว่าจะต้องมีบางอย่างที่ลึกลับซ่อนอยู่เบื้องหลังหนังสือสัมฤทธิ์เล่มนี้อีกเป็นแน่  เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้วเขาก็ตัดสินใจด้วยความมุ่งมั่นอันเด็ดเดี่ยวว่า  ต้องไม่ให้มีใครล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของหนังสือสัมฤทธิ์เล่มนี้เป็นอันขาด 

 

เมื่อเขาหายตื่นเต้นแล้ว เย่ ซิงหยู่ ก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง  ด้วยความตั้งใจของเขา  หนังสือสัมฤทธิ์ก็ออกมาจากทะเลแห่งจิตของเขาอีกครั้ง  พร้อมๆกับมีลำแสงส่องสว่างขึ้น  หนังสือที่มีขนาดเท่าฝ่ามือของเขาก็ได้ปรากฏขึ้นบนมือขวาของเขาอีกครั้ง  

 

เย่ ซิงหยู่ พยายามที่จะเปิดหนังสือเล่มนั้น

 

เมื่อเขาสามารถเปิดหน้าแรกของหนังสือได้  เขากลับพบว่าหน้าหนังสือหน้านี้เป็นหน้าที่เขาเคยเปิดมาก่อนหน้านี้แล้ว  ซึ่งเขาได้เห็นตัวอักษรที่แปลกประหลาดมากมายมาเรียงกันอยู่ในรูปแบบของสารบัญ

 

หน้าของหนังสือที่เขาเปิดอยู่ในตอนนี้ยังคงเป็นตัวอักษรที่ซับซ้อนที่มาจากยุคของเทพและมารเหมือนเดิม  ถ้าหากมีใครมาเห็นตัวหนังสือพวกนี้แล้วหล่ะก็  เขาจะต้องรู้สึกวิงเวียนศีรษะเป็นแน่

 

แต่ เย่ ซิงหยู่ กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น

 

ในทุกวันนี้ เย่ ซิงหยู่ สามารถจดจำหนังสือได้ทุกเล่มไม่ว่ามันจะถูกเขียนขึ้นโดยตัวอักษรหรือภาษาที่ถูกลืมไปแล้วก็ตาม  และเขายังสามารถจดจำตัวอักษรจากยุคของเทพและมารได้  แม้ว่าตัวอักษรพวกนั้นจะเป็นเพียงตัวอักษรในขั้นพื้นฐานแต่เขาก็สามารถที่จะเข้าใจถึงความหมายทั่วไปของมันได้

 

เย่ ซิงหยู่ สามารถจดจำตัวอักษรพวกนั้นได้อย่างแม่นยำตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาพยายามจะเปิดหนังสือสัมฤทธิ์  เขาสามารถเปิดหนังสือเล่มนั้นได้แค่เพียงหน้าแรกหน้าเดียวเท่านั้น  ภายในหน้าของหนังสือนั้นเขาได้เห็นอะไรบางอย่างที่คล้ายกับรูปแบบของสารบัญ  แต่ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีไหนหรือความพยายามมากเพียงใดเขาก็ไม่สามารถเปิดหน้าหนังสือหน้าต่อไปได้เลย

 

แต่ทว่าในครั้งนี้มันกลับแตกต่างจากเดิม  ตัวอักษรแถวแรกที่เขาเห็นในสารบัญนั้นมันไม่ได้เป็นสีเงินอีกต่อไปแต่มันกลายเป็นตัวหนังสือสีทองอ่อนๆ

 

“นี่มันแปลว่า…”  เย่ ซิงหยู่ รีบขยับตัวในทันที  เขาวางนิ้วไว้ที่ตัวอักษรพวกนั้น  มันให้สัมผัสของผิวที่นุ่มนวล  และหน้าหนังสือที่เคยปิดอยู่ก็กลับเปิดขึ้นไปที่หน้าหนังสือในส่วนที่ เย่ ซิงหยู่ ได้เอานิ้ววางลงไปเมื่อซักครู่นี้

 

บนหนังสือขนาดเท่าฝ่ามือนั้นได้มีภาพเสมือนจริงปรากฏขึ้น…

 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments