ตอนที่แล้วตอนต่อไป….
….
….
“ใช่แล้ว มีเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อสามวันก่อนสำนักวิหคฟ้าที่มีความแข็งแกร่งเป็นอันดับ 3 ของแคว้นเชว่ได้มาที่สำนักกวางขาวพร้อมกับผู้ช่วยเจ้าสำนัก พวกเขามาที่นี่เพื่อประลองฝีมือและแลกเปลี่ยนทักษะการต่อสู้กัน หลังจากที่ได้ประลองกันไป 10 ครั้งแล้ว สำนักกวางขาวก็พ่ายแพ้ถึง 7 ครั้งด้วยกัน…” เด็กสาวตัวน้อยยังคงพูดต่อไป “พวกอัจฉริยะทั้งสามจากสำนักวิหคฟ้าได้พูดไว้ว่า ภายในเวลาเพียงครึ่งเดือนสำนักกวางจะต้องอยู่ภายใต้การปกครองของพวกเขา!”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น เย่ ซิงหยู่ ก็กรอกตาไปมา ดูเหมือนว่า 3 เดือนที่เขาถูกจองจำอยู่ในนี้ได้มีเรื่องต่างๆเกิดขึ้นมามากมาย
เวลาที่ทั้งสองพูดคุยกันได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงแค่พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านมาแล้วถึง 2 ชั่วโมง
เด็กสาวตัวน้อยลุกขึ้นยืนอย่างไม่เต็มใจนัก เธอพูดขึ้นว่า “ใกล้ครบกำหนดเวลาเข้าเยี่ยมแล้ว ศิษย์พี่ซิงหยู่ข้าคงต้องขอตัวก่อน ท่านต้องรีบออกมาให้ได้นะ เมื่อใดที่ท่านสยบพวกเขาจนพวกเขาต้องฉี่ราดกางเกงแล้วหล่ะก็ พวกเขาจะได้รู้ว่าสำนักกวางขาวไม่ใช่สำนักที่จะสามารถข่มเหงได้” เด็กสาวตัวน้อยเหวี่ยงกำปั้นเล็กๆของเธอไปมา
“ข้าไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอก” เย่ ซิงหยู่ เหยียดหลังแล้วพูดขึ้นอย่างขี้เกียจ
“ในสำนักกวางขาวนั้นมีอัจฉริยะตั้งมากมาย มันไม่จำเป็นต้องให้ข้าออกไปจัดการหรอก อีกทั้งเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่นักเรียนชั้นปีที่ 1 จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่ควรจะเป็นเถอะ”
“แต่ข้าชอบดูศิษย์พี่ซิงหยู่ทำให้ทุกคนหวาดกลัวและทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้านี่นา” เด็กสาวตัวน้อยเก็บปิ่นโตอาหารและบิดนิ้วของเธอไปมาอย่างน่าสงสาร
“รีบกลับไปได้แล้ว” เย่ ซิงหยู่ ยกมือขึ้นมาและกำลังจะเขกหัวเธออีกครั้งหนึ่ง
เด็กสาวตัวน้อยรีบเก็บปิ่นโตอาหารที่เหลืออยู่และหลบมือที่กำลังจะเขกมาที่หัวของเธอแล้วรีบเดินไปพร้อมกับพูดทิ้งท้ายไว้ว่า
“ก็ได้ ข้าจะไม่สนใจท่านอีกต่อไปแล้ว”
เธอรีบหันหลังและเดินไปที่ทางประตูทางเข้าแต่ทว่าสีหน้าของเธอนั้นกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างชัดเจน
เห็นได้ชัดว่าความสนิทสนมระหว่างเธอ กับ เย่ ซิงหยู่ นั้นนับวันจะยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ
เย่ ซิงหยู่ ยิ้มแล้วส่ายหัว
เด็กสาวตัวน้อยคนนี้เธอยังอายุน้อยนัก เธอเพิ่งอายุเพียง 10 ปีเท่านั้นเอง แต่เธอก็ช่างเป็นเด็กที่ใสซื่อบริสุทธิ์ และนั่นก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงทำดีกับเธอนัก
เมื่อเด็กสาวตัวน้อยเดินมาถึงที่ประตู เธอก็หันหน้ามาแล้วโบกมือพร้อมกับยิ้มให้ เย่ ซิงหยู่ ก่อนที่จะเดินจากไป
เย่ ซิงหยู่ ยิ้มอารมณ์ดีขึ้นมาทันที เขาตีไปที่ท้องของเขาเบาๆพร้อมกับเรอออกมา จากนั้นเขาก็เริ่มที่จะฝึกต่อ เขานั่งไขว้ขาอยู่ในลานและดูดซับพลังงานปราณหยวนเพื่อเพิ่มพลังงานให้กับปราณหยวนภายในของเขา
เพียงแค่พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปถึง 1 ชั่วโมงแล้ว
ท้องฟ้าเริ่มมืดลงในขณะที่ เย่ ซิงหยู่ กำลังจะกลับไปที่บ้านหลังเล็กๆเพื่อพักผ่อน
แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลังของประตูอีกครั้งหนึ่ง อักขระโบราณได้ส่องสว่างขึ้นแล้วประตูก็ได้เปิดออก ชายวัยกลางคนรูปร่างผอมสวมชุดเสื้อคลุมสีดำของอาจารย์จากแผนกลงทัณฑ์ค่อยๆเดินเข้ามา
“หืม?” เย่ ซิงหยู่ มองไปที่คนๆนั้น เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาถึงได้ขนลุกไปทั้งตัวราวกับว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ป่าที่ดุร้ายอยู่
“ได้เวลาอาหารแล้ว” ชายวัยกลางคนรูปร่างผอมวางอาหารไว้ที่พื้น
เขาก็คืออาจารย์จากแผนกลงทัณฑ์ที่นำอาหารมาให้นั่นเอง
เย่ ซิงหยู่ รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าได้มีการเปลี่ยนอาจารย์จากแผนกลงทัณฑ์ที่เป็นคนนำอาหารมาให้ เพราะอาจารย์จากแผนกลงทัณฑ์คนก่อนหน้านี้ที่คอยส่งอาหารให้กับเขามาตลอด 2 เดือนไม่ใช่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้
“อาจารย์หวังไปไหนกัน?” เย่ ซิงหยู่ ถามขึ้นด้วยเสียงเรียบ
“โอ๊ะ ตาเฒ่าหวังหน่ะหรือ? เขาลาหยุดหน่ะ มันมีบางอย่างเกิดขึ้นกับครอบครัวของเขา” ชายวัยกลางคนรูปร่างผอมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เรียบเฉย
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ สายตาของ เย่ ซิงหยู่ ก็เปลี่ยนไปเป็นสายตาที่เยือกเย็น
เขากวาดมือออกแล้วหอกสยบพ่ายทั้ง 2 ส่วนก็ปรากฏขึ้นมาอยู่ในมือของเขา เขาหัวเราะและพูดขึ้นว่า “ฮ่าฮ่า เจ้าโง่ พ่อของเจ้าจะทำให้เจ้าบอกมาเองว่าที่แท้จริงแล้วเจ้าเป็นใคร?”
ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างผอมคนนั้นตะลึงไป “เจ้าหมายความว่ายังไงกัน?”
เย่ ซิงหยู่ ยิ้มขึ้น “อาจารย์คนก่อนที่เป็นคนนำอาหารมาให้ข้าชื่อฉินไม่ใช่หวัง ทำไมเจ้าถึงไม่รู้หล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้นในวันนี้ได้มีคนเอาอาหารมาให้ข้าเรียบร้อยแล้ว… ฮ่าฮ่า บอกมา เจ้าเป็นใคร?”
ทำไมเจ้าถึงลอบเข้ามาที่นี่? ใครเป็นคนสั่งเจ้ามา? เจ้ามาเพื่อฆ่าข้างั้นรึ? ด้วยไหวพริบและสติปัญญาของเจ้าแล้วเจ้ามาที่นี่เพื่อที่จะลอบฆ่าข้าจริงๆงั้นหรือ?”
เรื่องที่อาจารย์จากแผนกลงทัณฑ์คนก่อนนั้นชื่อ ฉิน มันเป็นเรื่องที่ เย่ ซิงหยู่ ค้นพบในระหว่างที่เขากำลังเบื่อๆและไม่มีอะไรทำ เขาจึงคอยพูดก่อกวนอาจารย์จากแผนกลงทัณฑ์คนก่อนที่ไม่ค่อยพูดอะไร จนทำให้อาจารย์จากแผนกลงทัณฑ์คนนั้นแทบจะเป็นบ้าและได้บอกเรื่องราวต่างๆมากมายพร้อมกับให้ข้อมูลบางอย่างกับเขา
ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างผอมยืนนิ่งไปชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นจิตสังหารก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา พลังงานที่รุนแรงแผ่ออกมาจากผิวหนังของเขาในทันที
“นักฆ่า? เจ้าโง่?” ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างผอมหายตัวไปราวกับลำแสง ทันใดนั้นเขาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ข้างๆตัวของ เย่ ซิงหยู่ ราวกับแรดที่กำลังโกรธจัด เขายกมือของเขาขึ้นแล้วตบไปที่หน้าผากของ เย่ ซิงหยู่ อย่างแรง
พลั่ก!
รอยปูดบวมสีแดงได้ปรากฏขึ้นมาให้เห็นในทันที
เย่ ซิงหยู่ : “เอ๋? เจ้ากล้าลอบโจมตีข้างั้นหรือ… หน้าไม่อาย!”
“ลอบโจมตี? หน้าไม่อาย?” ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างผอมทำหน้าเหมือนกับฟ้าที่กำลังพิโรธ
เสียงพลั่กดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
เขาตบไปที่หัวของ เย่ ซิงหยู่ อีกครั้งจนทำให้เกิดรอยแดงปูดบวมขึ้นมาบนหัวของ เย่ ซิงหยู่ ถึง 2 ที่ด้วยกัน
“เฮ้?” เย่ ซิงหยู่ รู้สึกว่าความแข็งแกร่งของชายคนนี้ช่างน่ากลัวอยู่ไม่น้อย เขาตะโกนขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “ช้าก่อน ทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ด้วยคำพูด มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ความรุนแรงเลย…”
“ไม่ใช้ความรุนแรงงั้นรึ?” ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างผอมตะโกนขึ้นพร้อมกับการโจมตีอีกครั้ง
ความแข็งแกร่งของเขานั้นยากจะหยั่งถึง มือของเขานั้นเหมือนกับสายฟ้า ด้วยความแข็งแกร่งของ เย่ ซิงหยู่ ในตอนนี้มันไม่มีทางเลยที่เขาจะสามารถหลบการโจมพวกนี้ได้
หลังจากที่มีเสียงพลั่กเกิดขึ้นอีกหลายครั้งหัวของ เย่ ซิงหยู่ ก็เต็มไปด้วยรอยปูดบวมสีแดง
เย่ ซิงหยู่ จับไปที่หัวของเขาและเริ่มที่จะวิ่งหนีเหมือนกับหนู
แต่ทว่าในตอนนี้ เย่ ซิงหยู่ เริ่มรู้สึกได้แล้วว่าชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างผอมคนนี้ไม่ใช่คนไม่ดีหรือเป็นนักฆ่าแต่อย่างใด เพราะว่าการโจมตีของเขาแม้จะโหดเหี้ยมแต่มันก็ไม่ได้มีจิตสังหารแฝงอยู่เลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่เขาได้สัมผัสกับการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดในการฝึกในพื้นที่อันรกร้างครั้งก่อนแล้วนั้น เย่ ซิงหยู่ ก็เป็นคนที่ไวต่อจิตสังหารเป็นอย่างมาก
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
เสียงที่ดังขึ้นเหมือนกับปะทัดผสมกับเสียงร้องขอความเมตตาของ เย่ ซิงหยู่ ดังขึ้นในลานเล็กๆแห่งนั้นอย่างต่อเนื่อง…
เวลาผ่านไป 10 นาที ในที่สุดชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างผอมคนนั้นก็หยุดโจมตี
เขามองไปที่ เย่ ซิงหยู่ ที่กำลังตัวสั่นเทาอยู่บนพื้น เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยปูดบวมสีแดง ราวกับว่าเขากำลังชมผลงานชิ้นเอกของเขาอยู่ เขาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และเขาก็หยิบอาหารที่อยู่บนพื้นขึ้นมา เขาไม่ได้พูดอะไรต่อแล้วเขาก็หันหลังเดินจากไป…
…..
เย่ ซิงหยู่ กัดริมฝีปากของเขาด้วยความขมขื่น น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองของเขา ในตอนนี้ไม่มีคำพูดใดๆที่จะสามารถช่วยเขาได้….