ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป…..
…..
…..
เย่ ซิงหยู่ กัดริมฝีปากของเขาด้วยความขมขื่น น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองของเขา ในตอนนี้ไม่มีคำพูดใดๆที่จะสามารถช่วยเขาได้….
“ให้ตายเถอะ เจ้าแก่นั่นเป็นใครนะ? ทำไมเขาถึงได้ดุร้ายเหมือนกับเสือขนาดนี้?” เย่ ซิงหยู่ รู้สึกสงสัย ราวกับว่าสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เป็นเพียงเรื่องหลอกลวง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกกระทำราวกับเป็นของเล่น
“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย… ตาแก่นั่นมือหนักจริงๆ” เย่ ซิงหยู่ ค่อยๆถูไปที่รอยปูดบวมที่อยู่บนหัวของเขาอย่างระมัดระวัง นอกจากหัวของเขาจะมีรอยปูดบวมมากกว่า 10 ที่แล้ว ใครจะรู้กันว่าตามร่างกายของเขานั้นจะมีรอยปูดบวมพวกนั้นอีกกี่รอย รอยแผลแต่ละที่นั้นล้วนแล้วแต่ปูดบวมขึ้นมาและเป็นสีแดงด้วยกันทั้งสิ้น
ในใจของ เย่ ซิงหยู่ กำลังสาปแช่งชายคนนั้น แต่อีกใจหนึ่งเขาก็รู้สึกว่าตัวเขานั้นโชคดี ต้องขอบคุณที่เรื่องนี้มันเกิดขึ้นในหอสำนึกผิด ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วหากมีใครมาเห็นเขาในสภาพนี้ ชื่อเสียงที่เขาสั่งสมมาคงจบสิ้นลงเป็นแน่
เย่ ซิงหยู่ นั่งอยู่ในท่าทำสมาธิ เขากำลังใช้ปราณหยวนภายในของเขากำจัดความเจ็บปวดบนร่างกายของเขาอยู่
ภายในโลกที่อยู่ในจุดตันเถียนนั้น จิตก่อเกิดของเขากำลังผุดขึ้นมาเป็นฟองราวกับว่ามันกำลังเดือดอยู่ น้ำในน้ำพุจิตก่อเกิดได้พุ่งขึ้นราวกับว่ามันคือมังกรที่กำลังทะยานขึ้นบนท้องฟ้า น้ำที่พุ่งออกมานั้นหล่อเลี้ยงบริเวณพื้นที่ในรัศมีหลายร้อยเมตรทำให้เกิดเป็นแอ่งน้ำเล็กๆขึ้น ในบริเวณนั้นมีหมอกปกคลุมไปทั่ว
หลังจากที่ได้รับการชำระล้างปราณหยวนโดยหนังสือสัมฤทธิ์แล้ว ปราณหยวนที่อยู่ภายในของเขาก็บริสุทธิ์กว่าเดิมเป็นเท่าตัว มันเทียบได้กับปราณหยวนภายในของคนอื่นที่ใช้เวลาในการบ่มเพาะนานนับปี
เย่ ซิงหยู่ กำหนดให้ปราณหยวนภายในของเขาไหลไปทั่วร่างกายเพื่อหล่อเลี้ยงร่างกายทุกส่วนของเขา เขาพยายามที่จะรักษารอยปูดบวมสีแดงเหล่านั้นที่ชายลึกลับรูปร่างผอมได้ทิ้งไว้บนตัวเขา
ปราณหยวนภายในของเขาราวกับว่ามันคือลำธารที่ใสสะอาดที่ไหลผ่านมา ทุกๆที่ที่ปราณหยวนภายในไหลผ่านความรู้สึกเจ็บปวดและรอยปูดบวมเหล่านั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
หลังจากที่ เย่ ซิงหยู่ ได้ใช้ปราณหยวนภายในของเขารักษาอาการบาดเจ็บครบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ในที่สุดรอยปูดบวมสีแดงตามร่างกายของเขาก็หายไปจนหมด
เย่ ซิงหยู่ ยืนขึ้นและบิดขี้เกียจอย่างช้าๆ
“หืม? นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าร่างกายของข้าขยับได้อย่างอิสระมากกว่าแต่ก่อน และปราณหยวนภายในของข้าก็เข้ากันกับร่างกายของข้าได้มากกว่าแต่ก่อน?” เย่ ซิงหยู่ รู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น
โดยเฉพาะผิวหนังบริเวณที่อาจารย์จากแผนกลงทัณฑ์ได้ตีเขานั้น หลังจากที่ปราณหยวนภายในของเขาได้รักษารอยปูดบวมเหล่านั้นแล้ว ปราณหยวนภายในของเขาที่ไหลผ่านมาบริเวณนั้นก็สงบนิ่งมากขึ้นราวกับว่าร่างกายของเขาได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับปราณหยวนภายในของเขาแล้ว
หรือว่ามันคือ…..เย่ ซิงหยู่ คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก
…..
วันต่อมา เย่ ซิงหยู่ ยังคงฝึกกระบวนท่าทั้งสี่ของจักรพรรดิเกราะทองที่อยู่ในหนังสือสัมฤทธิ์ และในขณะเดียวกันเขาก็ได้ทำการบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนภายในของเขาไปพร้อมๆกันด้วย ยิ่งเขาค้นพบความลับจากกระบวนท่าเหล่านี้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ากระบวนท่าเหล่านี้ลึกลับซับซ้อนเป็นอย่างมาก นอกจากการฝึกแล้ว เย่ ซิงหยู่ ยังคอยเฝ้าสังเกตการณ์หนังสือสัมฤทธิ์ที่อยู่ในทะเลแห่งจิตของเขาอีกด้วย
หลังจากที่หนังสือสัมฤทธิ์เล่มนั้นดูดกลืนพลังงานในจิตก่อเกิดของเขาเข้าไปแล้ว เขาก็รู้สึกว่าหลายวันที่ผ่านมานี้จิตก่อเกิดของเขากับหนังสือสัมฤทธิ์ยังคงเชื่อมต่อถึงกันอยู่
หลังจากที่สำรวจดูอย่างละเอียดแล้ว เย่ ซิงหยู่ ก็พบว่าหน้าหนังสือของจักรพรรดิเกราะทองนั้น นอกจากจะมีส่วนของแผนภาพไร้ที่สิ้นสุดแล้วมันยังคงมีหัวข้อของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ และหัวข้อของวัตถุแปลกประหลาดอีกด้วย มันช่างน่าเสียดายที่เขาในตอนนี้ไม่สามารถเปิดดูเนื้อหาในส่วนนั้นได้
เย่ ซิงหยู่ คาดเดาไว้ว่าคงเป็นเพราะปราณหยวนภายในของเขายังไม่แข็งแกร่งหรือบริสุทธิ์มากพอที่จะทำให้เรื่องเล่าไร้ที่สิ้นสุดเปิดไปยังส่วนอื่นได้ เขาคิดว่าหากเขาบ่มเพาะพลังอย่างหนักและเพิ่มระดับความแข็งแกร่งของเขาได้แล้วนั้น เขาคงจะสามารถเปิดอ่านในส่วนอื่นๆของแผนภาพเรื่องเล่าไร้ที่สิ้นสุดได้
ในช่วงเวลาเวลาบ่ายชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างผอมได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นอาจารย์จากแผนกลงทัณฑ์คนใหม่ที่มาคอยดูแล เย่ ซิงหยู่ จริงๆ เขาวางอาหารไว้ที่ประตูแล้วจ้องมาที่ เย่ ซิงหยู่ ด้วยสายตาเยือกเย็นโดยไม่พูดอะไรเลยซักคำ
เย่ ซิงหยู่ ตัวสั่นเทา
“ผู้อาวุโส…ทำไมท่านถึงมองข้าแบบนั้นหล่ะ…” เย่ ซิงหยู่ พยายามที่จะทำตัวสนิทสนมกับอาจารย์จากแผนกลงทัณฑ์คนนี้
“ข้ามองเจ้าทำไมหน่ะหรือ?” ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างผอมจ้องมองมาที่ เย่ ซิงหยู่ ด้วยสายตาที่เยือกเย็นกว่าเดิม
“ผู้อาวุโสท่านจะให้ข้าพูดยังไงดีหล่ะ สายตาที่ท่านมองมาที่ข้านั้นมันเหมือนกับว่าข้ากำลังติดหนี้ท่านอยู่ก้อนใหญ่ หรือราวกับว่าข้าได้ลักพาตัวลูกสาวของท่านมายังไงยังงั้น? มันช่างลึกลับซับซ้อนจนข้าไม่สามารถคาดเดาได้ ผู้อาวุโสก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยรู้จักกับท่านมาก่อน…” เย่ ซิงหยู่ ยิ้มขึ้นด้วยความประจบประแจง
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีปากที่ไม่ดี ให้ข้าช่วยแก้ไขให้เจ้าละกัน!”
ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างผอมหัวเราะขึ้นอย่างเย็นชาราวกับว่าเขาเป็นมังกรที่ถูกพรากคู่ไปในขณะที่กำลังผสมพันธุ์กันอยู่ เขาตะโกนขึ้นแล้วพุ่งเข้าไปหา เย่ ซิงหยู่ ด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
พลังของนิ้วของเขาที่แหวกอากาศมานั้นช่างน่าสะพรึงกลัวราวกับว่ามันคือคันธนูที่ถูกเสริมไว้ด้วยอักขระโบราณ
เย่ ซิงหยู่ จับไปที่หัวของเขาและเริ่มที่จะวิ่งหนีไปมาเหมือนหนูอีกครั้งหนึ่ง
ความว่องไวของชายวัยกลางคนคนนี้ช่างโดดเด่นและเขายังมีพลังที่ยากจะหยั่งถึงอีกด้วย
เย่ ซิงหยู่ พยายามป้องกันการโจมตีของเขาครั้งหรือ 2 ครั้ง แต่ชายวัยกลางคนคนนั้นกลับโจมตีเข้ามาแรงกว่าเดิม ร่างกายของ เย่ ซิงหยู่ ในตอนนี้เต็มไปด้วยรอยปูดบวมอีกครั้งราวกับว่าเขาถูกฝูงยุงปีศาจเข้ามารุมกัด
มันเป็นเช่นนี้อยู่ 10 นาที….