ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป[Attempt 1, Day 0. 26 ชั่วโมง 10 นาที]
[เวลาก่อนถึงการฝึก: 45 ชั่วโมง 50 นาที]
“นี่มันบ้ามาก จะให้ชั้นหุบปากแล้วไม่ทำอะไรอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?”
“ไม่ได้หมายความอย่างนั้น แค่พูดเพราะว่าเธอตกใจง่ายยังไงล่ะ”
เกิดบรรยากาศตึงเครียดขึ้นระหว่างยองมินและมินซิก.
พวกเขาเป็นแบบนี้มาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วสิ่งที่เขาเถียงกันมากว่าครึ่งชั่วโมงมันแตกต่างกันมาก
ทุกอย่างมันเริ่มขึ้นเพราะอีโก้ที่เกิดระหว่างที่ลองฝึกใช้อาวุธของแต่ละคนนอกจากนั้น ดูเหมือนว่าทั้งสองคนอยากจะขึ้นเป็นหัวหน้าปาร์ตี้
พูดง่ายๆ คือยองมินดูป่าเถื่อน และค่อนข้างเป็นลูกผู้ชาย
เขาเกลียดการทำสิ่งที่น่าเบื่อและต้องใช้ความอดทน แต่เขาจะทำสิ่งที่ทำให้เขาดูเด่น
ถ้าจะให้พูดถึงมินซิก มันคงเป็นเรื่องที่เขามีความอดทนสูงมากเหมือนคนมีอายุ
เขาจริงจังและใจเย็น แต่เขาก็ไม่ยืดหยุ่นกับคนและยึดมุมมองตัวเองเป็นหลักยิ่งกว่านั้น ถ้าให้อธิบายเป็นคำพูด เขาแสดงถึงความลุ่มหลงในพลัง
ไม่แน่ใจว่าการเป็นหัวหน้าของคนแค่ 4 คน จะดับความลุ่มหลงนั่นได้ไหม แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็แค่อยากเป็นหัวหน้า
พูดตรงๆ เขาทำให้การสนทนาของเราเป็นกลุ่มก้อน
เขาบอกให้เราแบ่งปันวิธีฝึกต่างๆ
เขาได้ทำหน้าที่ของการนำปาร์ตี้ไปแล้วล่ะสำหรับผม…
อืม…ผมไม่สนใจ ผมชอบจะเล่นคนเดียวมากกว่า ผมลองเล่นเกมมาทุกแบบแล้วในอดีต ที่สิ่งผมชอบก็คือการใช้ทีมเวิร์คให้น้อยที่สุดและเชื่อมั่นในตัวเองที่เก่งผมนั่งดูสองคนเถียงกันต่อไป
ซูอานั่งอยู่ถัดจากผม และดูเหมือนจะไม่อยากเข้าไปเถียงกับสองคนนั้น แค่นั่งดูพวกเขาเหมือนกับผม“มหาลัยฮันโซ? นายต้องเก่งมากเลยสิ”
“พ่อแม่ฉันบอกว่าถ้าผมทำข้อสอบเข้ามหาลัยไม่ได้ ผมจะไม่มีวันได้เป็นเกมเมอร์อาชีพ ผมเลยเรียนอย่างหนัก”
เราสองคนพูดคุยกันสบายๆ ในขณะที่ดูว่าเขาจะเถียงกันจบเมื่อไหร่
ผมเซ็งเล็กๆ ที่เราไม่มีป๊อปคอร์นน่ะ
ในที่สุดก็ดูเหมือนว่าเขาเถียงกันใกล้จะจบแล้ว
สงครามอีโก้ที่ว่า “ใครจะได้เป็นหัวหน้าปาร์ตี้y?”“เอางี๊แล้วกัน ใครทำได้ดีกว่าในด่านฝึกก็เป็นหัวตี้แล้วกัน”
“เออ อย่าถอนคำพูดแล้วกัน”
เรื่องของพวกเขาทั้งหมดก็สรุปประมาณนี้
“พวกนายเห็นด้วยไหม?”
ยองมินหันมาพูดกับผมและซูอา
พวกเขาตกลงกันเอง จะให้ผมเห็นด้วยกับอะไรล่ะ“อา แน่นอน ฉันจะลืมเรื่องไร้สาระไปแล้วกัน ไม่ว่าใครจะได้เป็นหัวหน้า”
หลังจากนั้นเราก็ฝึกกันต่อ
กลับมาฝึกกันต่อ
มิกซิกกับยองมินที่ผ่านการเกณฑ์ทหารมาแล้วช่วยการฝึกของเราได้ดีมากเราออกกำลังตามที่พวกเขาบอกในตอนพัก
แม้ว่ามันจะไม่ได้ต้องการการใช้กำลังมากนัก แต่มันก็น่าตลกมากปกติการฝึกพวกนี้มันจะทำให้ปวดกล้ามเนื้อและทำให้กล้ามเนื้อฉีกขาด แต่อย่างที่คิด ผลของการฟิ้นฟูอัตโนมัติในห้องรอนี้ทำให้เราไม่ปวดกล้ามเนื้อแถมยังไม่เหนื่อยอีกด้วย
ด้วยการฝึกนี้และการฟื้นฟูร่างกายที่รวดเร็วของห้องรอ กล้ามเนื้อส่วนมากและการตอบสนองนั้นได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าซูอาจะรำคาญเรื่องของมินซิกกับยองมินที่เล่าประสบการการเกณฑ์ทหาร เหมือนที่เขาโม้ไว้ มันจะช่วยได้มาก
[Attempt 1, Day 0. 71 ชั่วโมง 57 นาที]
[เวลาก่อนถึงการฝึก: 3 นาที]
ในที่สุดก็จะได้เริ่มมันซักที
ความเครียดของเราทั้ง 4 ลอยไปทั่วห้องรอ แต่บอกได้เลยว่าทุกคนรวมทั้งผม ตื่นเต้นมากกว่าเครียดและหลอน
ทำไมคนอื่นเลือกระดับนรกกันนะ?
ใน 72 ชั่วโมงสุดท้าย เราฝึกกันอย่างหนักมากทั้ง 3 วัน
มันเป็นไปได้เพราะความจริงเราอยู่ในสภาพที่ไม่ได้รับการบาดเจ็บอีกทั้งยังไม่หิวและไม่เหนื่อยเลย
ถ้าไม่มีข้อได้เปรียบแบบนี้ นอกจากจะไม่มีเวลา เรายังต้องบาดเจ็บกันหนักมาก เช่นกล้ามเนื้อฉีก กระดูกหักจากการฝึกจำลองการต่อสู้ทั้งหมดที่ทำไปแต่เราใช้ห้องรอให้เกิดประโยชน์สูงสุด ถึงมันจะเป็นที่ที่ให้เราพัก แต่เราก็ใช้ห้องรอให้การฝึก
ผลก็คือเราเติบโตขึ้นในระดับที่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะทำได้ใน 3 วัน[การฝึกครั้งแรกกำลังจะเริ่ม]
[ทางเข้าด่านฝึกกำลังจะเปิด]
ประตูเวทมนต์ 4 บานปรากฏขึ้นในห้องรอ
บนประตูมีข้อความอยู่
[ลีโฮแจ]
อืม…
“พวกนาย ดูเหมือนว่าจะไปได้ทีล่ะคนนะ”
ซูอาพูดออกมา
การฝึกกลุ่มทั้งหมดที่เราทำมา…จะไม่ใช้งั้นเหรอ?
“แย่ละ หมายความว่าเราเสียเวลางั้นสิ?”
“ฮืม… เราไม่ได้เสียเวลาหรอก เราเติบโตไปด้วยกัน นอกเหนือจากนี้เราอาจจะได้มาร่วมทางกันในอนาคต อย่าเสียใจไปเลย”
มิกซิกพูดให้สมาชิกใจเย็นลง.
[ทางเข้ากำลังจะใช้ได้]
เราไปที่ทางเข้าของแต่ลำคนตามลำดับ
“ทุกคนระวังตัวด้วย. หวังว่าจะได้เจอกันหลังจากการฝึก”
ผมรู้สึกเหมือนกับมินซิก
ผมอยากคนพวกนี้ปลอดภัยและกลับมาเจอกันอีกครั้งอาจจะเป็นเพราะช่วงเวลาที่ได้อยู่ร่วมกัน ที่เราตั้งใจฝึกกันมาใน 3 วันสุดท้าย มันทำให้พวกเราสนิทกันมากจริงๆ
แน่นอน เราอาจจะมีปากเสียงและเห็นแก่ตัวกันบ้าง แต่ก็รู้สึกพูดได้ว่าคนพวกนี้เป็นเพื่อนของผม
ผมชอบที่จะเล่นทีมเดี่ยว
มันไม่สะดวกใจที่จะปกป้องคนอื่นเพราะมั่นใจกว่าทำเองได้ดีอยู่แล้ว
ยังไงก็ตามในสภาพนี้ 3 คนนั้นดูจะเป็นคนที่ผมคาดหวังได้
พวกเขาอาจจะยากเกินไปที่จะอยู่ด้วยได้ แต่มันก็เชื่อถือได้ใน 3 วันที่ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน
แทนที่จะรู้สึกเหมือนถูกขัง มันดูเหมือนเวลาที่ได้ไปเค้าแคมป์ฝึกฟุตบอลตอนวันหยุดมากกว่า“เฮ้ ก่อนฉันจะไป…”
ยองมินยกหมัดของเขาขึ้นม.
ทุกคนยิ้มและยกหมัดขึ้นมาเหมือนกัน“อย่าเจ็บตัวและมาเจอกันอีกครั้งล่ะ”
“ระวังตัวด้วย ซูอา”
“อื้ม ขอให้ปลอดภัยล่ะทุกคน”
เราทำให้ทุกคนสบายใจและยืนอยู่ที่หน้าทางเข้า
[ทางเข้ากำลังจะใช้งานได้]
[กรุณาเข้าไปในด่าน. เวลาเหลือ: 24 ชั่วโมง]
[คุณจะเข้าไปยังด่านไหม?]
“ตกลง”
แสงสีฟ้าในทางเข้าสว่างขึ้นมาและรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังร่วง และอย่างที่คิด สภาพแวดล้อมทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
มันไม่ใช่ที่ที่เคยอยู่มา 3 วัน แต่เป็นทางเดินมืดๆ
[ด่านฝึก, ยินดีต้อนรับสู่ระดับนรกชั้นแรก]
มันเริ่มขึ้นซักที
ผมหายใจเข้าออกช้าๆ
ให้ใจเย็นขึ้น
คิดว่ามันเป็นเกมเป็นทางเดินเส้นตรงมืดๆ
มีไฟแขวนอยู่ข้างบน ระยะแต่ละดวงห่างเท่ากัน
แสงมันหรี่มาก อาจจะสว่างไม่เท่าเทียนด้วยซ้ำ
แต่มันก็ทำให้เห็นว่าทางเดินเป็นเส้นตรง
แย่ล่ะมืดเกินไปแล้วกำแพง เพดาน พื้นนั้นทำจากหิน
เพดานสูงกว่า 3 เมตร
พื้นหินมันแบนแต่ก็ขรุขระ
ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ ผมลื่นบนพื้นนี่ไม่ได้ด้วยซ้ำที่ข้างหลัง
กำแพงและทางเข้าทางเข้า?
ผมเข้าไปหาทางเข้า
[ไปห้องรอชั้นแรก?]
“…ตกลง”
จากนั้น ผมก็กลับมายังที่ห้องรอ
[กรุณาเข้าด่านฝึก. เวลาเหลือ: 23 ชั่วโมง 59 นาที]
แสดงว่าเรากลับมาได้โดยไม่โดนจำกัดอะไร
ในขณะที่กลับอย่าไม่คิดอะไร รู้สึกว่าเวลาเหลือมันลดลง
อะไรจะเกิดขึ้นถ้ามันผ่านเวลาจำกัด 24 ชั่วโมงไปแล้ว?
หลังจากคิดกับตัวเอง เลยอยากจะลองเท่าที่ทำได้
ใช้ดาบกรีดลงบนหลังมือให้เป็นแผลเล็กๆเลือดไหลลงอย่างช้า แต่ไม่นานก็หยุดไหลแผลก็สมานกันอย่างสมบูรณ์
ผลของการฟื้นฟูในห้องรอยังคงทำงานไม่รู้ว่ากี่ครั้งผมจะบาดเจ็บในการฝึก
ถ้าผมกลับมายังห้องรอได้ ผมก็จะรักษาตัวเองได้
ผมเจออะไรที่ดีเข้าจริงๆละ
ในสถารการณ์ฉุกเฉิน มันอาจจะช่วยชีวิตผมได้ตอนนั้น แสงจากทางเข้าสว่างขึ้นและมิกซิกออกมา
“มินซิก?”
ผมเขินนิดหน่อยที่เราเพิ่งแยกจากกันด้วยความตั้งใจแน่นอนว่าจะเข้าไปในการฝึก
“ฮ่าๆๆ. กะแล้วเชียวว่าถ้าเป็นนายก็ต้องลองแบบนี้เหมือนกัน”
มิกซิกพูดพลางเกาหัวตัวเองไปด้วย
ผมบอกสิ่งที่เพิ่งรู้กับมินซิก
“นี่มันเป็นข้อมูลสำคัญมาก ซูอากับยองมินควรรู้เรื่องนี่เหมือนกัน…’
แต่เขาสองคนไม่ได้กลับมา
ที่เป็นไปได้คือพวกเขากำลังอยู่ในการฝึกหลังจากไม่มีอะไรที่พอจะทำได้แล้ว ผมกับมินซิกก็กลับเข้าไปยังด่านฝึก
[กรุณาเข้าสู่ด่านฝึก. เวลาเหลือ: 23 ชั่วโมง 42 นาที]
[ด่านฝึก, ยินดีต้อนรับสู่ระดับนรกชั้นแรก]
มาเริ่มกันใหม่อีกรอบ
“แถบสเตตัส”
[ลีโฮแจ (มนุษย์)]
Strength: 10
Dexterity: 13
Endurance: 11
Intelligence: 21ภายในการฝึก 3 วัน ค่า str ของผมเพิ่มขึ้นมา 2 และความทนทาน(endurance)เพิ่มมา 1 มันไม่มีของอย่างเครื่องช่วยฝึก แต่พอรู้ว่าค่าสเตตัสมันเพิ่มขึ้นได้จากการใช้กำลัง ผมก็ออกกำลังกายอย่างมาก
HP และ MP ไม่ถูกแสดงอยู่ในแถบสเตตัส
ไม่แน่ใจว่าถ้ามันเหมือนเกมจริงๆ เราจะตายตอน HP เหลือ 0
ที่นี่เราอาจจะตายจากการโดนโจมตีที่หัวที่แรงมากๆ หรือโดนแทงที่หัวใจถ้าผมหลบการโจมตีหนักๆแบบนั้นได้ และกลับมายังทางเข้าไปห้องรอได้สำเร็จ มันก็จะฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้น
ผมรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะผ่านโดยไม่เสียเลือดซักหยด แต่ผมก็อดคิดมากไม่ได้อยู่ดี
หรือถ้าผมโดนโจมตีส่วนอื่นของร่างกาย ผมก็จะตั้งสมาธิกับการป้องกันหัวใจ คอ และหัวด้วยโล่บนแขนซ้าย ผมยกไว้ใต้ระดับสายตาและบังหน้าอก คอ และหน้าไว้ ผมย่อเข่าเพื่อให้ส่วนของร่างกายอยู่หลังโล่ให้ได้มากเท่าที่จะทำได้
ด้วยตาทั้งสองข้างเหนือโล่ และดาบของผม ผมค่อยๆเดินหน้าไปช้าๆ