I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 400 – จื่อหลิงปรากฏ

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

ถูกตัอง คนรุ่นเยาว์ของ ทวีปเก้าอาณาจักรไม่ได้มีเพียง ‘สู จงหยู’ และ ‘เจีย ชิงหมิง’

“และคนที่แม่นางจื่อ หลิง หลงรัก ไม่ใช่สองคนนั้นแต่เป็นข้า มู่ หรงยู่! “

ท่านใดนั้นร่างของชายแบกกระบี่ไม้ ก็เดินเข้ามาเขาคนนั้นคือ นายน้อยของ หุบเขาเทพกระบี่ ‘มู่หรง ยู่’

“ฮึ่ม ข้าเคยเห็นคนไร้ยางอายมามากแล้ว แต่ข้ายังไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายเช่นเจ้ามาก่อน “

หลังจากที่ ได้ยิน ‘มู่หรงยู่’พูด ‘ซ่ง ฉิงเฟิง’ และเดอะแก๊งก็แค่นเสียงอย่างเย็นชา พวกเขามีอดีตที่ล้ำลึกกับ’มู่หรง ยู่’ ทำให้พวกเขาไม่พอใจ’มู่หรง ยู่’

“อะไร เจ้าคันอย่างนั้นหรือ อยากเจ็บอย่างนั้นสินะ “

‘มู่หรง ยู่’ มองเดอะแก๊งด้วยสายตาเหยียดหยัน

“เจ้าอาศัยแต่ยอดยุทธภัณฑ์ ของเจ้า ถ้าเจ้าไม่มียอดยุทธภัณฑ์นั่นเจ้าก็ไม่อาจเทียบข้าได้ “

‘ถัง ยี่ซิว’ พูด

“ช่างโง่เง่ายิ่งนัก มียอดยุทธภัณฑ์ก็เหมือนกับมีทักษะเพิ่ม นี่อะไรกันข้ามียอดยุทธภัณฑ์แต่ห้ามใช้อย่างนั้นหรือ อย่างนั้นเจ้าก็ห้ามใช้ทักษะที่ข้าไม่มี “

‘มู่หรง ยู่’ พูดเหยียดหยัน

“เจ้าขยะ เจ้าคิดว่าเจ้าได้รับกระบี่ไม้ศํกดิ์สิทธิ์มาด้วยตัวเองงั้นหรือ เจ้าก็แค่อาศัยปู่ของเจ้าแค่นั้นเอง “

‘ไป่ หยุนเฟย’ พูด

“การที่ข้ามีปู่ดีนั้น ก็หมายความว่าข้ามีบุญมากมายในชีวิตก่อนหน้า ดังนั้นในชาตินี้ข้าถึงมีโชคถึงเพียงนี้”

“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะอิจฉาหรือจะชื่นชมข้า แต่อย่าทำชั่วในชาตินี้ละกันเพราะบางทีเจ้าอาจจะมีโชคเมื่อเกิดใหม่ชาติหน้าก็เป็นได้…. แต่ถ้าเจ้ากำลังมองหาความยุติธรรมละก็ ข้าเกรงว่าแม้แต่ชีวิตต่อไปของเจ้าก็ไม่สามารถหามันได้ “

‘มู่ หรงยู่’ พูดเย้ยหยัน

“ใช่ในเรื่องของโชค ปู่ของเจ้าก็คงมีโชคเท่าขี้หมาเหมือนกัน เขาโชคที่ไม่ตายตอนตกหน้าผาและสามารถหยิบ ยอดยุทธภัณฑ์มาได้ แต่ว่าหลังจากนั้นเขาก็เจ็บหนักจนเป็นอัมพาต และ2ปี ต่อมาเขาก็ตาย ตายอย่างอนาถ ฮ่าๆๆๆ… “

‘หลิว เสี่ยวเหยา’ เยาะเย้ย

“หลิว เซี่ยวเหยา เจ้ากำลังรนหาที่ตาย “

หลังจากได้ยิน คำพูดของ’หลิว เสี่ยวเหยา’ ‘มู่หรง ยุ่’ ก็หันมาพร้อมชักกระบี่ และจะฟาดใส่ ‘หลิว เสี่ยวเหยา’

* ตูม *

ก่อนที่ดาบจะสัมผัสกับ ‘หลิว เซียวเหยา’ ก็เกิดคลื่นระเบิดระหว่างกลาง และหลังจากนั้นก็ปรากฏตัวของชายวัยกลางคนถือพัดและยืนอยู่หน้า ‘หลิว เสี่ยวเหยา’ เขาคือ ผู้นำของที่ราบหุบเขาไร้ใจ

“ผู้นำหุบเขากระบี่ มู่ หรง โปรดสั่งสอนลูกชายของท่านด้วย ตอนนี้เรากำลังปรองดองกัน แล้วมีเหตุอันใดที่จะต้องมาตีกันตอนนี้ “

ผู้นำที่ราบหุบเขาไร้ใจนั้นแทรกตัวเข้ามารับการโจมตีของ ‘มู่ หรงยู่’ และตะโกนใส่ ผู้นำหุบเขาเทพกระบี่ด้วยความโกรธ

“ยู่ เอ๋อ ตอนนี้เราเป็นพันธมิตรกับพวกเขา เจ้าอย่าได้สร้างปัญหาให้กับข้า และคนอื่นๆอีก มิเช่นนั้น ข้าจะยึด กระบี่ไม้ของเจ้าคืน “

ผู้นำหุบเขาเทพกระบี่พูด

“ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว”

เห็นได้ชัดว่า ‘มู่ หรงยู่’กลัวพ่อของเขามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพ่อของเขาจะยึดกระบี่ไม้ศํกดิ์สิทธิ์คืนเมื่อง เดอะแก๊ง เห็นเยี่ยงนี้ ก็ยิ้มเยาะอยู่ข้างๆ

“พวกเจ้าด้วย ทั้งๆที่พวกเจ้าอายุมากกว่า มู่ หรงยู่แท้ๆ ในฐานะศิษย์พี่ ควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับศิษย์น้องเสียบ้าง “

ผู้นำที่ราบหุบเขาไร้ใจ หันไปพูดใส่ เดอะแก๊งทั้ง 4 เมื่อได้ยินคำพูดของผู้นำที่ราบหุบเขาไร้ใจ เดอะแก๊ง ก็เงียบไม่กล้าพูดใดๆ

“ข้าไม่เคยคิดเลยว่า หุบเขาเทพกระบี่ ที่เกลียด สำนักหยวนกัง สำนักเทพอัคคี สำนักไป๋และที่ราบหุบเขาไร้ใจนั้น จะยอมจำนนต่อผลประโยชน์ “

ในตอนนั้น ‘สู จงหยู’ที่เห็นฉากนี้จึงขมวดคิ้ว เพราะสำหรับสมาคมโลกวิญญาณแล้วมันไม่ได้เป็นสถาณการณ์ที่ดีซักเท่าไหร่

“อ่าทั้งหมดเพราะ ตระกูล เจีย อยู่เบื้อหลังต่อจากนี้ข้าเกรงว่าไม่ช้าก็เร็วตระกูลเจีย ต้องเข้ามาสู้กับสมาคมโลกวิญญาณของเราแน่นอน “

ผู้อาวูโสจากสมาคมโลกวิญญาณพูดขึ้น

“ไม่ว่ายังไง พวกเราก็ต้องทนไปอีก 1 ปีและเมื่อเวลานั้นมาถึงพวกมันจะต้องชดใช้อย่างสาสม “

‘เกา ฉีซือ’ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาหลังจากได้ยินคำพูดนั้น สู จงหยู และคนอื่นๆที่ได้รับข้อความทางจิต ก็ผงะโดยเฉพาะ ‘กู โป๋’ เขาพูดเบาๆว่า

“หรือว่าในอีก1ปี ท่านปรมาจารย์อาวุโส จะปรากฏตัวขึ้น ข้าอยากเห็นความแข็งแกร่งของเขาจริงๆ “

ตอนนี้นิกายโลกวิญญาณนั้นได้พูดคุยกันทางจิตนะครับ

“แต่ว่าชูเฟิง จะทนได้ถึง 1 ปีหรือ “

‘กู โป๋’ พูดด้วยความเป็นห่วง’ชูเฟิง’อย่างมาก

“ดูนั่น! แม่นางจื่อ หลิง มาแล้ว “

ในตอนนั้นจู่ๆ มีเสียงตะโกนมาจากฝูงชน จึงดึงดูดสายตาผู้คนให้มองตามไปเในตอนนั้น หัวใจทุกคนเต้นอยางรุนแรง เพราะเกี้ยวที่ถูกแบกโดยผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรสวรรค์วิญญาณทั้ง 4 กำลังขยับเข้ามาใกล้ในตอนนั้นมีคนเห็น ผู้ที่ถูกแบกอยู่บนเกี้ยว เธอคือ ‘จื่อ หลิง’นั่นเอง

เพราะ’จื่อ หลิง’มีพ่อบุญธรรมเป็น’ฉิน เล่ย’ เจ้านครอันทรงเกียรติเพราะฉะนั้นตำแหน่งของเธอในนครอันทรงเกียรติจึงสูงส่งมากนอกจากนี้ ปู่ของ’จื่อ หลิง’นั้น ก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน อาจบอกได้ว่า ปู่ของเธอนั้นอาจแข็งแกร่งกว่า’ฉิน เล่ย’ ด้วยซ้ำไป

เพราะเหตุผลพวกนี้ทำให้ ทุกคนนั้น ต้องการที่จะครอบครองหัวใจของ’จื่อ หลิง’ และแต่งงานกับเธอสุดท้ายเกี่ยวก็ถูกวางลงและ ปรากฏร่างของ’จื่อ หลิง’เดินออกมาจากเกี้ยว อย่างค่อยเป็นค่อยไป ต่อจากนั้นร่างของเธอก็ปรากฎสู่สายตาผู้คน’จื่อ หลิง’ในวันนี้นั้น สวยมาก

ใบหน้าของเธอนั้นดึงดูดผู้คนมากมายให้หันมามองทันที ไม่ต้องพูดอะไรมากใบหน้าที่สมบูรณ์แบบพ้อมด้วยริมฝีปาก สีชมพู พร้อมกับผิวที่ขาวราวกับหิมะ และสวมชุดสีม่วง นั้นทำให้เธอโดดเด่นเป็นอย่างมาก

“หวา งดงามจริงๆ สาวงามเช่นนี้ ควรจะปรากฏเฉพาะในฝันเท่านั้น แต่ข้าไม่คิดว่าจะพบเจอกับเธอในโลกความเป็นจริง “

“ข้ารู้สึกว่าตัวเองเหมือนกำลังฝันอยู่เลย หากข้าได้แม่นางมาเป็นภรรยาในชีวิตนี้ข้าไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว? “

“อ่า ข้านั้นสงสัยจริงๆว่าใครกันนะที่เป็นผู้กุมหัวใจของแม่นางจื่อ หลิง เอาไว้ “

“ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ครอบครองสาวงามเช่นแม่นางจื่อ หลิง พวกเขานั้นก็เหมือนกับว่าพวกเขาโชคดีมากราวกับบ่มเพาะโชคลาภมา และ สามารถพูดได้ว่า เหมือนมี ‘ควันสีเขียวลอยขึ้นมาจากหลุมศพของตระกูลเลยทีเดียว'”

= ควันสีเขียวหมายถึงความโชคดี ควันสีเขียวลอยขึ้นมาจากหลุมศพของตระกูลก็เหมือนเปรียบได้ว่า เป็นการเสริมบารมีให้กับตระกูลหลังจากจื่อ หลิง ปรากฏตัวขึ้น ฝูงชนนั้นก็จดจ่อกับความงามของเธอ ในตอนนี้ทุกคนนั้นมีจื่อ หลิงสลักไว้ในใจของพวกเขาแล้ว

แปลโดยท่าน#ฮาย

: ไอ้พวกบ้าผู้หญิงเอ้ยยย!!!

: นั้นดิๆ สมองวันๆมีแต่คิดเรื่องอย่างว่า

: ใช่!! คนพวกนั้นแม่งไม่เจริญหรอก

: กูว่ามึงแหละ!!!

: สาบานว่ามืงไม่เคยคิด!!! หากคิดขอให้มืง โดนเสือแดก เหมือนที่ข่าวประเทศจีน

: เอ้ยไอ้ห่าหนิ กูยังไม่บอกเลยว่าจะสาบาน แต่ว่าข่าวที่โดนเสือลากไปแดกนี้ก็เหลือเกินนะ ทะเลาะกันที่ไหนไม่ทะเลาะ ทะเลาะกันในซาฟารี โมโหเพื่อนลงจากรถนำเที่ยว ลืมไปว่าอยู่ในสวนสัตว์ เสือลากไปแดกซะงั้น แต่อีคนลงจากรถมาดันไม่ตาย!!! คนลงมาช่วยนี้สิตายแทน

นิทานเรื่องนี้ พี่ สอนให้รู้ว่า อย่าทะเลาะกันในสวนสัตว์เปิด

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments