I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 434 – พี่สาวเทพธิดา

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

“พี่ใหญ่ เอ้อหยา ขอสมบัติเหล่านี้ได้หรือไม่! เอ้อหยา ชอบมัน!”

สาวเปื้อนน้ำมูกที่อยู่ในอ้อมแขนของ ‘จือหลิง’ ได้ขยายมือของเธอออกมาเพื่อที่จะคว้ามัน

“พี่ใหญ่โปรดให้ข้าชิ้นหนึ่ง! หรือหินอ่อนของข้ามันไม่พอที่จะแลกเปลี่ยนกับหินอ่อนของพี่ใหญ่อย่างนั้นหรือ?”

เด็กสกปรกได้ยื่นหินอ่อนในกางเกงของเขามาให้’ชูเฟิง’

“ถ้าเจ้าต้องการจริง ๆ ล่ะก็จะต้องมีข้อแม้อย่างหนึ่ง คือพี่ใหญ่และพี่สาวของเจ้าเนี่ยยังไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันเลย ฉะนั้นพี่ใหญ่จึงอยากรู้ว่าพ่อและแม่ของเจ้าเนี่ยทำอาหารอร่อยไหม? ถ้าหากพี่ใหญ่และพี่สาวได้กินอหารที่แสนอร่อยล่ะก็พี่ใหญ่จะยกลูกแก้วทั้งหมดนี้ให้เจ้า”

‘ชูเฟิง’กล่าวเมื่อได้ยินคำพูดของชูเฟิงเด็ก ๆ ทั้งหมดต่างก็ตกอยู่ในความเงียบ และจ้องมองไปที่เด็กสาวเปื้อนน้ำมูกด้วยความอิจฉา

“ฮ่า ๆ สุดยอด! ในที่สุดหินอ่อนลูกแก้วห้วงวิญญาณพวกนี้ก็เป็นของข้า”

‘เอ้อหยา’ นั้นรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินคำพูดนั้นเธอได้กระโดดลงจากอ้อมแขนของ ‘จือหลิง’ และในขณะที่เธอได้กระโดดลงเธอก็ได้ตะโกนออกไป

“ท่านแม่โปรดทำอาหารที่อร่อยที่สุดให้ข้าที! โชว์ฝีมือการทำอาหารที่อร่อยที่สุดในหมู่บ้านของเราให้พี่ใหญ่และพี่สาวอึ้งไปเลยนะท่านแม่!”

“พี่ใหญ่พี่สาวพวกท่านรีบเข้ามาที่บ้านของ เอ้อหยา เร็ว! ข้าจะรีบไปบอกให้ท่านแม่ทำอาหารที่อร่อยที่สุดให้พวกท่านได้ทานเอง!”

ขณะที่ ‘เอ้อหยา’ กำลังพูดเธอก็ได้เดินไปที่บ้านของเธอ เมื่อเห็นเช่นนั้น ‘ชูเฟิง’ และ ‘จือหลิง’ จึงได้เดินตามไปสภาพแวดล้อมของครอบครัว ‘เอ้อหยา’ นั้นไม่ได้เลวร้ายมากนัก อย่างน้อยในแง่ของการอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ก็นับว่าเป็นครอบครัวที่มีความเจริญรุ่งเรืองในระดับปานกลาง

แม่ของ ‘เอ้อหยา’ นั้นใจดีมาก หลังจากที่ได้รู้ว่า’ชูเฟิง’และ’จือหลิง’ยังไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันเธอก็รีบเริ่มต้นในการทำอาหารอร่อย ๆ ให้’ชุเฟิง’และ’จือหลิง’ในทันที

ถึงแม้ว่าอาหารทั้งหมดนั้นจะเป็นเพียงแค่อาหารท้องถิ่นแต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าฝีมือในการทำอาหารของแม่ ‘เอ้อหยา’ นั้นค่อนข้างดี อย่างน้อย ๆ มันก็ยังดีกว่ารวมมิตรสารพัดสัตว์คั่วที่’ชูเฟิง’ทำให้ ‘จือหลิง’ กิน

‘จือหลิง’ และ ‘ชูเฟิง’นั้นต่างกินด้วยความตระกระตระกาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘จือหลิง’ เธอกินข้าวคำน้ำคำซึ่งมันได้บ่งบอกออกมาอย่างชัดเจนเลยว่าผู้หญิงคนนี้ได้รับการอดอยากมาเป็นเวลานานในขณะนี้’ชูเฟิง’ถึงกับเป็นตะลึงเพราะเมื่อเทียบกับความงดงามราวกับเทพธิดาของ ‘จือหลิง’ แล้วนั้นการกินของเธอมันชั่งอุบาทเสียนี่กระไร

“พี่สาวท่านชั่งงดงามยิ่งนักราวกับเป็นเทพธิดาเลย!”

หลังจากที่สาวเปื้อนน้ำมูก ‘เอ้อหยา’ ได้กลับมาบ้านแม่ของเธอก็ได้ทำการอาบน้ำและเปลี่ยนชุดให้เธอ เมื่อคราบน้ำมูกได้จางหายไปจากใบหน้าของเธอมันอาจกล่าวได้ว่าเธอเป็นเด็กที่มีลักษณะค่อนข้างน่ารักแม้แต่ชูเฟิงก็ยังปรับทัศนคติดีขึ้นหลังจากที่ได้เห็นใบหน้าที่ขาวใสและสะอาดของเธอ

“หืม เอ้อหยา เจ้าคิดว่าบนโลกใบนี้จะมีเทพธิดาด้วยอย่างนั้นหรือ?”

‘ชูเฟิง’กล่าวออกมาโดยที่ไม่ได้มีลักษณะเกรงกลัวใด ๆ เพราะในโลกนี้นั้นมีเพียงแค่ผู้เชียวชาญทักษะยุทธ์เท่านั้นหาได้มีเทพเจ้าไม่? จริงแล้วนั้นพวกเขาก็เป็นเพียงแค่ผู้เชียวชาญทักษะยุทธ์เท่านั้นที่มีพลังวิญญาณเท่านั้นแต่พวกเขาจริงกลับถูกเข้าใจผิดโดยผู้คนเบื่องล่าง

3 : คนเบื่องล่างที่พูดนี้หมายถึง ไพร่ คนชั้นต่ำ หรือจะให้พูดง่ายๆก็คือคนบ้านนอกคอกนา อ่ะ

คือเป็นคนที่อยู่ตำกว่าในหมู่คนธรรมดาลงไปอีกดูจากที่ใช้คำว่าหมู่บ้านก็คงน่าจะรู้นะว่าขัดสนผู้คนธรรมดาที่ไม่ได้บ่มเพาะพลังวิญญาณนั้นพวกเขาจะไม่ได้รู้สึกถึงความสามารถและความหมายของผู้เชียวชาญทักษะยุทธ์อย่างแท้จริง

ฉะนั้นแล้วเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาได้เห็นผู้เชียวชาญทักษะยุทธ์เขาผู้นั้นจะเปรียบเสมือนกับเป็นเทพเจ้าในสายตาของพวกเขาทันทียกตัวอย่างเช่น ‘ชูเฟิง’ และ ‘จือหลิง’ หากพวกเขาทั้งสองคนได้แสดงอำนาจที่แท้จริงออกมาก็จะเป็นไปได้อย่างแน่นอนว่า ‘เอ้อหยา’ จะมองพวกเขาเป็นเทพเจ้า

“มีนะ! หากพวกเขาสามารถบินได้พวกเขาก็เป็นเทพเจ้า!”

‘เอ้อหยา’ กระพริบตารั่ว ๆ ซึ่งขาดความชั่วร้ายใด ๆ และ เถียงกับ’ชูเฟิง’อย่างขาดใจ

“เอาล่ะถ้าเจ้าพูดถึงขนาดนี้แล้วล่ะก็พี่สาวคนนี้ของเจ้าอาจเป็นเทพธิดาก็ได้”

หลังจากที่’ชูเฟิง’หันกลับไปมองที่ ‘จือหลิง’ มันช่วยไม่ได้ที่จะทำให้เขาต้องหัวเราะออกมาเพราะ ‘จือหลิง’ นั้นบินได้! ถ้าว่ากันด้วยถ้อยคำของ ‘เอ้อหยา’ ‘จือหลิง’ ก็คงจะเป็นเทพธิดาจริง ๆ ใช่หรือไม่?

“อันที่จริงแล้วครอบครัวของข้ายังมีพี่สาวเทพธิดาด้วยนะ! พี่สาวของข้าก็มีความสวยงามเช่นกัน เพียงแต่เธอยังห่างชั้นเกินไปที่จะมาเทียบความสวยงามของพี่สาวได้!”

ในขณะที่เธอพูดเธอก็ได้หันกลับไปมองที่แม่ของเธอและกล่าว

“แม่เมื่อไหร่พี่สาวจะกลับมา? ข้าคิดถึงพี่สาวของข้า….”

“พี่สาวของเจ้าพึ่งเดินทางไกลไปเมื่อไม่กี่วันนี้เองนะคิดว่าคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่พี่สาวของเจ้าจะกลับมา”

แม่ของ ‘เอ้อหยา’ กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มและลูบหัวของ ‘เอ้อหยา’ พร้อมกับหันหน้าไปทาง’ชูเฟิง’และกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว

“ยังมีอาหารอยู่จากหนึ่งที่ป้ายังทำไม่เสร็จ ฉะนั้นแล้วเดี้ยวป้าขอไปดูมันก่อนนะ.”

หลังจากพูดเสร็จแม้ของ ‘เอ้อหยา’ ก็ได้เดินเข้าครัวไปแม้ว่าเด็กที่ไร้เดียงสาอย่าง ‘เอ้อหยา’ จะไม่รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติใด ๆ แต่สำหรับ ‘ชูเฟิง’ และ ‘จือหลิง’ นั้นเขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของแม่ ‘เอ้อหยา’ มันเป็นน้ำเสียงและอารมณ์ของความโศกเศร้าในใจเป็นที่แน่นอนเลยว่าพี่สาวของ ‘เอ้อหยา’ นั้นจะต้องไม่ใช่การเดินทางไกล

อย่างแน่นอนมันจะต้องมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับหมู่บ้านแห่งนี้มันต้องมีเหตุผลที่ว่าทำใมถึงได้มีคนเฒ่าคนแก่มากมายถึงขนาดนี้และไหนจะยังมีผู้หญิงที่แอบร้องไห้อย่างเงียบ ๆ อีกฉะนั้นแล้ว’ชูเฟิง’จึงได้ส่งสัญญาณไปที่ ‘จือหลิง’ และตามแม่ของ ‘เอ้อหยา’ เข้าไปในครัวทันทีแต่ก่อนที่’ชูเฟิง’จะได้เข้าไปถึงข้างในครัวเขาก็ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นระเบิดออกมาจากแม่ของ ‘เอ้อหยา’ ซะก่อน

“ป้าที่นี่มันเกิดอะไรขึ้น? พี่สาวของ เอ้อหยา ไปที่ไหน?”

‘ชูเฟิง’ถามขึ้นมาในทันที

“นี่พ่อหนุ่ม…”

‘ชูเฟิง’ได้โพล่เข้ามาอย่างฉับพลันมันจึงทำให้แม่ของ ‘เอ้อหยา’ นั้นตกอยู่ในความหวาดกลัวและในสายตาของเธอที่มองไปยัง’ชูเฟิง’นั้นยังเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“อย่าได้กังวลข้าเป็นผู้เชียวชาญทักษะยุทธ์ หากป้ามีปัญหาใดโปรดบอกข้ามา บางทีข้าอาจสามารถช่วยท่านได้.”

‘ชูเฟิง’อธิบาย

“จริง? พ่อหนุ่มเป็นผู้เชียวชาญทักษะยุทธ์?”

แม่ ‘เอ้อหยา’ ในตอนนี้นั้นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะลักษณะของ’ชูเฟิง’นั้นเขายังเป็นเพียงแค่ชายหนุ่มรูปหล่อ และถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้เชียวชาญทักษะยุทธ์จริงมันก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะแข็งแกร่งดังนั้นเธอจึงส่ายหัวของเธอและกล่าวว่า

“นี่มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่เด็กอย่างเจ้าไม่ควรที่จะรู้ฉะนั้นแล้วข้าจึงไม่ต้องการที่จะนำเจ้ามาเกี่ยวข้องด้วย”

*** หวืบ ***

เพียงแต่ในเวลานั้น’ชูเฟิง’ได้ยกแขนขนาดใหญ่ของเขาขึ้นและสร้างอำนาจวิญญาณขึ้นมาห่อหุ้มร่างกายแม่ของ ‘เอ้อหยา’ เอาไว้และเขาได้ใช้อำนาจวิญญาณและใช้ทักษะท่องนภาบินขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็วเพียงแค่พริบตาเดียวแม้ของ ‘เอ้อหยา’ ก็ได้ทะลุก้อนเมฆไปหลายชั้นแล้ว

“อ่า ~~~~~~~”

ความเร็วของ’ชูเฟิง’นั้นมันเป็นอะไรที่เร็วเกินไป กว่าที่แม่ของ ‘เอ้อหยา’ จะรู้สึกตัวเธอก็ได้ห่างไกลออกมาจากพื้นดินไปแล้วกว่า 10,000 เมตร 10 กม. เธอมองลงไปที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ภายใต้เมฆสีขาวและตะโกนร้องออกมาทันทีด้วยความตกใจ

“ป้าตอนนี้ท่านสามารถบอกข้าได้รึยังว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับที่นี่? บางที่ข้าอาจสามารถช่วยป้าได้”

‘ชูเฟิง’ถามอีกครั้งทันทีในที่สุดแม่ของ ‘เอ้อหยา’ ก็ได้รู้สึกตัว ว่า’ชูเฟิง’นั้นสามารถเดินบนอากาศได้และตอนนี้’ชูเฟิง’ก็ได้พาเธอเดินอยู่บนอากาศในขณะนี้แม่ของ ‘เอ้อหยา’ ได้มองไปที่’ชูเฟิง’ด้วยสายตาที่แตกต่างกันออกไปและในสายตาของเธอนั้นยังเต็มไปด้วยความชื่นชมที่มีต่อ’ชูเฟิง’ในฐานะที่เธอเป็นคนธรรมดาสามัญ

เธอไม่เข้าใจโลกของการบ่มเพาะพลังวิญญาณ แต่ในดวงตาของเธอ,สำหรับผู้เชี่ยวชาญที่สามารถเดินบนอากาศและมุดลงไปในดินได้นั้นมันเปรียบเสมือนกับเป็นการดำรงอยู่ของเทพเจ้าทันใดนั้นแม่ของ ‘เอ้อหยา’ ก็ได้คุกเข้าลงทั้งๆที่อยู่บนอากาศในทันทีพร้อมกับประสานมือของเธอไว้ที่น่าอกและกราบลงทันทีในด้านหน้าของ’ชูเฟิง’

“ท่านเทพเจ้าได้โปรดช่วยลูกสาวของข้าน้อยและผู้คนในหมู่บ้านนี้ด้วยเถอะ.”

“ป้าโปรดยืนขึ้นและเล่าทุกอย่างมาก็พอ ข้าบอกท่านแล้วไม่ใช่หรอว่าข้าจะช่วยท่านเพราะฉะนั้นป้าโปรดบอกมาว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่หมู่บ้านแห่งนี้? ป้าสามารถบอกรายละเอียดทุกอย่างกับข้าได้ไหม?”

เมื่อเห็นเช่นนั้น’ชูเฟิง’จึงรีบไปพยุงป้าให้ลุกขึ้นมาในทันทีหลังจากนั้นแม่ของ ‘เอ้อหยา’ ก็ได้เล่ารายละเอียดทุกอย่างให้’ชูเฟิง’ฟังทั้งหมดห่างออกไปประมาณ 300 กม.

จากหมู่บ้านจะมีเทือกเขาอยู่ลูกหนึ่ง บนเทือกเขานั้นได้มีคนกลุ่มหนึ่งต้องการที่จะสร้างสำนักขึ้นที่นั้นพวกเขาได้ขึ้นไปที่เทือกเขาและต้องการสร้างสำนักที่นั้น แต่มันเป็นเพราะพวกเขาขาดคนงานในการก่อสร้างสำนักพวกเขาจึงได้เขาจึงได้มาที่หมู่บ้านแห่งนี้และเกณฑ์ผู้ชายที่แข็งแกร่งออกไปจากหมู่บ้านนี้ทั้งหมดเหลือไว้เพียงแค่คนเฒ่าคนแก่และเด็กเท่านั้น

และมันเป็นเพราะพี่สาวของ ‘เอ้อหยา’ นั้นเป็นบุคคลที่โดดเด่นเธอจึงได้ถูกนำตัวออกไปด้วยพร้อมกับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งและภายในกลุ่มนั้นยังได้มีแม้แต่ผู้เฒ่าที่สามารถยืนบนอากาศได้และยังสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้ตามที่เขาต้องการอีกด้วย

ดังนั้นผู้คนในหมู่บ้านนี้จึงได้คิดว่าเขานั้นคือเทพเจ้าก็เลยไม่มีใครที่คิดกล้าจะต่อต้านพวกเขาเลยแม้แต่คนเดียว พวกเขาทำได้เพียงแค่เชื่อฟังเท่านั้นจึงได้ทยอยกันออกไปและไม่กล้าที่จะบ่นออกมาเลยแม้แต่คำเดียว

#################################################################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 3 หัวดอที่จะมาเผาชูเฟิงไปพร้อมกลับคุณ

1 : อัยย๊ะพี่เฟิงเรากลายเป็นเทพเจ้าไปซะแล้ว 55555 นี่ถ้ามีสาว ๆ น่ารัก ๆ หน่อยในหมู่บ้านนะพี่เฟิงเราคงจับล่อแน่ ๆ ฮ่า

2 : ฮ่า ๆ ใช้ความเชื่อผิด ๆ ของคนในหมู่บ้านให้เป็นประโยชน์

1 : 555555 ถ้าจริงนี่พวกเราเข้าสู่ด้านมืดไปแล้วรึป่าวนะทำใมพวกเราถึงได้มีความคิดชั่ว ๆ กันถึงขนาดนี้

2 : 555555 ไม่รู้ดิ 1 อาจติดมาจากไอ้ 3 ก็ได้มั้ง

1 : หืม หย่าไปพลาดพิงถึงมันซิปล่อยมันแก่ตายไปเถอะไอ้ 3 น่ะ เอ้อว่าแต่จะว่าไปแล้ว กลุ่มคนพวกนี้มันเป็นใครกันว่ะ

2 : นั้นสิมันเป็นใคร

1 : งั้นเรามาเสียงทายกันดีกว่าว่าเขาผู้นี้จะเป็นใคร

2 : ติดตามกันต่อได้ในบทที่ 435 รับรองเดะรู้เลย

1,2 : แล้วเจอกันไหม่ในอีกหลายๆบทหน้าน่ะฮ่ะ

#################################################################################################

…..####เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ : นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน####…..

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments