I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 433 – นี่เรียกว่าลูกแก้วห้วงวิญญาณ

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

‘ชูเฟิง’ได้ใช้ทักษะการต่อสู้แล้วขี่มังกรขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับหญิงงาม เขาได้เดินทางผ่านกลุ่มเมฆสีขาวและสายลมเย็นมันอาจกล่าวได้ว่าชั่งเป็นบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติกอย่างแท้จริง

ดังนั้น’ชูเฟิง’จึงอดไม่ได้ที่จะวิ่งวนไปรอบ ๆ บนท้องฟ้าถึง 3 รอบเพราะว่าการที่ภรรยาในอนาคตอย่าง ‘จือหลิง’ ได้กอดหลังเขาไว้นั้นมันชั่งทำให้’ชูเฟิง’มีความรู้สึกที่ดีแท้ฉะนั้นแล้วเขาจึงไม่อยากที่จะปล่อยโอกาสดีดีแบบนี้ไป

“ถ้าเจ้ายังไม่คิดที่จะพาข้าไปหาของกินอีกล่ะก็ข้ามั่นใจได้เลยว่าข้าจะต้องอดตายแน่ ๆ! ”

เพียงขณะนั้น ‘จือหลิง’ จ้องเขม่นมาที่’ชูเฟิง’แล้วตะโกนเสียงดัง

ทันทีที่ได้ยิน’ชูเฟิง’จึงรีบเร่งความเร็วและมุ่งหน้าไปยังเมื่อที่มีผู้คนอาศัยอยู่ในทันที

“บัดซบไอ้เหม็นชูเฟิง นี่เจ้ากล้าล้อข้าเล่นอย่างนั้นหรอ เจ้าบอกว่าจะพาข้าไปหาของกินอร่อย ๆ แต่นี่กลับพาข้ามาบินเล่นเนี่ยนะ นี่อาทิตก็เกือบจะตกดินอยู่แล้วแต่เจ้ากับยังไม่พบเมืองเลยซักเมือง ตาย ตาย อย่างนี้ข้าต้องอดตายแน่ ๆ!”

นี่คือ ‘จือหลิง’งั้นหรือ? เธอคือผู้หญิงที่สวยงามและสง่าแต่กลับมีข้อบกพร่องเล็ก ๆ คือความหิว? นี่หรือผู้หญิง? อารมณ์ชั่งดูยากยิ่งนัก ‘

ในทันทีมือสีขาวบริสุทธิ์เรียวงามของ ‘จือหลิง’ ก็ตรงเข้ามากอด’ชูเฟิง’และใช้มันเหมือนราวกับเป็นคีมเธอได้กอดรัดร่างกายของ’ชูเฟิง’อย่างบ้าคลั่งเพื่อระบายความโกรธของเธอ

“อ้า ~~~~~ ภรรยาข้าโปรดยกโทษให้ข้าด้วยเถอะ!!”

“ข้าก็แค่เห็นว่าบรรยากาศมันเป็นใจและวิวมันสวยดีข้าก็เลยอยากจะ…”

“ยังคิดที่จะแก้ตัว?”

“อ้า ~~~~”

“นั้น! ดูมีหมู่บ้านอยู่ข้างหน้า! บางทีมันอาจเป็นร้านอาหาร?”

“ชิ จะยังใงก็ได้ของแค่ให้มีอาหารที่ข้าสามารถกินได้ก็พอเพราะตอนนี้ข้าไม่ต้องการที่จะทนหิวอีกต่อไปแล้ว”

‘จือหลิง’ ไม่อาจทนความทรมานจากความหิวได้อีกต่อไป’ชูเฟิง’จึงช่วยไม่ได้ที่จะต้องหาร้านอาหารให้นางอย่างโดยเร็วในเวลานี้เขาได้เจอหมู่บ้านแห่งหนึ่งตั้งอยู่เบื่องล่าง ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เจริญรุ่งเรืองมากนักแต่ก็นับว่าใช้ได้อยู่อย่างน้อยก็ยังมี เป็ด ไก่ และ ห่าน

ดังนั้น’ชูเฟิง’จึงได้ล่อนลงในเขตพื้นที่นอกหมู่บ้าน หลังจากนั้นก็ใส่หน้ากากมายาเพื่อปลอมแปลงใบหน้าของเขาและนำ ‘จือหลิง’ เข้าไปในหมู่บ้านแห่งนั้น

” วู ~~~ วู ~~~~”

แต่ในขณะที่พวกเขาเข้าไปที่หมู่บ้านเขาก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลก ๆ เพราะบนท้องถนนของหมู่บ้านแห่งนี้นั้นมันดูออกจะเงียบสงบมากจนเกินไปและพวกเขายังเห็นเพียงแค่กลุ่มเด็กเล็ก ๆ เท่านั้นและแม้ว่าพวกเขาจะเดินลึกเข้าไปก็เจอแค่คนเฒ่าคนแก่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น

และส่วนใหญ่พวกเขานั้นก็มักแสดงอาการที่เซื่องซึมออกมา และที่สำคัญด้วยอำนาจวิญญาณตรวจจับที่แหลมคนของ’ชูเฟิง’นั้นมันทำให้เขาได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นบางอย่างมาจากบ้านหลาย ๆ หลัง แต่เหล่าเสียงสะอื้นพวกนั้นกับไม่ได้เป็นของพวกคนเฒ่าคนแก่แต่มันกับเป็นเสียงของผู้หญิงและในน้ำเสียงของพวกเขานั้นได้บ่งบอกถึงความทุกข์เป็นอย่างมาก

“ชูเฟิงมันต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับที่นี่อย่างแน่นอน”

ทันใดนั้น ‘จือหลิง’ ก็ได้กล่าวขึ้นมาในทันทีซึ่งมันเห็นได้ชัดว่าแม้แต่เธอก็ยังรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของหมู่บ้านในตอนนี้

“ว๊าว, พี่สาว, ท่านชั่งงดงามยิ่งนัก!”

เพียงแต่ในเวลานั้นก็ได้มีกลุ่มเด็กกลุ่มหนึ่งได้เห็น’ชูเฟิง’และ’จือหลิง’พวกเขาได้รีบวิ่งเขามาล้อมรอบอย่างรวดเร็ว

‘จือหลิง’ นั้นคือสาวน้อยที่สวยอย่างแท้จริง ใบหน้าของเธอนั้นอาจกล่าวได้ว่าไม่ควรที่จะมาอยู่ในโลกของมนุษย์แต่ควรที่จะไปอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้าซะมากกว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้เห็นใบหน้าของเธอนั้นต่างก็จะได้รับการดึงดูดทั้งสิ้น

แม้แต่กลุ่มเด็กตาดำ ๆ ก็ยังไม่อาจต้านทานความงดงามของเธอได้

“เฮ้ ไอ้เด็กเปื้อนขี้มูกอย่าแตะต้องเธอ!”

ทันทีที่’ชุเฟิง’เห็นเด็กสาวที่มีใบหน้าเปื้อนขี้มูกและมือก็ยังเต็มไปด้วยขี้มูกแม้แต่ปากก็ยังเต็มไปด้วยน้ำมูกกำลังยื่นมือของเธอออกไปเพื่อที่จะจับกระโปรงสีม่วงของ ‘จือหลิง’ มันจึงทำให้’ชุเฟิง’รู้สึกโกรธ เพราะแม้แต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะสัมผัส ‘จือหลิง’ เลยแม้แต่น้อย

แต่กับเด็กสกปรกนี่จริงกล้าที่จะสัมผัสเธอ เมื่อเห็นกับตาตัวเองมีหรือที่’ชูเฟิง’จะสามารถอดทนได้

“ฮา! น่ากลัว!”

อย่างไรก็ตามเสียงของ’ชูเฟิง’นั้นอาจกล่าวได้ว่าดังจนเกินไปมันจึงทำให้กลุ่มเด็ก ๆ ทั้งหมดตกอยู่ในความหวาดกลัว

“มันไม่เป็นไรชูเฟิง มันก็แค่ทำให้เสื้อผ้าเหล่านี้สกปรกเท่านั้นจะล้างออกเมื่อไหร่ก็ได้นิจริงไหม? เพราะฉะนั้นอย่าทำให้เด็กกลุ่มนี้ต้องตกใจกลัวซิ”

‘จือหลิง’ ยิ้มหวานแล้วกอดไปที่เด็กสาวที่มีใบหน้าเปื้อนขี้มูกและถามว่า

“น้องสาวตัวน้อยเจ้าชื่อว่าอะไรจ๊ะ?”

“ข้าเรียกว่า เอ้อหยา.”

หลังจากที่เด็กสาวได้เช็ดน้ำมูกบนใบหน้าของเธอออกไปเธอก็กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มและใบหน้าที่เปลี่ยมความสุข

“พี่สาวข้ามีชื่อว่า โก๋วเชิง.”

เพียงแต่ในเวลานั้นก็ได้มีเด็กชายคนหนึ่งที่ดูสกปรกยิ่งกว่าสาวเปื้อนน้ำมูกกล่าวออกมาและวิ่งออกไปที่อ้อมแขนของ ‘จือหลิง’ เพื่อหวังว่าจะให้ ‘จือหลิง’ กอดเขา

“นางยังไม่ได้ถามชื่อเจ้าเลยนิแล้วทำใมเจ้าถึงได้บอกชื่อนาง?”

เด็กอ้วนได้ยิ่งคำถามไปที่เด็กชายสกปรกในทันทีและมันอาจเห็นได้ชัดว่าไม่ว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนกันแต่ก็ไม่อาจทนเห็นการกระทำที่ไร้ยางอายของเด็กชายสกปรกได้

“ไม่ว่านางจะถามข้าหรือไม่ข้าก็ยังคงเรียกว่า โก๋วเชิง อยู่ดีเพราะฉะนั้นพี่สาวโปรดกอดข้าด้วย!”

เด็กชายสกปรกตอกหน้าชายอ้วนกลับไปด้วยคำพูดอย่างรุนแรงและเขาก็ได้กระโจนเข้าสู่อ้อมกอดของ ‘จือหลิง’ ในทันที

“เก็บปากเหม็น ๆ ของเจ้ากลับไปพูดกับแม่ที่บ้านนู้นไป!”

‘ชูเฟิง’ได้เหวี่ยงเท้าของเขาเตะไปที่ก้นของเด็กชายสกปรกจนปลิวกระเด็กออกไปหลายเมตร เธอสวยและงดงามถึงขนาดที่เด็กยังมีความต้องการที่จะได้สัมผัสกับร่างกายของเธอ แต่มันก็น่าเสียดายที่เด็กชายสกปรกผู้นั้นได้มาบังอาจทำต่อหน้าต่อตาของ’ชูเฟิง’มีหรือที่เขาจะทนได้

“ชูเฟิงเด็กพวกนี้ชั่งน่ารักมากจริง ๆ!”

‘จือหลิง’นั้นชอบเด็กน้อยพวกนี้เป็นอย่างมาก พวกเขานั้นล้วนมีอายุเพียงแค่ 5 ขวบ หรือ 6 ขวบเพียงเท่านั้น เธอรู้สึกมีความสุขมาก ๆ ที่ได้เล่นกับเหล่าเด็ก ๆ สกปรกพวกนี้ เมื่อมองไปยังภาพในตอนนี้มันทำให้เธอได้ลืมไปแล้วว่าเธอนั้นกำลังหิวอยู่

“เจ้าชอบเด็กอย่างนั้นหรอ? งั้นก็ดีเลย!”

‘ชูเฟิง’แสดงรอยยิ้มแห่งความเงี่ยนออกมาและบอกกับ’จือหลิง’ว่า

“ภรรยาข้า เจ้าไม่คิดว่าเราควรจะมีเด็กเอาไว้ดูเล่นสักคนหนึ่งหรอ?”

“ได้สิ! หากเจ้าต้องการที่จะตายก็ขอให้ลองทำดูได้เลย?”

แสงประกายสีม่วงได้แพร่ออกมาจากร่างกายของ ‘จือหลิง’ อย่างชัดเจนและมันทำให้’ชูเฟิง’ต้องถอยหลังออกไปหนึ่งก้าวจากความหวาดกลัวในทันทีแล้วทำได้เพียงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

“ใจเย็นก่อนภรรยาข้าข้าเพียงแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้นข้ารู้อยู่แล้วว่าตอนนี้พวกเรายังเด็กนักรอไว้ให้เราโตกันมากกว่านี้ก่อนแล้วค่อยมีลูกกันที่หลังก็ยังไม่สายหรอกเนอะ”

“หึ”

‘จือหลิง’ เบะปากของเธอและถอนลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา เพราะในวันนี้เธอรู้สึกได้ว่าเจอกับความไร้ยางอายของ’ชูเฟิง’มามากมายจริงๆ

“เออหยา, โก๋วเชิง ลองมองดูนี่สิว่านี่คืออะไร?”

ทันใดนั้น’ชูเฟิง’ก็ได้มีความคิดที่ชานฉลาดพุดขึ้นมา เขาได้ลูกแก้วห้วงวิญญาณออกมาจากถุงจักรวาลของเขาเขาจริงมีมันจำนวนนับไม่ถ้วนเขาได้มันมาจากสุสานบรรพชนของสำนักเทพอัคคี

แม้ว่าเขาจะมีมันเป็นจำนวนมากแต่มันก็ไร้ประโยชน์สำหรับเขามันมีพลังวิญญาณต่ำเกินไปที่เขาจะสามารถกลั่นมันได้ ฉะนั้นมันจึงไม่มีประโยชน์สำหรับเขาแต่ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีประโยชน์ในการบ่มเพาะพลังวิญญาณของเขามากนักแต่มันก็นับว่าเป็นสกุลเงินที่ไม่น้อยเลยทีเดียว

และยังใช้กันแพร่หลายอีกด้วยสำหรับคนธรรมดาสามัญแล้วนั้นด้วยจำนวนขนาดนี้มันสามารถทำให้พวกเขาอยู่สุขสบายได้หลายชั่วอายุคนเลยทีเดียวโดยที่ไม่ต้องมากังวลเรื่องที่อยู่อาศัยเครื่องแต่งกายและอาหารนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำใมเขาถึงได้ตั้งใจรวบรวมมันเอาไว้เพื่อที่เขาจะได้หลีกเลี่ยงในการขาดแคลนทรัพยากร

เมื่อเขาได้ออกไปกินอาหารข้างนอกหลังจากที่’ชูเฟิง’ได้ทำสิ่งที่น่าอายออกไปก่อนหน้านี้ นอกจากนี้’ชูเฟิง’ยังสามารถที่จะหยิบเอาลูกแก้วกำเนิดหรือลูกแก้วแก่นแท้ออกมาก็ได้แต่’ชูเฟิง’กลับคิดว่าบางทีแล้วพวกเขาอาจไม่รู้จักลูกแก้วพวกนี้

ฉะนั้นแล้วเขาจึงคิดว่าลูกแก้วห้วงวิญญาณอาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

“ว๊าว พี่ใหญ่หินอ่อนพวกนี้ชั่งสวยมากจริง ๆ! พี่ใหญ่สามารถให้มันกับ เอ้อหยา ได้ไหม?”

“พี่ใหญ่ข้าเองก็อยากได้เช่นกัน! พี่ใหญ่สามารถให้มันแก่ข้าได้หรือไม่! หรือจะให้ข้าเอาหินอ่อนของข้าแลกเปลี่ยนกับหินอ่อนพวกนี้ของท่านก็ได้นะ!”

พอเห็นลูกแก้วห้วงวิญญาณที่เต็มไปด้วยความกระจ่างใส ก็ได้ปรากฏดวงดาวเล็ก ๆ น้อย ๆ ในดวงตาของเหล่าเด็ก ๆ ในทันทีพวกเขาคิดจริง ๆ ว่าลูกแก้วห้วงวิญญาณพวกนี้คือหินอ่อนที่สวยงามและแน่นอนว่าของเหล่านี้จะต้องกลายเป็นของเล่นใหม่ของพวกเขาอย่างแน่นอน

หากได้มันไปแต่คนที่ไร้ยางอายที่สุดในหมู่เด็ก ๆ พวกนี้ก็คงจะเป็นเด็กที่ชื่อ ‘โก๋วเชิง’ เพราะเขาจริงได้เอาหินอ่อนที่ดูสกปรกและหักบิ่นออกมาจากกระเป๋าของเขาเขาจริงต้องการที่จะใช้หินอ่อนที่สกปรกและน่าเกลียดพวกนี้แลกเปลี่ยนกับลูกแก้วห้วงวิญญาณของ’ชูเฟิง’

“ฮ่า ๆ พวกเจ้าทั้งหมดยังขาดประสบการณ์งั้นข้าจะบอกพวกเจ้าให้ว่า ลูกแก้วเหล่านี้นั้นมันไม่ใช้หินอ่อนหรือของเล่นของพวกเจ้า แต่ของพวกนี้มันเป็นสมบัติที่มีค่ามันจะคุ้มค่ามากหากพวกเจ้าได้เก็บมันเอาไว้”

‘ชูเฟิง’อธิบาย

..
#################################################################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 3 หัวดอที่จะมาเผาชูเฟิงไปพร้อมกลับคุณ

ท่านผู้แปล : เอิ่ม…..4 บทหน้าเจ้าไม่ต้องมาแล้วนะ คือจะว่าใงดีล่ะมันค่อนข้างมีปัญหานิดหน่อย

4 : ครับผมเข้าใจแล้วครับ

ท่านผู้แปล : …..ไม่คิดจะถามอะไรหน่อยเลย??

4 : ไม่ครับ…..

ท่านผู้แปล : คือจริง ๆ แล้วช่วงนี้หัวค่อนข้างอื้อนะแล้วก็คิดบทพูดไม่ค่อยจะออกด้วยเพราะงั้นก็…..นะตามนั้น

4 : ……คือผมไม่ได้ถามครับท่านจะเล่ามาทำใม??

ท่านผู้แปล : เอิ่ม….ก็ตามนั้นแหละไว้โอกาศหน้าจะเชิญใหม่มาแล้วกัน

4 : ครับตามนั้น

1 : ฮ่าไปเลยไปไกล ๆ ตีนเลยในที่สุดโลกนี้ก็เป็นของข้ามีแค่ ข้า กับ 2 เท่านั้นก็เกินพอแล้ว 555555

ท่านผู้แปล : เดี้ยวอีก 2 บท ข้าจะให้ 3 กลับมาล่ะเนื่องจากข้ากลัวพวกเจ้าจะเหงา ตามนี้ข้าไปล่ะ

1 : เดี้ยวท่านไม่ต้องเอาไอ้ 3 มันมาก็ได้ให้มันออกไปแล้วก็ไล่มันออกไปเลยไม่ได้หรือ ท่าน!! ท่าน!!!!

2 : ตามนั้นแหละ 1 ท่านผู้แปลเขาไปแล้วอีก 2 บท 3 ก็กลับมาก็ถือว่าไม่เลวนะอย่างน้อยก็ยังมีเวลาเหลืออยู่อีกตั้ง 2 บท

1 : ….- – อ่าตามนั้น!!

#################################################################################################

…..####เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ : นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน####…..

4 : อัตมาจะไปถือศีลกินเจในป่าล่ะ อย่ามาตามอัตมาอีกล่ะ !!! ก่อนอัตมาจะไปตะกรุดหน่อยไม๊ ??? ปลุกเสกจากวัดเส้าหลิน !!!

: มืงรีบๆไปเลย!!! ไม่งั้นกูจะดูสิว่า ตะกรุดมืงจะช่วยกันกระสุน กูได้ไม๊ ???

4 : . . . . . . . .

@ : โธ่ไอ 4 นึกว่าแม่งจะขลัง โชคร้ายเป็นบ้าโดนกระสุนส่งท้าย

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments