I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Upgrade Specialist in Another World (异界之装备强化专家) ตอนที่ 4 : การสังหารโหดในสมรภูมิเดรัจฉาน

| Upgrade Specialist in Another World (异界之装备强化专家) | 1028 | 2357 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

สมรภูมิเดรัจฉานเป็นส่วนหนึ่งของโลกใต้ดินแห่งเมืองลั่วซี สถานที่อันโด่งดังนี้ดำเนินการโดยตระกูลจางสามารถดึงดูดเหล่าผู้สูงศักดิ์เข้ามา กระทั่งเป็นที่รู้จักไปทั้งมณฑลฉิงหยุน

ที่นั้นเป็นสถานที่ให้เหล่าผู้มั่งมีมากอำนาจและขุนนางคนชั้นสูงใช้ฆ่าเวลา รื่นรมย์กับความเร้าใจและแสวงหาการนองเลือดเพื่อคลายความเบื่อหน่าย  แม้ถูกเรียกว่าสมรภูมิเดรัจฉาน แท้จริงมิได้ให้สัตว์เดรัจฉานสู้กันแต่กลับเป็นที่ให้ผู้คนฆ่าฟันกัน

ดวงตาของ’ไป่หยุนเฟย’เบิกกว้าง ปากอ้าค้างอย่างประลาดใจ ร่างมันสั่นไม่หยุด — มิไม่คาดคิดมาก่อนว่ามนุษย์ต้องมาฆ่าฟันกันอย่างป่าเถื่อนเช่นนี้

ในสมรภูมิเดรัจฉานด้านนอก ร่างสีแดงสองร่างกำลังต่อสู้กันด้วยมือเปล่า ตามธรรมดาสมรภูมิเดรัจฉานจะไม่อนุญาตให้ใช้อาวุธเพื่อยืดการต่อสู้ยาวนานออกไป  หากท่านต้องการรอดชีวิต ท่านต้องใช้สองแขน สองขา ศีรษะหรือแม้แต่ใช้ฟันกัด มีเพียงทำให้คู่ต่อสู้ไม่อาจลุกขึ้นยืนอีกครั้ง จึงจะได้รับอนุญาตให้มีชีวิตอยู่ และหากพ่ายแพ้นั่นก็หมายถึงความตายของท่าน

ที่เรียกร่างสีแดงเนื่องเพราะร่างของพวกมันดูเหมือนจะถูกย้อมด้วยเลือด! ด้วยเลือดของมันเองและเลือดของคู่ต่อสู้ บุรุษร่างกำยำราวกับหมี ขนคิ้วดกหนา ดวงตาโปนโต กำลังหอบหายใจ ดวงตาข้างหนึ่งของมันกลายเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือน ใบหูซ้ายถูกตัดออก ร่างของมันสั่นไหวอยู่บ้าง แต่ดวงตาที่เหลือของมันฉายแววบ้าคลั่ง มันคำรามดั่งสัตว์ร้ายง้างหมัดจู่โจมชายกลางคนร่างเล็กเบื้องหน้ามัน

แม้บนร่างชายกลางคนปรากฏบาดแผลเกลื่อนกลาดเช่นเดียวกัน แต่ดูเหมือนจะสาหัสน้อยกว่าคู่ต่อสู้มันมากนัก ยามหมัดของชายร่างใหญ่จู่โจมมาถึง มิคาดมันไม่หลบเลี่ยงแต่กลับยกหมัดขึ้นปะทะซึ่งหน้า! ยามแขนขวาของมันพุ่งออก ดูราวกับจะขยายขึ้นทันใด หลังจากหมัดปะทะกันชายร่างใหญ่ร่ำร้องอย่างน่าเวทนา และถอยกายอย่างต่อเนื่องไปหลายก้าว

นิ้วของมันบิดเบี้ยวผิดรูป เลือดสาดกระจาย กระทั่งกระดูกนิ้วมือยังโผล่ทะลุผิวหนังออกมา  ชายกลางคนเหวี่ยงมือสลัดคราบเลือดเลือดของคู่ต่อสู้มัน จากนั้นเลียกำปั้นอย่างรื่นรมย์ แววตาเป็นประกายอย่างน่าหวาดหวั่น มันดูเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังทรมานเหยื่อยิ่งกว่าเป็นมนุษย์เสียอีก

‘ผู้ชม’ด้านนอกลานโห่ร้องอย่างตื่นเต้น ผู้สูงศักดิ์เหล่านี้ไม่หลงเหลือภาพลักษณ์สุภาพสูงส่งที่พวกมันแสดงเบื้องนอกโดยสิ้นเชิง ใบหน้าพวกมันแปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ดวงตาพวกมันเบิกกว้างเกรงว่าจะพลาดฉากเร้าใจนี้

พวกมันตัวสั่นเทาเช่นเดียวกับ’ไป่หยุนเฟย’ แต่ข้อแตกต่างคือร่างพวกมันสั่นด้วยความตื่นเต้นขณะที่ไป่หยุนเฟยตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว รอบกายชายทั้งคู่ในลานปรากฏรอยเลือดมากมายทั้งสีแดงสดและดำคล้ำ รอยเลือดบางส่วนเป็นของพวกมันทั้งคู่ บางส่วนถูกทิ้งไว้จากผู้คนจากการต่อสู้มากมายก่อนหน้า

บน’อัฒจันทร์’เหนือศีรษะ’ไป่หยุนเฟย’และพวกก็มีที่นั่งหรูหราอยู่เช่นเดียวกัน ยามนี้ผู้คนสามคนกำลังนั่งบนเก้าอี้ดังกล่าวชมการต่อสู้เบื้องล่าง  ผู้ที่นั่งด้านซ้ายมิใช่ใครอื่นมันคือ’จางหยาง’นั่นเอง! มันวางท่าราวคุณชายผู้สูงส่งชี้นิ้วไปยังชายกลางคนพลางกล่าวกับผู้ที่อยู่ด้านข้าง

“คุณชายรองเจิ้ง ท่านเห็นว่าสมรภูมิเดรัจฉานของข้าเป็นอย่างไร? ที่นี้ปลุกเร้าผู้คนให้เลือดเดือดพล่านได้กระมัง? นั่นเป็นผู้ที่โหดเหี้ยมที่สุดในสมรภูมิเดรัจฉานนี้มันเรียกว่า หมาป่าวิบัติ…”

ด้านข้างมันเป็นชายหนุ่มในชุดสีม่วงเลิศหรูใบหน้ายังหล่อเหลากว่า’จางหยาง’อีก มันชมการต่อสู้ด้วยท่าทางเรียบเฉย ยามนั้นจึงพยักหน้าเล็กน้อยกล่าวว่า

“ไม่เลว มันผู้นั้นอยู่ในภาวะครึ่งตื่นแล้ว เพียงไม่นานพลังวิญญาณมันควรจะตื่นขึ้นเต็มที่ และมันจะนับว่าเหยียบเท้าเข้าสู่ด่านนวกะวิญญาณแล้ว”

แม้คำพูดยกย่องแต่ท่าทางมันไม่เห็นพ้องอยู่บ้าง แสดงว่ามันเพียงกล่าวเพื่อไว้หน้าเท่านั้น ‘จางหยาง’ไม่ได้ใส่ใจ มันกล่าวพลางยิ้มประจบ

“เพียงด่านนวกะวิญญาณแน่นอนว่าต้องไม่อยู่ในสายตาคุณชายรองเจิ้ง ตระกูลเจิ้งเปี่ยมด้วยผู้มีพรสวรรค์และฝีมือกล้าแข็ง ตระกูลเล็กจ้อยของข้าหรือจะเทียบได้…”

มันทราบดีว่าคุณชาย’รองเจิ้ง’ผู้นี้มาจากเมืองหลวงเพียงแค่แวะชมดูตระกูลมัน ยามนี้คุณชายผู้สูงส่งมายังสมรภูมิเดรัจฉานในเมืองลั่วซี มันต้องปรนนิบัติให้ดีไม่อาจล่วงเกินคนผู้นี้ได้ ผู้ที่อยู่ด้านขวาปกปิดร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยชุดหลุมสีดำ ใบหน้าของมันไม่อาจมองได้ชัด มันกอดอกก้มหน้าเล็กน้อย ราวกับมันกำลังหลับอยู่…

ยามนี้การต่อสู้กำลังเข้าสู่จุดสิ้นสุด ชายร่างใหญ่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายกลางคน มันเคลื่อนไหวช้าลงเรื่อยๆ แต่ตามร่างกายกลับบาดเจ็บมากขึ้นทุกที เสียงร่ำร้องอย่างเร้าใจของผู้ชมยิ่งดังขึ้นไปอีก

สุดท้ายชายกลางคนเตะกวาดชายร่างใหญ่ล้มลงกับพื้น เหยียบกระทืบหน้าอกมันด้วยเท้าขวา จับมือขวามันยกขึ้นแล้วกระชากโดยแรง

มิคาดแขนขวาของชายร่างใหญ่กลับถูกกระชากออก

ผู้ชมโห่ร้องสนับสนุนอย่างคาดไม่ถึง ดูเหมือนฉากนี้นองเลือดเกินไป ผู้ชมสตรีบางคนเบือนหน้าหนีทีละคน แต่พวกนางกลับแอบชำเลืองไปยังลานกว้างด้วยหางตา แก้มพวกนางแดงซ่านด้วยความตื่นเต้น

ท้ายที่สุดชายกลางคนเหยียบขยี้ศีรษะคู่ต่อสู้แหลกเละราวทุบแตงโม… เมื่อเห็นของเหลวสีแดงและขาวสาดกระเซ็นหยุนเฟยก็ไม่อาจทนรับอีกต่อไป มันก้มหน้าลงกับมุมกำแพงและเริ่มอาเจียน ผู้เฒ่าอู๋ตัวสั่นไปทั้งร่างคว้า’หยุนเฟย’พยุงร่างตนเองไว้      แม้แต่ผู้คนท่าทางดุร้ายด้านหน้าแววตายังเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเช่นกัน

ยามนี้ประตูไม้ของที่คุมขังล้มเปิดออก ผู้คนสิบกว่าคนพร้อมอาวุธในมือปรากฏตัวนอกประตู ผู้ที่เคยนำซาลาเปามาให้ตะโกนก้อง

“พวกเจ้าทุกคนออกมา! หยิบอาวุธ! และเตรียมตัวไปต่อสู้เพื่ออิสรภาพของพวกเจ้าเอง!”

กลุ่มคนเหล่านั้นหันหน้ามองกันแต่สุดท้ายยังคงเดินออกไปทีละคน ‘ผู้เฒ่าอู๋’และ’ไป่หยุนเฟย’เดินออกไปเป็นคู่สุดท้าย เมื่อผู้คนออกมาชายที่เปิดประตูก็หยิบอาวุธจากหีบด้านหลังให้ และปล่อยพวกมันเดินไปยังลานกว้าง

‘ไป่หยุนเฟย’เดินเหม่อลอยอยู่ด้านหลังกลุ่มคน ครู่ต่อมามันและ’ผู้เฒ่าอู๋’เดินมาถึงประตู ผู้เฒ่าอู่ก็ได้รับขวานชำรุดเล่มหนึ่ง  ‘ไป่หยุนเฟย’ยืนอย่างสับสนอยู่หน้าประตู รอคอยชายผู้นั้นมอบอาวุธให้ แต่ดูเหมือนได้รับคำสั่งมาก่อน มันมองดูหยุนเฟยด้วยรอยยิ้มลึกลับและไม่ได้มอบอาวุธอันใดให้

“ฉ…ไฉนท่านไม่มอบอาวุธอันใดแก่ข้า?”

“ฮ่า ฮ่า เจ้ามิใช่ถืออาวุธอยู่กับมือแล้วหรือ? ยังต้องการอันใดอีก? หุบปากและรีบเข้าไปที่ลานได้แล้ว!”

ชายผู้นั้นมองก้อนอิฐในมือมันอย่างขบขัน — ‘ไป่หยุนเฟย’ถือมันไว้ตลอดมา ราวกับทำเยี่ยงนี้จะทำให้มันรู้สึกปลอดภัยขึ้นบ้าง     ชายผู้นั้นเตะ’ไป่หยุนเฟย’อย่างหยาบคาย เร่งรัดมันออกไปที่ลาน      ‘ไป่หยุนเฟย’ตามไปสมทบ’ผู้เฒ่าอู๋’ มันยังคงมีท่าทางสับสน เมื่อมองเห็นผู้สูงศักดิ์ในเครื่องแต่งกายเลิศหรูจับจ้องมันและเพื่อนร่วมที่คุมขังด้วยท่าทางงุนงงประลาดใจ ความคิดหนึ่งพลันแผ่ขยายในจิตใต

ในสายตาพวกมันข้าเป็นเพียงมดปลวก…

‘จางหยาง’ยืนขึ้นสาวเท้าไปด้านหน้าหลายก้าวและกล่าวกับผู้ชมด้วยเสียงอันดัง

“ทุกท่าน! ถัดจากนี้เป็นการแสดงพิเศษของวันนี้! ผู้ชนะเมื่อครู่หมาป่าวิบัติจะเผชิญกับกลุ่มนักโทษดุร้ายบ้าคลั่ง!”

ยามนี้มันก้มลงไปมองที่ลาน เมื่อมันมองเห็น’ผู้เฒ่าอู๋’กับ’ไป่หยุนเฟย’ที่เดินอยู่ด้านหลังของกลุ่ม ดวงตาของมันเป็นปรากฏร่องรอยชั่วช้าสาแก่ใจวูบหนึ่ง และยามมันมองเห็นก้อนอิฐในมือ’หยุนเฟย’ มันประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นมันจึงหัวเราะในลำคอและส่งสายตาเห็นชอบไปยังบริวารด้านข้าง

ภายในลานยามได้ยินเสียง’จางหยาง’ ‘ผู้เฒ่าอู๋’เป็นคนแรกที่หันไปมองหา มันจับจ้องไปยัง’จางหยาง’ที่อยู่ด้านบน ทั้งร่างของมันสั่นเทา ความเกลียดชังลึกล้ำถูกส่งออกมาจากดวงตามัน

‘ไป่หยุนเฟย’ก็จดจำจางหยางออก มันสัมผัสได้ถึงท่าทางเหยียดหยามและโหดเหี้ยมยามจางหยางมองดูมัน…

“เป็นมันจริงๆ… เพราะเหตุใด? เพียงเพราะข้าล่วงเกินคุณหนูนั้นวานนี้หรือ? แต่มันมีสิทธิ์อะไรมาตัดสินความเป็นความตายข้าง่ายดายเยี่ยงนี้? มันมีสิทธิ์อะไรมองข้าราวมดปลวกเยี่ยงนี้?”

‘ไป่หยุนเฟย’สัมผัสถึงความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายแผ่ขยายในจิตใจที่ใกล้จะไม่อาจข่มกลั้นและระเบิดออก ‘จางหยาง’ชี้นิ้วไปยังหมาป่าวิบัติและกล่าวกับผู้คนในลานกว้าง

“พวกเจ้าทั้งหมดล้วนเป็นนักโทษรอการประหารที่ข้าซื้อมาจากเรือนจำ โจรร้ายที่ปล้นชิง ฆ่าคนวางเพลิงทุกเมื่อเชื่อวันอย่างพวกเจ้าล้วนสมควรตาย แต่วันนี้ ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้ารอดชีวิต เพียงแค่ร่วมมือกันสู้กับมัน ใครก็ตามที่ยังยืนหยัดอยู่ได้ในเวลาครึ่งชั่วโมง ข้าจะปล่อยให้เป็นอิสระ!”

ทุกผู้คนล้วนเข้าใจที่มันกล่าว เหล่าผู้ชมล้วนกระซิบกระซาบชี้มือชี้ไม้ไปยังกลุ่มคนในลาน พวกมันกระทั่งยังแสดงท่าทาง ’ขบขัน’ บนใบหน้า

“พวกมันทั้งหมดล้วนเป็นนักโทษประหาร ผู้คนมากมายร่วมมือกัน ทั้งยังถืออาวุธในมือ หมาป่าวิบัตินั้นจะเอาชนะได้หรือไม่?”

“กลุ่มสิบกว่าคนด้านหน้าดูเหมือนจะเป็นนักโทษ แต่ดูสองคนด้านหลัง มิใช่ว่าพวกมันเป็นแค่คนชรากับเด็กหนุ่มเท่านั้นหรือ?”

“ฮ้า เจ้าดู เจ้าดู เด็กหนุ่มนั่นถืออะไรในมือ?”

“ก้อนอิฐ?”

“ก้อนอิฐ…ฮ่าฮ่า! ก้อนอิฐ!”

หลังจากผู้คนในลานได้ยินที่จางหยางกล่าว ความหวังลุกโชนในแววตาพวกมัน ที่สุดแล้วไม่มีผู้ใดอยากจะตายหากมีหนทางที่จะรักษาชีวิตไว้ ผู้คนสิบกว่าคนด้านหน้ารวมตัวกันและกระซิบบางอย่างแก่กัน

เห็นได้ชัดว่าหมาป่าวิบัติทราบถึง’การแสดง’นี้ล่วงหน้า มันยืนสงบกอดอกและกวาดตามองกลุ่มคนถืออาวุธเบื้องหน้าด้วยท่าทางปลอดโปร่ง ข้างเท้ามันเลือดยังคงหลั่งไหลออกจากศพของชายร่างใหญ่…

‘ผู้เฒ่าอู๋’ถอนสายตากลับมา หลังจับจ้องไปเบื้องหน้าเพียงชั่วครู่มันก็ฉุดดึง’ไป่หยุนเฟย’มาบอกกล่าวเสียงค่อย

“หยุนเฟยฟังข้า ไปซ่อนตัวด้านข้างหากชายผู้นั้นจู่โจมพวกเราจงวิ่งหนี อย่าได้ต่อสู้กับมัน พวกเราไม่อาจต่อต้านมัน ระยะเวลาเพียง 30 นาทีและลานนี้กว้างไม่น้อย หากเราพยายามหลบเลี่ยงอาจบางทีพวกเราจะมีโอกาสรอดชีวิต!”

‘จางหยาง’กลับมานั่งที่เก้าอี้และกล่าวออกมาพร้อมโบกมือ

“เริ่มได้!”

ยามได้ยินคำสั่งหมาป่าวิบัติส่งรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม มันยกเท้าก้าวช้าๆไปยังกลุ่มคนเบื้องหน้า พวกมันแต่ละคนกุมกระชับอาวุธหลากหลายชนิดในมือ นักโทษประหารทั้งสิบกว่าคนกระจายตัวออกเล็กน้อย พวกมันกริ่งเกรงอยู่บ้างกลับไม่มีผู้ใดกล้าลงมือก่อน

หมาป่าวิบัติเดินเข้าหาพวกมันช้าๆทีละก้าว เนื่องเพราะยามที่มันยืนอยู่อีกด้าน เท้าของมันดูเหมือนจะชุ่มไปด้วยเลือดที่หลั่งออกมาจากชายที่มันเพิ่งสังหารไป แต่ละก้าวของมันจึงที่รอยเท้าโชกเลือดไว้เบื้องหลัง อีกทั้งร่างมันก็เปรอะไปด้วยเลือด ดูราวปีศาจร้ายที่ขึ้นมาจากบ่อโลหิต ทุกย่างก้าวของมันราวกับเหยียบย่ำลงบนจิตใจของทุกคน

สุดท้ายนักโทษผู้หนึ่งไม่อาจทนรับความหวาดกลัวอีกต่อไป มันตะโกนก้องดั่งเสียงระเบิด

“มันบาดเจ็บจากการต่อสู่เมื่อครู่แล้ว ทุกคนมาร่วมมือกันสังหารมันแล้วพวกเราจะรอดชีวิต”

หลายสิ่งมักพลิกกลับตาลปัตรยามเมื่อถึงขีดสุด ความกลัวสุดขีดที่ปะทุขึ้นพลิกกลับเป็นความมุ่งมั่นที่จะมีชีวิต คนกลุ่มนี้พุ่งเข้าไปเกือบจะพร้อมกัน ดวงตาพวกมันแดงก่ำ ดูราวกับจะบ้าคลั่ง กวัดแกว่งอาวุธพุ่งตรงเข้าหาหมาป่าวิบัติ

ดวงตาหมาป่าวิบัติฉายแววเหยียดหยามวูบ มันยกมือขึ้นคว้าจับหอกยาวแล้วออกแรงเพียงเล็กน้อย ผู้ใช้หอกนั้นก็ไม่อาจต้านทานพลังมหาศาลที่แฝงมากับด้ามหอก ร่างมันจึงโอนเอนไปกระแทกถูกสองคนด้านข้าง

หมาป่าวิบัติเอนกายไปด้านข้างหลบเลี่ยงดาบสั้นที่ลอยเข้ามา จากนั้นมันยกเท้าถีบค้อนทองแดงอันใหญ่ลอยออกไป แล้วเอนตัวไปด้านหน้าฉวยโอกาสใช้หอกในมือกวาดฟาดส่งคนทั้งกลุ่มที่เหลือล้มลงทันที

คนทั้งกลุ่มถูกทุบตีจนสยบในชั่วพริบตา!

ที่เกิดขึ้นจากนั้นนับว่าเป็นการสังหารโหดเพียงข้างเดียว… หักคอด้วยลูกเตะ ขยี้ทรวงอกด้วยการกระทืบ ช่วงชิงดาบใหญ่มาอย่างปลอดโปร่งแล้วฟันเอวผู้คนสามคนขาดในคราเดียว…

เดิมทีผู้ชมเบื่อหน่ายอยู่บ้าง แต่เมื่อหมาป่าวิบัติสังหารผู้คนพวกมันพลันระเบิดเสียงกรีดร้องออกมานับไม่ถ้วน!  เพราะพวกมันคุ้นเคยกับการต่อสู้ที่ยาวนาน พลันได้ชมการสังหารโหดที่’ไหลลื่นและรื่นรมย์’ทำให้พวกมันเร้าใจและแปลกใหม่…

ภายใน 10 นาทีผู้คนกว่าสิบคนก็ถูกสังหารเกือบหมดสิ้น

อย่าว่าแต่ 30 นาที

คนที่เหลืออยู่โยนอาวุธทิ้งและหันหลังวิ่ง แต่วิ่งได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกจับตัวได้

ผู้ใดที่ถูกจับตัวได้ล้วนถูกสังหาร!

สุดท้ายก็ไม่มีผู้คนหลงเหลืออยู่รอบกายหมาป่าวิบัติอีก

มันจึงเงยหน้ามองหา’ผู้เฒ่าอู๋’และ’ไป่หยุนเฟย’

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments