I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Upgrade Specialist in Another World (异界之装备强化专家) ตอนที่ 13 ปะทะผู้ฝึกปรือวิญญาณคราแรก ความร้ายกาจของการอัพเกรด

| Upgrade Specialist in Another World (异界之装备强化专家) | 933 | 2366 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ม้ายี่สิบกว่าตัวห้อตะบึงออกจากป่าละเมาะ นำหน้าด้วยหัวหน้าหอแซ่จงที่ควบม้ามุ่งหน้าสู่หมู่บ้าน

หลังจากเลี้ยวโค้งออกมาพวกมันก็มองเห็นหมู่บ้านเล็กอยู่ไกลออกไปเบื้องหน้า นี่สมควรเป็นเวลาอาหารเช้าแต่กลับไร้ควันไฟลอยจากเตาในครัว อีกทั้ง’กองซากศพ’ที่เห็นเลือนรางอยู่ด้านหน้ายังทำให้ความสงบเงียบของหมู่บ้านแปลกพิกลไปบ้าง

หัวหน้าหอแซ่จงชูมือขึ้นและกล่าวกับพวกโจรด้านหลัง

“ชะลอม้าลง ระมัดระวังให้มากยามมุ่งหน้าไป อาจถูกซุ่ม…”

กระนั้นก่อนที่มันจะกล่าวจบเชือกเส้นหนาพลันโผล่ขึ้นจากพื้นขึงตึงขวางทางไว้ ม้าหลายตัวที่ห้อตะบึงไม่ทันมีปฏิกิริยาใดจึงปะทะล้มลง ส่งโจรบนหลังม้าร่วงสู่พื้น พวกโจรท้ายขบวนรั้งบังเหียนฉับพลัน แต่ยังคงมีโจรน่าเวทนาถูกม้าที่ยั้งไม่ทันเหยียบที่หน้าอก มันแค่นหายใจคราหนึ่งก็ไม่ขยับตัวอีก

ยามที่ม้าด้านหน้าล้มลง ปรากฏเงาร่างสองเงาพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วจากข้างถนนด้านซ้ายและขวาเข่นฆ่าเข้าไปยังกลุ่มคนที่สับสนวุ่นวาย

หัวหน้าหอแซ่จงตบอานกระโดดขึ้นทันทีที่ม้ามันล้มลง มันกลิ้งตัวหลายรอบสลายแรงกระชาก ทันทีที่มันหันไปมองรอบกายก็ได้ยินเสียงร่ำร้องอย่างน่าเวทนาจากด้านหลัง

มันเห็นคนสองคนพุ่งเข้าไปเข่นฆ่าอยู่ท่ามกลางกลุ่มโจรที่สับสนราวกับพยัคฆ์ท่ามกลางฝูงแกะ — สองคนที่พุ่งเข้าไปนี้เป็นไป่หยุนเฟยกับหลี่เฉิงเฟิงนั่นเอง

ด้วยมีดในมือทั้งสองข้าง ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ทั้งตัด ทั้งเฉือน ทั้งแทง ก่อนที่ผู้คนรอบกายมันจะตอบโต้ทันก็บาดเจ็บไปเกือบหมดสิ้น กระทั่งยังมีสองคนล้มลงขาดใจหลังจากถูกแทงเข้าที่อก

‘ไป่หยุนเฟย’ ใช้เพียงมือเปล่า แต่เสียงกระดูกหักดังออกมาทุกคราที่มันเตะต่อย เกือบทุกคนถูกมันทุบตีล้มลงล้วนไม่อาจคืบคลานขึ้นมาได้

หัวหน้าหอแซ่จงงุนงงไปวูบ แต่คนของมันก็ล้มลงไปห้าหกคนแล้ว!

ทั้งร่างมันสั่นระริก เบิ่งตาแทบฉีกขาด มันชูดาบใหญ่ในมือขึ้นและพุ่งเข้าไปพร้อมเสียงคำราม

เมื่อแลเห็นหัวหน้าหอแซ่จงพุ่งเข้ามา ดวงตา ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็ทอประกายมุ่งร้าย มันเบี่ยงกายไปด้านข้างหลบดาบที่เข้ามาแล้วคว้าจับโจรข้างกายโยนโดยแรงไปเบื้องหน้ากระแทกเข้ากลางกลุ่มโจรเพื่อเปิดช่อง จากนั้นกระโจนออกจากวงพุ่งเข้าหาหัวหน้าหอแซ่จง!

ยามที่เคลื่อนกายไปได้ไม่กี่ก้าว หัวหน้าหอแซ่จงก็เห็นคนผู้หนึ่งพุ่งเข้าหา มันแสยะยิ้มอำมหิตเงื้อดาบขึ้นหมายฟาดฟัน แต่คนผู้นั้นพลันกระโดดลอยขึ้นไปสิบกว่าฟุตกลางอากาศ ยามที่มันอยู่ในอากาศก็สะบัดมือขวา มิคาดดาบเล่มใหญ่ยาวหนึ่งเมตรก็ปรากฏขึ้นในชั่วพริบตา จากนั้นมันอาศัยสภาวะร่วงหล่นฟันดาบลงมาอย่างดุดัน!

“แหวนช่องมิติ? ผู้ฝึกปรือวิญญาณ!”

หัวหน้าหอแซ่จงหน้าแปรเปลี่ยนทันที มันยกดาบในขึ้นปะทะการจู่โจมของศัตรู

“เคร้ง!”

เสียงของโลหะปะทะกันดังกึกก้อง ไป่หยุนเฟยอาศัยสภาวะร่วงหล่นช่วงชิงความมีเปรียบจึงกระแทกคู่ต่อสู้ถอยไปหลายก้าว กระนั้นหลังจากทิ้งตัวลงพื้นมั่นคงมันกลับไม่ชิงจู่โจมก่อนเป็นคำรบสอง มันยังไม่มีประสบการณ์ต่อสู้มากพอ หากจู่โจมอย่างหุนหันรังแต่จะเผยจุดอ่อนแก่ศัตรู

“ระดับปลายด่านนวกะวิญญาณ! บัดซบ! ไฉนพวกเรามาเผชิญหน้าผู้ฝึกปรือวิญญาณในสถานที่เยี่ยงนี้ได้? มิหนำซ้ำยังเป็นผู้ฝึกปรือวิญญาณที่มีแหวนช่องมิติ!”

หัวหน้าหอแซ่จงล่าถอยไปหลายก้าวอย่างต่อเนื่อง มันเพียงรู้สึกแขนชาด้านและสั่นสะท้านภายในใจ ก่อนนี้มันคาดเดาว่าคู่ต่อสู้สมควรเป็นผู้ฝึกปรือวิญญาณระดับไล่เลี่ยกับมันซึ่งไม่เป็นที่น่าวิตก มิคาดคู่ต่อสู้มันกลับมีแหวนช่องมิติ! เป็นที่รู้กันว่าทั้งค่ายไม้ดำมีเพียงหัวหน้าค่ายที่ครอบครองแหวนช่องมิติ แม้แต่รองหัวหน้าค่ายยังไม่มีในครอบครอง!

มันก้มลงมองดาบใหญ่ในมืออีกคราและต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าการปะทะเมื่อครู่ทิ้งรอยบิ่นเอาไว้!

“บัดซบ! บัดซบ! มันเป็นใครกันแน่? ดาบใหญ่ของข้าเล่มนี้ทำจากวัตถุดิบชั้นยอด หรือดาบของมันจะเป็นวัตถุวิญญาณ? เป็นไปไม่ได้ หากเป็นวัตถุวิญญาณต้องไม่ทิ้งรอยบิ่นไว้เพียงเท่านี้ แต่ดาบนั้นต้องเหนือกว่าของข้าเป็นแน่!”

เสียงร้องคร่ำครวญที่ดังต่อเนื่องปลุกหัวหน้าหอแซ่จงจากความตื่นตะลึง มันเงยหน้าขึ้นก็เห็นกลุ่มโจรกว่าครึ่งถูกสยบล้มลง แม้ว่าแขนข้างหนึ่งของหลี่เฉิงเฟิงจะบาดเจ็บแต่ก็ไม่สาหัสเท่าใด มันอาศัยการเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วในการปัดป้องและหลบหลีกโดยไม่ได้ใช้วิทยายุทธ์ที่ร้ายกาจอันใด เพียงแค่หลบเลี่ยงการจู่โจมที่เข้ามาและสวนกลับด้วยมีดสั้นก็ล้มพวกโจรลงทีละคน

“มันก็เป็นผู้ฝึกปรือวิญญาณเช่นกัน! แย่แล้ว!”

หัวหน้าหอแซ่จงมีปฏิกิริยาทันใด มันพุ่งตรงเข้าหาไป่หยุนเฟยโดยปราศจากความลังเล

แผนการต่อสู้ของ ‘ไป่หยุนเฟย’ กลับเรียบง่ายยิ่ง กล่าวคือ ยามที่ศัตรูยังไม่ทันได้เตรียมตัวมันจะถ่วงหัวหน้าหอแซ่จงเอาไว้ ขณะที่ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ จัดการกับพวกโจรธรรมดา จากนั้นพวกมันจะร่วมมือกันเพื่อฆ่าหัวหน้าหอแซ่จง!

พวกโจรธรรมดามีทั้งสิ้น 22 คน เริ่มแรกพวกมันถูก ‘ไป่หยุนเฟย’ กับหลี่เฉิงเฟิงจัดการไป 6 คนทั้งยังมีบางคนเคราะห์ร้ายถูกม้าเหยียบ ยามที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ เข้าไปขัดขวางหัวหน้าหอจงก็เหลือพวกโจรอยู่เพียง 15 คน อาศัยความพยายามและความคับแค้นทั้งมวลของมัน  ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ยังรับมือพวกมันได้อย่างราบรื่น

อีกทั้งพวกโจรถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวและสหายพวกมันหลายคนล้มลงในทันใด ยิ่งทำให้พวกมันว้าวุ่น ความสูญเสียของผู้หนึ่งย่อมเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น ภายใต้สภาวะเช่นนี้หลี่เฉิงเฟิงจึงสามารถล้มพวกโจรทั้งหมดลงได้ภายในเวลาเพียงสิบกว่านาที

เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าหอแซ่จงนั้นทราบสถานการณ์แล้ว มันไม่กล้าชักช้ารีบจู่โจมสุดกำลัง แต่ ‘ไป่หยุนเฟย’        ก็เพียงต้านรับไว้ มันอาศัยความคมกล้าของดาบในมือเข้าปะทะซึ่งหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่นานดาบของหัวหน้าหอแซ่จงก็เต็มไปด้วยรอยบิ่นราวกับฟันเลื่อย

‘ไป่หยุนเฟย’ ยกดาบขึ้นปัดป้องดาบหัวหน้าหอแซ่จงอีกครา ทันใดมันรู้สึกถึงพลังกล้าแข็งพุ่งกระแทกช่องท้อง เป็นหัวหน้าหอแซ่จงถีบมันเท้าหนึ่ง ที่แท้มันยังคงด้อยประสบการณ์ เพียงมุ่งความสนใจปัดป้องอาวุธของคู่ต่อสู้ละเลยการป้องกันร่างกายส่วนล่าง สุดท้ายก็ถูกถีบกระเด็นออกไปหลายก้าว

ก่อนที่มันจะตั้งหลักได้ก็รู้สึกถึงบางอย่างด้านหลัง จึงหันไปพบเห็นโจรผู้หนึ่งลอบออกจากกลุ่มที่ต่อสู้กับ       ‘หลี่เฉิงเฟิง’  เข้ามาที่ด้านหลังของมันแล้วตวัดดาบฟันลง

มันเพิ่งเรียนรู้จากหัวหน้าหอแซ่จงจึงยกดาบต้านรับและยกเท้าขึ้นถีบโจรนั้นกระเด็นออกไปทาง ‘หลี่เฉิงเฟิง’ และถูกมีดสั้นแทงทะลุอกอย่างอำมหิต

ยามยกเท้าขึ้น ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็ลอบตั้งเกร็งกำลังรอรับการโจมตีอีกระลอก เพราะก่อนที่จะหันกายไปหางตามันแลเห็นประกายดาบที่ฟันมายังเอวด้านขวา

เนื่องเพราะไม่อาจใช้ดาบต้านรับได้ทัน มันจึงทำได้เพียงเอนกายไปด้านซ้ายหลบดาบนี้ไปเส้นยาแดงผ่าแปดพร้อมกระโดดขึ้นในทันใด กระนั้นขณะที่มันยังไม่ทันหลบเลี่ยงอีกคราก็รู้สึกเจ็บปวดแสบร้อนที่เอว ‘ไป่หยุนเฟย’ รีบเคลื่อนกายห่างออกมาสองเมตรแล้วหันกายมาเผชิญหน้ากับหัวหน้าหอแซ่จงพลางยื่นมือลูบคลำเอวของมัน จึงสัมผัสถูกความเย็นเฉียบแต่ก็ปราศจากบาดแผลใด

หัวหน้าหอแซ่จงมองสีหน้ายินดีของ ‘ไป่หยุนเฟย’ อย่างุนงง ด้วยดาบที่ฟันถูกหว่างเอวนี้สมควรแยกร่างมันออกเป็นสองส่วน ทว่า… นอกจากเจ็บปวดอยู่บ้างมันยังไม่หลั่งเลือดแม้แต่หยดเดียว!

เสื้อของ ‘ไป่หยุนเฟย’ ถูกฟันเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ที่ข้างเอว เผยให้เห็นเกราะสีเทาที่สวมไว้ใต้เสื้อผ้า บนเกราะนั้นปรากฏร่องรอยสีขาวจากการถูกฟันด้วยดาบเมื่อครู่

‘ไป่หยุนเฟย’ ลูบคลำเกราะอ่อนบนร่างด้วยท่าทีตื่นเต้นยินดี

“ไม่คิดว่าพลังป้องกันของเกราะอ่อนระดับ +10 จะสูงถึงเพียงนี้ ช่างอันตรายนักข้าแทบถูกฟันขาดเป็นสองท่อน…”

(คุณสมบัติของเกราะอ่อน)

“ระดับไอเทม: ธรรมดา”

“ระดับการอัพเกรด: +10”

“พลังป้องกัน: 31”

“พลังป้องกันเพิ่มเติม: 43”

“ผลกระทบเพิ่มเติมระดับ +10 : เมื่อถูกจู่โจม มีโอกาส2% ที่จะสะท้อนการโจมตีบางส่วนกลับไป”

“เป็นไปได้อย่างไร?… เป็นไปได้อย่างไร?! หรือเกราะอ่อนนั้นจะเป็นวัตถุวิญญาณ? มันเป็นผู้ใดกันแน่?!”

ขณะที่คำรามในใจหัวหน้าหอแซ่จงก็พุ่งเข้ามาอีกครา

หลังจากทราบพลังป้องกันของเกราะอ่อนแล้ว  ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็คลายความระวัง ขอเพียงการจู่โจมมุ่งเป้าที่ลำตัว มันแค่ฝืนรับความเจ็บปวดบ้างก็จะสวนดาบใส่คู่ต่อสู้ได้

แม้หัวหน้าหอแซ่จงจะสวมใส่เกราะอ่อนที่ต้านทานอาวุธธรรมดาได้เช่นกัน แต่ก็ราวกับเป็นเศษกระดาษเมื่ออยู่ต่อหน้าอาวุธ ‘ไป่หยุนเฟย’  หว่างเอวมันก็ถูกดาบฟันเข้าใส่แต่กลับไม่โชคดีเช่น ‘ไป่หยุนเฟย’  มันถูกฟันเป็นแผลยาวเลือดทะลักออกมาไม่หยุด

เมื่อเผชิญดาบที่ฟันขวางเข้ามา  ‘ไป่หยุนเฟย’ หมุนตัวใช้หลังเข้าปะทะอย่างหักโหม กระนั้นยามที่ดาบกระทบถูกมันกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดร้อนลวกเช่นก่อนหน้า กลับกันมันเพียงต้องสืบเท้าไปเบื้องหน้าเพื่อสลายแรงกระแทกจากนั้นรู้สึกว่าพลังวิญญาณพลันถูกสูบออกไปเล็กน้อยราวกับถูกเกราะอ่อนซึมซับเอาไว้

ขณะที่ดาบใหญ่ฟันถูกแผ่นหลัง ‘ไป่หยุนเฟย’  หัวหน้าหอแซ่จงพลันรู้สึกถึงแรงสะท้อนอันหนักหน่วง ง่ามมือมันฉีกขาดจนแทบกุมดาบไว้ไม่อยู่ มันรีบล่าถอยด้วยความตระหนก เมื่อมองฝ่ามือที่เลือดทะลักออกมาไม่หยุดก็ตะลึงงันไปชั่วขณะ

ผลกระทบเพิ่มเติมของเกราะอ่อน: สะท้อนความเสียหาย!

ชั่วพริบตา ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น มันย่อมไม่ยินยอมปล่อยโอกาสอันดีนี้ผ่านไปจึงหมุนกายตวัดดาบใหญ่ในมือใส่หว่างเอวคู่ต่อสู้ หัวหน้าหอแซ่จงหวาดกลัวยิ่งรีบยกดาบขึ้นต้านรับ แม้ว่าจะรับดาบนี้ไว้ได้แต่ดาบในมือก็หลุดกระเด็นเพราะไม่อาจกุมดาบมั่น

หัวหน้าหอแซ่จงถอยกายต่อเนื่องอย่างแตกตื่น ยามที่ถอยห่างไปสิบกว่าเมตรก็มอง ‘ไป่หยุนเฟย’ อย่างหวาดกลัว

‘ไป่หยุนเฟย’ ก็ไม่ไล่ตามไปรุกจู่โจม เพราะมันมองเห็นการต่อสู้ด้านหลังสิ้นสุดแล้ว โจรทั้ง 22 คนล้วนไม่อาจยืนหยัดอยู่ได้ อีกทั้งส่วนมากก็ทอดร่างเป็นศพ ที่เหลืออยู่ก็ร้องคร่ำครวญอยู่บนพื้นไม่อาจต่อสู้ได้อีก

ปรากฏรอยแผลมากมายบนแขนขาของ ‘หลี่เฉิงเฟิง’  แต่โชคดีที่ลำตัวมันยังคงปราศจากบาดแผล ภายใต้เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งเผยให้เห็นเกราะอ่อนสีเทา แม้จะเป็นเพียงเครื่องป้องกันระดับ +9 ทั้งยังไม่มีผลเพิ่มเติม ก็ยังเพียงพอที่จะป้องกันการจู่โจมของโจรธรรมดาได้

‘หลี่เฉิงเฟิง’ ไม่ได้เร่งร้อนจัดการพวกโจรที่ยังมีชีวิตอยู่ มันกลับชูมีดสั้นที่มีเลือดหยาดหยดทั้งคู่ขึ้นและเดินไปข้างกาย ‘ไป่หยุนเฟย’ ทีละก้าว ทั้งร่างมันชุ่มโชกไปด้วยเลือด — ซึ่งส่วนมากเป็นของพวกโจร ดวงตาที่แดงฉานด้วยสายเลือดของมันสาดประกายความเกลียดชังจ้องเขม็งไปยังหัวหน้าหอแซ่จง แม้หัวหน้าหอแซ่จงจะฆ่าคนมานับไม่ถ้วนยังใจสั่นสะท้านไม่กล้าสบตากับมัน

หัวหน้าหอแซ่จงสูดลมหายใจลึกๆและสงบใจลง มันไม่กล้าละสายตาจาก ‘ไป่หยุนเฟย’ และ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ แม้เพียงชั่วครู่ เพราะมันเกรงจะถูกทั้งคู่จู่โจมกะทันหัน มือขวามันดึงกล่องไม้แคบยาวออกมาจากอกเสื้อ จากนั้นเปิดเอาอาวุธสีครามที่ดูเหมือนตะปูน้ำแข็งออกมา

“แม้ข้ายังไม่คู่ควรใช้อาวุธเช่นนี้ แต่มันเป็นถึงวัตถุวิญญาณ สมควรทะลวงเกราะอ่อนนั้นได้ มาถึงขั้นนี้ข้าไม่มีทางเลือกอีกแล้วได้แต่ทุ่มเททุกสิ่งออกไป!”

‘ไป่หยุนเฟย’ ไม่จู่โจมเข้าไปทันทีเพราะมันต้องการให้ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ได้ฟื้นฟูสักครู่ ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันพวกมันล้วนมีเปรียบทุกด้าน ตราบที่พวกมันไม่ประมาทย่อมสามารถคว้าชัยได้

ยามนี้ฝ่ายตรงข้ามหยิบอาวุธที่ดูเหมือนตะปูน้ำแข็งขนาดเท่ามีดสั้นออกมา ดูจากท่าทางของมัน ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็ทราบว่านั่นไม่ใช่อาวุธธรรมดา เมื่อเห็นมันพุ่งเข้ามาจึงหันไปกล่าวกับ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ด้านข้าง

“ระวังอาวุธของมัน ข้าจะเข้าไปพัวพันมันไว้ เจ้าหาโอกาสเข้าจู่โจม!”

ขณะเผชิญหน้ากับหัวหน้าหอแซ่จงที่พุ่งเข้ามา  ‘ไป่หยุนเฟย’ ฟันดาบลงอย่างมุ่งหมาย มิคาดศัตรูกลับขวางหนามธารน้ำแข็งขนานพื้น อาศัยหนามที่สั้นเล็กเข้าต้านรับ มิหนำซ้ำยามที่ปะทะกันคมดาบกลับปรากฏรอยบิ่นขึ้น!

หลังจากปัดป้อง ‘ไป่หยุนเฟย’ ได้ หัวหน้าหอจงก็ใช้กลยุทธ์เดิม มันยกเท้าขึ้นถีบ จะให้ไป่หยุนเฟยตกหลุมพรางเดิมอีกคราได้อย่างไร? มันก็ถีบเท้าออกเช่นกัน หลังจากเท้าสองข้างปะทะกัน มันทั้งคู่ก็ถอยกายไปคนละครึ่งก้าว

กระนั้นหัวหน้าหอจงกลับปฏิกิริยาว่องไวกว่า ‘ไป่หยุนเฟย’  หลังจากทรงตัวได้มันก็สืบเท้าไปเบื้องหน้าจากนั้นยกหนามธารน้ำแข็งในมือทะลวงเข้าหาหัวใจของ ‘ไป่หยุนเฟย’ !

‘ไป่หยุนเฟย’ แตกตื่นยิ่ง มันไม่กล้าใช้เกราะอ่อนบนร่างเข้ารับการจู่โจมนี้โดยตรง จึงขวางดาบในมือปิดบังทรวงอกอย่างเร่งร้อน จากนั้นได้ยินเสียงปะทะชนดังเบาๆและ ‘ไป่หยุนเฟย’ ล่าถอยออกไปหลายก้าวไม่หยุดยั้ง

ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามจะไล่ตามไปจู่โจม ‘ไป่หยุนเฟย’  สีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยนและหันกายกลับ มันยกหนามธารน้ำแข็งขึ้นปัดป้องมีดสั้นที่แทงเข้ามาอย่างลอบเร้น ทว่ามันยังคงรู้สึกเจ็บปวดที่แขน แม้มันจะสกัดมีดได้เล่มหนึ่งแต่กลับเหลือมีดอีกเล่มที่มันไม่อาจปัดป้อง

เป็น ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ฉวยโอกาสทิ้งบาดแผลไว้บนแขนของศัตรูก่อนที่จะถูกถีบกระเด็นออกไป

‘ไป่หยุนเฟย’ ทรงกายได้จึงก้มศีรษะลงมอง มันหลั่งเหงื่อเย็นเยียบทันทีที่ได้เห็นกลางตัวดาบถูกทะลวงเป็นรูเล็กกลมทะลุทั้งสองด้าน แม้แต่เกราะอ่อนที่ปกป้องทรวงอกมันยังถูกทะลวงลึกกว่าครึ่ง! มิหนำซ้ำยังรู้สึกเย็นเยียบบริเวณรอยถูกทะลวงที่ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดน้ำแข็งราวกับถูกแช่แข็ง

“นี่เป็นอาวุธอะไร?!”

‘ไป่หยุนเฟย’ สั่นระริกด้วยความกลัวยามที่มองอาวุธในมือหัวหน้าหอแซ่จง มันรู้สึกเพียงเย็นยะเยือกจับใจ         มิคาดแลเห็นหัวหน้าหอแซ่จงเริ่มรุกไล่หลี่เฉิงเฟิง มันก็ตระหนกยิ่ง รีบสงบใจพุ่งเข้าไปพร้อมเงื้ออาวุธขึ้น

เนื่องเพราะหนามธารน้ำแข็งในมือหัวหน้าหอแซ่จงทรงพลังเกินไป ‘ไป่หยุนเฟย’ และ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ล้วน           หวาดหวั่นทั้งยามรับและยามรุก แต่หัวหน้าหอผู้นี้ก็หวาดหวั่นอาวุธในมือศัตรูทั้งคู่ของมันเช่นกัน พวกมันทั้งสามคนจึงต่อสู้อย่างลำบากกินแรง

เพียงไม่นานร่างกายพวกมันก็ปรากฏรอยแผลเกลื่อนกลาด

‘ไป่หยุนเฟย’ รู้สึกหนาวเย็นบริเวณที่ถูกคู่ต่อสู้ทิ่มแทงตามร่างกาย ราวกับมวลอากาศที่หนาวเหน็บวิ่งพล่านในร่างกาย ทั้งกำลังและความเร็วของมันลดทอนลงไม่น้อย เช่นเดียวกับ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน

กระนั้นสถานการณ์ของหัวหน้าหอแซ่จงก็ไม่ดีกว่ากันเท่าใด ปรากฏบาดแผลเกลื่อนกลาดทั่วร่างมันซึ่งส่วนใหญ่เป็นแผลถูก ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ใช้มีดเฉือน มิหนำซ้ำแผลเหล่านี้กลับมีเลือดหลั่งไหลไม่หยุดอีกทั้งยังฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า — จะเป็นอะไรหากไม่ใช่เพราะผลกระทบเพิ่มเติมของมีดสั้นหนึ่งในสองเล่ม

“ชะลอการฟื้นตัวของบาดแผลที่เกิดจากอาวุธนี้”

หัวหน้าหอแซ่จงกระวนกระวายใจยิ่ง หากเป็นเช่นต่อไปสุดท้ายมันคงต้องหลั่งเลือดจนตาย!!

ยามที่เร่งร้อนมันก็ทำผิดพลาด หลังจากบีบบังคับ ‘ไป่หยุนเฟย’ ล่าถอยอีกครา แต่เพราะมันไม่มีเวลาพอจะหลบเลี่ยงจึงถูกมีดสั้น ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ทะลวงหัวไหล่อีกแผล และยามที่ถูกมีดสั้นทะลวงมันก็พลันสั่นระริกไปทั้งร่าง ความรู้สึกประหลาดพิกลปรากฏบนร่างมันแต่ก็ไม่อาจบอกกล่าวได้ชัดเจนว่าคืออะไร

ยามที่มันแทงกลับหลังไปยัง ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ที่อยู่ด้านข้าง ศัตรูเพิ่งจะหลบการจู่โจมของมันไปได้ ในที่สุดมันก็พบปัญหา: ศัตรูไม่สมควรหลบหลีกท่าจู่โจมของมันได้อย่างแน่นอน แต่มิคาดกลับถูกหลบหลีกได้ เนื่องเพราะ — ตัวมันเองเชื่องช้าลง!

ตามปกติ ด้วยประสบการณ์ของมันท่านี้สมควรจู่โจมถูกไปแล้ว ที่แท้ร่างกายมันกลับเชื่องช้าลงไม่น้อย!            นี่เป็นความรู้สึกขัดแย้งอันผิดปกติที่มันไม่เคยประสบมาก่อน จึงรู้สึกมือไม้ปั่นป่วนอยู่บ้าง

ดวงตา ‘ไป่หยุนเฟย’ ทอประกายหลักแหลม เพียงไม่กี่วินาทีมันก็ยืนยันได้ว่าบังเกิดผลเพิ่มเติมของมีดอีกเล่มแล้ว

“เมื่อจู่โจมมีโอกาส 2% ที่จะทำให้เป้าหมายเชื่องช้าลงเป็นเวลา 10 วินาที”

การกระตุ้นสัมฤทธิ์ผล! ‘ไป่หยุนเฟย’ ย่อมไม่ปล่อยโอกาสอันหายากยิ่งนี้ผ่านไป มันคำรามเตือนให้ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ มุ่งจู่โจม จากนั้นกวัดแกว่งดาบใหญ่เข้าโจมตีศัตรูอย่างบ้าคลั่ง

‘ไป่หยุนเฟย’ ฟาดฟันครั้งแล้วครั้งเล่าไม่หยุดยั้งด้วย หัวหน้าหอแซ่จงงงงันสุดขีด มันไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วเกิดอันใดขึ้นกับร่างกายมัน ความเร็วที่ลดลงทำให้มันไม่อาจจู่โจมโต้ตอบจึงทำได้เพียงปัดป้องการโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าของ ‘ไป่หยุนเฟย’ อย่างน่าเวทนา

ทันใดยามที่มันใช้หนามสั้นปัดป้องดาบที่ฟันเข้ามาก็รู้สึกถึงพลังมหาศาลที่ส่งมากับดาบ เป็นพลังที่ไม่อาจต้านทานได้ส่งมันก้าวถอยหลังอย่างหนักหน่วงไปสามก้าว กระทั่งร่างมันยังเสียสมดุลต้องเอนไปด้านหลัง

เมื่อไป่หยุนเฟยรู้สึกถึงกระแสพลังวิญญาณที่พุ่งเข้าสู่ดาบใหญ่ในมือ ก็รับรู้ได้ทันทีว่ากระตุ้นผลกระทบเพิ่มเติมสำเร็จแล้ว! (คุณสมบัติของดาบใหญ่)

“ระดับไอเทม: ธรรมดา”

“ระดับการอัพเกรด: +10”

“สร้างความเสียหาย: 33”

“สร้างความเสียหายเพิ่มเติม: 39”

“ผลเพิ่มเติมระดับ +10 : เมื่อจู่โจมมีโอกาส 3% ที่จะทำกระแทกเป้าหมายถอยหลัง”

“ถึงเวลาแล้ว!!!”

ยามที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ ตะโกนก้อง ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ก็พุ่งเข้ามาถึงเบื้องหน้าหัวหน้าหอแซ่จงแล้ว มันยกมีดสั้นทั้งคู่ขึ้นจ้วงแทงไปยังทรวงอกของศัตรูมัน

จนทะลุหัวใจ!

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments