I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Upgrade Specialist in Another World (异界之装备强化专家) ตอนที่ 22 ล้มล้างค่ายไม้ดำและการกลับสู่เมือง

| Upgrade Specialist in Another World (异界之装备强化专家) | 871 | 2358 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ชั่วขณะที่ ‘หานเซียว’ หมายจะสะบัดมือคราสุดท้ายเพื่อซัดมีดบินสังหารออกไปเอาชีวิตศัตรู สีหน้ามันพลัน   แปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง มันกลับไม่ทันได้จู่โจมแล้ว!

‘ไป่หยุนเฟย’ ที่ดูเหมือนจะเสียหลักกลับบิดพลิกร่างด้วยท่าทางประหลาด ราวกับไม่ได้มีความคิดที่จะหลบหลีกแต่แรก มือขวามันกวัดแกว่งวูบ ประกายแสงสีครามพุ่งวาบราวสายฟ้าพุ่งตรงไปยังคอหอยศัตรู!

รวดเร็ว รวดเร็วยิ่ง! รวดเร็วจน ‘หานเซียว’ ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ทัน ยามที่มันบังเกิดความคิดหลบเลี่ยงประกาย   สีครามก็พุ่งมาถึง!เมื่อถึงยามคับขันเป็นตาย เคราะห์ดีที่ ‘หานเซียว’ มีปฏิกิริยาอันรวดเร็วจึงสามารถเคลื่อนกายไปด้านซ้าย 3 เซนติเมตร

จากนั้นมันก็รู้สึกเย็นยะเยือกที่แขนขวา แม้จะป้องกันไม่ให้คอหอยถูกทะลวงแต่ก็ยังไม่อาจหลีกเลี่ยงรูกลวงที่ทิ้งไว้บนไหล่ขวาได้!

กระนั้นรูโหว่บนไหล่ขวานี้กลับหลั่งเลือดไม่มาก ปากแผลราวกับถูกแช่แข็งเอาไว้ ชั่วพริบตาความเย็นยะเยือกก็แผ่ซ่านไปทั้งร่างจนหานเซียวแทบสั่นสะท้าน ยามนี้มันไม่อาจรู้สึกถึงไหล่ขวาและแขนขวาได้อีกขณะมองดูรูบนหัวไหล่ดวงตาหานเซียวก็เปี่ยมด้วยความหวาดกลัวล้ำลึก แต่ทันทีที่มันเงยหน้าขึ้นก็รู้สึกถึงคลื่นความร้อนพุ่งเข้ามาปะทะใบหน้า ประกายแสงสีแดงฉานสาดส่องทั่วคลองจักษุหานเซียว มันหวังจะเคลื่อนกายหลบเลี่ยงทว่าร่างมันกลับแข็งทื่อจึงสายเกินกว่าจะหลบหลีกได้!

“ฉึก!”

ปลายทวนแทงทะลุออกจากท้ายทอย หลังจากถูกชโลมเลือดประกายแสงสีแดงฉานที่เปล่งออกมาก็ยิ่งให้ความรู้สึกน่าหวาดหวั่น ‘ไป่หยุนเฟย’ ชักทวนกลับปล่อยให้ร่างศัตรูมันล้มไปด้านหลัง เลือดก็ฉีดพุ่งออกจากคอราวน้ำพุ กระเซ็นไปทั่วบริเวณหัวหน้าแห่งค่ายไม้ดำ ผู้ฝึกปรือวิญญาณที่บรรลุด่านวีรชนวิญญาณกลับตายอย่างง่ายดายเช่นนี้!

หลังจากลงมือประสบผล ‘ไป่หยุนเฟย’ พลันส่ายโงนเงนถอยหลังอย่างต่อเนื่อง ราวกับมันเสื่อมสิ้นเรี่ยวแรงทั้งมวล สุดท้ายมันก็ไม่อาจประคองตัวและล้มลงนั่งกับพื้นเอนหลังพิงกำแพงหอบหายใจ

“เคราะห์ดี… หนามธารน้ำแข็งไม่สร้างความผิดหวังแก่ข้าหลังจากใช้พลังวิญญาณเฮือกสุดท้ายซัดออก ไม่เช่นนั้นข้าคงตายไปแล้ว ต่อไปข้าไม่อาจต่อสู้อย่างหุนหันอีกเพราะข้าคงไม่โชคดีเช่นนี้ทุกครา…”

เมื่อเห็น ‘หานเซียว’ ขาดใจตาย ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็ระบายลมหายใจโล่งอกและสงบใจที่เต้นระทึกลง จากนั้นเริ่มต้นฟื้นฟูพลังวิญญาณและกำลังกายที่สูญสิ้นไป   การต่อสู้ครานี้เกินความคาดหมายมันไปบ้าง อีกทั้งมิคาดว่าจะสามารถสังหารผู้ฝึกปรือวิญญาณสองคนที่ไม่ด้อยกว่ามันแม้แต่น้อย —

ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณสิ่งของที่ได้รับการอัพเกรดทั้งหลาย โดยเฉพาะหนามธารน้ำแข็งอันทรงพลังที่มีส่วนช่วยให้มันเอาชนะในยามตัดสินเป็นตายได้ที่จริง ‘หานเซียว’ ไม่สมควรพ่ายแพ้ง่ายดายและรวดเร็วเช่นนี้ สำหรับผู้บรรลุด่านปัจเจกวิญญาณโดยทั่วไปย่อมไม่อาจต้านทานผู้บรรลุด่านวีรชนวิญญาณได้ เนื่องเพราะนอกเหนือจากควบคุมผิวหนังกล้ามเนื้อและควบคุมโลหิตกระดูกแล้ว ด่านวีรชนวิญญาณยังเรียนรู้การควบคุมร่างกายระดับที่สามควบคุมจุดชีพจร!

จุดชีพจรนับเป็นสิ่งลึกลับในร่างกาย เป็นสิ่งที่ไม่อาจจับต้องได้ดังเช่นผิวหนัง กล้ามเนื้อ กระดูกและโลหิต ทว่ากลับมีอยู่จริง แม้จะเล็กละเอียดแต่จุดชีพจรเหล่านี้กลับเก็บกักพลังอันสุดหยั่งไว้ไม่มีผู้ใดทราบว่ามีจุดชีพจรทั้งหมดเท่าใดในร่างกายมนุษย์

แม้จะมีจุดชีพจรหลากหลายถูกค้นพบแต่ยังคงมีอีกไม่น้อยที่ไม่มีผู้ใดทราบประโยชน์ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหลายที่ฝึกฝนร่างกายโดยอาศัยพลังจากภายนอกก็ยึดถือจุดชีพจรบนร่างมนุษย์เป็นเป้าจู่โจมก่อให้เกิดผลอันเกินคาด

นอกจากนี้ทางการแพทย์ยังมีการรักษาหลายอย่างที่ใช้การฝังเข็มลงบนจุดชีพจร คนเหล่านี้เพียงกระตุ้นจุดชีพจรด้วยพลังจากภายนอกเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ต่างๆ แต่ทว่าผู้ฝึกปรือวิญญาณกลับสามารถควบคุมจุดชีพจรเหล่านี้ได้!

พลังวิญญาณและความชำนาญในการควบคุมร่างของผู้ฝึกปรือวิญญาณที่พัฒนาขึ้น หลังจากบรรลุถึงด่านวีรชนวิญญาณจะสามารถสัมผัสการคงอยู่ของจุดชีพจรทั้งหลายในร่าง การจะรับรู้ถึงจุดชีพจรเหล่านี้ได้มากเท่าใดล้วนขึ้นอยู่กับพรสวรรค์และวาสนา

นอกจากจุดชีพจรทั่วไปแล้ว ยังมีจุดชีพจรที่ต้องใช้เคล็ดวิชาเฉพาะในการฝึกปรือให้ทรงพลังและเปี่ยมประสิทธิภาพ หากแต่เคล็ดวิชาเหล่านี้เป็นทักษะวิญญาณอันร้ายกาจจึงหาได้ยากยิ่ง ผู้ฝึกปรือวิญญาณทั่วไปย่อมไม่อาจครอบครองได้พลังวิญญาณของ ‘หานเซียว’ บรรลุถึงด่านวีรชนวิญญาณระดับกลาง

ทว่าความชำนาญในจุดชีพจรทั้งหลายกลับต่ำต้อย ไม่เช่นนั้นมันคงไม่ถูกส่งออกจากสำนักให้มายึดครองภูเขาและกลับกลายเป็นโจรเยี่ยงนี้ แม้กระทั่งยามนี้มันเพียงสามารถควบคุมจุดชีพจรพื้นฐานบนแขนขาได้เพียงไม่กี่จุด

ถึงอย่างนั้นพลังและความเร็วที่มันปลดปล่อยออกมาก็ไม่ใช่ผู้บรรลุด่านปัจเจกวิญญาณจะเทียบได้กระนั้นมันกลับต่อสู้กันคนที่ไม่สมควร ในสถานที่ไม่สมควร ยามที่ไม่สมควร ด้วยวิธีการต่อสู้ที่ไม่สมควร!

ยามที่ ‘หานเซียว’ เตรียมออกสอดแนมตามแผน  ‘ไป่หยุนเฟย’ และ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ กลับชิงลงมือจู่โจมก่อน เพียงเริ่มต้นก็ทำให้จิตใจมันก็ว้าวุ่น จากนั้นยิ่งได้เห็น ‘หยางเทียน’ ถูกฆ่าต่อหน้ายิ่งทำให้มันขวัญกระเจิงอีกทั้ง เดิมทีมันก็หวาดเกรงทวนในมือ ‘ไป่หยุนเฟย’ อยู่แล้วจึงไม่กล้าทุ่มเทกำลังโหมจู่โจม

หลังจากหยั่งเชิงคู่ต่อสู้มันก็ตัดสินใจใช้มีดบินที่มันช่ำชอง หวังจะพิชิตคู่ต่อสู้จากระยะไกลแต่มันไม่คาดคิดว่า ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็มีวิชามีดบินไม่ต่ำทราม!

หลังจากพวกมันทั้งคู่ซัดมีดไปมาชั่วขณะ ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็เริ่มเสียเปรียบ ที่เลวร้ายคือแทบถูกเอาชีวิตไป ทว่า ‘ไป่หยุนเฟย’ กลับมีไพ่ตายเก็บไว้!

นั่นคือหนามธารน้ำแข็ง! ด้วยผลเพิ่มเติมอันร้ายกาจทรงพลังก็แทบทำให้หมดหน้าที่ดั้งเดิมคือการทิ่มแทง       ‘ไป่หยุนเฟย’ จึงใช้มันต่างกระสุนหรือมีดบิน ตลอดระยะเวลาที่มันต่อสู้ศัตรูมาหลายคราหนามธารน้ำแข็งนี้มีบทบาทมากกว่าทวนเปลวอัคคีด้วยซ้ำ!

ครานี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น!

เสียงร้องโหยหวนจากพวกโจรดังจากด้านนอกเป็นระยะ การต่อสู้ของ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ยังคงดำเนินอยู่                  ‘ไป่หยุนเฟย’ เพียงฟื้นฟูพลังวิญญาณได้บางส่วนก็ลุกขึ้นและร่วมต่อสู้…การต่อสู้ครานี้นับว่าได้ชัยอย่างหมดจด!

นับแต่นี้ค่ายไม้ดำจะถูกลบชื่อไปจากแผ่นดิน!

หลังการต่อสู้ในค่ายไม้ดำ  ‘ไป่หยุนเฟย’ และ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ใช้เวลาสองวันสะสางสตรีที่ถูกคร่ากุมมา พวกมันมอบทรัพย์สินทั้งหมดในค่ายแก่เหล่าสตรีให้พวกนางนำกลับไปยังหมู่บ้านทั้งหลายที่ถูกพวกโจรปล้นชิงห้าวันต่อมาทั้งคู่ก็กลับถึงหมู่บ้านที่ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ อาศัย

ระหว่างทางกลับ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ราวกับปลดเปลื้องภาระออกหมดสิ้น เพียงเฝ้าคะนึงหา ‘หลิงเอ๋อร์’ ทั้งวันวาดฝันถึงการแต่งงานที่จะจัดหลังจากมันกลับถึงหมู่บ้าน  ‘หลี่เฉิงเฟิง’ รักษาคำมั่นของมัน สองวันหลังจากกลับถึงหมู่บ้านก็จัดพิธีวิวาห์อย่างเอิกเกริกพร้อมด้วยงานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่ ทั้งหมู่บ้านล้วนร่วมยินดีทั้งงานเต็มไปด้วยการหยอกล้อและเสียงหัวเราะ

วันต่อมา ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็กล่าวอำลาทุกคน เตรียมตัวกลับสู่เมืองลั่วซีที่หน้าหมู่บ้าน ‘ไป่หยุนเฟย’ มองท่าทีลังเลของ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ จึงกล่าวอย่างยิ้มแย้ม

“มีอันใด? จะกล่าวอันใดก็รีบกล่าว เจ้าออกเรือนแล้วอย่าได้พิรี้พิไรมากความ”

“เอ่อ… ฮ่า ฮ่า  ‘หยุนเฟย’  เจ้าไฉนไม่อยู่ต่ออีกสักหลายวัน? ไม่ช้าข้าจะบรรลุด่านปัจเจกวิญญาณแต่เจ้ายังไม่ได้มอบม้วนคัมภีร์เคล็ดวิชาแก่ข้า หากเจ้าไปข้าย่อมไม่อาจฝึกฝนต่อไปได้”

หลังจากลังเลอยู่ครึ่งค่อนวัน  ‘หลี่เฉิงเฟิง’ จึงกล่าวด้วยท่าทีลำบากใจอยู่บ้าง ‘ไป่หยุนเฟย’ ยังคงกล่าวอย่าง  ยิ้มแย้ม

“ที่เจ้าจะกล่าวไม่ใช่เรื่องนี้กระมัง? ฮ่า ฮ่า อย่าได้กังวล ข้าเพียงกลับไปสะสางสิ่งที่ยังคั่งค้างอยู่ อย่าได้คิดจะร่วมทางไปช่วยเหลือข้า เพียงอยู่ข้างกายหลิงเอ๋อร์ที่น่ารักก็พอ เจ้าต้องดูแลนางให้ดี หลังจากข้าสะสางเรื่องราวเสร็จจะออกพเนจรแต่ก่อนจะไปข้าจะมาหาเจ้าเพื่อมอบคัมภีร์ให้”

“เจ้า… โธ่เอ๋ย… ตกลง เช่นนั้นเจ้าต้องระวังตัวให้ดี หากต้องการความช่วยเหลือก็มาหาข้าได้ทุกเมื่อ เจ้าเป็นผู้มีพระคุณของข้า และที่สำคัญเจ้าเป็นสหายข้า ข้า…”

“เอาล่ะ ในเมื่อพวกเราเป็นสหาย ข้าจะไม่กล่าวมากความ ข้าต้องมาหาเจ้าอีกอย่างแน่นอน อย่าได้พร่ำพิไรแล้ว… ข้าขออำลา!”

ขณะมองดูเงาร่าง ‘ไป่หยุนเฟย’ ลับตาไป แววตา ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ก็ฉายแววกังวลอีกครา มันถอนหายใจแผ่วเบา

“อนิจจา… ยามที่เจ้าเอ่ยถึงการกลับเมืองลั่วซีดวงตาก็ปรากฏร่องรอยความเคียดแค้น ไฉนข้าจะไม่พบเห็น? ในเมื่อข้าคุ้นเคยกับความรู้สึกเช่นนี้อย่างยิ่ง…  ‘หยุนเฟย’  ขออย่าได้เกิดเหตุร้ายกับเจ้า ข้าติดค้างเจ้ามากเกินไป ให้โอกาสข้าได้ตอบแทนเจ้าด้วยเถอะ!”

บนเส้นทางกลางป่า ‘ไป่หยุนเฟย’ วิ่งตะบึงสุดฝีเท้า ทว่าดวงตามันกลับเหม่อลอยอยู่บ้าง ราวกับมันหวนคำนึง ถึงบางสิ่ง สีหน้ามันบางคราก็อับอาย บางคราก็โกรธเกรี้ยวและบางคราก็โศกเศร้า…

“ไม่ช้า… อีกไม่ช้าข้าจะล้างหนี้แค้น  ‘จางหยาง’ ยามนี้ข้าไม่ใช่ผู้ที่เจ้าจะเข่นฆ่าราวมดปลวกตามต้องการอีกต่อไป ข้าจะให้เจ้าชดใช้อย่างสาสมในสิ่งที่เจ้ากระทำ!”

“โลกนี้ช่างอยุติธรรม คนดีและคนชั่วต่างเท่าเทียมกัน แต่ในเมื่อสวรรค์ไม่ลงทัณฑ์คนชั่วช้า ข้าก็จะลงทัณฑ์ในสิ่งที่พวกเจ้าทำเอง!”

—————————————————————————————

ขอแก้ไขคำว่า จุดเส้น เป็นจุดชีพจรนะครับจุดเส้น แปลจาก acupoint คือจุดฝังเข็ม ขออนุญาตแก้ไขเป็นคำว่า จุดชีพจรแทนครับ เจอกันตอนใหม่วันอังคารครับ

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments