ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปดวงจันทร์ลอยเด่นกลางนภา ย้อมทั้งเมืองลั่วซีด้วยแสงนวลตา
ในห้องอันเลิศหรูทางซีกตะวันตกของเมือง ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ไหล่หนาแผ่นหลังกว้าง ใช้สีหน้าขุ่นเคืองจ้องมองชายร่างใหญ่สองคนกับชายร่างเล็กท่าทางราวขโมยที่ยืนคอตกตรงหน้า โดยมีสมุนร่างกำยำห้าหกคนยืนด้านหลัง
“หมายความว่า พวกเจ้ามองไม่เห็นว่าผู้ใดจู่โจมก่อนที่จะสิ้นสติไป? สตรีที่คร่ากุมได้ก็หนีไป แล้วพวกเจ้าก็กลับมาโดยปลอดภัย?”
“หัวหน้า พวกเรา…”
“เฮอะ! ล้วนวาจาไร้สาระ! พวกเจ้ากระทำการไม่สำเร็จแต่กลับจะทำทุกสิ่งพินาศ!”
ดูเหมือนมันไม่อยากรับฟังคำแก้ตัวให้ระคายหู ชายวัยกลางคนจึงโบกมือสั่งพวกมันล่าถอยไปด้านข้าง จากนั้นหันไปกล่าวกับชายที่อยู่ด้านหลัง
“ ‘เสี่ยวหลิว’ เจ้าออกไปตรวจสอบดูว่ามีผู้ใดติดตามเจ้าบัดซบไร้ประโยชน์ทั้งสามนี้มาที่นี่หรือไม่ ไม่ช้านายน้อยจะมาถึง อย่าได้เกิดข้อผิดพลาดอันใด”
ครู่ต่อมา เสี่ยวหลิวกลับมาในห้องและสั่นศีรษะบ่งบอกว่าด้านไม่มีอันใดผิดปกติ ทุกคนจึงระบายลมหายใจ โล่งอก หากชักนำผู้ใดมาที่นี้จนทำให้นายน้อยขุ่นเคืองพวกมันต้องแบกรับผลลัพธ์อันเลวร้ายแล้ว
กระนั้นพวกมันยังไม่ทราบความจริงที่ว่ามีคนผู้หนึ่งติดตามมาถึงที่แห่งนี้ กระทั่งยังมาถึงเนิ่นนานแล้วอีกด้วย
ด้านบนหลังคา ‘ไป่หยุนเฟย’ แนบทั้งร่างติดกับแผ่นกระเบื้องจนยากที่คนเบื้องล่างจะพบเห็นได้ ยามที่ ‘เสี่ยวหลิว’ ออกมาตรวจสอบก็เพียงสำรวจรอบตัวบ้านโดยไม่ได้ใช้บันไดเพื่อสำรวจบนหลังคา
‘ไป่หยุนเฟย’ ติดตามทั้งสามคนมาถึงที่แห่งนี้เนื่องเพราะไม่แน่ใจว่าสตรีที่พวกมันกล่าวถึงถูกนำตัวมาที่นี้หรือไม่ มันจึงไม่อาจกระทำโดยวู่วามได้แต่เกาะติดหลังคาห้องแอบฟังความเคลื่อนไหวภายในแทน
หัวหน้ากลุ่มส่งสายตามองไปยังห้องบนชั้นสองที่มีสมุนสองคนเฝ้าคุมอยู่กล่าวว่า
“นางเป็นอย่างไร?”
“นางหมกตัวอยู่ในห้องบนชั้นสองมาตลอด คืนก่อนหลังจากร่ำไห้ชั่วครู่นางก็สงบใจได้ วันนี้นางกลับเงียบงันและไม่พยายามปลิดชีพตนเองอีก”
สมุนด้านหลังตอบคำ จากนั้นกล่าวต่อหลังจากลังเลชั่วครู่
“หัวหน้า นางกล่าวว่า… นางเป็นศิษย์สำนักหลิวขจี แม้พวกเราไม่ทราบว่าจริงหรือไม่แต่เราจะไม่ตรวจสอบก่อนจริงหรือ?”
“เฮอะ! ศิษย์สำนักหลิวขจี? นี่จะเป็นไปได้อย่างไร? นั่นเป็นสำนักของผู้ฝึกปรือวิญญาณ มีหรือที่ศิษย์ของสำนักจะถูกพวกเราคร่ากุมมาเช่นนี้? นางต้องเคยได้ยินเรื่องนี้จากผู้อื่นมาก่อนจึงพยายามปั้นแต่งเรื่องราวให้พวกเราปลดปล่อยนางไป”
กล่าวจบหัวหน้ากลุ่มนั้นก็ลังเลชั่วครู่ ราวกับที่กล่าวปลอบขวัญสมุนมันก็เพื่อปลุกปลอบตัวมันเองด้วย จากนั้นจึงกล่าวต่อ
“อีกอย่างนายน้อย ‘จางหยาง’ ของพวกเราเป็นศิษย์สำนักธารน้ำแข็ง! หากนางเป็นศิษย์สำนักหลิวขจีจริงเล่า? พวกเราส่งมอบนางแก่นายน้อยตระกูลจางต้องถือว่าเป็นพ่อสื่อแก่ทั้งสองสำนัก เมื่อนางทราบเบื้องหลังของนายน้อยบางทีอาจคุกเข่าอ้อนวอนขออยู่ข้างกายนายน้อยก็เป็นได้!”
‘ไป่หยุนเฟย’ บนหลังคาเมื่อได้ยินว่าสตรีที่ถูกคร่ากุมมาอยู่ที่นี่ก็คิดจะลงช่วยนางในบัดดล แต่เมื่อได้ยินประโยคตามหลังกลับทำให้มันนิ่งค้างอยู่กับที่
‘จางหยาง’ ! มิคาดนายน้อยที่พวกมันกล่าวถึงนั้นกลับเป็น ‘จางหยาง’ ?
หนำซ้ำมันกำลังจะมาถึงในไม่ช้า!
‘ไป่หยุนเฟย’ ตาเป็นประกายแวววับใคร่ครวญอยู่ชั่วขณะ จากนั้นรีบระงับจิตใจอันพลุ่งพล่านแนบกายเกาะอยู่บนหลังคาต่อไปเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวด้านในอย่างใกล้ชิด
นับว่าเหยียบย่ำจนรองเท้าสึกมิพานพบ ยามประสบพบพานไม่ยากเย็น!
ครึ่งชั่วโมงต่อมาก็ได้ยินเสียงเปิดประตูตามมาด้วยน้ำเสียงสอพลอของหัวหน้ากลุ่มนั้น
“นายน้อย ท่านมาแล้ว สตรีที่ท่านต้องการอยู่ในห้องบนชั้นสอง… พวกเจ้าทั้งคู่ลงมา ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคุมแล้ว”
“อืม หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ผิดหวัง”
ได้ยินน้ำเสียงเรียบเฉยแว่วมา
“พวกเจ้าทั้งคู่ก็รออยู่ด้านล่าง ไม่ต้องตามคุ้มกัน อย่าได้ทำลายอารมณ์สุนทรีย์ของข้า”
ยามที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ ได้ยินเสียง ทั้งร่างก็สั่นระริก มันต้องข่มกลั้นตนเองอย่างยากเย็นเกรงจะส่งเสียงใดออกมาเนื่องเพราะความพลุ่งพล่านเกินไป
“จางหยาง!”
‘ไป่หยุนเฟย’ จดจำเสียงนี้ได้ชั่วชีวิต เพราะเจ้าของเสียงนี้พลิกชีวิตมันไปตลอดกาล
“สงบใจ สงบใจไว้!”
‘ไป่หยุนเฟย’ เตือนตนเองไม่ให้กระทำการโดยวู่วามขณะที่กำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ
“นี่เป็นโอกาสอันดี ข้าไม่อาจปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไป!”
หลังจากสูดลมหายใจเข้าหลายคราจิตใจที่เดือดพล่านของมันก็สงบลง
“จากที่มันกล่าว ดูเหมือนจะมีผู้คุ้มกันสองคน พวกมันฝีมือระดับใด? เป็นผู้ฝึกปรือวิญญาณหรือไม่? ต้องใช่แน่ ทว่าข้ายังไม่ทราบระดับการฝึกปรือพวกมัน แต่สมควรไม่เกินด่านปัจเจกวิญญาณ ตัวจางหยางเองก็บรรลุด่านปัจเจกวิญญาณระดับกลางเช่นกัน… หากถูกพวกมันกลุ้มรุม…”
ยามนี้ปรากฏเสียงฝีเท้าด้านล่าง เห็นได้ชัดว่าจางหยางกำลังเดินไปยังห้องบนชั้นสอง
“ข้ามาเพื่อช่วยเหลือสตรีผู้นั้น ย่อมไม่อาจให้นางเผชิญอันตราย! แต่หากข้าจู่โจมจางหยางซึ่งหน้าแล้วล้มเหลวจะถูกกลุ้มรุมจากผู้ฝึกปรือวิญญาณถึงสามคน เช่นนั้น… ต้องจัดการผู้คุ้มกันก่อน อีกทั้งต้องไม่ปล่อยให้จางหยางหลบหนีได้…”
ภายใต้เวลาที่บีบคั้น ‘ไป่หยุนเฟย’ พลันคิดแผนการได้หลากหลาย ในที่สุดจึงตกลงใจได้ หลังจากกะทิศทางเล็กน้อยก็กระทืบเท้าโดยแรง
‘จางหยาง’ กำลังขึ้นไปชั้นบนด้วยความกระตือรือร้น ส่วนผู้คุ้มกันทั้งสองและสมุนคนอื่นรวมตัวอยู่ที่ด้านตรงข้ามในห้องโถง เสียงที่ดังขึ้นฉับพลันสร้างความตระหนกแก่พวกมันยิ่ง ทันทีที่หันมองก็เห็นเศษกระเบื้องหลังคามากมายพุ่งเข้าหาพวกมัน!
สมุนธรรมดานับสิบในห้องโถงครึ่งหนึ่งถูกกระแทกล้มลงหมดสติทันที ที่เหลือก็วิ่งอย่างแตกตื่น พวกมันเกือบทุกคนล้วนบาดเจ็บ ทว่าเศษกระเบื้องก็พุ่งมาอีกระลอกราวกับจงใจพุ่งเป้ามาที่พวกมัน ครานี้สมุนหลายคนที่เหลือซึ่งบาดเจ็บอยู่ก็ไม่อาจหลบเลี่ยงได้พ้นจึงถูกกระแทกล้มลงหมดสติ
กระนั้นสำหรับผู้ฝึกปรือวิญญาณ เศษกระเบื้องเหล่านี้ย่อมไม่อาจคุกคามพวกมัน จางหยางที่ยืนอยู่เชิงบันไดและผู้คุ้มกันสองคนหนึ่งสูงยาวหนึ่งต่ำเตี้ย ล้วนหลบหลีกเศษกระเบื้องเหล่านี้อย่างง่ายดาย
ยามที่เศษกระเบื้องร่วงหล่นอยู่กลางอากาศ ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็ตามติดลงมา ทันทีที่ถึงพื้นก็รีบกลิ้งตัวสลายแรงหล่นจากนั้นดีดตัวพุ่งตรงเข้าหา ‘จางหยาง’ !
“ผิดท่าแล้ว! คุ้มกันนายน้อย!”
ผู้คุ้มกันที่ติดตามจางหยางทั้งคู่นั้นที่สูงยาวเรียกว่าหลี่ซื่อบรรลุด่านปัจเจกวิญญาณระดับปลาย ขณะที่ผู้ต่ำเตี้ยเรียกว่าตู้ซินบรรลุด่านนวกะวิญญาณระดับปลาย หลี่ซื่อมีปฏิกิริยาก่อน ขณะที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ เคลื่อนที่มันก็ไล่ตามโดยไม่รีรอ จากนั้นชั่วพริบตาตู้ซินก็ตามติดเข้ามา
ห้องโถงนี้กลับกว้างขวางยิ่ง ‘ไป่หยุนเฟย’ ทิ้งตัวลงห่างจาก ‘จางหยาง’ ออกไปยี่สิบเมตรทว่าห่างจากผู้คุ้มกันทั้งคู่เพียงไม่ถึงสิบเมตร พวกมันทั้งสามกลับรวดเร็วเกินไปอย่างน้อยในสายตาคนทั่วไปก็เห็นเช่นนี้ พริบตาเดียว ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็พุ่งกายออกไปถึงสิบเมตร
‘หลี่ซื่อ’ ที่ไล่ตามเกือบถึงใกล้ตัว ‘ไป่หยุนเฟย’ ในมือมันกุมดาบยาวแทงไปยังกลางหลัง ‘ไป่หยุนเฟย’
ทันใด ‘ไป่หยุนเฟย’ ที่เร่งรุดนำหน้าพลันพุ่งทแยงไปด้านซ้ายหลบเลี่ยงคมดาบอย่างหวุดหวิด ขณะเดียวกันมันพลิกตัวกลับและอาศัยแรงเหวี่ยงสะบัดมือขวาวูบ ประกายเย็นเยียบหลายจุดก็พุ่งออก!
เคล็ดในการซัดมีดสั้นให้บรรลุเป้าหมายคือรวดเร็ว หนักแน่น และแม่นยำ!
ด้วยการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงที่ผ่านมา แม้ ‘ไป่หยุนเฟย’ ไม่อาจกล่าวได้ว่าบรรลุจุดสูงสุดของวิชามีดสั้นอย่างสมบูรณ์แต่ก็ขาดอีกเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น!
มีดสั้นที่ผ่านการอัพเกรดทั้งสามเล่มซัดออกพร้อมกัน แม้จะตระหนกแต่หลี่ซื่อยังมีปฏิกิริยาอันรวดเร็ว มันพลิกดาบกลับมีดสั้นเล่มหนึ่งก็ปลิวกระเด็นออกไป
มีดสั้นเพียงเล่มเดียว? นั่นก็ใช่แล้ว มันปัดมีดสั้นออกไปเล่มเดียว เนื่องเพราะที่เหลืออีกสองเล่มพุ่งเป้าไปยังตู้ซินที่ด้านหลัง!
ที่มา: