ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘หลี่ซื่อ’ มีปฏิกิริยาอันรวดเร็ว มันยกดาบขึ้นปัดป้องส่งมีดสั้นปลิวกระเด็นออกไป ทว่ามีดสั้นอีกสองเล่มกลับพุ่งไปยังตู้ซินที่ด้านหลัง!
ตู้ซินที่บรรลุเพียงด่านนวกะวิญญาณระดับปลายตามติดอยู่ด้านหลัง ‘หลี่ซื่อ’ เดิมทีเมื่อเห็น ‘หลี่ซื่อ’ ชักดาบออกมาก็คาดว่า ‘ไป่หยุนเฟย’ จะถูกสกัดไว้ ทว่าเมื่อมันเร่งความเร็วหมายเข้าจู่โจมพลันเห็นคู่ต่อสู้พลิกกายอย่างพิสดาร ชั่วพริบตามีดสองเล่มก็พุ่งมาถึง เล่มหนึ่งเล็งที่คอหอยส่วนอีกเล่มเล็งที่หัวใจ!
มันไม่มีเวลาครุ่นคิดมากความรีบเบี่ยงกายตามสัญชาตญาณ มีดบินเล่มหนึ่งเฉี่ยวผ่านลำคอไปทว่ากลับไม่อาจหลบเลี่ยงอีกเล่มที่พุ่งมาที่หัวใจได้พ้น ได้แต่จึงชักนำพลังวิญญาณบังคับกล้ามเนื้อผิวหนังให้แปรเปลี่ยนเป็นชั้นแข็งราวเขาสัตว์
กระนั้นกลับไร้ประโยชน์อันใด! มีดสั้นทะลวงไหล่ซ้ายมันโดยปราศจากแรงต้านทานจนลึกถึงด้าม!
ก่อนที่ตู้ซินจะทันได้ร่ำร้อง ก็ถูกปิดปากด้วยมีดอีกเล่มที่พุ่งมาถึง!
มีดสั้นแทงทะลุท้ายทอยของมันจนเลือดฉีดพุ่งไม่หยุด ปากของมันอ้าค้างแต่กลับไม่อาจเปล่งเสียงใดออกมา ‘ตู้ซิน’ ถลึงตามอง ‘ไป่หยุนเฟย’ ที่อยู่เบื้องหน้าไม่ไกลอย่างสิ้นหวัง แววตามันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวไม่ยินยอมและสับสน จากนั้นค่อยทรุดลงขาดใจตาย
เนื่องเพราะมันเริ่มเคลื่อนไหวช้าไปบ้างจึงเพียงตามติดด้านหลังหลี่ซื่อ ทั้งยังคาดว่า ‘ไป่หยุนเฟย’ จะพุ่งเข้าหานายน้อยจึงไม่ได้คาดคิดว่าคู่ต่อสู้จะพลันเลือกมันเป็นเป้าจู่โจม หนำซ้ำศัตรูยังเป็นยอดฝีมือมีดบินที่สามารถซัดมีดออกหลายเล่มในคราเดียว สิ่งที่มันคาดคิดไม่ถึงนับว่ามากเกินไป ทว่าต่อให้มันมีโอกาสทราบล่วงหน้า เพียงประการเดียวก็ทำให้มันเสียชีวิตได้แล้ว!
เพียงหันกายคราเดียว ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็สังหารผู้ฝึกปรือวิญญาณลงได้!
ยามที่ผู้คุ้มกันทั้งคู่เคลื่อนไหวหลบเศษกระเบื้อง ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็ทราบระดับการฝึกปรือของพวกมันและตัดสินใจเลือกวิธีการลงมือทันที แม้จะไม่เห็นด่านนวกะวิญญาณระดับปลายในสายตา แต่หากถูกรุมกระหนาบเพียงผู้บรรลุด่านนวกะวิญญาณก็คุกคามมันได้
มันจึงละทิ้งโอกาสจู่โจมจางหยางเปลี่ยนเป็นจู่โจมอย่างกะทันหันใส่ ‘ตู้ซิน’ ที่ไล่ตามมาคนสุดท้าย จากนั้นใช้เอวต้านรับดาบของ ‘หลี่ซื่อ’ โดยไม่ลังเลเพื่อซัดมีดสังหารไปเอาชีวิตตู้ซิน
หลังจากปัดมีดสั้นปลิวออกไปหลี่ซื่อก็ไม่หยุดยั้งลง ฉวยโอกาสที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ ยังไม่ทันตั้งหลักสืบเท้าไปด้านหน้าตวัดดาบออกหวังบีบศัตรูให้ล่าถอยเพื่อฉวยโอกาสโจมตีตามหลังอย่างหักโหม
แทนที่คู่ต่อสู้จะหลบเลี่ยง มิคาดกลับสะบัดมือซัดมีดอีกเล่มออก ดาบยาวมันจึงฟันถูกสะเอวศัตรูถนัดถนี่ทว่ากลับมีเสียงดังสดใสของโลหะกระทบกันแว่วมา เห็นฝ่ายตรงข้ามเพียงถอยกายครึ่งก้าวก่อนจะหันกายโดยปราศจากอันตรายและพุ่งตรงไปด้านหน้า!
นับแต่หลบเลี่ยงเศษกระเบื้องชุดแรก ‘จางหยาง’ ก็หยุดยืนบนระเบียงจับจ้องการต่อสู้ด้วยสีหน้าเย็นชา แม้มันจะต่ำช้าสามานย์แต่กลับไม่ใช่คุณชายเจ้าสำราญที่ไม่เอาไหนอย่างแน่นอน กิจการใต้ดินของตระกูลจางทั้งหลายล้วนเป็นมันดูแลทั้งตัวมันเองยังเป็นผู้ฝึกปรือวิญญาณ ในสายตาของมันเหตุการณ์เช่นนี้ยังไม่อาจนับว่าอันตรายได้
แรกเริ่มมันมือไม้ปั่นป่วนอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็น ‘ไป่หยุนเฟย’ ที่ร่วงหล่นลงมาพุ่งเข้าหาก็ทราบทันทีว่าผู้บุกรุกนี้ฝีมือไม่ลึกล้ำเท่าใด เพียงเข้มแข็งกว่ามันเล็กน้อย อย่างมากก็สูสีกับหลี่ซื่อ คาดว่าต่อให้มันไม่ลงมืออาศัยผู้คุ้มกันทั้งสองก็จัดการผู้บุกรุกได้
สถานการณ์เมื่อเริ่มต้นไม่ผิดจากที่ ‘จางหยาง’ คาดการณ์ ยามที่ผู้บุกรุกพุ่งกายเข้ามาได้เพียงครึ่งทางก็ถูก ‘หลี่ซื่อ’ ไล่ทัน กระนั้นขณะที่มันลังเลว่าสมควรลงมือด้วยตนเองเพื่อจัดการปัญหานี้แต่เนิ่นๆดีหรือไม่ ศัตรูเพียงหันกายก็ทะลวงลำคอสังหาร ‘ตู้ซิน’ ไป หนำซ้ำคนผู้นี้กลับกล้าใช้ร่างรับดาบของ ‘หลี่ซื่อ’ ตรงๆก่อนจะพุ่งเข้าหามันอีกคราอย่างว่องไว!
สีหน้าเฉยชาของ ‘จางหยาง’ นิ่งค้างไปทันที มันยังเริ่มมีความคิดว่าจะหลบหนีในบัดดล
กระนั้นยามที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ มุ่งหน้าได้เพียงครึ่งทาง ขณะห่างจาก ‘จางหยาง’ ไม่ถึงห้าเมตรก็ถูก ‘หลี่ซื่อ’ ตามทันอีกคราโดยที่ไม่อาจสลัดหลุดได้
สมกับเป็นหนึ่งในผู้คุ้มกันที่ ‘จางเจิ้นซาน’ วางใจที่สุด ‘หลี่ซื่อ’ ยึดมั่นคำสั่งให้ปกป้องชีวิตนายน้อยที่นายท่านทิ้งไว้ก่อนออกเดินทาง กระทั่ง ‘ตู้ซิน’ ที่นอนแน่นิ่งเบื้องหลังมันยังไม่แยแส แม้แต่ฝีมือสังหารอันเด็ดขาดฉับไวของ ‘ไป่หยุนเฟย’ ยังไม่อาจทำให้มันตื่นตระหนกได้ ด้วยสายตาที่มีเพียงความมุ่งมั่น ‘หลี่ซื่อ’ ก็เร่งความเร็วไล่ตาม ‘ไป่หยุนเฟย’ ทัน จากนั้นคลี่สะบัดเงาดาบครอบคลุมศัตรูอยู่ภายใน
เมื่อได้เห็นว่าในที่สุดผู้บุกรุกก็ถูกหลี่ซื่อพัวพันเอาไว้ จางหยางก็ลอบระบายลมหายใจโล่งอกและล้มเลิกความคิดหลบหนี กระนั้นแทนที่มันจะรีบเข้าไปกลุ้มรุมศัตรูร่วมกับหลี่ซื่อกลับถอยห่างออกและเฝ้ามองการต่อสู้ของทั้งคู่จากนอกวง
หลังจากเพ่งตามอง ‘ไป่หยุนเฟย’ ชั่วครู่ ‘จางหยาง’ ก็ครุ่นคิดในใจ
“คนผู้นี้นับว่าคุ้นตาอย่างยิ่ง ทว่าข้ากลับจดจำไม่ได้ว่ามันเป็นใคร จากที่เห็นมันมาเพราะข้า หรือมันมาเมื่อสังหารข้า? แต่นอกจากมีดบินหลายเล่มที่ซัดออกก่อนหน้ามันก็ไม่ได้ใช้อาวุธใดอีก นับว่าไร้เหตุผลเกินไป หรือเพราะมันไม่ถนัดใช้อาวุธ? มันเพียงพึ่งพาวิชาหมัดมวย? โอ? หรือว่าเกราะอ่อนบนร่างมัน… เป็นวัตถุวิญญาณ?!”
ในห้องโถง ‘ไป่หยุนเฟย’ หลบซ้ายเลี่ยงขวา แม้จะถูกคมดาบบ้างแต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด เสื้อผ้าบนร่างมันขาดกระรุ่งกระริ่งเผยให้เห็นเกราะอ่อนทอประกายสีทองจางๆ
‘ไป่หยุนเฟย’ อาศัยพลังป้องกันจากเกราะอ่อนฝ่าเข้าใกล้เพื่อพัวพันต่อสู้ประชิดตัวกับ ‘หลี่ซื่อ’ ราวกับเชี่ยวชาญเพลงหมัดมวยยิ่ง แต่มีหรือที่ ‘หลี่ซื่อ’ จะปล่อยคู่ต่อสู้สมปรารถนา? เงาดาบพลิ้วสะบัดทุกแห่งหน ดาบยาวหนาหนักกลับถูกมันกวัดแกว่งราวกับมีดเล่มหนึ่ง คมดาบเฝ้าเวียนวนรอบกาย ‘ไป่หยุนเฟย’ ไม่ปล่อยโอกาสให้มันหลบรอดไปได้
หลังจากพันตูกันอยู่ราวสิบนาที ทั้งคู่ดูเหมือนไม่อาจทำอย่างไรกับฝ่ายตรงข้ามได้และยังคงพัวพันต่อสู้ต่อไป
‘จางหยาง’ ที่ยืนอยู่นอกวงจับจ้องที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ ด้วยสายตาเป็นประกาย จะให้ถูกต้องคือจับจ้องที่เกราะอ่อนสีทองบนร่าง ‘ไป่หยุนเฟย’ ด้วยใบหน้าที่ฉายแววละโมบยินดี
“เกราะอ่อนนั้นเป็นวัตถุวิญญาณ! นั่นต้องเป็นวัตถุวิญญาณอย่างแน่นอน! เครื่องป้องกันที่เป็นวัตถุวิญญาณ… ผู้ใดจะคาดคิด? มิน่าเล่ามันจึงมั่นใจนัก อาวุธของ ‘หลี่ซื่อ’ ไม่อาจฝ่าผ่านเกราะอ่อนนั้นจริงๆ แต่ทว่าทั้งร่างเจ้ากลับไม่ได้ปกป้องด้วยวัตถุวิญญาณ! เจ้ารับมือกับ ‘หลี่ซื่อ’ เพียงลำพังได้แต่เจ้าลืมเลือนว่ายังมีข้าอยู่ที่นี่!”
‘จางหยาง’ กล่าวในใจอย่างปลาบปลื้ม
“ดูเหมือนมันจะลงมือเพียงลำพังอีกทั้งไม่ได้เก็บงำพลังไว้ มันเพียงบรรลุด่านปัจเจกวิญญาณระดับปลายเช่นเดียวกับ ‘หลี่ซื่อ’ เช่นนั้นแล้ววัตถุวิญญาณชิ้นนี้… จะต้องเป็นของข้า!”
เมื่อตกลงใจได้ ‘จางหยาง’ ก็ไม่ลังเลอีก มันเอื้อมมือชักมีดสั้นจากข้างเอวทะยานร่างเข้าร่วมการต่อสู้พลางกล่าวด้วยเสียงอันดัง
“ ‘หลี่ซื่อ’ พัวพันเอาไว้! ข้าจะเชือดมันเอง!”
การลงมือของ ‘จางหยาง’ นี้ทำให้คู่ต่อสู้ทั้สองสีหน้าแปรเปลี่ยนไป ใบหน้า ‘หลี่ซื่อ’ ฉายแววตื่นเต้นยินดีขณะที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ กลับเป็นความกังวล… และหวาดกลัว
เมื่อเห็นสีหน้า ‘ไป่หยุนเฟย’ ‘จางหยาง’ ก็ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างยินดี
“ยามนี้คงทราบความร้ายกาจของพวกเราแล้วกระมัง? ได้แต่โทษว่าตัวเจ้าเองที่ไม่ประมาณตนพาตัวเข้าหาความพินาศเอง! คงต้องให้เจ้ามอบชีวิตและวัตถุวิญญาณออกมา!”
ขณะที่ร้องกล่าว จางหยางฉวยโอกาสที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ ก้มตัวหลบเลี่ยงดาบจาก ‘หลี่ซื่อ’ มันตวัดมีดสั้นแทงใส่ท้ายทอย ‘ไป่หยุนเฟย’ !
‘ไป่หยุนเฟย’ กลิ้งตัวตัวหลบมีดนี้อย่างยากเย็น กระนั้นมันกลับกลิ้งตัวไปหยุดลงที่ด้านหลัง ‘หลี่ซื่อ’ ทางซ้ายมือ ยามนี้พวกมันทั้งสามอยู่ในตำแหน่งเป็นเส้นตรงโดยมี ‘หลี่ซื่อ’ หยุดยืนตรงกลางระหว่าง ‘ไป่หยุนเฟย’ กับ ‘จางหยาง’
‘หลี่ซื่อ’ ไม่มีทีท่าสับสนหันกายพุ่งเข้าหา ‘ไป่หยุนเฟย’ ที่ยังไม่ทันลุกขึ้นยืนเต็มเท้าและเงื้อดาบฟันลงอย่างหักโหม มันทราบดีว่าศัตรูสามารถต้านรับดาบนี้ด้วยเกราะอ่อนบนร่าง แต่ทว่าแม้มันไม่อาจสร้างบาดแผลให้แต่ก็บังคับให้ศัตรูเสียหลักไม่อาจคงสภาวะต่อสู้ไว้ได้ เช่นนี้ตราบที่นายน้อยยังคอยเสาะหาโอกาสจู่โจมจากด้านข้าง พวกมันย่อมสังหารศัตรูได้ในไม่ช้า!
‘ไป่หยุนเฟย’ เบี่ยงกายเล็กน้อย ปรากฏรอยขาดบนเสื้อที่ด้านหลังจากคมดาบเผยให้เห็นเกราะอ่อนสีทองที่อยู่ภายใน แต่ครานี้หลังจากรับดาบนี้แล้วร่างของมันเพียงสะท้านเล็กน้อยคราหนึ่ง ผิดจากคราก่อนยามนี้ ‘ไป่หยุนเฟย’ กลับไม่เสียหลักเพราะไม่อาจผ่อนแรงกระแทกจากการฟันอีก!
‘หลี่ซื่อ’ เงื้อดาบยาวขึ้นเตรียมจะฟันลงอีกครา ปฏิกิริยาของ ‘ไป่หยุนเฟย’ ที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาก็สร้างแตกตื่นแก่มันยิ่ง ใบหน้า ‘หลี่ซื่อ’ เปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกในบัดดล
เมื่อ ‘ไป่หยุนเฟย’ เงยหน้าขึ้น สีหน้ามันกลับไม่เหลือความกังวลหวาดกลัวอันใด กระทั่งสีหน้าอ่อนล้าที่เคยมีก็ปลาสนาการไป ยามนี้หลงเหลือเพียงสายตาเย็นเยียบและใบหน้าอันอำมหิต!
ภายใต้สายตาตะลึงงันของหลี่ซื่อ ‘ไป่หยุนเฟย’ ไม่รีรอถอยเท้าขวาครึ่งก้าวขณะที่โน้มกายไปเบื้องหน้าชกหมัดขวาออก ส่งเสียงหวีดหวิวกระชั้นสั้น! ดูเหมือนมันเก็บหมัดนี้ไว้รอโอกาสมาเนิ่นนานแล้ว! วิชาระลอกคลื่น พลังหมัดสามทบ!
ได้ยินเสียงกระดูกหักดังแผ่วเบา แม้ ‘หลี่ซื่อ’ จะเกร็งกำลังเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างในจังหวะสุดท้ายก็ยังไม่อาจต้านรับหมัดที่ทุ่มพลังออกจู่โจมนี้ มันล่าถอยอย่างเร่งร้อนโดยไม่อาจหยุดยั้งควบคุม
‘หลี่ซื่อ’ กระอักเลือดคำโต ความคิดมันสับสนไปชั่วขณะ ทันทีที่มันคืนสติก็รู้สึกถึงคลื่นความร้อนที่แผ่มากระทบ ปรากฏทวนสีแดงเพลิงเจิดจ้าทะลวงตรงเข้าหามัน!
เมื่อไม่อาจหลบหลีกทวนได้พ้น ในยามคับขันเป็นตายหลี่ซื่อเพียงเคลื่อนกายไปด้านข้างได้หนึ่งเซนติเมตรครึ่งพลางขวางดาบเบื้องหน้า หวังว่าจะสามารถป้องกันทวนที่ศัตรูแทงมาได้
ชั่วพริบตาปลายทวนก็ปะทะกับตัวดาบเกิดเสียงโลหะดังแผ่วเบา จากนั้นก็ทะลวงผ่านตัวดาบโดยปราศจากแรงต้านแทงเข้าสู่หน้าท้องด้านซ้ายของ ‘หลี่ซื่อ’
‘หลี่ซื่อ’ ทราบดีว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บได้จึงมุ่งป้องกันเพื่อลดการบาดเจ็บให้น้อยที่สุด แม้คมทวนจะแทงเข้าหน้าท้องมัน แต่สำหรับผู้ฝึกปรือวิญญาณแผลนี้กลับไม่สาหัส กับผู้ฝึกปรือวิญญาณที่สามารถควบคุมกระดูกและโลหิตของด่านปัจเจกวิญญาณย่อมเร่งการฟื้นฟูร่างกายของตนเองได้
“บาดแผลไม่กระทบจุดสำคัญ! นับว่าโชคดีที่ข้ายังมีโอกาส…”
ความปีติของ ‘หลี่ซื่อ’ ปรากฏในใจเพียงวูบเดียวก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัวอันไม่สิ้นสุด
ยามที่ปลายทวนทะลวงผ่านตัวดาบ ดวงตา ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็ทอประกายยินดีโดยไร้วี่แวว มันคำรามในใจ
“สำเร็จ! ยามนี้ก็ถึงเวลา… ปะทุ!”
“ปัง!!”
เสียงแตกระเบิดดังออกจากปลายทวน หรือบางทีอาจจะมาจากภายในร่างหลี่ซื่อ เศษเนื้อและโลหิตสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ ช่องท้องซีกซ้ายทั้งซีกแตกระเบิดออก เหลือไว้เพียงรูโหว่กว้างอันน่ากลัว ปากแผลถูกเผาไหม้เป็นรอยดำทว่าเลือดสีแดงฉานไหลทะลักไม่หยุดจากในรูโหว่
‘หลี่ซื่อ’ ยังคงกุมดาบที่เหลือครึ่งเล่มไว้ที่หน้าอก สีหน้ามันเปี่ยมด้วยความหวาดกลัว สับสนไม่ยอมรับ และประหลาดใจเช่นเดียวกับสีหน้าตู้ซินขณะขาดใจตาย ร่างหลี่ซื่อค่อยๆทรุดไปด้านหลังเผยให้เห็น ‘จางหยาง’ ที่ใบหน้าฉายแววไม่เชื่อถือเช่นกัน
‘จางหยาง’ มองไปเบื้องหน้าด้วยท่าทีนิ่งงัน มันยังคงรักษาตำแหน่งเตรียมจะเข้าจู่โจมเอาไว้ กระทั่งร่าง ‘หลี่ซื่อ’ ล้มกระแทกพื้นโครมมันจึงตื่นตระหนกจนได้สติ ‘จางหยาง’ ถอยกายเสียงตึงตังไปหลายก้าวยืดระยะออกจาก ‘ไป่หยุนเฟย’ มันหน้าตาบิดเบี้ยวปั้นยากร่ำร้องอย่างหวาดหวั่น
“วัตถุวิญญาณ! วัตถุวิญญาณอีกชิ้น! อีกทั้งยังมีแหวนช่องมิติอีก! เจ้ากลับซุกงำพลังไว้! ไฉนเป็นเช่นนี้ได้? ไฉนเริ่มแรกเจ้าไม่… ที่แท้เจ้าหลอกล่อเพื่อถ่วงข้าไว้!!”
‘จางหยาง’ นับว่าเป็นคนหลักแหลม มันมีปฏิกิริยาในเกือบจะทันทีหลังจากเข้าใจสถานการณ์ชัดเจน ยามนี้ในใจมันหวาดกลัวแล้ว
ที่มา: