I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Upgrade Specialist in Another World (异界之装备强化专家) ตอนที่ 31 ตำนานรักวีรบุรุษช่วยหญิงงามไม่อาจเชื่อถือ

| Upgrade Specialist in Another World (异界之装备强化专家) | 932 | 2363 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ทันทีที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ ได้ยินว่านางกำลังจะกล่าวถึงสำนักช่างประดิษฐ์ ก็รีบละทิ้งความคิดในสมองและตั้งสมาธิเตรียมรับฟัง หากว่า ‘ชิวลู่หลิว’ เป็นอาจารย์สอนหนังสือคงพอใจต่อท่าทีของ ‘ไป่หยุนเฟย’ ยิ่ง นางกระแอมเบาๆและกล่าวอย่างแช่มช้า

“สำนักใหญ่ของสำนักช่างประดิษฐ์ตั้งอยู่บนเขาชือเสียอันเป็นเขาที่สูงที่สุดในมณฑลผิงชวนทางภาคเหนือ”

“และเป็นเช่นเดียวกับสำนักชะตาลิขิต เหล่าสำนักใหญ่ไม่กล้าแตะต้องตอแยสำนักช่างประดิษฐ์     มิหนำซ้ำยังพยายามผูกมิตรด้วย นั่นเพียงเพราะสิ่งหนึ่ง — วัตถุวิญญาณ!”

“สำนักช่างประดิษฐ์นับว่ามีฝีมือในการจัดสร้างวัตถุวิญญาณ ซึ่งถือเป็นสิ่งล้ำค่าเกินเอื้อมสำหรับผู้ฝึกปรือวิญญาณทั่วไป แต่ข้าได้ยินมาว่าศิษย์สำนักช่างประดิษฐ์ทุกคนล้วนมีวัตถุวิญญาณไว้ในครอบครอง ควรทราบว่าการครอบครองวัตถุวิญญาณที่ทรงพลังสามารถเสริมพลังฝีมือของผู้ฝึกปรือวิญญาณได้อีกหลายส่วน หรือกระทั่งอีกหลายเท่าตัว! วัตถุวิญญาณที่มีชื่อเสียงทั้งหลายในแผ่นดินวิญญาณสวรรค์นี้ล้วนมาจากสำนักช่างประดิษฐ์ แม้แต่ผู้ได้รับสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักวิญญาณสวรรค์หรือก็คือองค์จักรพรรดิแห่งอาณาจักร ก็ยังใช้วัตถุวิญญาณที่จัดสร้างเฉพาะตัวโดยสำนักช่างประดิษฐ์ อีกทั้งผู้ยิ่งใหญ่และยอดฝีมือทั้งหลายในโลกผู้ฝึกปรือวิญญาณก็หวังอย่างยิ่งว่าสำนักช่างประดิษฐ์จะจัดสร้างวัตถุวิญญาณเฉพาะตัวให้ จึงไม่ลังเลที่จะเสนอวัตถุล้ำค่าหรือให้คำมั่นว่าจะทำงานตามที่สำนักต้องการเป็นการตอบแทน”

“ในแผ่นดินแห่งนี้มีกลุ่มคนหรือบุคคลมากหลายที่สามารถสร้างวัตถุวิญญาณได้ แต่หากวัตถุวิญญาณชั้นเดียวกันสองชิ้น ชิ้นที่สร้างจากสำนักช่างประดิษฐ์ยังเหนือกว่าไม่น้อย กระนั้นสำนักช่างประดิษฐ์กลับไม่เร่งรัดสร้างวัตถุวิญญาณแก่ผู้คน หนึ่งเพราะความยากเย็นในการจัดสร้างวัตถุวิญญาณและสองเนื่องเพราะพวกมันไม่อาจปล่อยให้วัตถุวิญญาณแพร่หลายเกินไป แน่นอนหากกล่าวว่า’แพร่หลาย’ออกจะเกินเลยไปบ้าง แต่หากมองจากอีกมุมเมื่อสำนักช่างประดิษฐ์สามารถควบคุมปริมาณของวัตถุวิญญาณระดับต่ำในโลกผู้ฝึกปรือวิญญาณเอาไว้ ย่อมกล่าวได้ว่าสำนักของพวกมันเป็นหนึ่งในสิ่งค้ำยันสมดุลอำนาจในโลกผู้ฝึกปรือวิญญาณนั่นเอง”

“เงื่อนไขการรับศิษย์ของสำนักช่างประดิษฐ์นั้นเข้มงวดอย่างยิ่ง เพียงรับผู้ฝึกปรือวิญญาณที่แก่นวิญญาณสื่อกับธาตุไฟได้ อีกทั้งยังต้องมีพรสวรรค์สูงส่งในงานสร้างประดิษฐ์เพื่อรับการถ่ายทอดวิธีสร้างประดิษฐ์อันเร้นลับของสำนัก ไม่เช่นนั้นพวกมันก็ต้องกลายเป็นศิษย์สายนอกที่ฝึกฝนการสร้างประดิษฐ์สิ่งของทั่วไป แต่กระนั้นยามที่ศิษย์ของสำนักลงจากเขาเพื่อหาประสบการณ์ ไม่ว่าพวกมันจะเป็นศิษย์สายนอกหรือศิษย์สายใน คนที่กล้าตอแยพวกมันกลับมีน้อยนิด เนื่องเพราะท่านไม่อาจทราบว่าผู้ฝึกปรือวิญญาณอ่อนแอเบื้องหน้าจะครอบครองวัตถุวิญญาณมากมายเพียงใด การต่อสู้และสังหารศัตรูที่ฝีมือสูงกว่าด้วยวัตถุวิญญาณหลากหลาย นับว่าไม่ยากเย็นสำหรับศิษย์สำนักช่างประดิษฐ์แม้แต่น้อย”

หลังจากกล่าววาจาไปมากมาย ดูเหมือน ‘ชิวลู่หลิว’ จะเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง หลังจากหยุดชั่วครู่จึงกล่าวอย่างยิ้มแย้มอีกครา

“นั่นเป็นเรื่องราวโดยรวมของสำนักช่างประดิษฐ์ เช่นนั้น… ท่านเจตนาจะไปขอเข้าสำนักช่างประดิษฐ์กระมัง?”

“โอ? ไฉนท่านทราบได้?”

‘ไป่หยุนเฟย’ โพล่งวาจาโดยไม่รู้ตัวหลังจากได้ยินคำถาม ที่จริงมันกลับกำลังแยกแยะข้อมูลมากมายที่เพิ่งจะได้รับ

“ท่านมุ่งความสนใจกับสำนักช่างประดิษฐ์ถึงเพียงนี้ หากข้ายังไม่อาจคาดเดา มิใช่กลายเป็นตัวโง่งมหรือ?”

‘ชิวลู่หลิว’ เพ่งมอง ‘ไป่หยุนเฟย’ ด้วยท่าทีขุ่นข้องอยู่บ้าง ราวกับนางตำหนิว่ามันดูถูกไหวพริบของตน            ‘ไป่หยุนเฟย’ ก้มศีรษะเงียบงันไปเนิ่นนานอีกครา ขณะที่ ‘ชิวลู่หลิว’ ทนไม่ไหวยื่นมือหมายสะกิด มันก็พลันเงยหน้าประสานมือคารวะหญิงสาวทั้งคู่และกล่าวว่า

“แม่นาง ‘ชิว’ ขอบคุณท่านมากที่อธิบายเรื่องเหล่านี้แก่ข้า คาดว่าในไม่ช้าทั้งเมืองต้องตกอยู่ในความโกลาหล ข้ายังมีเรื่องอื่นต้องกระทำอีก ท่านทั้งสองสมควรจากไปแต่เนิ่นๆ”

ราวกับไม่คาดคิดว่าชายหนุ่มจะแนะนำให้จากไป  ‘ชิวลู่หลิว’ จึงงงงันวูบก่อนจะกล่าวว่า

“ตกลง ถึงเวลาที่ข้าสมควรกลับสำนักแล้วเช่นกัน ออกจากสำนักมาหาประสบการณ์ครานี้ข้าค้นพบศิษย์น้องที่พรสวรรค์เลิศล้ำก็นับว่าไม่เสียเที่ยว ข้าก็หวังจะนำนางกลับสำนักโดยเร็วเพื่อให้ท่านอาจารย์ได้ยลโฉมศิษย์อันยอดเยี่ยมที่ข้ารับไว้ในนามของนาง”

ที่แท้เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ ‘ไป่หยุนเฟย’ พบว่าประหลาดนักที่ ‘ฉู่อวี้เหอ’ กลับเป็นเช่นคนธรรมดาแม้จะเป็นศิษย์ของสำนักหลิวขจีก็ตาม ที่แท้นางยังไม่ได้เริ่มฝึกปรือวิชา กระนั้นมิคาดว่าพรสวรรค์ของคนทั่วไปในการฝึกปรือวิญญาณกลับสามารถทดสอบได้? มันไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะสามารถกระทำได้

“ประเสริฐ เช่นนั้นก็ได้เวลากล่าวคำอำลา! ภายหน้าหากมีโอกาส หวังว่าจะได้พบพวกท่านทั้งสองอีกครั้ง!”

กล่าวจบ ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็หันหลังเดินไปตามตรอกมุ่งหน้าไปด้านนอก

“ชะ… ช้าก่อน! คุณชาย ท่านยังไม่ได้บอกชื่อกับพวกเรา!”

‘ฉู่หวี้เหอ’ วิ่งออกไปเบื้องหน้าสองก้าวตะโกนไล่หลังเงาร่าง ‘ไป่หยุนเฟย’  ขณะอยู่ด้านหลัง ‘ชิวลู่หลิว’ เห็นมันกล่าวคำอำลานางก็พลันกลายเป็นไม่ยั้งคิดไป ร่าง ‘ไป่หยุนเฟย’ ชะงักกึก แต่มันก็ไม่ได้หันกายกลับมา มัน       ชูมือขวาขึ้นโบกไปด้านหลังพลางกล่าวว่า

“ข้าเรียกว่า ‘ไป่หยุนเฟย’  แม่นาง ‘อวี้เหอ’ หลังจากกลับสำนักท่านต้องตั้งใจฝึกปรือ ภายหลังจะได้ไม่มีใครรังแกท่านได้อีก!”

ขณะมองเงาหลัง ‘ไป่หยุนเฟย’ ค่อยๆลับตาไป  ‘ฉู่อวี้เหอ’ ก็ดูซึมเซาไปบ้างใบหน้าปรากฏร่องรอยความหม่นหมองจางๆ  ‘ชิวลู่หลิว’ เดินมาถึงข้างกายนางแล้วยื่นมือลูบศีรษะอย่างนุ่มนวลพลางกล่าวว่า

“มีอันใดหรือศิษย์น้อง? หรือเจ้าชมชอบคุณชายท่านนี้?”

“ไม่… ไม่จริง! ศิษย์พี่อย่าได้กล่าวเหลวไหล…”

‘ฉู่อวี้เหอ’ หันศีรษะมองด้วยท่าทีไม่ยอมรับพลางกล่าวอธิบายด้วยใบหน้าแดงฉาน

“ข้าเพียง เพียงสำนึกบุญคุณที่ช่วยชีวิต… ยามนั้นคนเลวผู้นั้นกำลังจะขึ้นมายังชั้นบนแต่ท่านก็ยังไม่มา ในใจข้าเกือบสิ้นหวังแล้ว กระทั่งยังเตรียมฆ่าตัวตายเพื่อรักษาความบริสุทธิ์…”

สีหน้า ‘ชิวลู่หลิว’ พลันแข็งค้าง นางประคองกอด ‘ฉู่อวี้เหอ’ เข้าสู่อ้อมอกและกล่าวด้วยสีหน้ารักเวทนา

“ข้าขอโทษ เป็นความผิดข้าเอง หากข้าไม่ยืนยันให้เจ้าอยู่ที่นี่ส่วนข้าเดินทางไปสืบเสาะการล่มสลายของค่ายไม้ดำ เจ้าก็คงไม่ถูกคนพวกนั้นคร่าตัวไป กระทั่งสุดท้ายข้าก็ยังมาช้าไป โชคดีที่เจ้าปลอดภัยไม่เช่นนั้นข้าคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”

‘ฉู่อวี้เหอ’ เงยหน้าหน้าเรียวเล็กบอบบางขึ้นและส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า

“ไม่ ไม่ใช่ความผิดของศิษย์พี่ แต่เป็นเพราะข้าไม่เชื่อฟังท่านออกไปเดินถนนคนเดียวจึงถูกคร่าตัวไป อีกอย่างไม่ใช่ข้าปลอดภัยแล้วหรือ? ศิษย์พี่ ท่านอย่าได้ตำหนิตัวเองอีกเลย…”

กล่าวถึงตรงนี้นางก็อดไม่ได้ต้องเอียงคอมองไปยังทิศที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ จากไปพลางกล่าวพึมพำ

“โชคดีที่เขาปรากฏตัวยามที่ข้าแทบจะสิ้นหวัง… เขาลงมาจากสวรรค์ อาศัยผู้เดียวต่อสู้กับผู้ฝึกปรือวิญญาณทั้งสาม…”

ได้เห็นสีหน้าศิษย์น้อง ‘ชิวลู่หลิว’ ก็อดห่วงใยไม่ได้ นางพยุงตัวศิษย์น้องขึ้นจากนั้นวางสองมือบนไหล่พลางกล่าวอย่างจริงจัง

“ศิษย์น้อง ข้าจำต้องเตือนเจ้าว่าไม่อาจเชื่อถือในตำนานรักวีรบุรุษช่วยหญิงงาม! คุณชายกรุ้มกริ่มและผู้ฝึกปรือวิญญาณเสเพลมากมายเคยใช้อุบายเช่นนี้ล่อลวงหัวใจหญิงสาวมานักต่อนักแล้ว”

กล่าวถึงตรงนี้ เมื่อได้เห็นสีหน้าขุ่นเคืองปรากฏบนใบหน้า ‘ฉู่อวี้เหอ’ นางจึงรีบกล่าวต่อ

“เอ่อ… แน่นอนว่าข้าไม่ได้กล่าวว่า ‘ไป่หยุนเฟย’ เป็นคนเช่นนั้น มันนับเป็นวีรบุรุษอย่างแท้จริงทั้งยังเป็นสุภาพบุรุษอย่างยิ่ง มันกลับไม่เรียกร้องค่าตอบแทนเหมือนผู้อื่นอย่างที่ข้าคิด กระนั้น… เนื่องเพราะมันไม่ได้ใส่ใจเรื่องช่วยเหลือเจ้า เจ้าก็ไม่ต้องใส่ใจมัน นี่อันตรายยิ่ง เจ้าไม่อาจตกหลุมรักมัน… เจ้าทราบนามมันแล้วกระมัง?  ‘ไป่หยุนเฟย’  มันเป็นดั่งเมฆขาวที่ล่องลอยในฟ้ากว้าง ไม่อาจรั้งมันไว้กับที่…”

“ศิษย์พี่ท่านพูดอันใด? ข้าไม่ได้ชมชอบมัน… ท่านคิดมากไปแล้ว…”

‘ฉู่หวี้เหอ’ อธิบายด้วยท่าทีขวยเขินหลังจากถูก ‘ชิวลู่หลิว’ ตักเตือน

“อนิจจา… ข้าก็หวังเช่นนั้น จากนี้พวกเจ้าทั้งคู่คงไม่มีโอกาสได้พบกันอีก เจ้าก็สมควรลืมเลือนมันไป”

เมื่อทราบว่ากล่าวมากความก็ไม่มีประโยชน์ใด  ‘ชิวลู่หลิว’ จึงได้แต่ถอนใจส่ายศีรษะ  ‘ฉู่อวี้เหอ’ มองไปที่ตรอกว่าเปล่าด้วยท่าทีซึมเซาอีกครา แต่ตัวนางเองก็ไม่อาจบ่งบอกได้ชัดเจนว่าในใจนางรู้สึกเช่นไร

“ข้าจะไม่ได้พบเขาอีกจริงหรือ…?”

——————————————————————————————————–

ไอ้บื้อเอ๊ย เจ้าเมฆขาวบื้อจนอดไม่ได้ต้องด่าจริงๆเห็นมันบื้อมาหลายเรื่องไม่เคยว่า แต่เรื่องผู้หญิงนี่ไม่ไหว ต้องด่าครับ

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments