I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Upgrade Specialist in Another World (异界之装备强化专家) ตอนที่ 44 สามวันแห่งการไล่ล่า มรณภัยที่ใกล้เข้ามา

| Upgrade Specialist in Another World (异界之装备强化专家) | 915 | 2362 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ยามสนธยาวันต่อมา ภายในโรงเตี๊ยม

‘จางเจิ้นซาน’ นั่งที่โต๊ะด้วยสีหน้าเย็นชารับฟัง ‘จ้าวผิง’ ที่รายงานสถานการณ์อย่างรวดเร็วอยู่ด้านข้าง

หลังจากฟังรายงานจบ  ‘จางเจิ้นซาน’ ก็เงียบงันชั่วขณะ จากนั้นยืนขึ้นอย่างกะทันหันโบกมือแก่มุสิกเทาที่แทะผลไม้อยู่บนโต๊ะ สัตว์ตัวเล็กนี้จึงหยุดเคลื่อนไหวและเงยขึ้นมอง ‘จางเจิ้นซาน’  เห็นได้ชัดว่ามันกริ่งเกรงอยู่ แต่หลังจากถูก ‘จ้าวผิง’ ส่งเสียงเร่งรัดก็ปีนป่ายขึ้นไหล่ ‘จางเจิ้นซาน’ อย่างว่องไว

“นายท่านจะออกไล่ล่าในบัดดล?”

‘จ้าวผิง’ อดไม่ได้ต้องเอ่ยปากถาม

“นายท่านเร่งรุดมาที่นี่ต้องสิ้นเปลืองพลังวิญญาณมากมาย สมควรพักผ่อนฟื้นกำลังก่อน”

“ข้ารู้กำลังตนเองดี!”

‘จางเจิ้นซาน’ ขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าวอย่างชัดแจ้ง ก่อนจะเดินออกจากโรงเตี๊ยมโดยไม่รีรอ

เห็นเงาร่าง ‘จางเจิ้นซาน’ ออกไปอย่างเร่งร้อน ‘จ้าวผิง’ ถอนใจอย่างแผ่วเบาพึมพำกับตนเอง

“ด้วยฝีมือด่านภูตวิญญาณ นายท่านย่อมรับมือกับผู้ฝึกปรือวิญญาณด่านวีรชนวิญญาณอย่างปลอดโปร่ง แต่ข้ากลับรู้สึกอยู่ตลอดว่าคนผู้นั้นยังมีบางอย่างเก็บงำไว้ การต่อสู้คราก่อนนั่นย่อมไม่ใช่ฝีมือทั้งหมดของมัน หวังว่านายท่านจะไม่เสียความเยือกเย็นเพราะความเคียดแค้น…”

มุสิกเทาตามรอย เป็นอสูรวิญญาณระดับ 1 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในบรรดาอสูรวิญญาณ โดยปกติจะไม่เป็นอันตรายและไม่อาจพัฒนาระดับได้ แต่พวกมันกลับมีคุณค่าต่อบางคนอย่างยิ่งเนื่องเพราะความสามารถพิเศษของมันที่เรียกว่า การตามรอย!

หากน้ำลายมันกระทบถูกร่างกายของเป้าหมาย หลังจากนั้นสามวันไม่ว่าเป้าหมายจะหลบหนีหรือซุกซ่อนอยู่ที่ใด จะถูกมุสิกเทาตามรอยค้นพบตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ

มิหนำซ้ำ นอกจากจะล้างน้ำลายมันด้วยน้ำยาพิเศษแล้ว ก็ไม่มีหนทางใดจะหลบหนีได้พ้น

ไม่ถึงสามชั่วโมง ภายใต้การนำทางของมุสิกเทาตามรอย  ‘จางเจิ้นซาน’ ก็มาถึงริมแม่น้ำที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ หยุดพักเมื่อคืนก่อน

หลังจากมาถึงที่นี้ มุสิกเทาตามรอยก็พลันส่งเสียงแผ่วเบา ‘จางเจิ้นซาน’ จึงหยุดเท้าอย่างสงสัยและเห็นสัตว์ขนาดเล็กนี้กระโดดลงจากไหล่วิ่งไปหยุดที่ริมแม่น้ำชั่วครู่ ราวกับไม่แน่ใจบางอย่างก่อนจะวิ่งวนไปทั่วบริเวณ พร้อมกับจมูกอันเล็กของมันขยับสูดดมไม่หยุดยั้ง

“ไม่คิดว่าคนผู้นี้จะตื่นตัวอย่างยิ่ง มันกลับล้างน้ำลายของมุสิกเทาตามรอยอย่างระมัดระวังที่บริเวณนี้!”

เมื่อเห็นท่าทางของมุสิกเทา สีหน้า ‘จางเจิ้นซาน’ ก็แปรเปลี่ยนไป มันแค่นหัวเราะอย่างเย็นชาก่อนจะสงบคำปล่อยให้มุสิกเทาค้นหาเป้าหมายต่อไป

“มันจะทำอันใดได้อีก? หากไม่ได้ล้างด้วยน้ำยาพิเศษก็เพียงทำให้ข้าเสียเวลาอีกเล็กน้อยเท่านั้น แต่อย่าหวังว่าจะหนีพ้นเงื้อมมือข้าไปได้!”

เป็นอย่างที่มันกล่าวจริงๆ เพียงไม่นานมุสิกเทาก็พลันวิ่งไปตามแม่น้ำขณะส่งเสียงอย่างตื่นเต้นก่อนจะปีนป่ายกลับขึ้นไหล่ของ ‘จางเจิ้นซาน’ อีกครา จางเจิ้นซานแสดงสีหน้ายินดีรีบพุ่งกายไปตามทิศทางนั้นโดยไม่รีรอ

‘จางเจิ้นซาน’ เร่งฝีเท้าสุดกำลัง ยามวิ่งตะบึงก็ปรากฏเสียงหวืดหวือดังฝ่าอากาศออกไปท่ามกลางรัตติกาลเงียบสงัด มุสิกเทาตามรอยบนไหล่ก็ตะปบคว้าคอเสื้อด้วยกรงเล็บไว้แนบแน่นขณะขดตัวเป็นก้อนกลมเพื่อไม่ให้ปลิวหล่นลงจากไหล่ไป

การไล่ล่าอย่างไม่หยุดยั้งดำเนินไปตลอดทั้งคืน จนกระทั่งรุ่งเช้าอีกวัน ‘จางเจิ้นซาน’ จึงชะงักเท้าลง หลังจากพักผ่อนสองชั่วโมงและปล่อยให้มุสิกเทายืนยันทิศทาง ก็เริ่มไล่ล่าต่ออีกครา…

กระทั่งพระอาทิตย์ลับขุนเขา ดวงจันทร์เริ่มฉายแสง  ‘จางเจิ้นซาน’ จึงหยุดยั้งลงอีกคราที่ป่าละเมาะแห่งหนึ่ง ก่อนจะนำอาหารจากแหวนช่องมิติออกมารับประทานพร้อมกับฟื้นฟูพลังวิญญาณที่สูญเสียไป

ยามนี้ใบหน้า ‘จางเจิ้นซาน’ กลับเริ่มมีร่องรอยความกังวลปรากฏขึ้น

“บัดซบ! คนผู้นี้หลบหนีไปไกลแค่ไหนกันแน่? มันสมควรวิ่งตะบึงเพียงข้ามวันเมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดไล่ตาม ก็สมควรผ่อนคลายความตื่นตัวและชะลอฝีเท้าลง… ทว่าแม้ข้าจะไล่ล่าสุดฝีเท้าก็ยังไม่อาจพบเห็นร่องรอยของมัน”

“หากข้าคลาดโอกาสนี้ไป ไม่ทราบจะมีโอกาสหามันพบอีกหรือไม่ หากมันหลบหนีออกจากมณฑลฉิงหยุนได้ ข้าก็แทบหมดโอกาสล้างแค้นให้แก่หยางเอ๋อร์แล้ว!”

“ผ่านไปสองวันแล้ว เหลืออีกเพียงวันเดียว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไล่ล่ามันให้พบภายในพรุ่งนี้!”

วันต่อมาซึ่งเป็นวันสุดท้ายของกำหนดเวลาในการไล่ล่า  ‘จางเจิ้นซาน’ ถึงกับไม่พักผ่อนทุ่มเทกำลังไล่ล่าไม่หยุดยั้ง

ยามบ่าย เมื่อเหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึงครึ่งวันจะเป็นเส้นตายของการไล่ล่า สีหน้า ‘จางเจิ้นซาน’ กลับกลายเป็นวิตกกังวล ปรากฏร่องรอยความสิ้นหวังฉายชัดบนใบหน้า

“หรือว่า… ข้าไม่อาจไล่ล่ามันทันได้จริงๆ?”

ทันใดมุสิกเทาตามรอยบนไหล่มันพลันร่ำร้องเสียงต่ำ เมื่อเห็นท่าทางผิดปกติของมัน ‘จางเจิ้นซาน’ รีบหยุดเท้ามองจ้องมองด้วยท่าทีตึงเครียด

มุสิกตัวเล็กนี้ใช้จมูกสูดดมอย่างระมัดระวัง ก่อนจะร่ำร้องออกมาสองคราพร้อมกับตะกุยกรงเล็บแผ่วเบาอย่างตื่นเต้น

“พวกเราเข้าใกล้แล้ว?! ในที่สุดข้ามาถึงใกล้ตัวมัน!!”

เห็นท่าทีของ ‘มุสิกเทา’   ‘จางเจิ้นซาน’ ก็อดไม่ได้ต้องโห่ร้องอย่างตื่นเต้นยินดี

หลังจากวาง ‘มุสิกเทา’ กลับบนไหล่  ‘จางเจิ้นซาน’ ก็วิ่งตะบึงไปด้านหน้าอีกครา

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ขณะปีนป่ายขึ้นยอดเขาเล็กๆ  ‘มุสิกเทา’ พลันส่งเสียงแหลมสูงพร้อมกับท่าทีตื่นเต้นอย่างยิ่ง  ‘จางเจิ้นซาน’ ลอบยินดีในใจ จากนั้นกวาดตามองเบื้องล่างอย่างละเอียดจึงพบเห็นทุ่งหญ้าเชิงเขาปรากฏเงาร่างคนผู้หนึ่งวิ่งตะบึงเข้าสู่ป่าเบื้องหน้า

คนผู้นั้นดูเหมือนจะเป็นชายหนุ่มผู้หนึ่ง ชั่วขณะนั้นแม้มันจะไม่วิ่งตะบึงแต่ก็ไม่เชื่องช้าเช่นกัน

ยามที่ ‘จางเจิ้นซาน’ มองเห็นเงาร่างคนผู้นั้น ทั้งร่างมันก็สั่นระริก สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว ความเคียดแค้นเดือดดาลพวยพุ่งออกจากสองตาไม่หยุดยั้ง

“เป็นมัน! ต้องเป็นมันอย่างแน่นอน! ในที่สุดก็ไล่ตามเจ้าทัน! ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าหลุดรอดไปได้เด็ดขาด ถึงเวลาชดใช้ต่อการตายของบุตรชายข้าด้วยชีวิตเจ้าแล้ว!!”

คืนนั้น หลังจากพบว่าศัตรูมีวิธีไล่ล่าตนเองได้  ‘ไป่หยุนเฟย’ จึงเร่งฝีเท้าวิ่งตลอดสองวันสองคืน นอกจากหยุดพักฟื้นพลังแล้วมันก็ไม่หยุดเท้าแม้แต่ครู่เดียว!

อีกอย่าง ไม่ทราบว่าเป็นเพราะมันคิดไปเองหรือไม่ แต่ผ่านไปช่วงหนึ่งยามที่ยกมือขวาขึ้นสูดดม มิคาด ‘ไป่หยุนเฟย’ กลับได้กลิ่นประหลาดนั้นอย่างเบาบาง การพบเห็นครั้งนี้สร้างความกังวลแก่มันอย่างยิ่ง เกือบทุกคราที่หยุดพักจะต้องใช้เวลาสิบกว่านาทีขัดหลังมือไม่หยุด ราวกับทำเช่นนี้จะช่วยให้มันรู้สึกผ่อนคลายลงได้บ้าง…

สองวันต่อมา ในที่สุด ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็ไม่อาจฝืนทนวิ่งตะบึงทั้งวันทั้งคืนได้ หลังจากพักผ่อนครึ่งคืนก็ชะลอฝีเท้าลงขณะที่มุ่งหน้าต่อไป

นี่กลับต้องขอบคุณการใช้ท่าเท้าเหยียบคลื่นติดต่อกันสองวันสองคืนไม่หยุดยั้ง ที่ทำให้ ‘ไป่หยุนเฟย’ เชี่ยวชาญเคล็ดวิญญาณนี้ขึ้นอย่างคาดไม่ถึง หากฝึกฝนตามปกติต่อให้ไม่เกียจคร้านก็ต้องใช้เวลาถึงสิบวันจึงจะชำนาญท่าเท้าเหยียบคลื่นถึงระดับนี้ได้

ยามบ่าย หลังจากปีนป่ายถึงยอดเขา มันหยุดพักรับประทานอาหารแล้วจึงมุ่งหน้าลงสู่ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ด้านล่าง ถัดไปเบื้องหน้าไม่ไกลเป็นป่าทึบ  ‘ไป่หยุนเฟย’ หมายจะตัดทะลุป่าออกไปโดยหวังว่าจะพบบ้านเรือนผู้คน

แต่เมื่อมองดูทุ่งหญ้าและป่าไม้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาเบื้องหน้า  ‘ไป่หยุนเฟย’ แทบจะร่ำไห้ออกมา

  “ที่นี่คือ… ข้าอยู่ที่ไหนกันแน่?”

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments