I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Zhan Long ตอนที่ 2 ตำนานเทพเจ้านักซิ่ง

| Zhan Long | 2536 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

ท่ามกลางม่านฝนที่ตกหนัก

กระจกรถ Ferarai ก็ค่อยๆเลื่อนลงมาแล้วปรากฏโฉมหน้าของหนุ่มผู้หนึ่ง เขาย้อมผม และก็มีแววตาที่เย่อหยิ่ง

“โย่ว วันนี้เธอพาเจ้าขี้แพ้มาด้วยสินะ”

สาว 34D ยิ้มแล้วก็ตอบว่า

“ใช่….”

ชั้นถูกไอเด็กบ้านี้ดูถูกเอาซะได้ ตอนนี้ชั้นกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ

ชั้นอยากจะเข้าไปทุบรถของมันให้พังเละเทะซะตอนนี้เลย

แต่ว่าหลังจากนั้น ชั้นก็คงไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อม ช่างมันเถอะ อดทนไว้ก่อนก็แล้วกัน

“เริ่มได้!”

สาว 34D ที่อยู่ข้างๆชั้นก็ดึงเกียร์ลงมาแล้วก็เริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์

เช่นเดียวกับ Ferrari ข้างๆที่เริ่มขยับแล้วเช่นกัน

*ซุ่ม*

ตัวรถได้พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แรงกระชากของมันรุนแรงน่ากลัวมาก

รถทั้ง 3 คันเริ่มแข่งกันอย่างบ้าคลั่งท่านกลางสายฝน และเส้นทางที่แข่งก็คือถนนทางลงภูเขา

ทางข้างหน้าคือทางเลี้ยวที่ยากมาก ชั้นกุมที่พักมือข้างๆแน่นมาก และกัดฟันแน่น

ความเร็วระดับนี้ ถ้ารถไม่ได้ดริฟท์แล้วละก็ มีหวังหลุดโค้งตกจากภูเขาแน่ๆ

เอี๊ยด !!!

สาวสวยที่นั่งข้างๆชั้นนั้นได้หักพวงมาลัยอย่างรวดเร็วแล้วก็สลับเกียร์ได้สวยงามมาก

นี่เป็นการดริฟท์ที่สวยมากๆเลยล่ะและแน่นอน ยางของล้อก็ยังคงเกาะติดกับถนนอย่างแน่นหนา

ทำให้การดริฟท์นั้นออกมาได้สมบูรณ์แบบ สาว 34D ตอนนี้นั้นนำรถคันอื่นแล้ว

สาว 34D คนนั้นหัวเราะออกมาแล้วก็ยิ้มเล็กน้อย เธอหันมามองหาชั้น แต่ชั้นก็แค่มองเธอกลับไปด้วยสีหน้าว่างเปล่า

ทำให้เธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย นั่นก็เพราะว่าเธอตั้งใจที่จะทำให้ชั้นมีสีหน้าหวาดกลัว แล้วก็คุกเข่าขอร้องความเมตตาจากเธอว่า

“ขอร้องล่ะ ช่วยปล่อยชั้นลงไปจากรถทีเถอะ”

ประมาณนั้นแหละนะ

ทันใดนั้นก็มีเสียงกระหึ่มตามมาจากทางด้านหลัง Ferrari ได้แซงมาจากทางโค้ง

ซึ่งถ้าเทียบกับสมรรถนะแล้ว AudiTT ไม่มีทางไปเปรียบเทียบกับรถคันนี้ได้เลย

สาว 34D กุมพวกมาลัยแน่นขึ้น สายตาจับจ้องไปด้านหน้า เธอเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ

เธอหวังที่จะแซง Ferrari แต่ว่านั่นก็ไม่มีประโยชน์ ดูเหมือนว่าเธอจะหงุดหงิดเล็กน้อยจนเกือบจะไปชนกับยามราง

*แปะ แปะ แปะ*

ฝนที่กระเซ็นมาจากรถ Ferrari ด้านหน้านั้นแหลมคมขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตั้งฉากกับ AudiTT พอดี

สาว 34D ไม่มีทางเลือกจึงต้องเหยียบแบรกซึ่งนั่นทำให้เธอไม่พอใจ

เธอทุบกับพวกมาลัยรถอย่างแรง เธอขบฟันแน่นซึ่งแสดงถึงอาการหงุดหงิด

คนที่ขับ Ferrari ก็หัวเราะขึ้นมาแล้วพูดว่า

“อะไรกันล่ะ? นี่มีฝีมือแค่นี้หรอไง?ไอความมั่นใจตอนที่ท้าน้องชายของชั้นอาทิตย์ที่แล้วมันหายไปไหนหมดกัน? ฮ่าๆๆ”

ชั้นรีบเดินออกมาจากรถ เดินไปที่ที่นั่งคนขับแล้วเคาะกระจกแล้วพูดว่า

“ไปนั่งที่นั่งผู้โดยสารซะ ชั้นจัดการเอง”

สาว 34D ทำสีหน้างุนงงแล้วพูดว่า

“นายน่ะหรอ? มีใบขับขี่รึเปล่า?”

ชั้นยิ้มกว้างออกมาแล้วตอบกลับไปว่า

“ไม่อ่ะ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ….”

“นายบอกให้ฉันไม่ต้องเป็นห่วง แต่นายดันไม่มีใบขับขี่เนี่ยนะ?”

“ยังไงเธอก็แพ้ไปแล้วนี่นา แล้วเธอเองก็อยากตายไปด้วยกันกับชั้นนี่นา อย่างน้อยก็ให้ชั้นลองหน่อยน่า”

“ก็ได้….”

สาว 34D ตกลง แล้วก็ข้ามไปนั่งที่ที่นั่งผู้โดยสาร เรียวขางดงามของเธอนั้นปรากฏขึ้นต่อหน้าชั้น

ทำให้น้ำลายของชั้นแทบหก นี่ถ้าเธอไม่ได้เกลียดชั้นแล้วละก็คงจะดีนะ เธอช่างเป็นคนที่สวยงามจริงๆ

ชั้นนั่งที่ที่นั่งคนขับ ดึงเกียร์ลง ยื่นหัวของตัวเองออกไปนอกหน้าต่างแล้วพูดว่า

“เฮ้ย มันยังไม่จบนะเฟ้ย ใครไปถึงยอดเขาก่อนถือว่าชนะนะ โอเคไหม?”

คนขับรถ Ferrari ทำสีหน้าบิดเบี้ยวน่ารังเกียจแล้วพูดว่า

“ชิ เจ้ายามโง่….จะเล่นด้วยก็ได้”

Ferrari นั้นได้นำหน้าออกไปก่อน ตามมาติดๆด้วย Camaro แล้วก็ชั้นที่รั้งท้าย

ก่อนถึงโค้งที่สอง ชั้นเหยียบคันเร่งแล้วก็ปรับเกียร์

*ซู่วๆๆ*

เสียงของรถนั้นผ่าน Camaro ไปอย่างงดงาม นี่เป็นการแซงที่สวยมาก

ถ้าจะให้ชั้นพูด ดูเหมือนว่าคนขับ Camaro จะลดความเร็วตัวเองลงเพราะว่าไม่กล้าตามชั้นมาติดๆอย่างนั้นหรอ?

เข้าสู่ทางโค้งที่ 5 ชั้นก็ยังไม่คงเร่งความเร็ว แต่เมื่อชั้นโค้งแล้ว ชั้นก็ได้เร่งความเร็วขึ้นมาทันที

ด้วยความเร็วนี้ทำให้ชั้นตอนนี้นั้นอยู่ข้างๆกับ Ferrari เรียบร้อยแล้ว ด้วยการเสี่ยงนี้ทำให้ชั้นตามได้สำเร็จ

ซึ่งโคลนนั้นก็ได้เข้าไปโดนรถ Ferrari ตอนที่ชั้นตามทันด้วย

แล้วนั่นทำให้คนขับ Ferrari นั้นตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้น สาว 34D กลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่จึงหัวเราะออกมา

หลายนาทีผ่านไป ตอนที่ Ferrari กำลังจะแซง ครั้งนี้ชั้นก็หักพวงมาลัย เอาด้านข้างของรถเข้าไปใกล้กับ Ferrari

และดูเหมือนว่าทางนั้นจะกลัวชน จึงได้หลบไป แต่เพราะการทำแบบนั้น ทำให้ Ferrari นั้นไปสะกิดกับข้างทาง

“………”

รถ AudiTT จอด เช่นเดียวกันกับ Ferrari ชายหนุ่มที่ขับ Ferrari นั้นได้ลงมาจากรถด้วยสีหน้าโมโหแล้วพูดว่า

“หลินว่านเอ๋อ ครั้งนี้เธอโชคดี ครั้งหน้ามาแข่งกันใหม่ ปั๊ดโธ่เว้ย”

Ferrari กับ Camaro รีบขับออกไปด้วยความอับอายท่ามกลางสายฝน

ชั้นทิ้งตัวลงไปที่ทีนั่ง หันไปมองด้านข้างหน้าต่าง ดูเหมือนว่าฝนเองก็จะหยุดตกแล้วเหมือนกัน

สาว 34D นั่งเงียบไปอยู่ซักพัก ก็พูดขึ้นมาว่า

“เทคนิคการขับรถของนายนั้นดีมาก ไปฝึกที่ไหนมา?”

ชั้นหัวเราะและพูดว่า

“ชั้นเคยเป็นตำรวจจราจรอยู่ซักพักน่ะ ที่นั่นเขาตั้งฉายาชั้นว่าเทพเจ้านักซิ่งหมายเลข 1 เลยล่ะ”

“……..”

ดูเหมือนว่าบรรยากาศจะดูตึงเครียด ชั้นก็เลยตัดสินใจถามออกไปว่า

“ทั้งๆที่สภาพอากาศออกจะย่ำแย่ขนาดนี้ยังแข่งรถอีก เธอรู้ถึงคุณค่าของชีวิตรึเปล่า?”

แววตาที่แดงเล็กน้อยของเธอได้มองออกไปนอกหน้าต่าง จากนั้นเธอจึงพูดกลับมาว่า

“คนอย่างนายไม่เข้าใจความคับแค้นใจในอดีตของฉันหรอก”

ชั้นหัวเราะเล็กน้อยแล้วก่อนจะพูดออกมาว่า

“ความคับแค้นใจงั้นหรอ? ดูชั้นสิ ชั้นไม่มีเงินกินข้าวมื้อต่อไปแล้ว แล้วชั้นก็ไม่ได้จ่ายค่าเช่ามาสองวันแล้ว ดูเธอสิ ขับรถ AudiTT แล้วยังเรียกมันว่าความคับแค้นใจหรอ? ชั้นว่าแม่เธอต่างหากล่ะที่คับแค้นใจ”

สาว 34D มองชั้นด้วยสายตาน่าสงสารที่สื่อการขอโทษ จากนั้นเธอก็เปิดประตูแล้วพูดว่า

“นายน่าจะไปได้แล้ว…….”

“แน่นอนอยู่แล้วว่าชั้นต้องไปแน่ๆ”

*ซู่ม*

เสียงร้องกังวานของรถได้ดังขึ้นมา แล้ว Audi TT ก็ได้ขับจากไป

ชั้นยืนอยู่ท่ามกลางพื้นที่เปียกไปด้วยฝน ยืนทึ่มอยู่ซักพักถึงจะนึกขึ้นมาได้ว่า

“เชี่ยเอ้ย นี่ชั้นโดนทิ้งไว้กลางภูเขางั้นหรือ เยี่ยมเลย เอาคืนได้เจ็บแสบมากนะ เจ็บแสบจริงๆ”

หลังจากที่เช็ดน้ำฝนออกจากหน้าแล้วชั้นก็ยิ้มออกมา หยิบเงินขึ้นมาดูในกระเป๋าก็พบว่ามีเงินอยู่เพียงแค่นิดเดียว

และนั่นก็ไม่เพียงพอที่จะขึ้นรถแท๊กซี่กลับได้ ปัญหาเล็กน้อยแค่นี้มันไม่ส่งผลอะไรกับชั้นหรอก

ชั้นต้องพึ่งลำแข้งของตัวเองในการพาตัวชั้นกลับบริษัท ซึ่งจากตรงนี้มีระยะทางถึง 20 กิโลเมตร

ตอนนี้สิ่งที่คนภายนอกเห็น ก็คงจะเป็นภาพของหนุ่มที่สวมเสื้อยาม วิ่งไปตามทาง

เข้าสู่หมอกควันพิษจากจราจรที่ติดขัด โดยไม่หยุดพัก

หลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ชั้นก็มาถึงที่บริษัทจนได้ ด้วยสภาพที่หอบอย่างหนัก ….ก็เป็นธรรมดาแหละนะ !!

ชั้นกลับมาถึงที่บริษัทเป็นเวลา 5 โมงเย็นพอดี ซึ่งนั่นก็เป็นช่วงเวลาที่ไม่ดีเท่าไร

เพราะชั้นเองก็ยังไม่ได้ไปเตรียมของสำหรับมื้อเย็นนี่เลย และช่วงเวลานี้ก็เป็นเวลาเร่งด่วน

ดังนั้นจะไปกินที่โรงอาหารของพนักงานก็ไม่ได้

หลังจากที่เปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว ชั้นก็เดินออกจากบริษัท

ตอนกลางคืน ไฟของเมืองก็ยังส่องสดใส ราวกับว่ามีผู้หญิงกำลังสวมชุดราตรีอยู่

ให้ตายสิ ช่วงเวลานี้ก็มีแต่พวกคนรวยเท่านั้นแหละที่สามารถสนุกได้

ส่วนคนแบบชั้นล่ะนะ…. ชั้นก็อยู่ในกลุ่มพวก ขยะของเมืองยังไงล่ะ ยังไงซะ ตอนนี้เราก็ต้องหาเงินให้มากกว่านี้แล้วล่ะ

*แคล้ง แคล้ง*

นี่คือเสียงของตะหลิวที่เคาะกับกระทะเป็นจังหวะดนตรีในยามค่ำคืน นั่นก็เพราะว่าชั้นทำงานที่ร้านอาหาร

ที่เปิดเพียงแค่ตอนค่ำเท่านั่นอยู่ ซึ่งเขาก็ทำพวก ข้าวผัด หมี่ผัด ผัดผัก เป็นจานเล็กๆขายให้กับลูกค้าแถวนั้น

หลังจากที่ผัดข้าวไปได้ 20 จาน เหงื่อก็ออกมาตามตัว หัวหน้าของชั้นก็เดินเข้ามาโอบไหล่ชั้นแล้วพูดว่า

“ดีมากเจ้าหลี่น้อย วันนี้แกตั้งใจทำงานดีมาก อ่ะนี่เงินของวันนี้…”

ชั้นดีใจกับเงิน 5 หยวนที่ชั้นได้รับมา แล้วก็เดินทางไปยังที่ต่อไป

 

ระหว่างถนนใหญ่ มันมีไฟสีแดงของผับที่มีชื่อเรียกว่า ท้องฟ้าและทะเลสีฟ้า ( 碧海蓝天 )

ที่นั่นคือที่ที่พวกคนรวยชอบมาใช้เงินกันอย่างฟุ่มเฟือย ชั้นเดินเข้าไปที่ทางเข้าอย่างช้าๆ

ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มที่เฝ้าประตูจะจำชั้นได้ทันที

หลังจากที่เข้าไปแล้ว มีชายอ้วนๆคนนึงมองมาที่ชั้นยิ้มให้แล้วก็พูดว่า

“ในที่สุดนายก็มาถึงจนได้นะ หลี่เสี่ยวเหยา”

ชั้นพยักหน้าแล้วถามกลับไปว่า

“วันนี้กี่เพลงล่ะ?”

“3 เพลง เพลงละ 10 หยวน”

“ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับพี่เปียว”

“เดี๋ยวก่อน แต่งเครื่องแบบของร้านก่อน”

เขาได้โยนชุดสไตล์ตะวันตกมาให้ชั้นแล้วชั้นก็รีบสวมใส่มัน เดินเข้าไปข้างในผับ แล้วก็ขึ้นเวที

ยืนอยู่ตรงหน้าเปียโน แล้วก็เริ่มบรรเลงเพลงทั้งหมด 3 เพลง ซึ่งหลังจากที่บรรเลงเสร็จแล้ว ทั่วทั้งผับก็ปรบมือให้กับชั้น

ชั้นรีบเดินออกไปด้านหลังเวที ยิ้มให้กับผู้ชมก่อนจะจากไป

ก่อนที่ชั้นจะจากไป มีมือที่อ่อนนุ่มจับมาที่แขนของชั้น นั่นเป็นมือของผู้หญิงต่างชาติที่มีหน้าตาที่สวยงามมาก

แล้วเขาก็เอากระดาษใบนึงหย่อนลงไปในกระเป๋าหน้าของชั้น

ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นเบอร์โทรศัพท์ของเธอ เธอยิ้มให้กับชั้นแล้วพูดว่า

“โทรหาเค้าด้วยนะ”

ชั้นยิ้มคืนให้แล้วก้เดินออกไปด้านหน้าของผับ ถอดชุดเครื่องแบบอ่อนแล้วก็เอาเงินจากพี่อ้วนทั้งหมด 30 หยวน

แล้วก็เดินจากไป พี่เปียวมองตามหลังของชั้นแล้วก็ถอนหายใจ

“ให้ตายสิ นั่นมันพรสวรรค์ชัดๆ”

ชั้นได้ใช้เงิน 5 หยวนเพื่อกินข้าวไข่เจียว 1 จาน ชั้นคิดว่า ชั้นน่าจะอยู่ไปได้อีกวันสองวัน

ชั้นค่อยๆเดินไปตามถนนใหญ่ และได้เห็นว่า มีโฆษณาเกม [Destiny] ขึ้นที่จอ LED ยักษ์

ซึ่งเกมนี้นั้นเป็นเกมที่พวกที่ติดเกมนั้นต่างเฝ้ารอให้มาถึง ชั้นก็ด้วย ชั้นเป็นคนที่ติดการเล่นเกมมาก

แล้วก็อยากที่จะเข้าไปเล่นเกม [Destiny] มากๆ แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ชั้นก็ไม่มีเงินพอที่จะซื้อหมวกที่เล่นเกมได้

ซึ่งหมวกใบนั้น ขายในตลาดมืดราคาสูงถึง 1 หมื่นหยวน ซึ่งนั่นหมายความว่าชั้นจะไม่มีทางได้เล่นมันแน่ๆ

ลืมเรื่องนี้ไปได้เลย ตอนนี้ชั้นควรจะประหยัดพลังงานโดยการเดินช้าๆ

มันแย่มากที่มะรืนนี้จะเป็นการเปิดการให้บริการเกม [Destiny] ซึ่งถ้าชั้นเข้าไปเล่นวันแรกไม่ทันแล้วละก็

ชั้นคงจะต้องตามหลังพวกเขามากๆแน่ๆเลย

 

ชั้นกลับไปที่ที่พักของชั้น ‘หลงฮวาเสี่ยวชู’ ที่นั่นคือห้องที่มีเพียงแค่ห้องนอนกับห้องนั่งเล่นเท่านั้น

ซึ่งมีค่าเช่าเดือนละ 800 หยวน แต่อย่างไรก็ตาม ชั้นไม่ได้จ่ายค่าห้องมาสองวันแล้ว

ซึ่งยายผู้ดูแลแก่ๆที่นิสัยเย็นชาโหดร้ายนี้คงไม่ยอมให้ชั้นอยู่นานกว่านี้เป็นแน่

การที่จะต่อกรกับเธอคนนี้ก็ไม่มีทางเลย นอกจากการอดทนเท่านั้น

หลังจากที่ชั้นเดินไปที่ชั้นสอง ชั้นก็ได้ไขกุญแจห้องของชั้น แต่มันก็ไม่ถูกเปิดออก

“เกิดอะไรขึ้นกันนะ?”

มาดูใกล้ๆแล้ว แม่กุญแจได้ถูกเปลี่ยนไป แล้วก็มีโน้ตแปะอยู่ที่ด้านบนว่า

“หลี่เสี่ยวเหยา แกไม่ได้จ่ายค่าห้องมาสองวันแล้ว พรุ่งนี้จะมีคนมาดู และถ้าเขาอยากจะเข้าอาศัย มันก็ไม่มีทางเลือกแล้วล่ะนะ ชั้นไล่แกออก ของๆแกอยู่ที่ครัว”

ชั้นหันไปดูรอบเพื่อที่จะหาผ้าหรือแล้วก็ของใช้ในห้องน้ำที่อยู่ตามพื้น แล้วจับมัดรวมเข้าด้วยกัน

แล้วก็ตั้งสตินึกว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วในที่สุดชั้นก็เข้าใจว่า

ให้ตายสิ โดนไล่ออกมาแล้ว !!!!

ชั้นเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นแสงระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้า เป็นบรรยากาศที่เหมาะสำหรับการเขียนบทกลอนมากๆ

 

หืม ดูเมื่อว่าวันนี้จะเป็นวันหยุด

ดูท่าทางแล้วน่าจะมีพวกหนุ่มสาวมาจู๋จี๋กันตามสวนสาธารณะ

ดังนั้นชั้นคงไปนอนที่นั่นไม่ได้แน่ๆ ไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ ดูเหมือนชั้นจะต้องไปนอนที่สนามหญ้านอกที่พักเก่าของชั้น

ซึ่งตอนนี้ก็เป็นหน้าร้อน ดังนั้นนอกจากยุงแล้ว คงไม่มีอะไรมารบกวนชั้นได้

ชั้นเป็นคนที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว แล้วก็มีวิทยายุทธด้วย ดังนั้นชั้นไม่กลัวพวกโจรมาปล้นหรอก

ระหว่าง 5 ทุ่ม กลางคืนนั้นช่างหนาวเย็น ชั้นซุกตัวลงในผ้าของชั้น อยู่ในมุมของสนามหญ้า ดูเหมือนว่าสติของชั้นจะเลือนหายไป

*หวี่ๆๆๆๆ*

เสียงบินของยุงมันวนเวียนอยู่รอบๆหัวของชั้น ดูเหมือนว่านี่จะเป็นบททดสอบความอดทนของชั้น

แต่แน่นอนว่าชั้นทนได้อยู่แล้ว ชั้นก็ได้เอาผ้ากันยุงมาคลุมที่หัว

ซึ่งนั่นก็ปกป้องชั้นจากยุงได้ดี แล้วก็ไม่ทำให้ชั้นหายใจลำบากด้วย

กลางคืนได้จากไป รุ่งอรุณได้เข้ามา แล้วไก่ก็ยังทำหน้าที่ได้ดี

ชั้นลืมตาขึ้นมามองกับท้องฟ้ายามเช้า ซึ่งนั่นก็ทำให้ชั้นนึกถึงบทกลอนที่กล่าวไว้ว่า

 

-ชั้นตื่นขึ้นมาจากความฝัน ต้นวิลโลว์นั้นพัดพาคลื่นแสงแห่งความตายของดวงจันทร์ออกไป-

 

ก่อนที่ชั้นจะท่องบทกลอนเสร็จ มีคนเอามือมาแตะที่ไหล่ของชั้นแล้วพูดว่า

“พี่เสี่ยวเหยา ทำไมถึงมานอนข้างนอกได้ล่ะ”

 

 

ที่มา: 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments