ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปขณะที่ฉันอยู่ในร่างวิญญาณ ฉันเดินไปที่ศพของฉัน ตรงนั้นมีฉีชูป้าหวางยืนเฝ้าศพของฉันไว้อยู่ ดูเหมือนว่าเขาวางแผนที่จะฆ่าฉันหลังจากที่ฉันคืนชีพ แล้วก็หวังว่าดาบจะดรอปลงมา
ฉันจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา หึ ฉันไม่สนหรอกนะว่าพวกนายจะมาเฝ้าฉันนานเท่าไร ฉันก็แค่รอเท่านั้น เวลาของฉันมีเยอะอยู่แล้ว มาดูกันว่าใครจะทนได้มากกว่ากันว
“…..”
ในตอนนั้นเอง เสียงมือถือของฉันดังขึ้นมา หลินว่านเอ๋อโทรมาหาฉัน…..
“หลี่เสี่ยวเหยา?”
‘หลินว่านเอ๋อ’พูดกับฉัน
“มีอะไรหรอครับ คุณหนู?”
ฉันถามเขาไป
หลินว่านเอ๋อหัวเราะก่อนจะพูดต่อว่า
“ย่วยกับฉันคิดว่าจะไปหาอะไรกินกันหน่อย ถ้านายอยากจะไปกินด้วยกันก็มาที่หน้าหอพัก พวกฉันจะรออยู่ตรงนั้น….”
“ครับ ผมจะไปถึงภายใน 5 นาที”
“ดี งั้นฉันก็จะรอ”
ฉันหันกลับไปมองพวกของ’ฉีชูป้าหวาง’แล้วพูดกับพวกนั้นในร่างวิญญาณว่า
“ขอตัวไปทานข้าวก่อนนะ~ รอได้เลยตามสบาย”
แล้วฉันก็ออกจากเกมไป การออกจากเกมในร่างวิญญาณก็หมายความว่าฉันจะปลอดภัยแน่นอน
หลังจากที่ฉันถอดหมวกแล้วฉันก็เห็นรูมเมทของฉันกำลังทำสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีอยู่บนเตียง
ดูเหมือนว่ากำลังสู้อยู่มั้ง เอาเถอะ มันก็เรื่องของเขานี่นา ไม่เกี่ยวกับเรา ไปดีกว่า
ฉันเดินไปถึงหอพักหญิงก็เห็น’หลินว่านเอ๋อ’กับ’ตงเฉิงย่วย’รอฉันอยู่แล้ว หลังจากที่พวกเธอสังเกตเห็นฉันแล้ว
ตงเฉิงย่วยก็เอามือกุมไปที่ท้องของเธอ แล้วก็บ่นว่า
“ฉันบอกว่านเอ๋อแล้วว่าให้ไปทานข้าว แต่เธอก็ดื้อ แต่ตอนนี้ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว ดังนั้นตอนนี้ไปหาอะไรง่ายๆกินกันเถอะ”
ฉันยิ้มให้กับ’ตงเฉิงย่วย’แล้วพูดว่า
“ได้เลย”
โรงอาหารของมหาลัยหลิวหัวนั้นเปิดตลอดเวลา ซึ่งรู้เลยว่าโรงเรียนนี้นั้นมีงบมากขนาดไหนถึงขั้นเปิดได้ 24 ชั่วโมง
หลังจากที่อาหารมาแล้วพวกเราก็เริ่มกินกัน ซึ่งฉันตอนนี้หิวมากก็เลยจัดซาลาเปาไป 7 ลูกในพริบตา
ทั้งสองสาวดูเหมือนจะตกใจกับการกินเร็วของฉัน และโต๊ะข้างๆก็มีผู้ชายสองคน พวกเขาก็ตกใจเช่นกัน
แล้วพวกเขาก็นินทาว่า
“หมอนี่….ไม่สนเรื่องบุคลิคเลยแฮะ อยู่ต่อหน้าสาวสวยสองคนยังกล้าทำตัวแบบนั้นอีก”
‘หลินว่านเอ๋อ’พูดกับฉันด้วยสีหน้าที่ยิ้มแต่แฝงไปด้วยจิตสังหารว่า
“นี่นายหิวมาจากไหนมากมายกัน ค่อยกินก็ได้มั้ง”
ฉันพยักหน้าโดยไม่ได้พูดอะไร แล้วก็ยกซุปขึ้นมาดื่มหมดในอึกเดียว ให้ตายสิ
นี่เราไม่ได้กินของอร่อยๆแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วเนี่ย การที่รวยนี่มันดีอย่างนี้จริงๆ
“…..”
‘ตงเฉิงย่วย’ที่ทานเสร็จแล้วยิ้มก่อนจะพูดกับฉันว่า
“เสี่ยวเหยา วันนี้นายไม่ได้เลเวล 1 แล้วใช่ไหม?”
ฉันตอบเธอไปว่า
“ใช่แล้ว ตอนนี้ฉันเลเวล 9 แล้ว”
“โห ไวมากเลยนะ ใช้เวลา 10 ชั่วโมงจากเลเวล 1 ไปเป็นเลเวล 9 น่ะ”
‘หลินว่านเอ๋อ’ทำท่าทางไม่สนใจ สายตาจับจ้องไปที่โทรศัพท์ของเธอก่อนจะพูดว่า
“ดึกแล้วนะย่วย กลับไปนอนกันได้แล้วล่ะ”
เมินเฉยเลยนะ คุณหนู
ฉันถาม’ตงเฉิงย่วย’ว่า
“ตอนนี้พวกเธอเลเวลเท่าไรกันแล้ว?”
‘ตงเฉิงย่วย’ยิ้มด้วยสีห้นาภูมิใจก่อนจะพูดว่า
“ตอนนี้ฉันเลเวล 15 แล้วก็กำลังเก็บต่อให้ถึงเลเวล 20 จะได้เปลี่ยนคลาส ส่วนว่านเอ๋อตอนนี้เลเวล 16 แล้ว อาชีพแอสซาซินเก็บเลเวลได้ไวมากจริงๆ ไวจนนักเวทย์ตามไม่ทัน”
ฉันถามไปอีกว่า
“ตอนนี้พวกเธอออกจากหมู่บ้านเริ่มต้นแล้วใช่ไหม?”
‘ตงเฉิงย่วย’ตอบมาว่า
“แน่นอน พวกเราเพิ่งออกจากหมู่บ้านเมื่อวานนี้เอง….. แล้วฉันกับว่านเอ๋อก็เลือกเมืองฟ่านชูเป็นเมืองหลัก แล้วเธอล่ะ เธอจะเลือกเมืองไหนหรอ?”
ฉันคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบไปว่า
“หมู่บ้านของฉันอยู่ใกล้เมืองป้าหวาง ดังนั้นฉันคงอยู่ที่นั่นซักพักก่อนจะไปเจอกับพวกเธอ….”
‘หลินว่านเอ๋อ’มองมาที่ฉันด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจก่อนจะพูดว่า
“หืม นี่นายไม่อยากจะเจอกับฉันในเกมจริงๆงั้นหรอ?”
ฉันรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว ดูเหมือนว่าเธอจะเปล่งรังสีอาฆาตออกมาฉันจึงรีบตอบเธอกลับไปทันทีว่า
“คุณหนูพูดเรื่องอะไรกัน? ผมต้องการไปเมืองฟ่านชูเพื่อจะพบกับพวกคุณหนูนะ แต่ว่าพวกมอนสเตอร์ระหว่างเมืองมันโหดมากด้วยสิ แล้วผมเองก็เป็นแค่ฮีลเลอร์ กว่าจะไปถึงก็คงตายกันนับไม่ถ้วนพอดี ดีไม่ดีเลเวลผมอาจจะลงต่ำจนต้องกลับไปหมู่บ้านเริ่มต้นอีกก็เป็นได้…..”
เมื่อ’หลินว่านเอ๋อ’ได้ยินแบบนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มหัวเราะทันทีก่อนจะพูดว่า
“เข้าใจแล้ว ถ้างั้นก็อยู่เมืองป้าหวางไปก่อน แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆก็มาหาพวกเราได้”
‘ตงเฉิงย่วย’พูดตามมาอีกว่า
“ใช่แล้วๆ ฉันกับว่านเอ๋อจะคุ้มครองเธอเอง”
‘ว่านเอ๋อ’พูดกับ’เฉิงย่วย’ด้วยท่าทีขุ่นเคือง
“ย่วย ทำไมเธอถึงดูกระตือรือร้นจัง?”
‘ตงเฉิงย่วย’นิ่งไปชั่วหนึ่งก่อนจะพูดออกมาว่า
“เอ่อ…ก็ฉันกับเธอทั้งคู่ต่างเป็นคนที่สร้างความเสียหายนี่นา ถ้าเราพาเสี่ยวเหยาที่เป็นฮีลเลอร์แล้ว จะทำให้การต่อสู้กับมอนสเตอร์ของเราง่ายขึ้นนะ ใช่ไหมล่ะ?”
“แน่หรอ…?”
‘หลินว่านเอ๋อ’ทำสีหน้าที่เข้าใจได้ยาก แล้วก็มองไปที่’ตงเฉิงย่วย’ ก่อนจะกลับมายิ้มและพูดว่า
“โอเค ฉันเชื่อเธอนะ….”
‘ตงเฉิงย่วย’เอามือไปแตะที่หน้าอกของเธอ
“เฮ้อ…เกือบไปแล้ว….”
“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ?!”
“อ๋อ ฉันจะบอกว่าน้ำซุปอร่อยดีน่ะ”
“…”
ช่วง 4 ทุ่ม ฉันพาทั้งสองคนไปส่งที่หอพักแล้วฉันก็เดินกลับไปที่หอพักของตัวเอง หลังจากที่ฉันไม่เห็นว่ามีใครอยู่แถวนี้
ฉันก็กระโดดขึ้นไปบนกำแพงของหอพัก ไปยังต้นไม้ และทำการสำรวจรอบๆ ของหอพัก
ถึงแม้ว่าจะเป็นตอนกลางคืนก็ตาม แต่ก็ยังมีคนอยู่มาก มีทั้งคนที่เป็นนักเรียนของมหาลัยนี้แล้วก็ไม่เป็นนักเรียนของมหาลัยนี้
บนถนนมีรถ Porches กับ Ferrari จอดอยู่เยอะมากมาย หลังจากที่ฉันคอยสังเกตการณ์อยู่ถึง 2 ชั่วโมงจนถึงเที่ยงคืน
ฉันก็คิดว่าควรจะเลิกสังเกตการณ์ได้แล้วล่ะ เพราะฉันคิดว่าคงไม่มีอันตรายอะไรกับ’หลินว่านเอ๋อ’แล้ว
ถึงแม้ว่าฉันจะสนุกไปกับเกม แต่ก็ห้ามลืมว่าหน้าที่หลักของฉันก็คือการคุ้มครอ’งหลินว่านเอ๋อ’โดยเด็ดขาด
เป้าหมายหลักของฉันไม่ใช่การอยู่กับ’หลินว่านเอ๋อ’และ’ตงเฉิงย่วย’ แต่เป็นการคุ้มครอง’หลินว่านเอ๋อ’
และไม่ทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายใดๆ
ขณะที่ฉันยังอยู่บนต้นไม้ ฉันก็หยิบมือถือของฉันมาดูข้อมูลของบริษัทเทียนซินแล้วก็’หลินเทียนหนาน’
ว่าพวกเขาทำอะไรถึงได้เข้าไปเสี่ยงกับอันตราย แล้วถึงกับต้องจ้างฉันมาคุ้มครอง’หลินว่านเอ๋อ’
บริษัทเทียนซินเป็นบริษัทที่ตอนแรกผลิตพวกเรดาร์ ก่อนที่ในปี 2015 ‘หลินเทียนหนาน’เข้ามารับตำแหน่งซีอีโอแทนคนเก่า
แล้วก็เป็นผู้ขายอาวุธทางการทหารให้กับรัฐบาลจีน ซึ่งพวกเขาได้ผลิตกระสุนแบบนาโน
ที่มีความสามารถในการทะลุทะลวงพวกรถถังได้เลยทีเดียว แล้วก็ยังผลิตพวกเครื่องบินกับเรดาห์อีกด้วย
หลังจากที่ฉันอ่านข้อมูลของบริษัทเทียนซินแล้วก็ถอนหายใจดังๆ ฉันคิดไม่ถึงเลยว่า’หลินเทียนหนาน’จะเป็นคนที่สำคัญขนาดนี้
ดูจากผลงานของเขาแล้ว เขาทำให้ความสามารถทางการทหารของจีนเข้มแข็งขึ้นมาก โดยเฉพาะการรบทางอากาศ
และจากความสามารถของ’หลินเทียนหนาน’แล้ว ทำให้หลายประเทศต่างอิจฉา
และจากการที่เขาเป็นคนที่ไม่เผยจุดอ่อนของเขามาง่ายๆ ถึงมีก็น้อย ดังนั้นจุดอ่อนสำคัญของเขาตอนนี้ก็คือลูกสาวของเขา
‘หลินว่านเอ๋อ’ ซึ่งต่างประเทศเขาก็รู้เช่นกัน จึงได้พยายามที่จะลักพาตัวเธออยู่หลายครั้ง
เพื่อที่จะขู่ไม่ให้พัฒนาเทคโนโลยีของเขาต่อ ดังนั้นกรมตำรวจจึงได้เข้ามาช่วยในการปกป้อง’หลินว่านเอ๋อ’ด้วย
โดยการหาคนที่ทั้งแข็งแกร่งแล้วก็ฉลาด แต่เป็นคนที่ไม่เป็นจุดสังเกตมาปกป้อง’หลินว่านเอ๋อ’ ซึ่งคนๆนั้นก็คือฉันเอง
ฉันยืนสั่นอยู่บนต้นไม้ ไม่คิดเลยว่าฉันจะได้รับภารกิจที่สำคัญระดับนี้
ฉันกลับมาตั้งสติกับการสังเกตการณ์อีกครั้ง และทำการเช็คเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะกลับ
เอาล่ะ ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาแล้วล่ะนะ กลับไปนอนดีกว่า….
ฉันคิดว่าฉันควรจะอาบน้ำก่อนนอน แต่ว่าตอนที่ฉันกลับมา หนุ่มแว่นก็กำลังอาบน้ำอยู่ ดังนั้นฉันจึงต้องรอก่อน
ระหว่างที่ฉันรออยู่ ฉันก็นั่งที่โต๊ะคอมของนายแว่น แล้วก็เปิดคอมของนายแว่นเพื่อที่จะเล่นอินเตอร์เน็ตรอไปพลางๆ
สิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอคอมของหนุ่มแว่นก็คือ หน้าเว็บไซต์ของเกมเดสตินี่
แล้วก็มีข้อมูลของผู้เล่นที่มีเลเวลสูงที่สุด อุปกรณ์ที่ดีที่สุด ข้อมูลเยอะแยะเต็มไปหมดเลยแฮะ
แต่ว่าฉันก็ไม่ได้ไปอ่านมันหรอกนะ เพราะฉันคิดว่าไม่จำเป็น ตอนนี้ฉันต้องหาข้อมูลของสิ่งที่จำเป็นกับฉันก่อนมากกว่า
ในที่สุดฉันก็เจอข้อมูลที่ฉันต้องการ นั่นก็คือแผนที่ของเกมนี้ ในเกมนี้จะมีอาณาจักรใหญ่อยู่ทั้งหมด 7 อาณาจักร
ในเซิร์ฟเวอร์ของจีนนั้นจะเป็น อาณาจักรเทียนหลิง ซึ่งจะแตกย่อยออกมาเป็น 3 เมืองอีกคือเมือง ฟ่านชู จิ่วหลี แล้วก็ป้าหวาง
ซึ่งเมืองพวกนี้เป็นเมืองบริวารของปราสาทเทียนหลิง หลังจากที่ผู้เล่นนั้นจะออกจากหมู่บ้านเริ่มต้น
พวกเขาจะต้องเลือกเมืองหลักของพวกเขา สำหรับคนที่คิดจะเลือกไปที่ปราสาทเทียนหลิงเลย มันเป็นไปไม่ได้
เพราะว่ามอนสเตอร์ที่อยู่รอบๆปราสาทเทียนหลิงนั้นมีเลเวลอยู่ที่ 70 ซึ่งตอนนี้คนที่มีเลเวลสูงที่สุดคือ 18
ดังนั้น การจะไปที่ปราสาทเทียนหลิงมันก็เท่ากับว่าเป็นการฆ่าตัวตาย
ฉันซูมแผนที่เข้าไปอีกจึงเห็นหมู่บ้านสุนัขฟางของฉัน แล้วมันก็อยู่ใกล้กับเมืองป้าหวางมากที่สุด
แต่ไกลจากเมืองฟ่านชูมากๆ ดังนั้นฉันค่อยไปเมืองฟ่านชูทีหลังก็แล้วกัน
ระหว่างที่ฉันดูอยู่นั้น หนุ่มแว่นก็อาบน้ำเสร็จพอดี ตอนที่หมอนั่นเห็นหน้าฉัน มันก็ยิ้มให้กับฉันด้วยท่าทีกวนๆ และพูดว่า
“หลี่เสี่ยวเหยา เลเวลเท่าไรแล้ว~?”
“เลเวล 9 แล้ว นายล่ะ?”
“เร็วมากเลยแฮะ เลเวล 9 แล้ว ขนาดระดับฉันตอนนี้ยังเพิ่งเลเวล 13 เลย ตอนนี้ฉันอยู่ที่เมืองจิ่วหลี แล้วนายล่ะจะไปเมืองไหน จะมาด้วยกันไหม?”
พอฉันคิดเรื่องที่จะต้องเล่นไปด้วยกันกับหนุ่มแว่นแล้วฉันก็ยิ้มแหยงๆออกมาเอง
“คือจะให้ฉันไปที่เมืองจิ่วหลีก็ได้นะ แต่ว่าฉันต้องข้ามภูเขาข้ามแม่น้ำไปก่อนสิ แล้วการที่ทำแบบนั้น ฉันคิดว่าฉันคงตายจนกลับไปเลเวล 1 อีกครั้งน่ะสิ ฉันอยู่ใกล้เมืองป้าหวางมากที่สุด ดังนั้นฉันตั้งใจให้เมืองป้าหวางเป็นเมืองหลักของฉันนี่แหละ”
“ก็ได้ ถ้างั้นนายก็เก็บเลเวลให้สูงจนสามารถขี่ม้าได้ แล้วค่อยมาก็ได้นะ ไม่ต้องรีบ”
“อืม”
ฉันมองไปที่เวลา ผ่านไป 3 ชั่วโมงแล้วหลังจากที่ฉันออกจาเกมไปกลับไปดูดีกว่าว่าเจ้าพวกนั้นยังอยู่รึเปล่า
หลังจากที่ฉันกลับเข้ามาในเกม ฉันก็ยังคงอยู่ในร่างวิญญาณ แล้วก็ใกล้ๆกับศพของฉัน
ซึ่งฉันมองไปรอบๆก่อนเพื่อดูว่าไม่มีใครอยู่แล้ว ก็เลยตัดสินใจจะคืนชีพ แต่ว่ามาคิดอีกที ลองเดินเช็คดูหน่อยดีกว่า
แล้วฉันก็เดินไปรอบๆ เจอกับเจ้า’ฉีชูป้าหวาง’กำลังหลบอยู่หลังต้นไม้ พวกจอมเวทย์อีกสองคนก็หลบอยู่ที่หลังพุ่มไม้….
ให้ตายสิ ไอพวกบ้านี่ยอมทำขนาดนี้เพื่อดาบระดับดำเล่มเดียวเลยงั้นหรอ? น่าอนาถใจจริงๆเลย
ฉันจึงออกจากเกม ไปอาบน้ำแล้วก็นอน ก่อนนอนฉันก็สงสัยว่าพวกนั้นจะรอจนถึงเช้าเลยไหมนะ?
ที่มา: