I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Zhan Long ตอนที่ 11 ความหลงใหลในการฆ่า

| Zhan Long | 2536 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

ขณะที่ฉันอยู่ในร่างวิญญาณ ฉันเดินไปที่ศพของฉัน ตรงนั้นมีฉีชูป้าหวางยืนเฝ้าศพของฉันไว้อยู่ ดูเหมือนว่าเขาวางแผนที่จะฆ่าฉันหลังจากที่ฉันคืนชีพ แล้วก็หวังว่าดาบจะดรอปลงมา

ฉันจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา หึ ฉันไม่สนหรอกนะว่าพวกนายจะมาเฝ้าฉันนานเท่าไร ฉันก็แค่รอเท่านั้น เวลาของฉันมีเยอะอยู่แล้ว มาดูกันว่าใครจะทนได้มากกว่ากันว

“…..”

ในตอนนั้นเอง เสียงมือถือของฉันดังขึ้นมา หลินว่านเอ๋อโทรมาหาฉัน…..

“หลี่เสี่ยวเหยา?”

‘หลินว่านเอ๋อ’พูดกับฉัน

“มีอะไรหรอครับ คุณหนู?”

ฉันถามเขาไป

หลินว่านเอ๋อหัวเราะก่อนจะพูดต่อว่า

“ย่วยกับฉันคิดว่าจะไปหาอะไรกินกันหน่อย ถ้านายอยากจะไปกินด้วยกันก็มาที่หน้าหอพัก พวกฉันจะรออยู่ตรงนั้น….”

“ครับ ผมจะไปถึงภายใน 5 นาที”

“ดี งั้นฉันก็จะรอ”

ฉันหันกลับไปมองพวกของ’ฉีชูป้าหวาง’แล้วพูดกับพวกนั้นในร่างวิญญาณว่า

“ขอตัวไปทานข้าวก่อนนะ~ รอได้เลยตามสบาย”

แล้วฉันก็ออกจากเกมไป การออกจากเกมในร่างวิญญาณก็หมายความว่าฉันจะปลอดภัยแน่นอน

หลังจากที่ฉันถอดหมวกแล้วฉันก็เห็นรูมเมทของฉันกำลังทำสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีอยู่บนเตียง

ดูเหมือนว่ากำลังสู้อยู่มั้ง เอาเถอะ มันก็เรื่องของเขานี่นา ไม่เกี่ยวกับเรา ไปดีกว่า

ฉันเดินไปถึงหอพักหญิงก็เห็น’หลินว่านเอ๋อ’กับ’ตงเฉิงย่วย’รอฉันอยู่แล้ว หลังจากที่พวกเธอสังเกตเห็นฉันแล้ว

ตงเฉิงย่วยก็เอามือกุมไปที่ท้องของเธอ แล้วก็บ่นว่า

“ฉันบอกว่านเอ๋อแล้วว่าให้ไปทานข้าว แต่เธอก็ดื้อ แต่ตอนนี้ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว ดังนั้นตอนนี้ไปหาอะไรง่ายๆกินกันเถอะ”

ฉันยิ้มให้กับ’ตงเฉิงย่วย’แล้วพูดว่า

“ได้เลย”

โรงอาหารของมหาลัยหลิวหัวนั้นเปิดตลอดเวลา ซึ่งรู้เลยว่าโรงเรียนนี้นั้นมีงบมากขนาดไหนถึงขั้นเปิดได้ 24 ชั่วโมง

หลังจากที่อาหารมาแล้วพวกเราก็เริ่มกินกัน ซึ่งฉันตอนนี้หิวมากก็เลยจัดซาลาเปาไป 7 ลูกในพริบตา

ทั้งสองสาวดูเหมือนจะตกใจกับการกินเร็วของฉัน และโต๊ะข้างๆก็มีผู้ชายสองคน พวกเขาก็ตกใจเช่นกัน

แล้วพวกเขาก็นินทาว่า

“หมอนี่….ไม่สนเรื่องบุคลิคเลยแฮะ อยู่ต่อหน้าสาวสวยสองคนยังกล้าทำตัวแบบนั้นอีก”

‘หลินว่านเอ๋อ’พูดกับฉันด้วยสีหน้าที่ยิ้มแต่แฝงไปด้วยจิตสังหารว่า

“นี่นายหิวมาจากไหนมากมายกัน ค่อยกินก็ได้มั้ง”

ฉันพยักหน้าโดยไม่ได้พูดอะไร แล้วก็ยกซุปขึ้นมาดื่มหมดในอึกเดียว ให้ตายสิ

นี่เราไม่ได้กินของอร่อยๆแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วเนี่ย การที่รวยนี่มันดีอย่างนี้จริงๆ

“…..”

‘ตงเฉิงย่วย’ที่ทานเสร็จแล้วยิ้มก่อนจะพูดกับฉันว่า

“เสี่ยวเหยา วันนี้นายไม่ได้เลเวล 1 แล้วใช่ไหม?”

ฉันตอบเธอไปว่า

“ใช่แล้ว ตอนนี้ฉันเลเวล 9 แล้ว”

“โห ไวมากเลยนะ ใช้เวลา 10 ชั่วโมงจากเลเวล 1 ไปเป็นเลเวล 9 น่ะ”

‘หลินว่านเอ๋อ’ทำท่าทางไม่สนใจ สายตาจับจ้องไปที่โทรศัพท์ของเธอก่อนจะพูดว่า

“ดึกแล้วนะย่วย กลับไปนอนกันได้แล้วล่ะ”

เมินเฉยเลยนะ คุณหนู

ฉันถาม’ตงเฉิงย่วย’ว่า

“ตอนนี้พวกเธอเลเวลเท่าไรกันแล้ว?”

‘ตงเฉิงย่วย’ยิ้มด้วยสีห้นาภูมิใจก่อนจะพูดว่า

“ตอนนี้ฉันเลเวล 15 แล้วก็กำลังเก็บต่อให้ถึงเลเวล 20 จะได้เปลี่ยนคลาส ส่วนว่านเอ๋อตอนนี้เลเวล 16 แล้ว อาชีพแอสซาซินเก็บเลเวลได้ไวมากจริงๆ ไวจนนักเวทย์ตามไม่ทัน”

ฉันถามไปอีกว่า

“ตอนนี้พวกเธอออกจากหมู่บ้านเริ่มต้นแล้วใช่ไหม?”

‘ตงเฉิงย่วย’ตอบมาว่า

“แน่นอน พวกเราเพิ่งออกจากหมู่บ้านเมื่อวานนี้เอง….. แล้วฉันกับว่านเอ๋อก็เลือกเมืองฟ่านชูเป็นเมืองหลัก แล้วเธอล่ะ เธอจะเลือกเมืองไหนหรอ?”

ฉันคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบไปว่า

“หมู่บ้านของฉันอยู่ใกล้เมืองป้าหวาง ดังนั้นฉันคงอยู่ที่นั่นซักพักก่อนจะไปเจอกับพวกเธอ….”

‘หลินว่านเอ๋อ’มองมาที่ฉันด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจก่อนจะพูดว่า

“หืม นี่นายไม่อยากจะเจอกับฉันในเกมจริงๆงั้นหรอ?”

ฉันรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว ดูเหมือนว่าเธอจะเปล่งรังสีอาฆาตออกมาฉันจึงรีบตอบเธอกลับไปทันทีว่า

“คุณหนูพูดเรื่องอะไรกัน? ผมต้องการไปเมืองฟ่านชูเพื่อจะพบกับพวกคุณหนูนะ แต่ว่าพวกมอนสเตอร์ระหว่างเมืองมันโหดมากด้วยสิ แล้วผมเองก็เป็นแค่ฮีลเลอร์ กว่าจะไปถึงก็คงตายกันนับไม่ถ้วนพอดี ดีไม่ดีเลเวลผมอาจจะลงต่ำจนต้องกลับไปหมู่บ้านเริ่มต้นอีกก็เป็นได้…..”

เมื่อ’หลินว่านเอ๋อ’ได้ยินแบบนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มหัวเราะทันทีก่อนจะพูดว่า

“เข้าใจแล้ว ถ้างั้นก็อยู่เมืองป้าหวางไปก่อน แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆก็มาหาพวกเราได้”

‘ตงเฉิงย่วย’พูดตามมาอีกว่า

“ใช่แล้วๆ ฉันกับว่านเอ๋อจะคุ้มครองเธอเอง”

‘ว่านเอ๋อ’พูดกับ’เฉิงย่วย’ด้วยท่าทีขุ่นเคือง

“ย่วย ทำไมเธอถึงดูกระตือรือร้นจัง?”

‘ตงเฉิงย่วย’นิ่งไปชั่วหนึ่งก่อนจะพูดออกมาว่า

“เอ่อ…ก็ฉันกับเธอทั้งคู่ต่างเป็นคนที่สร้างความเสียหายนี่นา ถ้าเราพาเสี่ยวเหยาที่เป็นฮีลเลอร์แล้ว จะทำให้การต่อสู้กับมอนสเตอร์ของเราง่ายขึ้นนะ ใช่ไหมล่ะ?”

“แน่หรอ…?”

‘หลินว่านเอ๋อ’ทำสีหน้าที่เข้าใจได้ยาก แล้วก็มองไปที่’ตงเฉิงย่วย’ ก่อนจะกลับมายิ้มและพูดว่า

“โอเค ฉันเชื่อเธอนะ….”

‘ตงเฉิงย่วย’เอามือไปแตะที่หน้าอกของเธอ

“เฮ้อ…เกือบไปแล้ว….”

“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ?!”

“อ๋อ ฉันจะบอกว่าน้ำซุปอร่อยดีน่ะ”

“…”

ช่วง 4 ทุ่ม ฉันพาทั้งสองคนไปส่งที่หอพักแล้วฉันก็เดินกลับไปที่หอพักของตัวเอง หลังจากที่ฉันไม่เห็นว่ามีใครอยู่แถวนี้

ฉันก็กระโดดขึ้นไปบนกำแพงของหอพัก ไปยังต้นไม้ และทำการสำรวจรอบๆ ของหอพัก

ถึงแม้ว่าจะเป็นตอนกลางคืนก็ตาม แต่ก็ยังมีคนอยู่มาก มีทั้งคนที่เป็นนักเรียนของมหาลัยนี้แล้วก็ไม่เป็นนักเรียนของมหาลัยนี้

บนถนนมีรถ Porches กับ Ferrari จอดอยู่เยอะมากมาย หลังจากที่ฉันคอยสังเกตการณ์อยู่ถึง 2 ชั่วโมงจนถึงเที่ยงคืน

ฉันก็คิดว่าควรจะเลิกสังเกตการณ์ได้แล้วล่ะ เพราะฉันคิดว่าคงไม่มีอันตรายอะไรกับ’หลินว่านเอ๋อ’แล้ว

ถึงแม้ว่าฉันจะสนุกไปกับเกม แต่ก็ห้ามลืมว่าหน้าที่หลักของฉันก็คือการคุ้มครอ’งหลินว่านเอ๋อ’โดยเด็ดขาด

เป้าหมายหลักของฉันไม่ใช่การอยู่กับ’หลินว่านเอ๋อ’และ’ตงเฉิงย่วย’ แต่เป็นการคุ้มครอง’หลินว่านเอ๋อ’

และไม่ทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายใดๆ

ขณะที่ฉันยังอยู่บนต้นไม้ ฉันก็หยิบมือถือของฉันมาดูข้อมูลของบริษัทเทียนซินแล้วก็’หลินเทียนหนาน’

ว่าพวกเขาทำอะไรถึงได้เข้าไปเสี่ยงกับอันตราย แล้วถึงกับต้องจ้างฉันมาคุ้มครอง’หลินว่านเอ๋อ’

บริษัทเทียนซินเป็นบริษัทที่ตอนแรกผลิตพวกเรดาร์ ก่อนที่ในปี 2015 ‘หลินเทียนหนาน’เข้ามารับตำแหน่งซีอีโอแทนคนเก่า

แล้วก็เป็นผู้ขายอาวุธทางการทหารให้กับรัฐบาลจีน ซึ่งพวกเขาได้ผลิตกระสุนแบบนาโน

ที่มีความสามารถในการทะลุทะลวงพวกรถถังได้เลยทีเดียว แล้วก็ยังผลิตพวกเครื่องบินกับเรดาห์อีกด้วย

หลังจากที่ฉันอ่านข้อมูลของบริษัทเทียนซินแล้วก็ถอนหายใจดังๆ ฉันคิดไม่ถึงเลยว่า’หลินเทียนหนาน’จะเป็นคนที่สำคัญขนาดนี้

ดูจากผลงานของเขาแล้ว เขาทำให้ความสามารถทางการทหารของจีนเข้มแข็งขึ้นมาก โดยเฉพาะการรบทางอากาศ

และจากความสามารถของ’หลินเทียนหนาน’แล้ว ทำให้หลายประเทศต่างอิจฉา

และจากการที่เขาเป็นคนที่ไม่เผยจุดอ่อนของเขามาง่ายๆ ถึงมีก็น้อย ดังนั้นจุดอ่อนสำคัญของเขาตอนนี้ก็คือลูกสาวของเขา

‘หลินว่านเอ๋อ’ ซึ่งต่างประเทศเขาก็รู้เช่นกัน จึงได้พยายามที่จะลักพาตัวเธออยู่หลายครั้ง

เพื่อที่จะขู่ไม่ให้พัฒนาเทคโนโลยีของเขาต่อ ดังนั้นกรมตำรวจจึงได้เข้ามาช่วยในการปกป้อง’หลินว่านเอ๋อ’ด้วย

โดยการหาคนที่ทั้งแข็งแกร่งแล้วก็ฉลาด แต่เป็นคนที่ไม่เป็นจุดสังเกตมาปกป้อง’หลินว่านเอ๋อ’ ซึ่งคนๆนั้นก็คือฉันเอง

ฉันยืนสั่นอยู่บนต้นไม้ ไม่คิดเลยว่าฉันจะได้รับภารกิจที่สำคัญระดับนี้

ฉันกลับมาตั้งสติกับการสังเกตการณ์อีกครั้ง และทำการเช็คเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะกลับ

เอาล่ะ ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาแล้วล่ะนะ กลับไปนอนดีกว่า….

ฉันคิดว่าฉันควรจะอาบน้ำก่อนนอน แต่ว่าตอนที่ฉันกลับมา หนุ่มแว่นก็กำลังอาบน้ำอยู่ ดังนั้นฉันจึงต้องรอก่อน

ระหว่างที่ฉันรออยู่ ฉันก็นั่งที่โต๊ะคอมของนายแว่น แล้วก็เปิดคอมของนายแว่นเพื่อที่จะเล่นอินเตอร์เน็ตรอไปพลางๆ

สิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอคอมของหนุ่มแว่นก็คือ หน้าเว็บไซต์ของเกมเดสตินี่

แล้วก็มีข้อมูลของผู้เล่นที่มีเลเวลสูงที่สุด อุปกรณ์ที่ดีที่สุด ข้อมูลเยอะแยะเต็มไปหมดเลยแฮะ

แต่ว่าฉันก็ไม่ได้ไปอ่านมันหรอกนะ เพราะฉันคิดว่าไม่จำเป็น ตอนนี้ฉันต้องหาข้อมูลของสิ่งที่จำเป็นกับฉันก่อนมากกว่า

ในที่สุดฉันก็เจอข้อมูลที่ฉันต้องการ นั่นก็คือแผนที่ของเกมนี้ ในเกมนี้จะมีอาณาจักรใหญ่อยู่ทั้งหมด 7 อาณาจักร

ในเซิร์ฟเวอร์ของจีนนั้นจะเป็น อาณาจักรเทียนหลิง ซึ่งจะแตกย่อยออกมาเป็น 3 เมืองอีกคือเมือง ฟ่านชู จิ่วหลี แล้วก็ป้าหวาง

ซึ่งเมืองพวกนี้เป็นเมืองบริวารของปราสาทเทียนหลิง หลังจากที่ผู้เล่นนั้นจะออกจากหมู่บ้านเริ่มต้น

พวกเขาจะต้องเลือกเมืองหลักของพวกเขา สำหรับคนที่คิดจะเลือกไปที่ปราสาทเทียนหลิงเลย มันเป็นไปไม่ได้

เพราะว่ามอนสเตอร์ที่อยู่รอบๆปราสาทเทียนหลิงนั้นมีเลเวลอยู่ที่ 70 ซึ่งตอนนี้คนที่มีเลเวลสูงที่สุดคือ 18

ดังนั้น การจะไปที่ปราสาทเทียนหลิงมันก็เท่ากับว่าเป็นการฆ่าตัวตาย

ฉันซูมแผนที่เข้าไปอีกจึงเห็นหมู่บ้านสุนัขฟางของฉัน แล้วมันก็อยู่ใกล้กับเมืองป้าหวางมากที่สุด

แต่ไกลจากเมืองฟ่านชูมากๆ ดังนั้นฉันค่อยไปเมืองฟ่านชูทีหลังก็แล้วกัน

ระหว่างที่ฉันดูอยู่นั้น หนุ่มแว่นก็อาบน้ำเสร็จพอดี ตอนที่หมอนั่นเห็นหน้าฉัน มันก็ยิ้มให้กับฉันด้วยท่าทีกวนๆ และพูดว่า

“หลี่เสี่ยวเหยา เลเวลเท่าไรแล้ว~?”

“เลเวล 9 แล้ว นายล่ะ?”

“เร็วมากเลยแฮะ เลเวล 9 แล้ว ขนาดระดับฉันตอนนี้ยังเพิ่งเลเวล 13 เลย ตอนนี้ฉันอยู่ที่เมืองจิ่วหลี แล้วนายล่ะจะไปเมืองไหน จะมาด้วยกันไหม?”

พอฉันคิดเรื่องที่จะต้องเล่นไปด้วยกันกับหนุ่มแว่นแล้วฉันก็ยิ้มแหยงๆออกมาเอง

“คือจะให้ฉันไปที่เมืองจิ่วหลีก็ได้นะ แต่ว่าฉันต้องข้ามภูเขาข้ามแม่น้ำไปก่อนสิ แล้วการที่ทำแบบนั้น ฉันคิดว่าฉันคงตายจนกลับไปเลเวล 1 อีกครั้งน่ะสิ ฉันอยู่ใกล้เมืองป้าหวางมากที่สุด ดังนั้นฉันตั้งใจให้เมืองป้าหวางเป็นเมืองหลักของฉันนี่แหละ”

“ก็ได้ ถ้างั้นนายก็เก็บเลเวลให้สูงจนสามารถขี่ม้าได้ แล้วค่อยมาก็ได้นะ ไม่ต้องรีบ”

“อืม”

ฉันมองไปที่เวลา ผ่านไป 3 ชั่วโมงแล้วหลังจากที่ฉันออกจาเกมไปกลับไปดูดีกว่าว่าเจ้าพวกนั้นยังอยู่รึเปล่า

หลังจากที่ฉันกลับเข้ามาในเกม ฉันก็ยังคงอยู่ในร่างวิญญาณ แล้วก็ใกล้ๆกับศพของฉัน

ซึ่งฉันมองไปรอบๆก่อนเพื่อดูว่าไม่มีใครอยู่แล้ว ก็เลยตัดสินใจจะคืนชีพ แต่ว่ามาคิดอีกที ลองเดินเช็คดูหน่อยดีกว่า

แล้วฉันก็เดินไปรอบๆ เจอกับเจ้า’ฉีชูป้าหวาง’กำลังหลบอยู่หลังต้นไม้ พวกจอมเวทย์อีกสองคนก็หลบอยู่ที่หลังพุ่มไม้….

ให้ตายสิ ไอพวกบ้านี่ยอมทำขนาดนี้เพื่อดาบระดับดำเล่มเดียวเลยงั้นหรอ? น่าอนาถใจจริงๆเลย

ฉันจึงออกจากเกม ไปอาบน้ำแล้วก็นอน ก่อนนอนฉันก็สงสัยว่าพวกนั้นจะรอจนถึงเช้าเลยไหมนะ?

 

 

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments