I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Zhan Long ตอนที่ 40 จดหมายฉบับหนึ่ง

| Zhan Long | 1474 | 2336 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

หลังจากที่เตรียมของเสร็จแล้วฉันกำลังจะเดินออกจากเมือง แต่จู่ๆฉันก็เดินออกไปไม่ได้ อืม คิดอยู่ซักพักก็นึกออกว่า ช่วงนี้เราไม่ได้ไปหาราชาของเมืองนี้เลย

อืม ถ้างั้นก็ไปหาหน่อยก็แล้วกัน เผื่ออาจจะมีภารกิจดีๆอะไรให้ทำล่ะนะ เมื่อฉันไปถึงที่วัง ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งแรกที่ฉันมา เพราะว่าที่วังตอนนี้มีผู้เล่นอยู่มากมายไปหมด เนื่องจากพวกเขาคงหวังว่าจะได้รับเควสอะไรดีๆล่ะมั้งนะ

เลยเล่นคุยกับ NPC ทุกตัวเลย แต่สำหรับฉันแล้ว การที่ฉันมาที่นี่ก็เพื่อมาหา ‘หลัวเล่ย’นั่นเอง ‘หลัวเล่ย’มองมาที่ฉันแล้วพูดว่า

“เจ้าหนูฮีลเลอร์ ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคนที่มีความสามารถแบบนี้ตั้งแต่หนุ่มเลย เอาล่ะ ไม่พูดอะไรไร้สาระแล้ว ข้ามีภารกิจสำคัญให้เจ้าทำ”

ติ๊ง! ข้อความจากระบบ : เนื่องจากคุณมีค่าเสน่ห์มากกว่า 15 ภารกิจเนื้อเรื่องจึงปลดล๊อค

คุณสนใจรับภารกิจเนื้อเรื่อง [จดหมายฉบับหนึ่ง] ไหม? (ความยาก AA)

จดหมาย? ความยาก AA? ตาค้างไปเลยทีเดียว ระดับ AA นี่มันน่าจะโคตรยากเลยล่ะนะ เพราะแค่ระดับ B ก็ตายไปหลายครั้งอยู่ ดังนั้น AA นี่น่าจะตายเอาตายเอาเลยล่ะ แต่ภารกิจระดับนี้มาอยู่ตรงหน้าขนาดนี้ จะให้ทิ้งไปได้ยังไงกันล่ะ

เอาเถอะ ไม่ว่าจะตายซักกี่ครั้ง ก็จะทำให้สำเร็จให้ได้ล่ะนะ

“ติ๊ง!” ข้อความจากระบบ : คุณได้รับภารกิจ [จดหมายฉบับหนึ่ง]

คำอธิบายภารกิจ : ท่านต้องไปที่ [Phoenix Valley] เพื่อตามหาพลตรีเป่ย

นำจดหมายของหลัวเล่ยไปให้กับเขาเพื่อรับภารกิจต่อไป

ทันใดนั้นไอเทมจดหมายก็เข้าสู่กระเป๋าของฉัน หลังจากที่ฉันได้รับจดหมายแล้ว ‘หลัวเล่ย’ก็กอดอกยืนมองฉันก่อนจะพูดว่า

“เจ้าหนู ข้าไม่ได้เห็นเจ้านั่นตั้งแต่มันออกจากเมืองไปเมื่อ 7 ปีที่แล้วเลย ดังนั้นข้าต้องฝากเจ้าด้วยล่ะนะ”

ฉันขมวดคิ้ว เพราะว่าไม่เข้าใจว่า ที่’หลัวเล่ย’พูดนั้นหมายความว่ายังไง แต่ก็เอาเถอะ ทำตามที่ภารกิจมันสั่งไว้ก็น่าจะไม่มีปัญหาล่ะนะ  เอาล่ะ ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกก็คือไปหาพลตรี’เป่ย’ก่อนล่ะนะ เอาล่ะ ออกเดินทางได้แล้วทีนี้!!

ฉันเดินออกจากทางประตูเหนือ และตรวจสอบบริเวณรอบๆว่ามีคนจากกิลด์ [ความโกรธแค้นของผู้กล้า] คอยเฝ้าดูฉันอยู่รึเปล่า เพราะว่าฉันไม่อยากถูกโจมตีระหว่างที่ทำภารกิจแบบครั้งที่แล้วอีกแล้วล่ะนะ เอาล่ะ ไม่มี ดังนั้นก็หาทางไป [Phoenix Valley] ก็แล้วกัน

ดูเหมือนว่ามันจะอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองป้าฮวงนะ อืม และในแผนที่ก็เป็นสีแดงก่ำเลย แสดงว่ามอนสเตอร์ตรงนั้นเลเวลต้องสูงมากแน่ๆ ระหว่างที่เดินทางฉันก็พยายามเลี่ยงที่จะสู้กับพวกมอนสเตอร์ หลังจากเดินทางไป 50 นาที ฉันก็พบกับเสือชีตาร์เลเวล 33 นอนอยู่

ดูเหมือนว่าจะต้องสู้กับเจ้านี่สินะ ฉึก… ฉันแทงหอกเข้าไปที่คอของชีตาร์ จากนั้นก็ปีนขึ้นเขาเล็กๆไปจนถึงยอดเขา ซึ่งวิวที่ฉันเห็นทำให้ฉันทึ่งมาก เพราะฉันเห็นว่ามี NPC ทหารอยู่เต็มไปหมดเลย แถมยังดูน่าเกรงขามมากๆ แล้วพวกเขาเองก็ยังมีตราของเมืองป้าฮวงกันทุกคน ซึ่งตรานั้นช่วยเพิ่มค่าสถานะ 3% ทั้งโจมตีและป้องกัน ระหว่างที่ฉันกำลังลงจากเขา ก็ลื่นตกลงมายังแม่น้ำ NPC ที่ยืนอยู่ใกล้ๆก็หัวเราะฉันพร้อมกับพูดว่า

“ไอเจ้าหนูนี่เป็นนักผจญภัยของเมืองป้าฮวงจริงๆหรอเนี่ย เหยาะแหยะชะมัด”

ปล่อย NPC มันนินทาฉันไป ฉันไม่สนใจและมุ่งหน้าเดินต่อเข้าไปข้างใน ตรงกลางค่ายทหาร ฉันพบกับเต้นท์ขนาดใหญ่ ถูกคุ้มกันแน่นหนาโดยทหาร และในขณะที่ฉันกำลังจะเข้าไปในเต้นท์นั้น พวกทหารก็เอาดาบมาชี้หน้าฉันก่อนจะพูดว่า

“ช้าก่อน มาทำอะไร?”

“เราพวกเดียวกันนะ!”

ฉันโชว์ตราของเมืองให้พวกเขาดูก่อนจะพูดว่า

“ฉันมาใต้คำสั่งของเจ้าเมืองหลัวเล่ย ฉันมาที่นี่เพื่อมาหาพลตรีเป่ย”

“พลตรีเป่ยงั้นรึ? เจ้ามีหลักฐานอะไรมายืนยันไหมว่ามาตามคำสั่งของท่าเจ้าเมือง”

ฉันหยิบจดหมายขึ้นมาให้พวกเขาดู

“แค่เจ้านี่ใช้ได้ไหม?”

“อืมได้ ตามข้ามา!”

เขามองมาที่หอกของฉันก่อนจะส่ายหัวแล้วพูดว่า

“ฮีลเลอร์สมัยนี้เขาใช้หอกแทนดาบแล้วหรอเนี่ย นี่เราอยู่ในยุคอะไรกัน?”

ฉันเดินตามผู้คุ้มกันเข้าไปในเต้นท์ ด้านในเต้นท์นั้นมีคนๆหนึ่งสวมเกราะสีแดงนั่งอยู่ คนๆนั้นน่าจะเป็นพลตรีเป่ยล่ะนะ

“พลตรีเป่ย ชายคนนี้บอกว่าเขามีจดหมายจากท่านเจ้าเมืองมาให้ท่าน”

“หืม?”

พลตรีเป่ยยิ้มก่อนจะเดินมาหาฉันแล้วพูดว่า

“เจ้าหนู เจ้าเป็นนักผจญภัยของเมืองป้าฮวงก็จริงนะ แต่เจ้าอ่อนแอมากเลย นี่เจ้ารอดดงมอนสเตอร์มาถึงที่นี่ได้ยังไงกันเนี่ย”

ฉันหยิบจดหมายยื่นให้แล้วยิ้มให้เขา

“ถ้าผมนำจดหมายนี้มาส่งให้ท่านไม่ได้แล้ว ผมไม่ยอมตายแล้วตกเป็นอาหารของพวกมอนเตอร์หรอกครับ”

“ฮ่าๆ วาจาคมคายดีนี่นา!”

หลังจากที่พลตรีเป่ยอ่านจดหมายแล้ว สีหน้าของเขาก็เครียดขึ้นมา เขาพูดกับฉันว่า

“จดหมายนี้ส่งมาให้ข้าก็จริง แต่จริงๆแล้วนั้นจดหมายนี้มันสำหรับอีกคนมากกว่า นี่เจ้าพอจะรู้เรื่องพวกนี้ไหม?”

“ไม่เลย”

พลตรีเป่ยกัดฟันก่อนจะพูดว่า

“ไอเจ้าคนเห็นแก่ตัวนั่น!!”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรอครับ?”

ฉันถาม สีหน้าของพลตรีเป่ยเต็มไปด้วยความโกรธ

“ท่านหลัวเล่ยมีลูกชายอยู่คนหนึ่งชื่อว่าหลัวหลิน หลัวหลินเป็นเด็กอัจฉริยะมาก ตอนอายุ 16 ก็เป็นนักเรียนทหารที่มีชื่อเสียง และตอนที่ 17 ก็ได้เป็นอัศวินอากาศ ในช่วงนั้นเขาแกร่งจนหาคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อไม่ได้เลย แต่เมื่อเขาอายุ 19 ปีนั้น เขาก็ได้ทำสิ่งที่ทำให้ทุกๆคนผิดหวัง แน่นอนว่ารวมไปถึงพ่อของเขาด้วย เขาออกเดินทางไปยังที่ที่ไม่มีใครอยากจะไป…..”

“ที่ไหนกัน?”

“ดินแดนเยือกแข็ง…”

“ดินแดนเยือกแข็งงั้นหรอ?”

ไม่รู้เลยแฮะว่ามันอยู่แถวๆไหน พลตรีเป่ยพยักหน้าก่อนจะพูดต่อว่า

“รอบๆเมืองป้าฮวงนั้น ถึงแม้ว่าจะมีมอนสเตอร์และพวกอันเดดมากมายอยู่ก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้อันตรายอะไรมาก แต่ก็มีจุดๆหนึ่งที่เขาเรียกจุดๆนั้นว่า ดินแดนลับแล ซึ่งเป็นที่ที่แม้แต่ทหารมือหนึ่งเข้าไปยังแทบจะเอาชีวิตไม่รอดกลับมา มันเป็นที่ที่อันตรายมากๆเลยทีเดียว ซึ่งหลัวหลินนั้นอยากจะไปฝึกวิชา ก็เลยเดินทางไปยังดินแดนเยือกแข็งเพียงคนเดียว ตอนนี้พวกเราไม่รู้เลยว่าเขาเป็นตายร้านดียังไง ดังนั้นข้าเองก็การันตีให้เจ้าไม่ได้นะว่าจดหมายฉบับนี้จะส่งถึงมือผู้รับได้สำเร็จรึเปล่า เจ้าหนู ข้าปล่อยให้เจ้าไปที่นั่นไม่ได้หรอก ตายฟรีเปล่าๆ”

ฉันเงียบไปเพื่อคิดถึงข้อดีข้อเสีย ก่อนจะตัดสินใจได้ ฉันจึงกำหมัดแล้วพูดว่า

“ไม่มีปัญหา จะให้ยอมแพ้โดยที่ไม่ได้ลองได้ยังไงกัน”

พลตรี’เป่ย’มองมาที่ฉันแล้วหัวเราะ

“เจ้าหนู ทัศนคติของเจ้านั้นเหมือนกับข้าตอนหนุ่มๆเลยนะ ก็ดีๆ แต่ก่อนอื่นเจ้าต้องแสดงพลังของเจ้าให้ข้าดูก่อนว่าผ่านไหม ไม่งั้นแล้วข้าก็ไม่ยอมให้เจ้าไปที่ดินแดนเยือกแข็งหรอกนะ”

ฉันพยักหน้า

“ไม่มีปัญหา”

 

“ติ๊ง!” ข้อความจากระบบ : ภารกิจระดับ AA ของท่านได้ถูกเปลี่ยนเป็นภารกิจ [ทดสอบกำลัง]

คำอธิบายภารกิจ : ที่ทางใต้ของแผนที่ [Phoenix Valley] นั้นมีป่าเมเปิ้ลอยู่ ที่นั่นมีพวกโจรชั่วที่คอยปล้นชาวบ้านแถวๆนั้นอยู่

ถ้าเจ้าเจอกับเจ้าพวกโจรพวกนั้นแล้ว ฆ่ามันอย่างน้อย 100 คน

แล้วก็หา บันทึกสุสาน หน้า 1-7 มาให้กับพลตรีเป่ย จากนั้นแล้วเจ้าจะได้รับรางวัล แล้วก็ภารกิจใหม่ต่อไป

ฉันรีบออกจากเต้นท์ทันที เรียกโบโบ้ออกมาแล้วก็ออกเดินทางไปยังป่าเมเปิ้ล ฉันใช้เวลาประมาณ 5 นาทีก็มาถึงในที่สุด วิวในป่าเมเปิ้ลนั้นสวยงามมาก จนทำให้ฉันอยากจะพักชมวิวซักนิดเลย แต่ฉันเองก็เห็นกลุ่มควันไฟกำลังลอยขึ้นมา แล้วก็เต้นท์ที่ตั้งกันเป็นจุดๆ และรอบๆเต้นท์แต่ละเต้นท์นั้นก็มีพวกโจรอยู่ประมาณ 10 คน ฉันเดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อส่องค่าสถานะของพวกมัน

[Bloody Bandits](มอนสเตอร์ทั่วไป)

เลเวล:35 พลังโจมตี : ???

พลังป้องกัน : ??? HP: ???

Skills:???

เลเวล 35

เลยงั้นหรอ ดูน่าจะรับมือยากนะ ฉันเลยลองสั่งให้โบโบ้เข้าไปลุยด้วยก่อนเพื่อเก็บข้อมูล โบโบ้ใช้สกิลของมันทั้งสองสกิลใส่เจ้าโจร สร้างความเสียหายได้มากกว่า 700 แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่พอ ฉันคิดว่าพวกโจรพวกนี้น่าจะมี HP อยู่ราวๆ 1700 ดังนั้นงานนี้หินไม่เบาเลย

“มีผู้บุกรุก!!”

หลังจากที่เจ้าโจรตัวแรกนั้นถูกโจมตี ก็เรียกเพื่อนคนอื่นๆมาช่วยกันรุมตีโบโบ้ ฉันรีบฮีลแล้วก็ออกมาจากที่ซ่อนเพื่อช่วยโบโบ้สู้ หลังจากที่จัดการไปได้สองตัวแล้ว ค่า MP ของฉันก็แทบจะหมด เจ้าพวกนี้นี่ตึงมือเอาการเลยทีเดียว ตุ๊บ! หลังจากโจรตัวที่สองตาย มันก็ดรอปหนังแกะออกมา

ฉันหยิบขึ้นมาดูจึงรู้ว่า เจ้านี่มันคือ บันทึกสุสานหน้าที่ 3 ข้อความในนั้นถูกเขียนไว้ว่า

“วันนี้พวกเราก็ขุดสุสานอีกที่นึง ด้านในนั้นมีหม้อทองแดงอยู่ แต่น่าเสียดายที่มันผุพังกันซะส่วนใหญ่ ทำให้ขายได้เงินมาไม่มาก ถ้าไม่พังไปคงจะขายจนได้เงินพอที่จะแต่งงานแล้วล่ะนะ”

ฉันเก็บบันทึกลงไปในกระเป๋า เอาล่ะ ลุยต่อดีกว่า เจ้าโจรพวกนี้มีเลเวลสูงมาก และแน่นอนว่ามันก็ให้ค่า EXP ตอบแทนในระดับที่ดีเลยทีเดียว หลังจากที่ฉันล่าเจ้าพวกนั้นอยู่สองชั่วโมง ฉันก็เลเวลอัพเป็น 28 และบันทึกสุสานก็มีเล่ม 1-6 แล้ว ขาดเดียงเล่มเดียวเท่านั้น ระหว่างที่ฉันกำลังฆ่าโจรอีกตัวอยู่นั้น ก็เห็นจุดสีฟ้าเข้ามาในแผนที่นี้ ดูเหมือนว่าจะมีผู้เล่นคนอื่นๆเข้ามาสินะ

แซ่กๆๆ…. ใบเมเปิ้ลนั้นแยกออกราวกับว่ามีใครเดินออกมา ก่อนที่ตัวผู้เดินนั้นจะโผล่ออกมาพร้อมกับมีดในมือ เธอย่อตัวลงเล็กน้อยก่อนกระโดดหายตัวไปกลางอากาศ ซึ่งช่วงที่เธอปรากฏตัวนั้น ฉันก็เห็นชื่อของเธอชัดเจนว่า

‘เยี่ยนส่อเฟิงย่วย’ เจ้าพวก [ความโกรธแค้นของผู้กล้า] อีกแล้วหรือเนี่ย!!

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments