ตอนที่แล้วตอนต่อไปฉันรู้ว่าเฟิงหานอยากได้เจ้าโล่นี่มาก เพื่อเอาไว้ใช้สู้กับบอสระดับทองที่มีเลเวลมากกว่า 50 ล่ะนะ เพราะว่าพวกเขานั้นต้องการหาการ์ดสร้างกิลด์ยังไงล่ะ!!
แน่นอนว่าทุกๆกิลด์ตอนนี้นั้นพยายามจะสร้างกิลด์ให้ได้เป็นกิลด์แรกกันทั้งนั้นแหละ ดังนั้นก็ต้องลงทุนหน่อย
“เซียวเหยาจื้อไจ้ รอแปปนึงนะ”
เฟิงหานยิ้ม
“ฉันกำลังให้คนไปเอาเงินมาให้อยู่ เงิน 1000 ทองมันไม่น้อย ต้องใช้เวลาหน่อย”
“อืม ไม่มีปัญหา”
ฉันพยักหน้า ไม่นานก็มีผู้เล่น 7 คนเดินเอาเงินมาให้เฟิงหาน หลังจากนั้นเขาก็มาแลกกับฉัน เอาล่ะ ได้มา 1000 ทองแล้วล่ะนะ ฉันรีบเอาไปขายทันที ตอนนี้อัตราแลกเปลี่ยนยังอยู่ที่ 1 ต่อ 10 อยู่ ดังนั้นฉันจะได้เงินจากการขายครั้งนี้ 1 หมื่นหยวนล่ะนะ
“อืม ขอบคุณที่ใช้บริการ”
หลังจากที่’เฟิงหาน’ได้โล่แล้ว เขายิ้มให้ฉันแล้วพูดว่า
“เซียวเหยาจื้อไจ้ นายเป็นคนน่าสนใจมาก นายสนใจเข้ากิลด์แนวหน้าของพวกเราไหม?”
ฉันส่ายหัว
“ไม่ล่ะ ฉันชอบลุยเดี่ยวมากกว่า”
“อืม งั้นไว้เจอกันใหม่ก็แล้วกัน”
หลังจากนั้นเขาก็ไปพร้อมกับ Monk ที่ขอบคุณยกใหญ่ที่เฟิงหานซื้อโล่นี้ให้
ติ๊ก! ‘ชิงเฉี่ยน’ส่งข้อความมาว่า
“เซียวเหยา นายขายโล่ไปแล้วหรอ?”
“อืม เฟิงหานซื้อไปแล้ว ว่าแต่สายข่าวของพวกเธอนี่ไวจังนะ..”
“แน่นอน”
‘ชิงเฉี่ยน’เปิดการสนทนาแบบเสียง เธอหัวเราะแล้วพูดว่า
“ลุงเห็นว่าโล่ถูกขายไปแล้วก็โกรธมากเลยล่ะ เขาบอกว่านายน่าจะติดต่อปรากมาก่อน น่าจะให้ความสำคัญกับปรากก่อน”
ฉันกัดปากตัวเองแล้วพูดว่า
“หมอนั่นพูดงั้นจริงหรอ? หมอนั่นเตะเธอออกจากปรากเพราะฉัน แล้วก็มาฆ่าฉัน ทำแบบนั้นแล้วคิดหรอว่าฉันจะให้ความสำคัญกับเขา? “
‘ชิงเฉี่ยน’ เธอส่งข้อความจากฉันไปบอกเขาเลยนะว่า
“อีกไม่นาน ฉันจะจัดการกับเขาด้วยตัวของฉันเองแน่นอนเลยล่ะ”
“เอ๋ เอางั้นเลยหรอเซียวเหยา?”
“อืม ใช่แล้ว”
“ก็บอกได้อยู่นะ แต่ขอถามหน่อยว่าทำไมล่ะ?”
“เพราะเขาทำไม่ดีกับเธอที่เป็นเพื่อนของฉันยังไงล่ะ ดังนั้นต้องตอบแทนหน่อย”
“แต่ฉันไม่อยากให้พวกเธอสู้กันนะ..”
“ไม่ต้องห่วงน่า ฉันแค่สู้กับเขาให้ชนะ ไม่ใช้ล้มล้าง ปราก ซักหน่อย แล้วฉันเองก็ตัวคนเดียว จะเอาปัญญาที่ไหนไปจัดการกับกิลด์ใหญ่ๆแบบนั้นได้ล่ะ”
“อืม เซียวเหยา ถ้างั้นก็พยายามเก็บเลเวลเข้านะ ฉัน…”
‘ชิงเฉี่ยน’หน้าแดง
“ฉันจะรอนะ..”
ฉันยิ้ม
“รออะไรหรอ?”
‘ชิงเฉี่ยน’เม้มปากก่อนจะพูดว่า
“ฉันจะรอให้นายเก่งพอที่จะเอาตัวฉันออกไปจากปรากยังไงล่ะ”
ฉันยิ้มแล้วตอบกลับไปว่า
“อืม จะพยายามนะ”
หลังจากที่จัดการขายของระดับทองแดงกับเขียวไปหมดแล้ว ฉันก็เดินเล่นในเมืองจนถึง 4 ทุ่ม แต่’หลินว่านเอ๋อ’เองก็ยังไม่โทรมาชวนไปหาอะไรกิน ฉันจึงเปิดหน้าจอเพื่อนก็เห็นผู้เล่น ชางถงเลเวล 41 กำลังอยู่ในเกม ก็เลยส่งข้อความไปว่า
“ว่านเอ๋อ ไปหาอะไรกินกันไหม?”
เธอส่งข้อความกลับมาว่า
“กำลังสู้กับบอสอยู่ อีก 10 นาทีค่อยติดต่อมาใหม่”
“อืม”
หลังจากที่ฉันเดินเล่นไปซักพัก ฉันก็เจอเข้ากับกลุ่มคนกำลังเดินไปนอกเมืองกันเยอะแยะ ไหนๆ ขอดูหน่อยสิว่าจะไปทำอะไรกัน ฉันออกมานอกเมืองป้าฮวง ก็พบกับผู้เล่นคนหนึ่งสวมชุดเต็มตัวพร้อมถือขวาน อายุของเขาน่าจะราวๆ 27
บนไหล่ของเขามีข้อความขึ้นโชว์อยู่ว่า อันดับ 7 ของเมืองป้าฮวง
ชื่อบนหัวของเขามีชื่อว่า เลี่ยหู่ Level 40 Silver Berserker
ให้ตายสิ คลาสสามของ Berserker สินะ เขายืนอยู่กลางฝูงชน เขาหัวเราะแล้วพูดว่า
“ฉันคือเลี่ยหู่ สมาชิกของกิลด์ มังกรเหินเวหา วันนี้ฉันจะจัดลานประลองตรงนี้ เพื่อประลองกัน ซึ่งถ้าฝีมือดีก็อาจจะพิจารณาให้เข้ากิลด์ ส่วนคนที่สามารถโค่นฉันได้ ฉันจะให้รางวัลเป็นเงิน 100 ทอง ใครสนใจก็ยกมือขึ้นมาได้เลย”
กลุ่มคนที่มุงอยู่ก็พูดกันขึ้นมาว่า
“นี่คือเลี่ยหู่ที่ติดอันดับสินะ หมอนี่บ้าชัดๆมาตั้งลานประลองแถวนี้”
“หมอนี่กำลังหาคนเข้ากิลด์ มังกรเหินเวหางั้นหรอ”
“ชนะได้เงิน 100 ทองเลยนะ”
“100 ทองนี่ก็พันหยวนเลยนะ นั่นมันหมายถึงเงินเดือนทั้งอาทิตย์เลยนะ แถมถ้าแพ้ก็ไม่ขายหน้าด้วย เพราะหมอนี่เป็นผู้เล่นติดอันดับ”
ไม่นาน ก็มี Mage เลเวล 37 คนหนึ่งเดินเข้ามาพูดว่า
“ฉันขอลองหน่อยก็แล้วกัน ถ้าชนะได้จะได้เงิน 100 ทองใช่ไหม?”
‘เลี่ยหู่ทุ’บอกตัวเองแล้วพูดว่า
“ไม่ต้องห่วง ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำ”
“ดี!!”
การต่อสู้เริ่มขึ้น Mage นั้นใช้สกิลโจมตีเป็นระลอกๆ ทำให้เลี่ยหู่ถึงกับต้องดื่มยาเลยทีเดียว แต่ในขณะที่ทุกคนคิดว่าเลี่ยหู่จะแพ้ เขาก็ใช้สกิล [Flame Axe] โจมตี Mage ทีเดียวตาย Mage คืนชีพขึ้นมาพร้อมกับพูดว่า
“ให้ตายสิ ผู้เล่นติดอันดับนี่แข็งแกร่งจริงๆ…”
‘เลี่ยหู่’หัวเราะ
“มีใครสนใจจะลองอีกไหม?”
ทันใดนั้นก็มีนักดาบเลเวล 36 เดินเข้ามาพูดว่า
“ขอลองหน่อย”
ไหนขอดูหน่อยสิ Swordsman Vs Berserker การต่อสู้ของสายโจมตีประชิด นักดาบโจมตีก่อนด้วยสกิล [Combo Lv4]
“174!”
“149!”
“167!”
แต่น่าเสียดายที่โจมตีไม่เข้าเลยซักนิดเดียว
“ตาฉันล่ะ”
‘เลี่ยหู่’ใช้สกิล [Rage Lv4] ที่ช่วยเพิ่มพลังโจมตี 8% แล้วก็สกิล [Penetration Lv4] ที่ช่วยให้การโจมตีครั้งต่อไปนั้นทะลุพลังป้องกัน 20% ของฝ่ายตรงข้าม
ฟุ้บ!!
“918!”
เขาใช้สกิล [Burning Axe] ที่เป็นสกิลจากการเปลี่ยนคลาสที่เลเวล 40โจมตีใส่นักดาบเต็มๆ ก่อนจะโจมตีซ้ำอีกทีด้วยสกิล [Flame Axe] สร้างความเสียหายอีก 400 จนนักดาบตาย
หลังจากจัดการเสร็จ เขาก็ยกขวานขึ้นมาวางไว้บนไหล่แล้วยิ้ม
“ใครสนใจอีก?”
แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าเข้าไปอีก แต่ในขณะที่กำลังเงียบอยู่ ก็มีคนๆหนึ่งเดินเข้ามาพูดว่า
“ไหนขอลองพลังของ Berserker เลเวล 40 ที่มีอาวุธระดับทองเลเวล 32 หน่อยสิ…”
คนที่เดินเข้ามาก็คือ ‘ฟู๋เชิงว่าน’เริ่น ฉันงงมาก เพราะว่าเขาถึกก็จริง แต่ก็โจมตีเบา แล้วเขาจะสู้ยังไง? เลี่ยหู่หัวเราะก่อนจะพูดว่า
“หืม? คุณก็คือ Monk ตัวหลักของกิลด์ แนวหน้า สินะ ดีๆ มาเลย ผมจะดวลกับคุณเอง”
‘ฟู๋เชิง’ยิ้ม
“ถ้างั้นก็ฝากตัวด้วยล่ะ..”
‘เลี่ยหู่’วิ่งเข้าไปทันที ฟู๋เชิงยิ้มแล้วร่ายสกิล [Lower your Sword Lv4] ทำให้พลังโจมตีของเลี่ยหู่ลดลง 8% จากนั้นก็ใช้สกิลบัฟของ Monk [Regen] [Golden Defense] ซึ่งช่วยเพิ่ม HP กับพลังป้องกัน
แคล้ง*
สกิล [Fire Axe] ของเลี่ยหู่นั้นสร้างความเสียหายใส่’ฟู๋เชิง’เพียงแค่ 117 เท่านั้น เขาตกใจแล้วพูดว่า
“ไม่จริงน่า!!”
หลังจากนั้นแล้วเขาก็เรียก [Ice Rat] ของตัวเองออกมา
หืม…ฉลาดไม่เบา เพราะการใช้เวทย์โจมตีนั้นจะช่วยได้เยอะเวลาเจอกับพวกถึกๆ
ที่มา: