I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Zhan Long ตอนที่ 97 ค้นหาเพื่อนเก่า

| Zhan Long | 1605 | 2364 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

“ไม่ต้องรีบ”

‘ตงเฉินเย่’พูดอย่างเอือมระอา

“พวกเราไปแน่นอน แต่ว่าหลังจากทานข้าวกันก่อนนะ”

“โอเค”

ผมนั่งลงอีกครั้ง และหยิบโทรศัพขึ้นมาโทรหาซงฮาน

“พี่น้องเซียวเหยา!!”

“ซงฮานพรุ่งนี้ราคาหมวกเล่นเกมลดนะ นายเตรียมตัวรึยัง”

‘ซงฮาน’พูด

“พอดีผมโชคดีนิดหน่อยทำให้มีเงินพอซื้อนะ ตอนนี้ผมมีหมวกแล้วหละ แต่ยังเหลือของ Old K และ Fox เดี๋ยวหลังจากผมกินข้าวเสร็จผมจะไปต่อคิวรอ แต่ว่าผมมีเงินเหลือพอสำหรับอันเดียวเท่านั้นเอง พวกเราอาจจะต้องรอมันลดครั้งหน้าละนะ บางทีอาจจะหนึ่งเดือนหลังจากนี้”

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวชั้นจะไปเข้าคิวรอซื้ออีกอันเอง”

“พี่น้องเซี่ยวเหยานายมีเงินงั้นเหรอ?”

“อ่า เดี๋ยวชั้นจะติดต่อไป ภายในสามวัน Zhan Long สตูดิโอจะกลับมาอีกครั้งแน่นอน”

“โอเค เยี่ยมไปเลย ฮ่าๆ”

หลังจากที่อาหารมาถึง ผมก็รีบวางหูทันที ‘หลิงว่านเอ๋อ’เอียงศีรษะเล็กน้อยและมองมาที่ผม

“นายอยากให้ฉันพาไปไหม มันไม่ไกลจากที่นี่หรอก แต่ว่าถ้าเดินไป ก็ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึ่งละนะ ระยะทางก็ราวๆ 5 กิโลเมตร”

ผมมองไปที่เธอ

“ไม่เป็นไรหรอก เดินไปก็ไม่ได้แย่นะ ในอดีตผมเคยถูกผู้หญิงคนหนึ่งทิ้งไว้บนภูเขาร้าง ห่างจากเมืองประมาณ 20 กิโลเมตร และผมก็เดินกลับมา….”

‘ตงเฉิงเย่ว’ถามต่อ

“โอ้ เหตุการณ์นั้นมันเป็นไงงั้นเหรอ ใครกันที่ทิ้งนายแบบนั้น”

ผมไม่ตอบอะไรแต่ว่า’หลิงว่านเอ๋อ’พยายามซ่อนแก้มที่ขึ้นสีแดงของเธอ ‘ตงเฉิงเย่ว’กล่าวอย่างเคืองๆ

“ว้าวว นี่พวกเธอสองคนไปทำอะไรกันโดยที่ฉันไม่รู้เนี้ย”

……

หลังจากที่ทานมื้อเย็นขนาดใหญ่ ผมก็ใช้บัตรเครดิตรูด ผมละเสียใจจริงๆ หลังจากออกมา ผมก็ขับรถพา’หลิงว่านเอ๋อ’และ’ตงเฉิงเย่’วกลับหอพัก เพราะผมต้องแน่ใจก่อนว่าพวกเธอจะปลอดภัย ผมออกมาจากมหาลัยหลังจากที่แน่ใจแล้วว่าพวกเธอเข้าห้องของพวกเธอแล้ว

ผมเรียกแท็กซี่เพื่อจะไปร้านค้าทันที เวลาห้าทุ่มตรง ผมมาถึงยังร้านค้า ผมรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย นี่มันไม่มีคนยืนเข้าแถวเลยนี่นา อย่าบอกนะว่าข้อมูลผิดพลาด หรือว่านั้นจะเป็นเว็บไซด์ปลอม? ไม่มีปัญหา ผมจะลองรอดู!!! ใกล้ๆ กับตู้ ATM ผมถอนเงินออกมา 20000 หยวนทันที และถือมันไว้แน่น

ผมยืนต่อแถวอยู่ด้านหน้าร้าน ผมรู้สึกเหมือนเป็นยามที่ทำงานกะกลางคืนเลยแหะ แม้ว่าผมจะทำมันมาหลายครั้งแล้วก็เถอะ ถึงผมจะออกจากกองทัพมาหลายปีแล้วก็เถอะ สัญชาตญาณผมก็ยังใช้การได้อยู่ มันบอกให้ผมระวังตัว การที่มายืนตรงนี้ต้องตื่นตัวตลอดเวลา ต้องสังเกตการณ์เคลื่อนไหวของทุกคนที่เดินผ่านไปมาตลอดเวลา

ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ตอนกลางคืนนั้นมีอากาศหนาวมากๆ อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 7 องศา ในขณะที่ใบไม้ร่วงหล่นอย่างแผ่วเบา บนถนนคนก็เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ ผมเบื่อมากที่ต้องมายืนอยู่แบบนี้ ผมจึงเอาโทรศัพท์ออกมาเพื่อเข้าไปเช็คข้อมูลในเว็บไซด์ของ Destiny บางทีมันอาจจะมีข้อมูลที่ใช้ได้ก็ได้

มันปรากฏชื่อของผมในประกาศการสร้างกิลด์เป็นกิลด์แรกอยู่

【Hot】ข่าวล่าสุด : ผู้เล่นนายพลหลี่มู่ เวลา 18:56 สร้างกิลด์แรกในเกม Destiny 【Valiant Bravery】. มีข่าวลือว่า นายพลหลี่มู่ได้รับป้ายสร้างกิลด์มาจาก อดีตหมออันดับหนึ่งแห่งเมืองป้าฮวง เซียวเหยาจื่อไจ๋ แต่มันยังเร็วเกินไปที่จะสรุปอะไร หรือว่ากิลด์ 【Valiant Bravery】จะกลายเป็นผู้นำแห่งเมืองป้าฮวง?

หลังจากนั้นผมก็เลื่อนไปดูโพสตอบกลับทันที

【1 Post( Player Frozen Graveyard)】:นายพลหลี่มู่เขาเป็นคนที่น่าเลื่อมใสจริงๆ ถึงแม้เขาจะตาย เขาก็ยังออกมาพร้อมกับป้ายสร้างกิลได้

【2nd Post(Player Dusty Bones)】นายพลหลี่มู่น่าเกรงขามมาก

【3rd Post(Player Q-Sword)】:อันที่จริงตอนนี้เมืองป้าฮวงมีกิลขนาดใหญ่อย่าง [Vanguard], [Prague] และ [Flying Dragon] อยู่ ถึงแม้ว่า  [Valiant Bravery] จะเป็นกิลด์แรก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไปได้ดี  สายลมสามารถตัดต้นไม้ที่สูงที่สุดได้

TL: เป็นสุภาษิตจีนมีความหมายว่าคนที่อยู่จุดสูงๆ จะถูกอิจฉา หรือมีการต่อต้านมาก

【4th(Player Crying First)】: เดี๋ยวก่อนนะชั้นตาฟาดรึเปล่านั้นมัน Q-Sword? ใช่จริงๆ ด้วยอันดับหนึ่งแห่งเมือง ฟ่านชู Q-Sword

【5th(Player Yue Qing Qian)】:มันไม่ใช่เรื่องของฉันหรอก แต่คนที่แกล้งพี่เซียวเหยาไม่ใช่คนดีซักคน

【6th(Player Leafy Gentleman)】:สาวน้อยของเขากำลังคลุ้มคลั่งแล้ว …..

หลังจากที่ผมอ่านไปได้ซักพัก ก็พอจะสรุปเนื้อหาได้ว่า คนส่วนมากต่างรู้สึกชื่นชม ครอบครัวของนายพล และบางคนก็ยุแหย่ใส่ร้ายต่างๆให้กับ [Valiant Bravery] ก็เหมือนที่ Q-Sword พูด ต้นไม้เพียงต้นเดียวอาจถูกสายลมโค้นล้มได้ ความกดดันต่างๆ ต่างพุ่งตรงไปที่ นายพลหลี่มู่ และ [Valiant Bravery] หากอยากจะยืนหยัดที่เมืองนี้ หากไม่ละก็ มันยากที่จะพูดว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง

ผมก็หันมาอ่านโพสอื่นๆ ที่มีคำว่า 【Hot】ต่อไป

【Hot(Original Poster):General Li Mu 】: [Valiant Bravery] กำลังรับสมัครคน รับเฉพาะ ระดับ 40+ พร้อมกับอาชีพคลาสสอง กิลด์ระดับ 1 รับคนได้เพียง 100 นั้นคือ ที่เรารับได้ตอนนี้ พวกเราต้องการพี่น้องที่มีความสามารถด้านการต่อสู้ และยังทำงานเป็นทีมได้ ใครที่คิดได้แต่หนี และไม่คิดจะพัฒนาตัวเอง พวกเราไม่ต้องการ ด้วยการช่วยเหลือของพวกคุณ เรา [Valiant Bravery] จะกลายเป็นผู้ริเริ่มในยุคใหม่ เพิ่มพวกเราเป็นเพื่อนหากคุณสนใจ ขอบคุณทุกคน พวกเราสัญญาภายใน 1 อาทิตย์พวกเราจะทำให้กิลด์ [Valiant Bravery] ขึ้นสู่ระดับสองแน่นอน คุณจะสละเลือดเพื่อ [Valiant Bravery] และมันจะกลายเป็นสวรรค์ที่ปลอดภัยของคุณ

ตอนนี้มีโพสตอบกลับมากกว่า 10000 แล้ว มีคนอยากเข้ากิลด์มากมายแต่ส่วนมากแล้วระดับจะอยู่ที่ 30-40 มีผู้เล่นระดับ 40+ เพียงหยิบมือเท่านั้นที่ต้องการเข้ากิลด์ ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะผู้เล่นระดับ 40+ ส่วนมากนั้นถือว่าเป็นพวก มือเก๋าทั้งนั้น และตอนนี้พวกนั้นก็อยู่กับกิลด์  [Vanguard], [Prague] และพวกกิลด์ใหญ่ๆ เรียบร้อยแล้ว

ถึงแม้ว่าพวกกิลใหญ่ๆ จะยังไม่สร้างกิลก็ตาม แต่พวกนั้นก็มีชื่อเสียงมากอยู่แล้ว ทำให้คนส่วนมากอยากเข้า มันเหมือนกับเป็นการผูกขาดทรัพยากรมนุษย์โดยเด็ดขาดละนะ ซึ่งพวกเราก็ทำอะไรกับมันไม่ได้ ความแข็งแกร่งของกิลใหญ่นั้นไม่สามารถเปรียบเทียบกับผู้เล่นเดี่ยวได้

ส่วนมากผู้เล่นที่ระดับอยู่สูง ก็เพราะได้รับการสนับสนุนอย่างมากนั้นเอง แล้วใครเล่าจะอยากมาเข้ากิลที่เพิ่งหัดเดินอย่าง [Valiant Bravery] ตอนนี้ผมก็หวังแต่เพียงว่า พวกนายพล’หลี่มู่’ จะโชคดีมีพวกคนเก่งเข้ามาอีกสักเล็กน้อยก็ยังดี ไม่อย่างนั้นหละก็พวกเขาคงไม่สามารถอยู่รอดได้หากเมืองป้าฮวงมีการ PK ขึ้น

ไม่นานเวลาก็ถึง ตีสองแล้ว ในที่สุดก็มีผู้ชายสองคนเดินมา เขาเหมือนกับเด็กนักเรียนแหะ แล้วพวกเขาก็มายืนอยู่หลังผม กระเป๋าของพวกเขาดูเหมือนตุงจากอะไรซักอย่าง หนึ่งในนั้นมีคิ้วที่หนามาก

“เฮ้พวก นายมาต่อคิวเพื่อซื้อหมวกงั้นเหรอ?”

ผมพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร พวกเขาทั้งสองหยุดคุยกัน ตอนนี้พวกเขากำลังยืนตัวสั่นอยู่ที่ด้านหลังของผม เวลาผ่านไป ผ่านไป และผ่านไป ผู้คนก็เริ่ม มากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้มีคนมากกว่า 500 คนกำลังเข้าแถวแล้ว แถวของพวกเขาเลี้ยวไปเลี้ยวมาเหมือนกับมังกรเลยหละ ในฐานะที่ผมยืนอยู่หัวแถว พลังกดดันจากคนที่อยู่ด้านหลังทำให้ผมไม่กล้าขยับ ผมยืนกำเงินของตัวเองนิ่งไม่ไหวติง

“เฮ้ พวก!!”

หลังจากนั้นไม่นาน ผู้ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนนักเลง เขาไว้ผมทรง Buzz cut(คล้ายๆ หัวเกรียน) เดินเข้ามา เขามองมาที่ผม

“พวก!! ซื้อหมวกให้ชั้นสักอันได้มะ”

ผมชี้ไปที่ป้ายประกาศ

“หนึ่งคนซื้อได้แค่สองอัน ผมจะซื้อสองอันพอดี”

ไอ้หนุ่มผมแดงยิ้มกว้าง เขาหยิบธนบัตรสีแดง 5 ใบ ออกมาจากกระเป๋า

“เอางี้ ชั้นจะจ่ายให้นาย 500 ถ้านายให้ชั้น อยู่หน้านาย เร็วให้ชั้นเบียดเข้าไปหน่อย”

ด้านหลังของผมเด็กนักเรียนจ้องไปที่เขาตาเขม็ง แต่พวกนั้นก็ไม่กล้าพูดอะไร ผมยืนยิ้มและกล่าว

“ไม่! ทุกคนมาที่นี่ตั้งแต่กลางดึก นายจะมาแซงพวกเขาไม่ได้”

“ช่างหัวมึงซิวะ!!”

ในที่สุดไอ้หนุ่มหัวเกรียนก็โกรธแล้ว เขาพับแขนเสื้อของเขาขึ้น

“พี่ชาย ผมคงต้องทำให้รู้สำนึกซะบ้างแล้วซินะ ไม่เห็นโลงศพไม่หลังน้ำตา”

หลังจากพูดเสร็จ เขาก็เหวี่ยงหมัดมาที่ผมทันที เด็กนักเรียนข้างหลังผมตกใจ

“พวกเขากำลังจะสู้กันงั้นเหรอ?”

ผมอดที่จะยิ้มไม่ได้ ผมไม่หลบการโจมตีของเขา หมัดของเขาปะทะกับหน้าอกของผม ผมแทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย

เปรี้ยงงง

มันเป็นหมัดที่หนัก แต่สำหรับผมมันแทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย แต่สำหรับไอ้หนุ่มผมเกรียนแล้วมันกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด หมัดของมันเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลออกมา มันกำหมัดขวาของตัวเองแน่น มันกัดฟันและมองมาที่ผม

“ไอ้ขี้โกง”

ผมยิ้มอย่างแผ่วเบา

“ชั้นคิดว่าตอนนี้แกควรจะวิ่งหนีก่อนนะ ก่อนที่ชั้นจะตอบโต้น่ะ”

ในขณะที่พูด ผมก็ยกเท้าของตัวเองขึ้นอย่างรวดเร็ว กระแสพลังที่มองไม่เห็นก็ทำให้ฟุ่นที่อยู่ที่พื้นพุ่งขึ้น ต้องเป็นปรมาจารย์ด้านฉีเท่านั้น ถึงจะสามารถมองเห็นได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และแน่นอน ไอ้หัวเกรียนคนนี้มันไม่ใช่ ผมแสดงเจตนาจะฆ่าอย่างชัดเจน ทำให้ร่างของมันสั่นสะท้านตั้งแต่หัวจรดเท้า มันมองผมตาขวาง พลางจับมือของตัวเองและวิ่งหนีทันที

“ฝากไว้ก่อนเถอะ!”

และผมก็รอต่อไป…..

ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ 20 นาทีมันก็จะเปิดขายแล้ว ….

หลังจากนั้นไม่นาน หน้าต่างของร้านค้าก็เปิดออก แล้วมีสาวงามออกมา เธอยิ้มมาที่ผมและถาม

“คุณลูกค้า ต้องการจะซื้อหมวกเล่นเกมกี่เครื่องค่ะ?”

ผมชูนิ้วขึ้นสองนิ้วทันที

“สอง คุณหนูผมต้องการซื้อสองชิ้น”

“ได้ค่ะ รอสักครู่นะค่ะ”

ผมจ่ายเงินเสร็จ การซื้อขายก็เสร็จสิ้น ผมก็ได้รับหมวกสีฟ้าสองใบ มันอยู่ในหีบห่ออย่างประณีตและหนักมาก

“หวังว่าคุณลูกค้าจะสนุกกับการเล่นเกมนะคะ”

“ขอบคุณ”

ผมเริ่มผ่อนคลาย หลังจากนั้นผมก็บอกลาสถานที่ที่ผมอยู่ทบทั้งคืน แล้วเก็บหมวกทั้งสองใบใส่กระเป๋าสะพายหลังทันที ….

กริ๊งงงงง

‘หลินว่านเอ๋อ’เธอโทรมาหาผม

“หลี่เซียวเหยา?”

“ว่านเอ๋อ อรุณสวัสด์”

“นายซื้อหมวกมาแล้วใช่มั้ย”

เธอหัวเราะ

“ผมซื้อมาแล้ว”

‘ว่านเอ๋อ’ถาม

“แล้วนายจะทำอะไรต่อละ”

ผมคิด

“ตอนแรกผมว่าจะไปหาเพื่อนเก่าละนะ แต่ว่าผมลืมไป งานจริงๆของผมคือต้องไปกับคุณ ดังนั้นเดี๋ยวผมจะกลับไป และไปเรียนกับคุณละนะ”

‘หลินว่านเอ๋อ’อดยิ้มไม่ได้

“ไม่ต้องหรอก วันนี้ฉันไม่เข้าเรียนน่ะ ตอนนี้นายอยู่ไหน? เดี๋ยวฉันจะไปหา เพราะฉันก็ไม่มีอะไรทำเหมือนกัน ฉันจะพานายไปหาเพื่อนเก่าเอง”

“เอ่ออ เธอแน่ใจแล้วเหรอ”

“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่ไม่มีอะไรทำเฉยๆ”

“โอเค”

…. หลังจากที่ยืนรอประมาณ 10 นาที รถ Audi TT ก็มาจอดตรงหน้าผม หน้าต่างเปิดออก ใบหน้างามที่ดูสดชื่นก็โพล่ออกมา เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก’หลินว่าน’เอ๋อ

“ขึ้นมาเลย”

“โอเค”

… หลังจากที่ผมขึ้นรถไป เหล่าเด็กหนุ่มด้านหลังก็มองผมด้วยความอิจฉา แววตาของพวกเขาต่างเต็มไปด้วยความริษยา พวกเขายอมรับไม่ได้ ผู้หญิงน่ารักแบบนั้น จะไปกับผม ….

เก้าโมงเช้า หลังจากที่พวกเราทานอาหารเสร็จพวกเราก็กลับมาที่รถ ‘หลินว่านเอ๋อ’ถามผมขึ้น

“นายจะไปหาใครละ”

“ซงฮาน เขาคือมือหนึ่งของ สตูดิโอ Zhan Long”

“ที่ไหน?”

“เดี๋ยวนะ”

ผมหยิบโทรศัพออกมาและโทรไปหา’ซงฮาน’

“พี่น้องเซียวเหยา”

“ซงฮานนายอยู่ที่ใหน? ชั้นจะไปหานาย”

“ผมทำงานอยู่”

“นายทำงานที่ไหน?”

“เอ่อ, คริสตจักรในย่าน เทียนชุ่ย อยู่ตำบลข้างๆ ตอนสิบโมง ผมจะเป็นประธานในพิธีแต่งงานน่ะ”

“โอเค ชั้นจะไปเดี๋ยวนี้ละ”

“ซงฮานเขาคือ……”

‘หลินว่านเอ๋อ’แสดงสีหน้าประหลาดใจ

“นายเคยบอกฉันว่าเขาคือสุดยอดนักฆ่าของสตูดิโอไม่ใช่เหรอ? นักฆ่าเลือดเย็น แล้วเขาไปเป็นประธานในพิธีแต่งงานนี่นะ?”

“อ้อ ในชีวิตจริงเขาเป็นนักบวชนะ นักบวชฝึกหัด”

“ฮิฮิ ดูเหมือน สตูดิโอ Zhan Long จะเป็นที่รวมคนประหลาดนะนี่ จริงๆ ฉันก็อยากรู้อ่ะนะว่าพวกคนประหลาดแบบนายจะขับเคลื่อนสตูดิโอยังไง”

“พวกเราไปกันเถอะ”

คุณหนู’หลิน’ใส่เข็มขัดนิรภัยอย่างรวดเร็ว และมองมาที่ผม ในขณะที่ผมก็มองไปที่เธอเหมือนกัน วันนี้เธอดูสวยมากจริงๆ ถ้าผมเป็นเข็มขัดนิรภัยนั้นละก็ การได้พัดรอบ 34D คู่นั้นอย่างแน่นหนา คงทำให้หัวใจของผมหยุดเต้นไปนานแล้ว

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments