ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปณ คริสตจักรเทียนชุย รถลีมูซีนคันยาวเคลื่อนมาจอดช้าๆ ที่ด้านหน้า ด้านหลังของลีมูซีนคันงาม ตามมาด้วยรถหรูหลากหลายรุ่น อาทิ A8s M7s เป็นต้น
ด้านหน้าหอประชุมเต็มไปด้วยแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ออกมายืนต้อนรับ เจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่กำลังจะลงจากรถ
ฟู่
รถ Audi TT ขับผ่านหน้าคริสตจักรไป แล้วจอดที่ข้างทางทันที ‘หลินว่านเอ๋อ’เปิดประตูออกมาพร้อมกับ กระเป๋าของเธอ
“ไปกันเถอะ ทางนี้ๆ อิอิ วันนี้ฉันจะได้เห็นแล้วว่าสมาชิกของ Zhan Long ที่เป็นสตูดิโอระดับ 5 แต่มีนักฆ่าระดับท๊อป จะเป็นคนยังไง”
ผมยิ้ม
“ผมจะไม่ทนต่อความปากเสียของคุณถ้าคุณยังพูดแบบนี้ คุณดูถูกผมได้แต่อย่ามาดูถูก Zhan Long ที่เป็นดั่งความฝันวัยเยาว์ของเรา”
“เห๊?”
‘หลินว่านเอ๋อ’เธอยืนอยู่นอกรถ และมองผ่านหน้าต่างมาที่ผม เธอยิ้มและพูดว่า
“ความฝันวัยเยาว์งั้นเหรอ? นี่หมายความว่าพี่เซียวเหยายอมรับว่าตัวเองแก่แล้วซินะ”
ผมไม่ตอบคำถามของเธอ
“ก็เหมือนกับเธอนั้นแหละ อายุ 19 ก็ไม่ถือว่าเด็กแล้ว สมาชิกที่อายุน้อยที่สุดคือซงฮาน อายุ 24 ส่วนที่แก่ที่สุดคือ Fox อายุ 27”
“ไปกันเถอะ ไปหาซงฮานกัน”
“แน่นอน”
…หลังจากที่ผมออกมาจากรถ ก็จัดแจงเสื้อให้ดูเรียบร้อย ผมคิดว่าชุดที่ผมใส่มันไม่ค่อยเหมาะกับงานนี้เท่าไหร่นะ ตรงข้ามกับ’หลินว่านเอ๋อ’ เธอดูเหมือนกับนางแบบเลย เธอใส่เสื้อยืดสีชมพู สวมทับด้วยเสื้อคลุมสีขาว กับกระโปรงสั้นสีฟ้าอ่อน ผมยาวสลวยของเธอพลิ้วใหวไปกับสายลม ขาคู่งามของเธอสวมไว้ด้วยส้นสูงที่ขาวราวหิมะ ที่มือของเธอถือกระเป๋าสีขาว ใบหน้างดงามของเธอประดับไว้ด้วยรอยยิ้มชวนหลงใหล
ถืงแม้ว่าเธอจะไม่มีความหน้ารักแบบสาวน้อยแล้ว แต่ตอนนี้เธอกลับเต็มไปด้วยความสง่างามของหญิงสาว เธอเป็นดั่งหญิงสาวชั้นสูง เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ควรมาอยู่เคียงข้างผมพวกเราเดินไปที่โบสถ์ทันที ขณะนี้เจ้าสาวและเจ้าบ่าวได้ลงมาจากรถแล้ว และกำลังตรงไปที่โบสถ์ ประทัดหลากหลายสีสันก็ดังกึกก้อง ในขณะที่ทุกคนก็ตบมือแสดงความยินดี
ผมและ’หลินว่าเอ๋อ’เดินเข้ามาเรื่อยๆ แต่แล้วความงามของ’หลินว่านเอ๋อ’ ก็กลายเป็นที่สนใจของแขก ผู้ชายทุกคน ทุกคนต่างคิดเห็นตรงกันว่า ‘เอาไปเลย 10 คะแนน’
“อืมมมม”
‘หลินว่านเอ๋อ’ไอเล็กน้อย และหันมาจับแขนเสื้อที่มือขวาของผมด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ และลากผมไปต่อทันที ผมผิดหวังเล็กน้อยที่เธอไม่ได้จับมือของผมโดยตรง แต่แค่นี้ ผมก็ตายอย่างมีความสุขแล้ว
โอเค มันก็แค่มโน ตอนนี้ผมควรจะให้ความสำคัญกับการเป็นบอดี้การ์ดเธอดีกว่าพวกเราเข้าไปด้านในและเดินไปที่นั่งของแขกทันที ผมและ’ว่านเอ๋อ’ยืนอยู่ด้านข้าง ในขณะที่สายตาของทุกคนมองไปยังเจ้าสาว เธอกำลังเดินอย่างช้าๆ ไปที่ด้านในสุดของหอประชุม ซึ่งมีบาทหลวงในชุดสีดำ ยืนถือไบเบิลรออยู่ เขาคือ’ซงฮาน’
ไม่น่าเชื่อว่าเด็กน้อยคนนี้จะดูเหมือนบาทหลวงจริงๆ
“ในพระเจ้า พ่อผู้ทรงอำนาจ ผมเชื่อ…..”
‘ซงฮาน’เริ่มต้นอ่านพระคัมภีร์ หลังจากที่อ่านไปไม่นาน เขาก็หันมาและยิ้มให้กับคนสองคนที่กำลังจะแต่งงานกันและพูดว่า
“วันนี้ ต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า พวกเราจะเป็นสักขีพยานระหว่าง เจ้าบ่าวคุณเซน และเจ้าสาวคุณเหา มาที่นี่เพื่อเข้าสู่การแต่งงานอันศักดิ์สิทธิ์”
…..ก่อนที่จะมีคำพูดใดๆ ก็พลันมีเสียง
“ปั้ง”
ดังขึ้น ประตูหอประชุมถูกกระแทกเปิดออกอย่างแรง เจ้าคนหัวรุนแรงรูปร่างอ้วนท้วนสวมแว่นตากันแดด ที่ด้านหลังของเขาตามมาด้วยคนสิบกว่าคน เขาชี้มาที่เจ้าสาวแล้วตะโกนขึ้น
“เหาเหม่ยหลี นังสารเลว เธอบอกว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ชั้นซื้อบ้าน ซื้อรถให้แก แต่แกกลับมาแต่งงานกับไอ้หนุ่มนี่งั้นเหรอ ชั้นจะฆ่าแก!!!”
เจ้าอ้วนเดินเข้ามาเรื่อยๆ
“และแก เจ้าบาทหลวง แกรู้มั้ยผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แกยังกล้าเป็นประธานในงานแต่งของผู้หญิงของชั้นงั้นเหรอ ไปตายซะ”
‘ซงฮาน’ตกใจจนไบเบิลตกลงสู่พื้น
“หว่า เกิดอะไรขึ้นเนี้ย”
‘ซงฮาน’ถอยหลังไปเล็กน้อย แม้จะผ่านมาหลายปี
ความสามารถของเขาก็ไม่ลดน้อยลงไปเลย เท้าของเขาพุ่งเข้าใส่ท้องของเจ้าอ้วนทันที ใบหน้าของเจ้าบ่าวม่วงคล้ำ ในขณะที่ใบหน้าของเจ้าสาวดูซืดเซียว
“ ซานดาหลง คุณ….คุณหาเจาจนได้”
เจ้าบ่าว
“แม่รี่ คุณมีความสำพันธุ์กับมันจริงๆใช่มั้ย? ผมอยากตาย….”
หลังจากนั้นก็วุ่นวายไปกันหมดผมวิ่งไปจับมือของ’หลินว่านเอ๋อ’ และพาเธอไปข้างหน้าทันที ผมพุ่งชนเหล่าคนในชุดสูทสีดำอย่างแรง เขาล้มลงที่พื้นทันทีโดยที่ยังไม่รู้ว่าอะไรที่โจมตีเขา
“พี่น้องเซียวเหยา”
ตาของ’ซงฮาน’เบิกกว้าง
“นายมาจริงๆ ด้วย”
ผมมองไปที่เขา
“นายจะยืนยิ้มทำไม จะรอให้มันมาเอาคืนรึไง มาเร็ว นายได้ค่าตอบแทนแล้วใช่มั้ย?”
“ได้มาแล้ว ได้มาแล้ว 1500….”
“ฮ่าๆ ไปกันเถอะ”
ผมพุ่งผ่านฟูงชนอย่างรวดเร็ว มือข้างนึ่งผมจับมือของ’หลินว่านเอ๋อ’ไว้ ส่วนอีกข้างก็จับมืองของซงฮาน ‘ซงฮาน’มองมาที่หญิงสาวด้านข้างผม เขาอดที่จะถามไม่ได้
“พี่น้องเซียวเหยา สาวสวยคนนี้คือ…..”
“เพื่อนน่ะ”
“แฟน?”
ใบหน้าของ’หลินว่านเอ๋อ’แดงก่ำ
“ไม่ๆ อย่าเข้าใจผิด”
“อ่า ผมเข้าใจละ”
“ซงฮาน ถ้านายยังพูดต่อ ชั้นจะเตะตูดนาย”
“โอเค ผมจะหยุดพูดแล้ว”
………….พวกเราวิ่งออกมาจากหอประชุมและมายืนอยู่บนพื้นหญ้าด้านนอก ‘ซงฮาน’หายใจอย่างแรง ในขณะที่’ว่านเอ๋อ’ยืนกุมท้องตัวเองอยู่ ผมอดที่จะหัวเราะไม่ได้
“หัวเราะพอยัง?”
ผ่านไปเล็กน้อยผมก็มองไปที่เธอเหมือนเธอจะสังเกตเห็นผมและ’ซงฮาน’มองไปที่เธอ เธอจึงรีบจัดกระโปรงของเธอให้เรียบร้อยทันที
“อิอิ เรามาที่นี้เพื่ออะไร หาความสนุกงั้นเหรอ ได้เวลาไปจุดหมายต่อไปแล้ว ใช่มั้ย?”
ผมพยักหน้า
“อ่า ซงฮาน ต่อไปพวกเราจะไปหา Old K(รันมิน) นายรู้มั้ยหมอนั้นอยู่ที่ไหน”
ตอนนี้’ซงฮาน’ยังคงสวมชุดของบทหลวงอยู่
“เอ่ออ….ผมได้ยินมาว่ารันมินเขาตกงาน และไม่มีอะไรจะกิน เขาอาจจะไปขออาหารกินที่วัดก็ได้ บางทีพวกเราอาจเจอเขาที่นั่น”
ผมพยักหน้า
“โอเค”
ตอนนี้’หลินว่านเอ๋อ’แข็งเป็นหินไปแล้ว เหมือนกับรูปสลักที่สวยงาม
“ขอทาน…..ขอทาน สตูดิโอ Zhan Long มีแต่พวกประหลาดเกินไปแล้ว”
ผมรู้สึกเหมือนเสียหน้าเลยแหะวันนี้คือวันสิ้นสุด วันหยุดทำให้นักท่องเที่ยวมีไม่มากนัก ปลายของถนนสายยาวเส้นนี้ มีพระหลายองค์กำลังง่วนอยู่กับการแจกจ่ายข้าวต้มข้าวโอ๊ตให้กับผู้คน ถึงแม้เราจะอยู่หากออกไปกว่า 100 เมตรเราก็ยังสามารถได้รับกลิ่นของข้าวต้มอันแสนเรียบง่ายนี้อยู่
“รันมินเขาอยู่ตรงนั้น”
‘ซงฮาน’ชี้ไปยังจุดหนึ่งในบริเวณนั้น’หลินว่านเอ๋อ’และผม มองไปยังฝูงชนทันที เขาคือชายหนุ่มผมสั้นใส่เสื้อลายสก๊อต เขาสูงประมาณ 1.85 เมตร เขาดูเหมือนคนที่กำลังอดอยากมากๆ ในขณะที่เขาถูมือด้วยความหิวเขาก็พึมพำ
“หิวมากๆ ไม่ได้กินอะไรมาสามวันแล้ว ในที่สุดก็จะมีอะไรตกถึงท้องซักที”
ก่อนที่’ซงฮาน’จะเขาไปทักทานเขา ‘หลินว่านเอ๋อ’ก็เข้ามาห้ามไว้
“รอก่อน ยังไม่ใช่ตอนนี้ ฉันอยากเห็นว่าคนใน สตูดิโอ Zhan Long มีความสามารถแค่ไหน”
ผมอยากจะพูดอะไรซักหน่อย แต่พอผมมองไปเห็นใบหน้าที่อยากรู้ อยากเห็นผมก็ไม่ได้พูดอะไร
“ได้โปรดให้ผมอีกชามเถอะขอร้อง”
เขากล่าวพลางลูบไปที่ท้องของตัวเอง พระหนุ่มก็ให้เขาอีกชาม หลังจากที่เขากินมันภายในหนึ่งอีก
“นายท่านผู้มีเมตตา โปรดให้ผมอีกชามเถอะ…..”
พระหนุ่มให้เขาอีกชาม และเขาก็กินมันเสร็จอย่างรวดเร็ว
“ชาวพุทธช่างเป็นคนที่มีจิตใจเมตตาจริงๆ”
พวกเรายืนมอง ‘รันมิน’ที่กินมันไปถึงเก้าชามอยู่ห่างๆ ผมเห็นใบหน้าของ’ว่านเอ๋อ’ดูม่วงคล้ำหน่อยๆ ที่ได้เห็นสิ่งนี้ เธอมองมาที่ผมและพูดว่า
“ตอนแรกฉันคิดว่านายกินสกปรกแล้วนะ แต่เมื่อเทียบกับเขาแล้ว นายดูดีขึ้นมาเลยแหะ”
ผมมองลงมาที่ปกเสื้อของตัวเอง
“แน่นอน ผมเป็นปัญญาชน”
“อ่า ใช่”
….หลังจากกินถ้วยที่ 9 แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะอยากกินต่อ แต่เขาก็หยิบกระเป๋าและเดินออกมา ที่ด้านในนั้นพระสงค์หลายท่านกำลังเทศนาแก่เหล่านักบุญอยู่ ‘รันมิน’นั่งลงบนเก้าอี้และเริ่มร้องให้ พระสงค์ยิ้มให้อย่างอบอุ่น และ’รันมิน’พูดว่า
“ท่าน เมื่อเร็วๆ นี้ผมตกต่ำลงอย่างมาก ในทุกๆ คืน ผมไม่สามารถนอนหลับอย่างเต็มตาได้ ถึงแม้ว่าผมจะหางาน แต่ผมก็ถูกไล่ออก บางครั้งผมก็คิดอยากฆ่าตัวตาย ท่านได้โปรดบอกผมเถอะ ผมยังมีหนทางจะจะไปต่อรึเปล่า?”
ท่านพระสงค์ยิ้มและมองไปที่’รันมิน’
“หนุ่มน้อย อาตมาไม่เข้าใจความรู้สึกของโยมหรอกนะ เอาแก้วนี้ไปซิ…..”
‘รันมิน’ลังเลเล็กน้อย แต่ก็รับแก้วมาจากพระผู้นั้น พระผู้นั้นหยิบเอากาต้มน้ำร้อยมา และเริ่มเทลงบนแก้ว พลางพูดว่า ความคิดของโยมก็เหมือนแก้วใบนี้ มันดูเหมือนว่า มันจะไม่มีทางเต็ม แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มันล้นออกมา โยมก็จะรู้โดยทันทีว่า ต้องวางมันลง ชีวิตก็เป็นเช่นนี้แหละโยม ถ้าโยมรู้จักการปล่อยวางบ้าง โยมก็จะรู้สึกผ่อนคลาย น้ำล้นออกมาจากถ้วยและกระเด็นมาโดนมือของรันมิน
“อั๊ก…”
‘รันมิน’รู้สึกเจ็บ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจมันแล้ว เขารีบวางมันลงกับพื้นทันที
“ผมเข้าใจที่ท่านพูด แต่….แต่ว่า”
ทันใดนั้นเอง ‘รันมิน’ก็ต่อยไปที่พระท่านนั้น หลังจากที่เขาต่อยเสร็จเขาก็ด่า
“ไอ้เวร แกทำให้มือชั้นพอง แกทำให้มือชั้นพอง”
…เห้ย!!ผมรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของเขาและหยุดมือของเขา
“พวกเรามันพิลึกชะมัด รันมิน ไอ้เวรเอ้ยย”
“อะไรวะ? ใครกล้ามา…”
‘รันมิน’หันมาทันที และก็พบผม ทันใดนั้นความโกรธในดวงตาของเขาก็หายไป ตาของเขาแดงก่ำและมีน้ำตาไหลออกมา เขาวิ่งมาหาผมและพุ่งเข้ากอดผมทันที
“บ้าเอ้ย เซียวเหยา เป็นนายจริงๆ งั้นเหรอเนี่ย ชั้นคิดถึงนายจริงๆ”
ผมพยายามขยับตัว จนหลุดออกมาจากอ้อมกอดของ’รันมิน’ ผมกลับไปยืนที่ด้านข้างของ’ว่านเอ๋อ’ และพูดอย่างเขร่งขรึม
“ที่ชั้นมาหานายวันนี้ ก็เพราะ ชั้นอยากจะสร้าง Zhan Long ขึ้นมาอีกครั้ง พวกเราจะสร้างความฝันขึ้นมาอีกครั้ง”
‘รันมิน’พูดอย่างสิ้นหวัง
“แต่ว่าหมวกเล่นเกมแพงมาก…..เดี๋ยวก่อน นั้นซงฮานใช่มั้ย โอ้วว มาให้ชั้นกอดหน่อยเร็ว”
‘ซงฮาน’กอดเขาด้วยความดีใจ
“ไม่ต้องห่วง เราได้หมวกมาแล้ว”
“เยี่ยม หยังงั้นชั้นจะเอาด้วย ถ้าชั้นยังมีอะไรกิน ชั้นก็ยังโอเค ฮ่าๆ”
‘รันมิน’กล่าวออกมาอย่างมีความสุข
ที่มา: