I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Zhan Long ตอนที่ 103 หัตถ์ตัดชีพจร

| Zhan Long | 1847 | 2336 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

“อิอิอิ….”

ผมได้ยินเสียงหัวเราะของผู้หญิง และรู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างมาโดนผม มันทำให้ผมตื่น ผมพยายามใช้ตาที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นของผมเพื่อจะมองไปรอบๆ และผมก็เห็น’หลินว่านเอ๋อ’วิ่งมาที่ผมพร้อมกับ แร็กเก็ตในมือของเธอ เธอเก็บลูกเทนนิสขึ้นมาพลางแล๊ปลิ้นของเธอ

“ขอโทษด้วยนะ นายหลับต่อเถอะ”

เสียงของเธอค่อนข้างอ่อนโยน ผมมองไปรอบๆ เห็น’เฉิงเย่ว’กำลังดื่มน้ำอยู่ กลิ่นน้ำหอมของ’ว่านเอ๋อ’ทำให้จมูกของผมรู้สึกจั้กจี้ บนใบ้หน้าสวยงามของเธอเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ดวงตาของเธอส่องสว่างไปด้วยพลัง ดูเหมือนพวกเธอจะได้รับประสบการณ์ที่ตื่นเต้นจากการได้เล่นเทนนิสละนะ

ผมหลับตาและนอนต่อไป ในขณะที่ผมดำดิ่งสู่ความสุขผมก็รู้สึกว่ามีคนมานั่งข้างๆ ผม แต่เพราะกลิ่นหอมที่กระจายออกมาทำให้ผมสงบลง มันคือกลิ่นของ’ว่านเอ๋อ’และ’ตงเฉิงเย่ว’ ดูเหมือนพวกเธอจะวิ่งจนเหนื่อยละนะ เลยมานั่งพักข้างๆ ผม

“ตงเฉิง?”

เสียงของเธอค่อนข้างเบา เธออาจจะกลัวว่าจะทำให้ผมตื่น

“หืมม มีอะไรเหรอว่านเอ๋อ”

‘ตงเฉิง’ตอบ ‘ว่านเอ๋อ’ยิ้มและถาม

“หืมม…..เธอคิดยังไงกับเสียวเหยา?…พ่อของฉันจ้างเขาให้มาเป็นบอดี้การ์ดของฉัน…..แต่ว่าฉันไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไงเมื่อเจอเขา..ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะทรมานเขา..แต่ว่าหลังจากพิธีต้อนรับฉันก็ไม่มีความคิดที่จะทรมานเขาอีกต่อไป”

“หืมมมม ฉันก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังเหมือนกัน แต่ว่าสัญชาตญาณของฉันมันบอกฉันว่า….หลี่เซียวเหยาไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร แม้เขาจะเป็นคนยากจน ขี้เหนียว ทะลึ่งและเซ่อซ่า…แต่..แต่ว่าเขาทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่น ทำให้ฉันรู้สึกว่า ถ้าฉันใช้ชีวิตที่เหลือกับผู้ชายแบบเขา ฉันจะมีความสุข”

‘หลินว่านเอ๋อ’เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยถาม

“เป็นไปไม่ได้น่า เธอตกหลุมรักหมอนั้นงั้นเหรอ”

“เอ่ออฉัน…”

‘ตงเฉิงเย่ว’หัวเราะ และกระซิบเบาๆ

“ว่านเอ๋อเธออาจจะมองว่าฉันบ้า แต่ฉันตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเห็น ฉันรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผูกผันกับเขา ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลย ไม่มีใครทำให้หัวใจฉันสั่นคลอนได้ขนาดนี้ ฉันรู้สึกอยากอยู่เคียงข้างเขา อย่าหัวเราะฉันนะ”

‘หลินว่านเอ๋อ’กำหมัดของเธอแน่น

“เธอ…เธอ..หืมมม เมื่อไม่นานมานี้ผู้หญิงห้องข้างๆ เราเล่าว่ามีนักแสดงที่เป็นที่นิยมมากๆ มาสารภาพรักกับเธอ แต่เธอก็ปฏิเสธเขาไป หลี่เซียวเหยามีอะไรดีกว่างั้นเหรอ? ถ้าเปรียบพวกเขาเป็นมูลค่าเงินละก็ นักแสดงคนนั้นรวยมากกว่าเขาเป็นร้อยเป็นพันเท่า ถ้าเปรียบว่าใครดูดีกว่ากัน นักแสดงคนนั้นหล่อเหล่าดูดีมากกว่าหมอนี่อีก ถ้าเปรียบด้านความรู้ละก็ นักแสดงคนนั้นเป็นถึงนักเรียนของมหาลัยซิงหัว แล้วหลี่เซียวเหยามีอะไรที่เธอสนใจงั้นเหรอ?”

‘ตงเฉิงเย่ว’ไม่พูดอะไร ดูเหมือนเธอจะอยู่ในอาการสับสน หลังจากนั้นไม่นานเธอก็พูดเบาๆ ว่า

“บางที…อาจเป็นเพราะวันนั้น ในงานต้อนรับ เธอจำได้มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”

“แน่นอน!!”

“หลิวยิ่งเทไวน์ลงไปที่หน้าของเขา เธอจำได้มั้ยแววตาที่เขามองไปที่หลิวยิ่ง มันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรง ฉันชอบเขาแบบนั้นจริงๆ เขาต้องผ่านอดีตมามากมายแน่ๆ แต่เขายังสามารถทำตัวทะลึ่งและเซ่อซ่าได้อีก”

‘หลินว่านเอ๋อ’เงียบสนิท หลังจากนั้นไม่นาน ‘ตงเฉิงเย่ว’ก็คว้าแขนของ’ว่านเอ๋อ’และหัวเราะเบาๆ

“ว่านเอ๋อ ฉันมีเรื่องอยากปรึกษากับเธอหน่อย พ่อของฉันบอกว่า เขาอยากหาคนมาเป็นบอดี้การ์ดให้ฉัน เอ่อคือ…เธอจะยกเซียวเหยาให้ฉันได้มั้ย แลกกับเบ้นเลย์และคนมาใหม่ของฉัน”

“อะไรนะ?”

‘หลินว่านเอ๋อ’ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเธอหน้ากลัวอย่างมาก แววตาของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนในหัวใจ เธอตอบอย่างแน่วแน่

“ไม่!”

“ทำไม? เธอเกลียดเขาไม่ใช่เหรอ?”

“ฉัน…..มันทำไม่ได้”

เธอกำหมัดของตัวเองแน่น ใบหน้าของเธอเริ่มมีสีแดงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเงียบไปนาน เธอก็พูดพร้อมเหตุผล

“ตามสัญญาของฉันกับเขา เราสัญญากันว่า เขาจะเป็นบอดี้การ์ดให้ฉันอย่างน้อยหนึ่งปี ตอนนี้ยังไม่ถึงเดือนเลย ฉันทำไม่ได้ นอกจากนี้..ในฐานะมนุษย์แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำตามสัญญา ใช่มั้ยเย่วเอ๋อ?”

‘ตงเฉิงเย่ว’นั่งกอดเข่าของเธอ และมองไปที่’ว่านเอ๋อ’

“ใช่….ถูกแล้ว อิอิ”

ราวกับว่าเธอถูกเปิดเผยความในใจ เธอยืนอยู่ตรงนั้นราวกับผู้แพ้ เธอมองลงไปยังรองเท้ากีฬาของเธอ แต่เธอกลับถูกบดบังด้วย 34D คู่นั้น เธอพูดอย่างเอียงอาย

“เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ เธอพักผ่อนพอแล้วใช่มั้ย? ไปต่อกันเถอะ ฉันจะเอาคืนเธอในสนามแน่”

‘ตงเฉิงเย่ว’หยิบแร็กเก๊ตของเธอและตอบ

“มาเลย จะได้รู้ว่าใครเป็นใคร อิอิ”

ผมแกล้งทำเป็นนอนหลับ

“….”

บ้าเอ้ยย การคุยกันของสองสาว ทำให้ผมมีความสุขจริงๆ โอเค ได้เวลาเลิกแกล้ง แล้วหลับจริงๆ ได้แล้วแหะ …..

เมื่อผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลา บ่ายสี่โมงแล้ว ตอนนี้คุณหนูทั้งสอง เริ่มเหนื่อยจากการเล่นกันแล้ว พวกเธอพากันนั่งพักบนสนาม ในขณะเดียวกันที่ด้านขวา มีคนจำนวนเล็กน้อยเดินเข้ามาที่ คอร์ด C พวกเขาเป็นผู้ชาย 4 คน หัวหน้าของพวกนั้นสวมชุดสูทสีดำ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง

แต่เมื่อพวกนั้นเห็น’หลินว่านเอ๋อ’และ’ตงเฉินเย่ว’ มันก็ยิ้มออกมา พวกนั้นเดินเข้ามาพร้อมกับแร็กเก๊ตในมือ

“เฮ้ พวกคุณเล่นเทนนิสอยู่เหรอ? เล่นกับผมสักเกมได้มั้ยครับ?”

‘หลินว่านเอ๋อ’ยิ้มอย่างสุภาพและพูด

“ขอโทษด้วยค่ะ พวกเราเล่นกันเสร็จแล้ว”

“โอ้?”

เขาดูเหมือนชายหนุ่มอายุราวๆ 20 ปี เขาเดินออกมาข้างหน้าพร้อมกับดึงนามบัตรออกมาจากกระเป๋าของเขา

“ผมชื่อหลี่ย่ง สนามนี้เป็นหนึ่งในธุรกิจของผมเอง คุณสามารถมาได้ตลอดเวลานะครับ ถ้าไม่ลำบากจนเกินไป ขอข้อมูลการติดต่อของพวกคุณได้รึเปล่าครับ เผื่อเราจะสอบถามเกี่ยวกับบริการของเรา”

‘หลินว่านเอ๋อ’หยิบไม้ของเธอและยิ้มเบาๆ

“มันดีเลยหละ แต่ว่างานแบบนี้ควรจะให้ลูกน้องทำมากกว่านะ ไม่ต้องลำบากถึงหัวหน้าหลี่หรอกค่ะ อีกอย่างพวกเราก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องทิ้งช่องทางการติดต่อให้ด้วย เย่วเอ๋อพวกเรากลับกันเถอะ ไปปลุกเซียวเหยา ไอ้หมูขี้เกียจตัวนั้นหน่อย”

‘ตงเฉิงเย่ว’เดินมาที่ผม ในขณะที่’ว่านเอ๋อ’ไปเก็บกระเป๋าของเธอ ผมเข้าสู่โหมดระวังภัย ตั้งแต่’หลี่ย่ง’เข้ามาแล้ว ก่อนที่’ตงเฉิงเย่ว’จะเข้ามาไกล้ ผมก็ลุกขึ้นและคว้าเสื้อโค๊ตมาสวมทันที ผมมองไปรอบๆ และจ้องไปที่’หลี่ย่ง’

“หมอนั้นคือ?”

‘ตงเฉิงเย่ว’ยิ้มให้ผม

“ไม่มีอะไร พวกเราจะกลับแล้ว”

“ได้เลย”

ผมเดินไปที่สนามเทนนิสและตะโกนแต่ไกล

“คุณหนูครับ”

‘หลินว่านเอ๋อ’มองมาที่ผม

“อืมม นายตื่นแล้วเหรอ”

“อ่า ใช่”

‘หลี่ย่ง’มองมาที่ผมด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ และหันกลับไปหา’ว่านเอ๋อ’

“หืมม…ตอนนี้ก็ประมาณ 5 โมงแล้ว ดูเหมือนคุณสองคนจะเป็นลูกค้าธรรมดา ผมขอเลี้ยงอาหารพวกคุณสักมื้อได้มั้ยครับ Fragrance House เป็นไงครับอยู่ตรงข้ามเรานี่เอง เป็นร้านอาหารขึ้นชื่อ ในเรื่องอาหารหู๋หนานและเสฉวนในแถวนี้ครับ ไปกันเถอะ”

‘หลินว่านเอ๋อ’ส่ายหัว

“ขอโทษนะค่ะ พวกเรามีอะไรต้องไปทำก่อนนะค่ะ”

“เดี๋ยว รอก่อน”

‘หลี่ย่ง’กางแขนออกมาขวาง’ว่านเอ๋อ’ บางทีมันอาจจะเป็นเพราะเสน่ห์ของ’ว่านเอ๋อ’ แต่ไอ้’หลิวย่ง’นี่ทำเกินไปแล้วแหะ ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย และเดินเข้าไปใช้ไหล่กระแทกแขนของเขาออก แขนของ’หลี่ย่ง’ถูกกระแทกกลับอย่างแรง ทำให้เขาตกใจ

“แก….แกเป็นใครกัน แกกำลังจะทำอะไรหะ?”

“ผมคือหลี่เซียวเหยา แม้คุณจะเป็นเจ้าของที่นี่ แต่คุณควรจะอดทนให้มากกว่านี้นะ เพื่อนของผมจะกลับแล้ว ใครกล้าขวางทางก็เข้ามา”

ชายหนุ่มสวมชุดเสื้อยืดด้านหลังของเขาพูดอย่างคึกคัก

“น้องย่ง หมอนี่มันก็แค่เด็กเหลือขอ สองสาวนั้นช่างไม่รู้เลยว่าอะไรดีสำหรับพวกเธอ มันหายากมากนะที่น้องย่งจะลงมาพูดคุยด้วยเสน่ห์หาแบบนี้ ”

‘หลินว่านเอ๋อ’ยืนอยู่ด้านข้างผม เธอกำมือเล็กๆ ของเธอแน่น และพูดอย่างสุภาพ

“หลี่ย่งนายควรจะฉลาดให้มากกว่านี้นะ ในโลกนี้ก็ยังมีคนที่นายไม่ควรจะไปท้าทายเขาอยู่”

‘หลีย่ง’ลูบแขนของตัวเอง และกัดฟันแน่น แต่อย่างไรเขาก็พยายามข่มความรู้สึกอื่นและยิ้ม

“คุณผู้หญิงดูเหมือนจะมีอะไรเข้าใจผิดกันนะ แต่ว่าอย่างไรก็ตาม เจ้าหนุ่มนั้นก็ล่วงเกินผมแล้ว ดังนั้นชั้น หลี่ย่ง จะสอนให้รู้เองว่าราคาที่นายต้องจ่ายสำหรับเรื่องนี้มันแพงนะ จัดการมันเลย”

“ฮ่าๆๆ”

ผมอดที่จะหัวเราะไม่ได้ ผมยืนกอดอกของตัวเอง ตอนนี้ผมได้พักผ่อนถึง 4 ชั่วโมง ทำให้ผมรู้สึกสดชื่นมาก ‘หลี่ย่ง’พูดอย่างโกรธเกรี้ยว

“แก หัวเราะอะไร?”

ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย

“เข้ามาพร้อมกันสี่คนเลย ชั้นกำลังรีบ และยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความสามารถของพวกนาย ถ้าเข้ามาทีละคน มันคงดูเหมือนชั้นกำลังรังแกพวกนายอยู่เลยวะ”

“แกตาย!!”

ด้วยความโกรธ ‘หลี่ย่ง’วิ่งตรงมาที่ผม ในเวลาเดียวกัน อีกสามคนก็พุ่งมาในทิศทางต่างกัน พวกนั้นเตรียมพร้อมที่จะเตะและต่อย มันเป็นพื้นฐานในการต่อสู้ละนะ ผมเคลื่อนไหวแขนอย่างฉับพลัน  ผมวิ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับใช้มือคว้าเอาแขนของ’หลี่ย่ง’และดึงมัน

ในขณะเดียวกันผมก็ย่อขาลงและเตะเข้าที่หัวเข่าของอีกคน ผมปล่อยมือจากแขนของ’หลี่ย่ง’และชกใส่หน้าของอีกคนทันที

เปรี้ยงง เปรี้ยงง

เสียงล้มลงของสองคนดังขึ้น

‘หลี่ย่ง’และอีกคนถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของ’หลี่ย่ง’เต็มไปด้วยความโกรธและความอับอาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่โดนดูถูกต่อหน้าสาวงามถึงสองคนแบบนี้ ถ้าเขาคิดสักเล็กน้อยเหตุการณ์คงไม่เป็นแบบนี้ แผนที่จะจีบสองสาวพังลงอย่างไม่มีชิ้นดี

“เฮ้ หลี่เซียวเหยา..”

‘ว่านเอ๋อ’ตะโกนเบาๆ ด้านหลังผม ผมเข้าใจสิ่งที่เธอพยายามจะพูด ไม่ต้องรุนแรงเกินไป เพราะเราอาจจะต้องเจอพวกเขาอีก ผมก็แค่จะสั่งสอนพวกเขาเพียงเล็กน้อย ให้เขารู้ถึงพลังของเรา ทำให้พวกมันไม่กล้าที่จะหาเรื่องอีก ผมพยักหน้า

ทันใดนั้นเอง หมัดของ’หลี่ย่ง’ก็พุ่งมาที่ผม มือขวาของผมก็กางนิ้วทั้งห้าออกและพุ่งเข้าจู่โจมจุดทั้งสามบนแขนของมันทันที  มือซ้ายของผมกำไว้แน่น และพุ่งเข้าใส่อกของ’หลี่ย่ง’อย่างแรง ส่งผลให้มันโดนกระแทกถอยหลังไปหลายเมตร และล้มลงบนพื้นทันที แขนของมันกระตุกเล็กน้อย ก่อนที่จะขยับไปไหนไม่ได้

วัยรุ่นอีกสามคนมองด้วยความตะลึงเล็กน้อย ก่อนที่จะวิ่งใส่ผมพร้อมกัน มือทั้งสองข้างของผมพุ่งผ่านอากาศอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าใส่จุดต่างๆ บนร่างของพวกมัน หลังจากนั้นไม่นาน พวกมันก็ล้มลงไปกองกับพื้นด้วยสภาพที่ไม่ต่างจากหลี่ย่ง พวกมันส่งเสียงพึมพำเบาๆ คงกลัวว่าถ้าใครมาได้ยินแล้วจะขายขี้หน้าซินะ

“เราไปกันเถอะ ว่านเอ๋อ ตงเฉิง”

ผมมองไปที่คุณหนูทั้งสองที่อยู่ด้านหลังผม เธอหลุดออกมาจากความมึนงงและความหวาดกลัว และเดินตามผมไปในที่สุด ดูเหมือนว่า’ตงเฉิงเย่ว’จะสนใจกับเรื่องเมื่อกี้

“เซียวเหยา การโจมตีเมื่อกี้มันอะไรงั้นเหรอ มันรุนแรงจนทำให้พวกนั้นยืนไม่ขึ้นเลยหละ มันน่าตื่นเต้นมากเลย”

ผมมองไปที่ฝ่ามือและตอบ

“หัตถ์ตัดชีพจร ด้วยการโจมตีจุดต่างๆ บนเส้นเลือดดำและเส้นเลือดแดงบนร่างกาย ด้วยการทำให้กล้ามเนื้อไม่สามารถขยายและหดตัวในระยะสั้น ทำให้พวกนั้นสูญเสียความสามารถในการตอบโต้ไป พวกเขาจะเป็นเหมือนเดิมใน 10 นาทีหรือมากกว่านั้น ผมไม่ได้โจมตีแรงเกินไป คงไม่ทำให้เกิดผลแทรกซ้อนหรอกนะ”

‘หลินว่านเอ๋อ’ยิ้ม

“มันเยี่ยมไปเลย ไปหากินข้าวเย็นกันเถอะ”

“โอเค ไปกัน”

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments