ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป(แปลโดยคุณ Chatethida Yhe )
“ใครสนหละ ว่าพวกเราจะกลับไม่ได้”
‘หว่านเอ่อ’ยิ้มมุมปากขณะที่เธอพูดถึงปัญหาที่ยังไม่ได้แก้ปัญหา ‘ตงเฉิงเย่ว’ขมวดคิ้ว
“อย่างไรก็ตาม ฉันไม่ได้สนใจจริงๆจัง เซี่ยวหยาวนายต้องรับผิดชอบผลที่มันตามมาภายหลัง….”
ผมกำลังหลงไหลได้ปลื้มดาบใหม่อยู่ทำให้ผมไม่ได้ตอบบทสนทนาจาง’ตงเฉิงเย่ว’
“หลี่เซี่ยวเหยา นายมัวคิดอะไรอยู่ หา!?”
‘ว่านเอ๋อ’ จ้องมาที่ผม ผมเหมือนตื่นมาจากภวังค์และยิ้มตอบ
” ไม่มีอะไรน่า ฮ่าฮ่า เราจะไปหาอะไรกินตอนนี้เลยไหม?”
“เอิ่มมม นายช่วยสนใจ..”
“ไม่มีปัญหา! ไปกันเถอะ”
“…….”
‘ว่านเอ๋อ’อยู่ชุดรัดรูปของเธอที่ด้านหลังของผมที่ประตูทางเข้ามหาลัย ผมเดินล่วงหน้าไปบอกยามที่เฝ้าอยู่
“ช่วยเปิดประตูให้หน่อยได้มั้ยครับ”
ยามคนนั้นเงยหน้ามองมาที่ผม
“นี่มันดึกมากแล้วนะ พวกเธอจะไปไหนกัน…หืม”
“ไปหาของกินครับ!”
“กลับไปต้มมาม่าหรืออย่างอื่นกินนู่นไป… กฎก็บอกอยู่ว่าประตูจะปิดตอน 1.00 น. และจะไม่เปิดอย่างเด็ดขาด !”
เขามองไปที่ข้างหลังผมแล้วสังเกตเห็น’ว่านเอ๋อ’และ’ตงเฉิงเย่ว’
“โอ้ นายนี้ก็ร้ายไม่เบานะ ควงสาวสวยทีเดียวสองคนเลย นายจัดการพวกหล่อนยังไงหรอ”
ใบหน้าของว่านเอ่อขึ้นสีชมพู แต่เธอกลับปฏิเสธว่าไม่มีอะไร แต่’ตงเฉิงเย่ว’ ถกแขนเสื้อของเธอขึ้นมาแล้วตอบด้วยความโกรธ
“อะไรนะ ไหนนายพูดใหม่อีกครั้งซิ!”
ยามไม่สนใจการตอบสนองของสองสาว ผมจึงต้องลากสองสาวออกไป
“เอาน่า เราหาทางออกที่อื่นก็ได้”
…… ขณะที่เราเดินไปตามทาง ‘ตงเฉิงเย่ว’ก็พูดขึ้น
“ไหนละทางออกอื่นของนาย?”
ผมยื่นแขนแล้วชี้ไปที่กำแพง
”เราจะปีนกำแพงไป”
“อะไรนะ?”
ตาของ’หว่านเอ๋อ’เบิกโพล่งและมองไปที่ผิวกำแพงเรียบเนียน
“เอิ่ม นายอาจจะทำได้นะ แต่นายอย่าลืมนะว่าฉันกับตงเฉิงเย่ว เราเป็นผู้หญิงนะยะ แล้วความสูงของกำแพงมันก็….”
‘ตงเฉิงเย่ว’ยิ้ม
“เซียวเหยา นายมายืนพิงกำแพงไว้ แล้วให้พวกเราปีนตัวนายขึ้นไป แล้วนายค่อยหาทางตามมา…งั้นเหรอ”
ผมขมวดคิ้ว
”ทำไมต้องทำอะไรให้มันยุ่งยากด้วย ผมสามารถกระโดดข้ามกำแพงนี่ทั้งที่ๆที่แบกพวกคุณสองคนได้ด้วยซ้ำ”
“บ้าน่า นายแข็งแรงขนาดนั้นเลยเหรอ”
‘ตงเฉิงเย่ว’ถามมาด้วยแววตาไม่เชื่อถือผมอย่างเต็มที่
“หึ งั้นทำไมเราไม่ลองหน่อยล่ะ”
‘ว่านเอ๋อ’เม้มริมฝีปากสีสดของเธอและยิ้ม
“ตงเฉิงเย่วไปก่อน….”
‘ตงเฉิงเย่ว’สั่นหัวคลอน
”ทำไมฉันจะต้องเป้นตัวทดลองก่อนล่ะ”
“เฮ เราจะได้กินข้าวกันมั้ยเนี่ย ฉันหิวแล้วนะ ถ้ารอนานๆฉันก็คงไม่มีแรงจะแบกเธอไปหรอกนะ”
ผมพูด ‘เฉิงเย่ว’ยอมอย่างจนใจ
“ก็ได้…ฉันไปก่อนก็ได้”
ผมยื่นมือไปอุ้มเธอไว้
“เอาล่ะ เกาะแน่นๆนะ จะได้ไม่ตก ถ้าเธอตกลงไปคงแย่มากแน่ๆ”
เธอพยักหน้าแล้วกระชับแขนโอบรอบคอผมแน่น มันเป็นความใกล้ชิดที่’ว่านเอ๋อ’ได้แต่ส่งสายตาประท้วงอยู่ด้านหลังอย่างเงียบๆ โดยที่ผมไม่รู้สึก ผมกระชับแขนให้มั่นแล้วปล่อยพลังปราณจากพื้นดินและผลักออกเพื่อที่จะพุ่งตรงไปยังด้านบนของกำแพงโดยไม่เสียสมดุลแม้แต่น้อย ผมมองไปข้างนอกจากโรงเรียนเป็นครั้งที่สอง แต่เห็นแค่เพียงความมืดและแสงจางๆที่พอให้มองเห็นพื้นเท่านั้น
ผมลงพื้นอย่างแผ่วเบาและพยายามพา’เฉินยู’ลง แต่เธอกลับต่อต้าน กระซิบเสียงต่ำว่า
“กอดฉันต่อไปได้ไหม….”
ผมมองไปที่เธอ
“ตงเฉิงเย่ว …. อย่าเลยนะ ว่านเอ๋อกำลังรออยู่นะ…”
“อะอื้ม”
การที่ผมกระโดดกลับไปกลับมาข้ามกำแพงเพียงไม่กี่ขึ้นตอน ปากเล็กของ’ตงเฉิงเย่ว’ก็ยิ้มด้วยความชื่นชม
“นี่….มันมากกว่าสถิติในโอลิมปิดอีกนะเนี่ย นี่มันน่าเหลือเชื่อมากๆ”
‘หลินหว่านเอ๋อ’ยืนมองมาทางผมด้วยท่าทางยั่วยวนและสายตาอันชั่วร้ายมาทางผม ผมผายมือไปที่เธอ
“เอ้า ตาของเธอแล้ว”
“อื้ม”
เธอเข้ามาและกอดผมรอบคอด้วยร่างกายอ่อนนุ่ม ผมเอื้อมมือโอบที่เอวของเธอและจับเบาๆ เมื่อผมสัมผัสถึงความอ่อนนุ่มของ 34Ds ที่กดทับกับหน้าอกของผม ผมก็หน้าแดงและแอบสติพร่ามัวไปนิดนึ่ง ‘หลินว่านเอ๋อ’มองมาที่ผม ใบหน้าของเธอก็เป็นสีแดงเช่นกัน
“ อย่าคิดอะไรสกปรกสิ แค่กระโดดก็พอแล้ว….”
เป็นครั้งที่สองที่ผมคิดว่าเธออ่านใจได้ถูกเวลาเสียจริง ผมเกร็งต้นขาและเพิ่มพลังโดยไม่ต้องคิด
“อ๊ะ!”
ผมได้ยินเสียตงเฉิงเย่วกรีดร้องจากด้านหนึ่งของกำแพง และผมก้มองไปทางต้นเสียงนั้น บ้าเอ้ย!เธอจะมาอยู่ใกล้ทำไมเนี่ย? เรากำลังจะตกไปทางเธอแล้ว! ไม่มีทางเลือกอื่น ผมบิดตัวกลางอากาศและประคอง’หว่านเอ๋อ’ ให้อยู่ด้านบนก่อนที่จะตกลงไป ให้หลังของผมบรรเทาแรงกระแทน
ปึง ฝุ่นฟุ้งกระจาย ผมส่งเสียงลอดไรฟันด้วยความเจ็บ กระดูกผมกระทบเข้ากับอิฐ โชคดีที่ร่างกายของผมมีความต้านทานมาจากการฝึก ไม่งั้นคงเจ็บหนักกว่านี้แน่ ผมครางหงิงง
‘ว่านเอ๋อ’ตกใจมากจึงกอดผมแน่น และ 34Ds ของเธอที่กดทับมาที่หน้าอกมากกว่าเดิม ภายใต้แสงจันทร์ผมก็เห็นใบหน้าของเธอในมุมมองที่แตกต่าง มันเป็นผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการเจ็บหลัง เธอเขินและรีบลุกขึ้นปัดตัวเอง
“นายโอเคไหม?”
“ผมไม่เป็นไร….”
ผมพูด แล้วขบฟันกลืนความเจ็บปวด
“ผมสบายดี หว่านเอ๋อ ไปหาไรกินกันได้และ”
“อืม”
ผมยืนขึ้นและรู้สึกปวดหลัง ผมไม่ได้เป็นร่างเหล็กไหลอะไรหรอกนะถึงจะได้ไม่รุ้สึกอะไร มันโครตเจ็บเลยโว้ย! ‘หว่านเอ๋อ’และ’เฉินเย่ว’ช่วยพยุง ในไม่ช้าเราก็มาถึงร้านแผงลอยที่ใกล้ที่สุด
ผมปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าและสั่งอาหาร อาหารที่ถูกจัดทำอย่างรวดเร็วของมืออาชีพไม่นานผมก็ได้ทานอาหารไปพร้อมกับดวงจันทร์สว่างและสาวสาวสวยที่ประกบข้างของผม …………….
สองนักศึกษา ที่อายุประมาณ23 ปีนั่งอยู่ข้างหลัง ที่กินไปคุยไปอย่างเร่งรีบ
“ซงซง นายไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานเหรอ เมื่อวานตอนผมออกเกมผมก็สังเกตเห็นว่ามีคนได้ดาบสีม่วงที่เมืองป้าฮวง มันเป็นดาบเรนฟรอส นายคิดว่าคนที่มีดาบระดับม่วงเลเวล 48 ที่ดีกว่าดาบสวรรค์สั่งของเจี้ยนเฟิงซาน…. เป็นใครกันนะ?”
เพื่อนของเขายกเบียร์ขึ้นมาดื่มและยิ้ม
“มันอาจจะเป็นของเจี้ยนฟางซาน เหยียนจ้าวอู๋ซวง นายพลหลี่หมูหรือ [Wrath of the Heroes] มีเพียงไม่กี่คนในเมืองป้าฮวงที่มีความแข็งแกร่งพอที่จะฆ่าบอสของระดับม่วง คนที่ไม่มีความสามารถมากพอ ไม่มีใครกล้าท้าทายบอสระดับม่วงหรอกนะ “
‘ซงซง’ถอนหายใจ
“ผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เราจะได้พบดาบระดับม่วง ถ้าเราได้รับแค่เพียงคนใดคนหน่อย ก็น่าจะพอให้คนอื่นเข้าร่วมในสตูดิโอของเรา นี่ก็ผ่านไป 4 วันที่แล้วที่เราประกาศรับคน แต่เราเรายังไม่มีคนมาสมัครแม้แต่คนเดียว ถ้ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไป เราต้องหาวิธีอื่นที่จะเพิ่มกำลังให้คนของเรา”
“อืม ขอคิดก่อนนะ…. ทำไมนายไม่ทำโปรเตอร์ ถ้าฉันไปที่หอพักหญิงที่มหาลัยทำไมเราไม่โฆษณาเครื่องสำอางล่ะ?พวกหล่อนชอบการแต่งหน้า แล้วพวกหล่อนก็อาจจะชอบกิลด์ของเรา ถ้าเราสามารถรับนักศึกศาเหล่านี้เข้ามา เราก็สามารถดึงแฟนๆของพวกหล่อนเข้ามาได้ด้วย และเราก็จะได้ครองเมืองป้าฮวง”
“ฉันเริ่มจะเข้าใจความคิดของนายแล้ว บ้าเอ้ย ฉันจะไปขายเครื่องสำอางพรุ่งนี้ นายอย่าลืมโพสโฆษณาไว้นะ”
“แน่นอน”
เราทั้งสามคนนั่งทานอาหารอย่างเงียบ ขณะที่ทั้งสองเสร็จสิ้นการสนทนา ‘หลินว่านเอ๋อ’กำลังกลั้นหัวเราะ และผมพยายามนั่งตัวตรงและทำจิตให้สงบ ไม่นานนักเราก็กินเสร็จแต่น่าเสียดายที่เราไม่สามารถเขาไปด้านในได้ และขาเข้าก็ยากกว่าขอออกมาด้วยนี่สิ
“เราจะทำไงดี ถึงเราจะไปถึงหอได้ แต่ฉันว่าผู้คุมหอต้องว่าเราแน่ๆเลย”
“ใช่ฉันเห็นมีนักศึกษาหลายคนที่พยายามจะปีนเข้าไป แต่เขาก็ถูกจับโดยผู้คุมหอ และวันรุ่งขึ้นก็มีประกาศทั่วมหาลัย และพ่อแม่ของเขาก็มาที่มหาลัย มันเป็นอะไรที่น่ากลัวมากๆ”
‘หว่านเอ๋อ’จ้องมองผมเงียบๆ ผมเม้มปาก
“แล้วถ้าพวกเขาโทรเรียกพ่อแม่ของหลินว่านเอ๋อ เขาจะต้อนรับพ่อแม่ของเธอยังไงดีนะ….”
“ฉัน….”
‘เฉิงเย่ว’หมุนไปรอบๆและมองไปที่ไฟที่อยู่ห่างไกล
“งั้น เราไปพักที่โรงแรมไหม เราจะกลับมาอีกทีตนพรุ่งนี้เช้าแล้วเราจะได้ไม่ได้ถูกเรียกพ่อแม่มาดีไหม?”
“เธอว่าไงว่านเอ๋อ”
‘หลินหว่านเอ๋อ’ หลับตาลงและพูดว่า
“ดีเลย….”
แล้วเราทั้งสามก็พบการพจญภัยใหม่ ที่ย่านโรงแรมหลังจากที่เข้าไปสอบถามแล้วทุกแห่งล้วนเต็มไม่มีห้องว่างไปหมด ! ‘ตงเฉิงเย่ว’หาว
“ลืมไปเลยว่านี่มันเป็นคืนวันศุกร์ที่คนแก่จะออกมาเช่าโรงแรม….”
ผมมองเวลา ตอนนี้ตีสามแล้ว ‘หว่านเอ๋อ’นอนหลับไปกับแขนของผมเกือบสมบูรณ์ เธอพยายามจะให้ตาเปิด แต่เหมือนขนตาของเธอนั้นจะหนักเกินไปจนไม่สามารถบังคับให้เปลือกตาของเธอเปิดได้อีกต่อไป ผมขมวดคิ้ว
“ทางทิศตะวันออกมีโรงแรม4ดาวอยู่นะ เราไปดูที่นั่นกัน”
“อืม…..”
เราพากันเดินไปที่โรงแรมนั้น และในที่สุดเราก็พบห้องว่า
“มีเพียง 1 ห้อง”
เพียง….หนึ่งห้อง! ผมรู้ว่ามันไม่ควรที่ผมจะไปนอนกับสองสาวแต่ผมก็ง่วงจนไม่สามารถมีอารมณ์ตื่นเต้นใดๆได้อีกแล้ว ผมเอาเงินจ่ายไปบางส่วน
“หนึ่งห้อง แล้วเราจะรีบขึ้นไป”
‘ตงเฉิงเย่ว’เงยหน้ามาที่ผม
“เซี่ยวหยาว นายจะนอน 3 คนห้องเดียวเหรอ”
“ใช่ หรือคุณจะไปนอนริมถนนล่ะ”
‘ตงเฉิงเย่ว’ส่ายหัวทันที
“ไม่เอาอ่ะ 3 คน 1 ห้องนี่แหละดีแล้ว”
เข้ามาภายในห้องที่กว้างขวาง’ว่านเอ๋อ’ก็ตื่นตัวเล็กน้อย
“นี่ เราจะแบ่งกันนอนยังไง”
“ผมนอนบนโซฟาส่วนคุณสองคนนอนบนเตียงแล้วกัน”
‘ว่านเอ๋อ’พยักหน้า
“ฉันอยากอาบน้ำ นายช่วยออกไปก่อนได้มั้ย”
ผมมองไปรอบๆห้อง
“ห้องตั้งกว้างขนาดนี้ผมยังต้องออกไปอีกเหรอ”
“งั้นห้ามแอบดูนะ”
“อือ”
ผมไปที่โซฟา และหลับไป …………………….
‘ตงเฉิงเย่ว’และ’หวานเอ๋อ’อาบน้ำด้วยกัน เสียงหัวเราะปะปนกับเสียงของฝักบัวดังมาจากห้องน้ำ
“หวา หว่านเอ๋อ ร่างกายเธอน่าอิจฉามากเลย”
“ว้าย อย่าจับสิ”
“หว่านเอ๋อ นั่นมันไซส์เท่าไหร่เหรอ?”
“ฉันพูดไม่ได้….มันน่าอายจะตาย”
“หลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้วเธอคิดว่าเซียวเหยาจะทำอะไร?”
“ฉันไม่รู้….”
หลังจากครึ่งชั่วโมงสองสาวก็เดินออกมาในผ้าขนหนู และเห็นร่างของ’เซียวเหยา’ที่นอนหลับอยู่บนโซฟาด้วยเสียงกรนที่เหมือนฟ้าร้อง
“บ้าเอ้ย ผู้ชายคนนี้นี่มัน….”
มุมปากของ’หว่านเอ๋อ’โค้งต่ำลงและเธอก็ไม่แน่ใจว่า แท้จริงแล้วเธอโกรธหรือผิดหวังกันแน่
ที่มา: