I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Zhan Long ตอนที่ 166 พลังต่อสู้ 5

| Zhan Long | 1591 | 2363 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

“เจ้าหนู เจ้ารู้จัก อี่ไฮ่รึเปล่า?”

TL : ถ้าแปลตรงตัว อี่ไฮ่ = มหาสมุทรแห่งความมีสติ

“ไม่ทราบครับ ท่านอาจารย์”

“อี่ไฮ่คือพลังชนิดหนึ่ง เป็นพลังที่มองไม่เห็น การเรียนรู้พลังปราณทั้งสวรรค์และโลก จะทำให้เจ้าไปถึงจุดสุดยอดของอี่ไฮ่ ด้วยพลังอี่ไฮ่ระดับสุดยอด เจ้าจะสามารถรับรู้ถึงพลังชีวิตของทุกสรรพสิ่งแม้แต่ตัวของเจ้าเอง เจ้าจะสามารถรับรู้ถึงสิ่งที่เคลื่อนไหวทุกสิ่งบนโลก เมื่อเจ้าเริ่มฝึกอี่ไฮ่วันนี้ เจ้าจะกลายเป็นปรมาจารย์ด้านอี่ไฮ่ในเวลาเพียง 5 ปี”

ผมคิดถึงท่านผู้เฒ่า นี่ก็ผ่านมาเจ็ดปีแล้ว ตั้งแต่ผมเจอท่านครั้งสุดท้าย แต่น่าเสียดายผมไม่สามารถไปถึงระดับสุดยอดของ’อี่ไฮ่’ดั่งที่ท่านหวังให้ผมเป็น ในขณะที่ผมหลับตาลงนอนบนเตียงของหอพัก

ผมเริ่มตั้งสมาธิอย่างตั้งใจ พลังปราณไหลเวียนรอบตัวของผม ความหนาแน่นของพลังปราณรอบตัวของผมคลอบคลุมไปถึงเจ้าแว่น เขาไม่ค่อยแข็งแกร่งเท่าไหร่ แต่ว่าสุขภาพของเขาดีมาก เพราะงั้นไม่จำเป็นต้องไปกังวลกับสุขภาพของเขาเลย

ผมเริ่มที่จะขยายขอบเขตุการรับรู้ออกไปอีก ผมสามารถรับรู้ถึงผู้อยู่อาศัยในหอพัก ในที่สุดพลังปราณของผมก็ขยายออกไปยังสถานที่ต่อไปได้ ผมรับรู้ได้ถึงพลังปราณสองสายที่อยู่ระดับสูงสุดของระดับ Refined Body ผมสามารถรับรู้ถึงพลังปราณที่ทิศเหนือของมหาลัย คงอยู่แถวๆ ซ่องในย่านตะวันตก

เจ้าของพลังปราณต้องเป็นบอดี้การ์ดของพวกหัวหน้ากลุ่มใต้ดินแน่ๆ เขามีร่างกายที่แตกต่างกว่าคนทั่วไปมาก คิ้วของผมขมวด เหงื่อไหลอาบใบหน้า ตอนนี้ผมสามารถขยายขอบเขตการรับรู้ของอี่ไฮ่ได้ถึง 10 กิโลเมตร มันทำให้ผมประหลาดใจมาก เพราะผมไม่เคยทำในได้มาก่อน

ในขณะที่ผมคิดว่ามันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ช่วยผม ผมก็คิดไปถึงเกม มันต้องเป็นตัวช่วยให้สมองของผมพัฒนาจนทลายขีดจำกัดได้แน่ๆ  นั้นหมายความว่าหากอยากจะก้าวผ่านขีดจำกัดของตัวเอง ต้องเล่นเกม!!!!

มันค่อนข้างที่จะกินแรงมากไปหน่อยเลยลดระยะลงมาเหลือเพียง 3 กิโลเมตร แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับการระวังภัยให้กับ’ว่านเอ๋อ’แล้ว หากมีคนระดับสูงกว่า Refined Body หรือพวกมนุษย์หมาป่าเข้าใกล้เธอ มันจะแจ้งเตือนให้ผมรับรู้ได้ หากเป็นพวกระดับต่ำกว่าระดับ Royal Air บอดี้การ์ดของเธอคงจัดการมันได้ไม่ยาก

TL : ระดับพลัง Royal Air ,Body, Qi (ปราณ), Blaze, and God realm

ผมตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ ผมไม่รู้ว่าผมหลับไปตอนไหน ผมมองดูนาฬิกาตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว อีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ผมก็ต้องเข้าเกมไปทำเควสที่เหลือให้เสร็จแล้ว

ติ่ง ติง ตริ่งง โทรศัพของผมดังขึ้น เป็น’ซงฮาน’นั้นเอง

“มีอะไรงั้นเหรอซงฮาน”

“อ้อ พี่เซียวเหยาจะไปกินข้าวกับพวกเรามั้ย ที่ร้านอาหารหูหนานที่นอกมหาลัย สมาชิกของ Zhan Long จะไปกันหมด พวกเราจะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น อันที่จริงก็อยากจะดื่ม เล็กๆ น้อยๆ หละนะ ฮ่าๆ”

ผมหัวเราะ

“โอเค งั้นชั้นพาว่านเอ๋อกับเฉิงเย่วไปด้วยได้มั้ย? ชั้นไม่อยากปล่อยเธอไว้คนเดียว”

“ได้เลย ไม่มีปัญหา”

ผมโทรหา’ว่านเอ๋อ’ต่อทันที

“ฮือ…..”

เสียงของเธอดูงัวเงียเล็กน้อย เหมือนกับกำลังรำคาญนิดหน่อย ผมถามอย่างเงียบๆ

“คุณหนู ตื่นรึยังครับ”

“ตอนนี้ฉันตื่นแล้ว มีอะไรงั้นเหรอ?”

“ผมจะออกไปทานข้าวกับ Zhan Long เธอกับเฉิงเย่วจะไปด้วยกันมั้ย?”

“นายจะเลี้ยง?”

“อ่า ใช่”

“โอเค งั้นฉันกับตงเฉิง จะยิงไปเมื่อพวกเราพร้อมแล้ว โอ้….ยัยนี่ยังไม่ตื่นอีกแหะ เดี๋ยวฉันปลุกยัยนี่ก่อนนะ……..ว่าแต่พวกเราควรจะแต่งหน้ามั้ย?”

ผมตกใจ

“ไม่ใช่ว่าปกติเธอก็ออกไปโดยไม่แต่งหน้าไม่ใช่เหรอ”

“มัทฉะก็จะมาด้วย…..”

‘ว่านเอ๋อ’แสดงออกอย่างอายๆ

“ไม่ใช่ว่า….ไม่ใช่ว่าฉันกลัวที่จะต้องไปเจอเธอหรืออะไรหรอกนะ”

ผมอดที่จะขำไม่ได้

“ไม่ต้องห่วงหรอกคุณหนู แม้ว่าคุณจะไม่แตกหน้าก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ให้เฉิงเย่วแต่งหน้าสักนิดก็ได้ มัทฉะเธอก็สวยไม่มากหรอกนะ”

“โอเค ฉันจะลงไปใน 20 นาที”

“เข้าใจแล้ว”

ผ่านไป 20 นาที ผมก็ลงมายังชั้นล่างของหอพักหญิง สาวงามสองคนมายืนรออยู่ก่อนแล้ว จริงเหมือนที่เธอพูดไว้ ‘ว่านเอ๋อ’ไม่ได้แต่งหน้าเลย แต่เธอก็ไม่จำเป็นต้องแต่งหรอกเพราะผิวของเธอมันขาวราวกับหิมะ เธออยู่ในชุดสีน้ำตาล ตัดกับกระเป๋าสีม่วงของเธอ เธอใส่ส้นสูงเล็กๆ เธอดูหน้าตาซีดเซียว เรียวขาสวยของเธอทำให้ผู้คนน้ำลายไหลเลยหละ รวมกับเอวที่คอดกิ่วและชุดของเธอ มันอาจจะฆ่าคนได้เลยทีเดียว

ผมหันไปมอง’เฉิงเย่ว’ เธอแต่งหน้าบางๆ ขนตายาวสวยของเธอถูดม้วนอย่างสวยงามบวกกับอายไลเนอร์ของเธอทำให้มองเห็นได้ชัดเจน แม้ว่าเธอจะอายุ 19 เธอก็ยังมีเสน่ห์ของสาวใหญ่ได้อย่างชัดเจน ผมก้มหน้าเพื่อจะหา มุมดีๆ หน้าของ’เฉิงเย่ว’เขินไปทันที เธอพูดแหย่ผม

“มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ? นายอย่ามองฉันได้มั้ย?”

ผมส่ายหัว

“ลางสังหรณ์ของตงเฉิงน่ากลัวจริงๆ เธอกลัวจะน้อยหน้ามัทฉะหรือไง”

‘ตงเฉิงเย่ว’แลบลิ้น

“หืมม นี่คือสงครามของผู้หญิง นายไม่มีวันเข้าใจหรอก”

ผมโบกมือ

“ผมจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอกนะ ไปกินข้าวกันเถอะ”

“โอเค”

หลังจากนั้นไม่นาน พวกเราก็มาถึงยังร้านอาหารหูหนาน ที่ห้องด้านใน สมาชิกทั้ง 4 ของ  Zhan Long มารอเราอยู่ก่อนแล้ว หลังจากที่พวกเราเดินเข้าไป ‘รันมิน’กับ’ซงฮาน’ ก็มองมายัง’ว่านเอ๋อ’กับ’เฉิงเย่ว’ทันที อย่างหลงใหล

สองสาวเป็นสุดยอดสาวงามจริงๆเลยแหะ ผมมองไปยังมัทฉะ เธอกำลังยุ่งๆ ในการรินน้ำให้’หลิวย่ง’อยุ่ ใบหน้าของเธอมีเหงื่อออกมา เธอใส่เสื้อสเวสเตอร์รูปตาราง และกระโปรงสั้น มันทำให้เธอดูเป็นคนขยันขันแข็งและเธอยังน่ารักอีกด้วย ผมนั่งลงที่โต๊ะพลางถาม’มัทฉะ’

“เฮ้ มัทฉะ Zhan Long เลี้ยงดูเธอดีมั้ย?”

เธอเช็ดมือพลางยิ้มหวาน

“ก็มีความสุขดี ถึงแม้ว่าจะได้นอนน้อยกว่าปกติก็ตาม ตอนตีห้าฉันต้องตื่นขึ้นมาซักผ้าและทำความสะอาด และหลังจากนั้นก็ ติดวอลเปเปอร์ใหม่ เพราะอันเก่ามันดูเหมือนจะผุพังแล้ว”

ผมพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

“ดีมาก”

‘เฉิงเย่ว’มองไปยัง’มัทฉะ’ เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง ผมมองไปยังเธอด้วยรอยยิ้มพร้อมกับกล่าว

“ผู้หญิงที่มีความขยันคือผู้หญิงที่สง่างาม จริงมั้ย?”

ใบหน้าของ’ตงเฉิงเย่ว’และ’ว่านเอ๋อ’แดงก่ำ

“อ่า ใช่”

พวกเราสั่งอาหารมามากมาย พร้อมกับเบียร์นิดหน่อย ในขณะที่’ว่านเอ๋อ’ก็โทรหา’อวี่จื่อเฉิงโช่ว’เพื่อเลือดเวลานัดออกไปอีกครึ่งชั่วโมง ไม่งั้นเราคงไม่มีเวลาทานอาหารแน่ ‘เฉิงเย่ว’ จับแก้วไวของเธอพลางหันมาที่ผม

“เซียวเหยา ทำไมนายไม่สรุปภารกิจของเราที่ผ่านมาละ”

ผมยิ้มพลางกล่าว

“มันก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะ พวกเราทำมันได้เป็นอย่างดีเลยหละ และเรายังมีรายได้ไม่น้อยด้วย รันมินได้ทักษะ [คมขวานวายุหมุน] ในขณะที่เฉิงเย่วก็ได้ทักษะ [ดัชนีอัสนีบาต] และยังอุปกรณ์ระดับม่วงอีกหลายชิ้น ภารกิจนี้จะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นมากเลยหละ พวกเราต้องล้มบอสอีกแค่สองตัวเท่านั้น หลังจากนั้นพลังของ Zhan Long ของเราจะทำให้ผู้คนทั้งเมืองป้าฮวงต้องตกใจ”

‘ซงฮาน’หัวเราะ

“พี่เซียวเหยา ทำไมพี่ถึงใช้คำว่า Zhan Long ของเราหละ ในเมื่อ หลินว่านเอ๋อและตงเฉิงเย่วไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเรา”

ผมมองไปยังพวกเธอสองคน พวกเธอตาเบิกกว้างมองมาที่ผม ผมกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่

“ใครบอกกัน พวกเธอสองคนจะเข้าร่วมกับเราในอนาคตแน่นอน”

โดยไม่คาดคิด ‘ว่านเอ๋อ’ไม่บอกปฏิเสธอะไร ในขณะเดียวกัน’เฉิงเย่ว’ก็ยิ้มอย่างตื่นเต้น

“ใช่แล้ว”

หลังจากนั้น ‘หลิวย่ง’ก็กำแก้วไวน์ของเขาอย่างตื่นเต้น

“โอ้ มันเหมือนกับว่าเราชวนสาวงามอันดับหนึ่งและอันดับสองแห่งเมืองฟ่านชูมาเข้าร่วมกับเราแล้วนะเนี้ย มันเยี่ยมไปเลย ถ้าชางถ่ง กับชางเย่วมาร่วมกับเรา กลุ่มของเราต้องแข็งแกร่งขึ้นมากเลยหละ!!! คัมไป!!!!”

พวกเราดื่มน้ำในแก้วของเราอย่างมีความสุข ……

หลังจากดื่มไปหลายแก้ว ผมกับ’ซงฮาน’ยังห่างไกลจากคำว่าเมามากโขอยู่ แต่หน้าของ’ว่านเอ๋อ’แดงก่ำแล้ว เธอโน้มตัวลงยังพนักเก้าอี้ 34D คู่นั้นของเธอกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจของเธอ ทำให้เธอดูกระเซอะกระเซิงไปเลย ผมอดที่จะกังวลไม่ได้

“เป็นอะไรงั้นเหรอ? เธอดื่มมากเกินไปรึเปล่า?”

ผมกระซิบถามเธอ เธอสั่นศีรษะปฏิเสธ

“ไม่ใช่แน่นอน ฉันจะยอมแพ้ตั้งแต่แรกได้ไง”

“ผมคิดว่า…”

ผมเทไวอีกแก้วให้เธอ

“คุณ…..ว่านเอ๋อทำไมเราไม่มาดื่มอีกซักแก้วหละ”

“โอเค”

เธอพยักหน้าเบาๆ พลางดื่มไวน์อีกแก้ว มุมปากของเธอยิ้มขึ้น

“หลี่เซียวเหยา เจ้าคนไม่เอาใจใส่”

ผมเงียบไปเลย ‘เฉิงเย่ว’นอนลงบนโต๊ะ เพื่อพยายามแอบดูเรา เธอส่ายหัวพลางกล่าว

“มันจบแล้ว มันเหมือนกับว่าฉันไม่มีโอกาศอยู่เลย”

ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง อาหารก็หมดเกลี้ยง มัทฉะกำลังท่องเว็บในมือถือเธออยู่ ทันใดนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้น

“มีบางอย่างเกิดขึ้นแล้ว ลองคิดดูซิว่ามีอะไรเกิดขึ้น?”

‘ซงหาน’ตอบ

“เมืองป้าฮวงกำลังพังทลาย?”

“ไอ้บ้า”

“[Vanguard] สู้กับ [Prague]?”

‘หลิวย่ง’ถาม

“แน่นอนว่าไม่….”

ผมแสดงความคิดเห็น

“ชั้นพนันได้เลยว่าต้องเป็นเรื่องของ [Flying Dragon] ที่สู้กับ [Valiant Bravery] แน่นอน มันมีโอกาศเกิดได้สูงมากๆ”

‘มัทฉะ’หัวเราะพลางพยักหน้า

“ใช่แล้ว บอสของเราฉลาดมากเลยที่เดาได้ เมื่อสองชั่วโมงก่อน [Flying Dragon] เข้าไปยังหุบเขากิเลนพฤกษา เพื่อหาสมุนไพรกิเลนพฤกษาระดับ 6 แต่ก็พบกับทีมสำรวจที่นำทีมโดยแม่ทัพหวางเจี้ยน แห่ง [Valiant Bravery] ในที่สุดพวกเราก็สู้กันจันกระทั้งต้องเรียกกำลังเสริม สุดท้าย  [Flying Dragon] ก็เรียกคนกว่า 3000 คนเพื่อพาสู้กับ [Valiant Bravery] ที่มีคนเพียง 1700”

“แล้วผลเป็นไง?”

ผมถาม

“[Valiant Bravery] แพ้ แต่ว่าพวก [Flying Dragon] ก็เสียหายอย่างหนักเหลือคนไม่ถึง 40 คน ฉันได้ยินมาว่า ถ้าแม่ทัพไป๋ฉีกับแม่ทัพเหลียนป๋อไม่ถูกอัศวินที่ไหนก็ไม่รู้ฆ่าละก็ พวก [Flying Dragon]ต้องแพ้แน่นอน”

ผมเบิกตากว้างกับข่าวใหม่

“อัศวินคนนั้นต้องเป็น Drunken Spear อัศวินแห่งธรรมชาติแน่นอน”

“ใช่แล้ว บอสก็สนใจเขาเหรอค่ะ?”

“ใช่แล้ว ผมจะต้องสู้กับเขาแน่นอนในอนาคต”

“ช่ายย เขาแข็งแกร่งมาก ถ้าเราสู้กับ [Flying Dragon] ต่อไป เราต้องได้เจอกับเขาแน่นอน”

‘ว่านเอ๋อ’มองไปยังโทรศัพ พลางเปิดตากว้าง

“อะไรกัน….มีคนเยาะเย้ย Zhan Long”

“ใครเยอะเย้ยเรากัน”

‘รันมิน’ถาม ‘ว่านเอ๋อ’ตอบกลับ

“Drunken Spear เขาพูดว่า Zhan Long มีพลังต่อสู้แค่ 5”

TL : พลังต่อสู้จากเรื่อง ดราก้อนบอล พี่โกคูมันแสกนพลังของชาวนาได้ 5

“บัดซบ!!!”

‘รันมิน’ทุบโต๊ะอย่างรุนแรง

“มันควรจะขอบคุณพระเจ้านะที่ชั้นไม่เจอมันหนะ!!!”

…. ผมยังคงใจเย็น

“อย่าปล่อยให้คำพูดไม่กี่คำทำให้นายโกรธ เราควรหลีกเลี่ยงอารมณ์นี้ให้หมด ถ้ามันอยากจะล้อเล่นกับเราก็ให้มันล้อไป แต่เมื่อไหร่ก็ตาม เราเสร็จสิ้นภารกิจนี้ เราจะไปเยี่ยมมันเอง!!!!”

“ดี!!!”

 

สปอย!!!!!!!!!

.

.

.

อยากลุ้นเรื่อยๆ ก็รอครับ อีกประมาณ 10 ตอนก็จบเควสละเรื่องของไอเท็มไม่ต้องห่วงครับว่าพระเอกจะไม่ได้อะไร บอกได้คำเดียวว่าจบเควสนี้กลุ่มของพระเอกกลายเป็นเทพไปเลย ไอเท็มระดับ จักรพรรดิออกมาเพียบ แถมรันมินยังได้ขวานที่แกร่งที่สุดออกมาอีกด้วย เรียกได้ว่ารันมินน่าจะโหดสูสีกับเซียวเหยาละ (ได้ตำราสกิลมาสองอัน) นางเอกได้ของระดับจักรพรรดิไปสองอัน พระเอกก็ได้ไปสอง นอกจากนี้ยังมีฉาก สูุ้กับหัวหน้ากิลด์นางเอกใครที่ไม่ชอบมันนะ (Q-Sword) รับรองซะใจแน่ๆ 555

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments