I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Zhan Long ตอนที่ 167 ภูเขาโครงกระดูก

| Zhan Long | 1463 | 2337 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แปลโดย คุณ Parita Chee

************************

หลังจากชำระค่าอาหารแล้ว พวกผมเดินไปตามทางเดินในมหาวิทยาลัย เพื่อกลับหอพัก ‘หลินว่านเอ๋อ’เดินแกว่งกระเป๋าสตางค์ ตัวโอนเอนไปมา ผมเดินเข้าไปใกล้เอื้อมมือจับแขนช่วยประคอง พร้อมถาม

“เธอโอเคไหม”

หญิงสาวพยักหน้า

“โอเค ไม่มีอะไร  ไปช่วยตงเฉิงเย่ว เธอก้มทำอะไรไม่รู้…”

ผมเหลียวหน้าไปมอง นั่นเลยไง ‘ตงเฉิงเย่ว’กำลังคุกเข่าที่พื้น เชือกผูกรองเท้าหลุด และเธอกำลังพยายามผูกเชือกรองเท้า หลังจากส่งสาวๆ กลับหอพักแล้ว ผมกลับหอพักตัวเองเหมือนกัน และออนไลน์เข้าไปลุยสุสานห้าโฉด Five Barbarians Desolate Tomb

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเมื่อพวกเราทำภารกิจระดับ SS สำเร็จแล้ว ค่าประสบการณ์ที่เป็นรางวัลจะต้องทำให้เลเวลพวกเราเพิ่มขึ้นแน่นอน นอกจากนั้น พวกเรายังได้อุปกรณ์เป็นรางวัลอีกด้วย ด้วยระดับความยากของภารกิจที่ระดับ SS การได้อุปกรณ์ในระดับม่วงเป็นเรื่องปกติมาก

บางทีเราอาจจะได้รางวัลเป็นอุปกรณ์ระดับจักรพรรดิ์ที่เป็นของดีจริงๆ สักชิ้น …..

แว้บบบบ

เมื่อออนไลน์เข้ามาแล้ว ผมปรากฏตัวที่ชั้น 3 ของสุสาน Five Barbarians Desolate Tomb  ผมสำรวจอุปกรณ์ตัวเอง ความทนทานของกระบี่เหลือ 11%  เกราะส่วนลำตัวเหลือ 72%  ส่วนความทนทานของอุปกรณ์อื่นๆ เหลืออยู่ที่ประมาณ 20% – 60%

ผมวิ่งไปที่หาช่างตีเหล็กชราที่ชั้นหนึ่งเพื่อซ่อมอุปกรณ์ทั้งหมดโดยไม่ลังเล

เมื่อผมกลับมาถึงชั้น 3  ทุกคนออนไลน์ปรากฏตัวมาทีละคน ไม่กี่นาที สมาชิกทั้ง 10 คนก็พร้อมมุ่งไปที่ชั้น 4 ทางเข้าชั้น 4 เป็นหลุมลึกไม่เห็นก้น ความกว้างประมาณ 1 เมตร  ครั้งนี้ไม่มีบันใดหินสักขั้น  เป็นเพียงช่องที่ตกลงไปตรง ๆ เท่านั้น แต่ว่ามันเป็นทางเข้าอย่างไม่ต้องสงสัยเลย เหมือนกับว่าพื้นชั้น 3 มีหลุมทะลุลงไปและทางลงไปที่ชั้น 4 โดยตรงต้องผ่านหลุมนี้ไปเท่านั้น

“แม่งงง”

ผมมองไปรอบๆ ครู่ใหญ่

ในที่สุดลุกขึ้นยืน เอ่ยขึ้นว่า

“ตกลงไปแบบนี้พวกเราตายแน่ๆ ความสูงของทุกๆชั้นที่ผ่านมาลึกอย่างน้อยเป็น 100 เมตร”

‘อวี๋จื่อเฉิงชัว’หัวเราะพลางพูดว่า

“พวกเรานะตายแน่ๆ แต่นายไม่ตายหรอก อย่าลืมค่าพลังป้องกันกับค่าชีวิตของนาย คนเดียวในนี้ที่จะ ตกลงไปไม่ตายก็คือนาย อย่ามาปอดในตอนนี้…”

ผมคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้า

“ก็ได้ บัฟผมดีๆล่ะ ผมจะลงไปเป็นคนแรกเพื่อให้แน่ใจว่ามันปลอดภัยแล้วผมจะเรียกพวกเราทุกคน”

“ได้เลย”

‘ว่านเอ๋อ’หัวเราะเบาๆ

“ระวังด้วย”

“ครับ”

ผมถือกระบี่ Frost Rain ขึ้นสูง หมุนตัวไปรอบๆ แล้วกระโดดลง ผมรู้ทันทีว่าตกลงมาโดยไม่มีอะไรเหนี่ยวรั้งเพราะเสื้อผมปลิวขึ้นไปข้างหลัง  รอบข้างมืดมิดผมได้ยินเพียงเสียงลมพัดหวีดหวิวข้างหู ผมทำได้เพียงแต่ลืมตา และมือซ้ายเตรียมร่าย [Heal] ใส่ตัวเอง

สายลมพัดผ่านใบหูเสียงดังหวีดหวิว

ทันใดนั้นสายตาของผมก็เห็นแสงสว่างอีกครั้ง  แย่แล้ว ข้างล่างนั้น มีนรกแมกม่าที่สยดสยองรออยู่ เป็นแท่งเสาแหลมคมเรียงรายสีแดงเข้มจากแมกม่า  เมื่อผู้เล่นตกลงมาบริเวณนี้ เขาต้องถูกเสาพวกนี้เสียบทะลุกลายเป็นเคบับย่างไปแน่

ท่ามกลางความสิ้นหวัง ผมเงื้อกระบี่ขึ้นสูงแล้วใช้ทักษะที่แรงที่สุด  กระบวนท่า wind blade ฟันไปที่เสาลาวาอันแหลมคมด้วยหวังที่จะเลี่ยงหายนะ

“เปรี้ยง”

กรวดปลิวกระจาย ในที่สุดเสาลาวาก็ถูกผ่าเป็นสองส่วน  ทว่าผมยังคงหล่นกระแทกกับส่วนโคนที่ยังมีส่วนแหลมคม

“โครม”

เลือดสาดกระจายจากบริเวณอกผมพร้อมกับตัวเลขค่าความเสียหายจำนวนมากลอยขึ้น

“2249!”

ใจผมแทบหยุดเต้น รู้สึกกลัวแทบตาย โชคยังดีที่ผมไม่ตาย! ผมรีบรักษาตัวเองทันที เพิ่มชีวิตขึ้นมาได้ 900 แต้ม ก่อนจะติดต่อในช่องแชทกลุ่ม

“ด้านล่างนี้ไม่ค่อยปลอดภัย  ตงเฉิงเย่ว กับมัทฉะ ที่เหาะได้ทั้งคู่ให้ลงมาก่อน”

สองสาวใช้ปีกกระพือในการเหาะลงมา  ทันใดนั้น ตรง’เฉิงเย่ว’ยกมือปิดปากด้วยความประหลาดใจ เอ่ยขึ้นว่า

“โว้วว หินงอกเยอะแยะไปหมด แต่เฮียเซี่ยวเหยา เฮียรอดมาได้ไงเนี่ย…”

ผมพูดไม่ออก

“พวกเธออยากเห็นผมตายขนาดนั้นเลยเหรอ  นี่พวกที่อยู่ข้างบน โดดลงมาทีละคน ผมจะคอยรับอยู่ข้างล่าง  วูล์ฟ นายจะลงมาก่อนหรือเปล่า”

“ได้ครับ เฮียเซี่ยเหยา”

ทันใดนั้นก็มีเงาร่วงโผล่ลงมาจากที่โล่ง ความคล่องแคล่วว่องไวของวูล์ฟค่อนข้างสูงทีเดียว   ผมคำนวณจุดที่เข้ารับอย่างดีแล้วค่อยกระโจนออกไป เอื้อมมือคว้าแขนของ’วูล์ฟ’ ใช้แรงหมุนเหวี่ยงให้เขาชะลอความเร็วลงโดยไม่ต้องออกแรงมาก

จากนั้นก็เป็น ‘โอล์ดเค’ ‘ตงเฉิงเล่ย’ ‘ฟอกซ์’ และ’อวี๋จื่อเฉิงชัว’ ที่ทิ้งตัวลงมาทีละคน  มันค่อนข้างเสี่ยงนิดๆ แต่ก็ไม่อันตรายเท่าไร ‘หลินว่านเอ๋อ’เป็นคนสุดท้ายที่กระโดดลงมา

ผมอ้าแขนเตรียมรับเธออย่างดี รออยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะมองเห็นว่าเธอกางร่มเหล็ก ค่อยๆ ลอยละล่องลงมาเรื่อยๆ เซ็งชะมัด ผมตั้งท่ารอเก้อเลย ……

พวกเรายืนนิ่ง เพิ่มเติมพลังให้สมบูรณ์พร้อมรบ ไม่ไกลจากนี้ ม้าศึกส่งเสียงร้องต่อเนื่อง เสียงย่ำกีบเหล็กของม้าศึกไร้วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนดังสนั่นไปทั่วชั้นนี้ อัศวินนั่งอยู่หลังม้าศึกแต่ละคนต่างเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ต้นทว่าจิตวิญญาณของพวกเขายังคงวนเวียนอยู่  อัศวินบางตนถืออาวุธยาวในมือและพ่นลมหายใจที่เหม็นเน่าโชยไปทั่ว  พวกมันสวมเกราะครบชุด เหนือศีรษะมีตัวอักษรเรียงเป็นแถวๆ

[ทหารม้าเผ่าซงนู] (มอนสเตอร์ระดับสูง) ระดับ : 60

พลังโจมตี: 1110-1440

พลังป้องกัน: 900

พลังชีวิต: 9000

ทักษะ:  [พุ่งชน/Charge]  [ดาบสะบั้นวงพระจันทร์/Arc Moon Slash]  [คมดาบอัคคี /Flame Blade]

รายละเอียด  ทหารม้าเผ่าซงนูเป็นนักสู้ชั้นเยี่ยมของเผ่าซงนู พวกเขามาจากนอกกำแพงเมืองจีน มีความสามารถในการสังหารอย่างเยี่ยมยอด ดังนั้นจึงมีนิสัยที่ป่าเถื่อนดุร้ายสะสมจนถึงระดับที่น่าอัศจรรย์ใจ  พวกมันจึงมีความพอใจในการเข่นฆ่าผู้อื่นอย่างโหดร้ายป่าเถื่อน  เมื่อรันมินสิ้นชีพลงในสงคราม พลม้าเผ่าฮวนเหล่านี้จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของผู้คุมสุสานของรันมิน ……

“ในที่สุดก็มาแล้ว มอนสเตอร์ระดับสูง เลเวล 60…”

‘ตงเฉิงเย่ว’ ยิ้มน้อยๆ

“พลม้าเกราะหนัก เลเวล 60 พวกนี้ถ้าโดนพลังเวทย์ จะได้รับความเสียหายขึ้นอีก 50%  มอนสเตอร์แบบนี้ ของโปรดเลย”

‘หลินว่านเอ๋อ’ ทักท้วง

“อย่าประเมินศัตรูต่ำเกินไป พวกนี้มีเกราะป้องกันสูง พลังโจมตีสูงและพลังชีวิตสูง  พลม้าแบบนี้เป็นมอนสเตอร์ระดับสูงที่แข็งแกร่งที่สุด ที่เราเคยพบมา  ลองคิดดูว่าเราจะรับมือพวกมันอย่างไร พวกมันมีทักษะ [พุ่งชน] ที่สามารถทำให้เราติดสถานะมึนงงไปชั่วขณะ ในชั่วขณะนั้นพวกมันก็จะเล่นงานเราด้วยทักษะ [ดาบสะบั้นวงพระจันทร์/Arc Moon Slash]  และ [คมดาบอัคคี /Flame Blade] ผู้เล่นทั่ว ๆ ไปไม่สามารถรับมือความเสียหายแบบนี้ได้แน่ๆ”

ก่อนที่เราจะหารือกันจบ ‘ตงเฉิงเล่ย’ชูขวานขึ้นแล้วพุ่งไปข้างหน้า

“ฮาฮา ข้าจะขอสู้เป็นหัวหอกนำศึก”

“เฮ้ย อาเล่ย”

ผมรีบตะโกน แต่มันช้าเกินไป ‘ตงเฉิงเล่ย’ ดึงความโกรธของศัตรูทั้งหมดในทันที พลม้าเผ่าฮวนตัวแรกเข้าสู่โหมดคลั่งทันที มันเงื้อหอกแล้วพุ่งตาม’ตงเฉิงเล่ย’ ‘โอลด์เค’ที่เป็นห่วง’ตงเฉิงเล่ย’ว่าจะไม่สามารถรับมือได้เพียงลำพัง รีบวิ่งตามหลังไปอย่างรวดเร็ว

“อาเล่ย ฉันมาช่วยนายแล้ว”

“ฉัวะ”

ทันใดนั้นพลม้าเหล็กก็เร่งความเร็ว ทิ้งให้เห็นภาพเป็นทางตามหลัง  นี่คือผลของทักษะ [พุ่งชน/ Charge]

“เปรี้ยง”

‘ตงเฉิงเล่ย’ถูกกระแทกกระเด็นไปเป็นสิบเมตรและเข้าสู่สถานะมึนงง ในเวลาเดียวกันนั้น พลม้าเผ่าฮวนเงื้อดาบยาวขึ้นสูงตวัดเป็นแนวโค้ง ฟาดเปรี้ยงไปทั้ง’โอลด์เค’และ’ตงเฉิงเล่ย’ในคราวเดียว

“1472!”

“1621!”

“พระเจ้า สองคนนั่นไม่กลัวตายเลยหรือไง”

‘อวี๋จื่อเฉิง’ชัวรีบรักษาพวกเขาอย่างรวดเร็วขณะที่อุทานอย่างฉุนเฉียว ผมรีบรุดเข้าไปช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว กำปั้นทุบเปรี้ยงลงไปที่พื้นอย่างแรง ผมใช้ทักษะ [โซ่พันธการ/Binding Chains] เพื่อตรึงพลม้าเผ่าฮวนตนหนึ่ง  ในเวลาเดียวกัน ผมทะยานไปหาอีกตนที่อยู่ข้างหน้าพร้อมตะโกนลั่น

“อาเล่ย มัวรออะไร รีบสวนกลับเร็ว”

“ฉัวะ”

ปฏิกิริยาของ’ตงเฉิงเล่ย’นับว่าไม่เลว เขาใช้ทักษะ [สะท้อน/Reflect] มีผลทำให้พลม้าต้องลิ้มรส [คมดาบอัคคี/Flame Blade]ของตัวเอง!

“ตึ้งงง”

“2187!”

หลังจากที่ต้องลิ้มรสพลังโจมตีของตัวเองเข้าไปแล้ว ผมว่าเจ้าพลม้าตนนั้นต้องแค้นจนอยากกระอักเลือด ทันใดแสงสีทองเปล่งประกายหกแฉกสว่างวาบ กระบี่ Frost Rain Sword ของผมก็ปล่อยทักษะต่อเนื่องหรือ combo โบโบ้โฉบโจมตีตามหลังอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยเวทย์ลูกบอลไฟ จาก’ตงเฉิงเย่ว’

พวกเราร่วมจัดการสังหารพลม้าตนแรกไปในคราวเดียว จากนั้นผมเงื้อกระบี่ขึ้นสูง พุ่งไปหาพลม้าที่ผมตรึงไว้ก่อนหน้านี้ จัดการมันในคราวเดียว ก่อนที่มันจะตาย เจ้าพลม้าคำรามครั้งสุดท้ายออกมา

“เป็นไปไม่ได้ แม้แต่พวกชนชั้นต่ำยังกล้าเหยียบย่ำพวกเรา”

“เปรี๊ยะ”

ด้วยการฟันไปอีกครั้ง  ทั้งพลม้าและม้าศึกต่างล้มลงพื้น มันดรอปรองเท้าที่แวววาวออกมาคู่หนึ่ง  ผมตาวาวตอนที่คว้ามันมา เจ๋ง! มันเป็นไอเท็มระดับเงิน ดังนั้นผมจะเก็บมันไว้ เอาไปขายทีหลัง ‘หลินว่านเอ๋อ’ยืนข้างซากของพลม้า กระพริบดวงตากลมโต 2-3 ครั้งแล้วหัวเราะ

“อะไรอ่ะ”

“เป็นไปไม่ได้ แม้แต่ชนชั้นต่ำยังกล้าเหยียบย่ำพวกเรา”

“ภาษาถิ่นของเผ่าฮวนเหรอ”

TL:  คำพูดที่พลม้าพูดเป็นภาษาพูดของจีนโบราณที่มีความหมายค่อนข้างคลุมเครือ (แปลเป็นคำพูดยาก)

ผมพยักหน้า

“ครับ น่าจะเป็นอย่างนั้น ไม่ต้องไปสนใจหรอก”

‘ฟอกซ์เบ้’ปากเล็กน้อยก่อนพูดว่า

“ถ้าผมจำไม่ผิด ผมคิดว่ามันเป็นคำสบถจากมณฑลซูเป่ย หรือไม่ก็หนานกิง หรือป่าว”

ผมอดถามด้วยความแปลกใจไม่ได้

“แล้วเฮียฟอกซ์ผู้ชาญฉลาดเดาได้  มันหมายความว่ายังไง”

‘ฟอกซ์’แปลเรียบๆ

“ไอ้  ><#@%# ข้าจะชกแกให้ตาทะลักเลย…”

ทุกคนอึ้งกิมกี่ หลังจากที่ได้ฟังคำแปล ……

กลุ่มพวกเราเดินหน้าตะลุยไปเรื่อยๆ หลังจากสังหารพลม้าไปสิบกว่าตนแล้ว มัทฉะขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า

“บอสเซี่ยวเหยา เราเคลียร์มอนสเตอร์ได้ช้ามากไปแล้วนะ  เป็นแบบนี้เราไม่สามารถใช้ทักษะ [ดัชนีอัสนีบาต/ Thunderbolt Finger] ของตงเฉิงเย่วได้เต็มประสิทธิภาพแน่  ต่อให้รวมราชินีผีเสื้อมายา / Illusionary Butterfly Queen ของฉันที่มีเลเวล 42 ที่มีพลังโจมตี 1400+ และทักษะ [เพลิงนรกานต์/Abyssal Flames] ก็ทำอันตรายพวกมันได้เพียงเล็กน้อย เราต้องหาทำเลเหมาะๆ ล่อพวกพลม้าเผ่าฮวนเข้ามาสังหารด้วยเวทย์โจมตีแบบวงกว้างดีไหม”

ผมคิดอยู่ครู่ใหญ่

“ไอเดียใช้ได้ แต่เรายังต้องให้คนกั้นบริเวณรอบๆ เพื่อให้พวกมันอยู่ในพื้นที่โจมตี  ทักษะ [ดาบสะบั้นวงพระจันทร์/ Arc Moon Slash] น่ากลัวเกินไป โอลด์เคกับอาเล่ย ไม่อาจรับมือมันได้นอกจากว่าเราจะมีทำเลที่ได้เปรียบ”

“เราจะทำยังดี บอส”

‘มัทฉะ’ลอยตัวขึ้นไปข้างบน ชี้นิ้วไปทางด้านหลังพวกเรา

“ดูตรงนั้นสิ…”

ผมเขม้นมอง แล้วสั่นยะเยือกไปทั้งตัว  มีภูเขาโครงกระดูกทับถมด้วยเสื้อผ้าที่เน่าเปื่อยก่ายกอง  จากสีสันดูเหมือนเป็นเสื้อผ้าของผู้หญิง  กองกระดูกนี้กองเรียงรายเป็นช่องแคบที่กว้างเพียงให้คนเดียวเดินผ่าน มัทฉะกระพริบตา กล่าวว่า

“ถ้าทุกคนสามารถผ่านไปในช่องทางนี้ และบอส ยังคงอยู่รั้งท้ายกั้นทางออก และป้องกันพลม้าเผ่าฮวนสัก 2-3 ตนพร้อมกับมีฮีลเลอร์สนับสนุน  จากนั้นตงเฉิงเย่วสามารถสำแดงพลังทักษะ [ดัชนีอสนีบาต/Thunderbolt Finger] และ [Pillar of Fire & Ice] ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แถมมันยังสามารถเพิ่มระดับความเร็วขึ้นอย่างน้อย 70%”

ผมพยักหน้า

“ฟังดูเข้าท่าดี พวกที่เหลือคิดว่ายังไงล่ะ”

‘ฟ๊อกซ์’พยักหน้าด้วย

“เห็นด้วย”

‘ว่านเอ๋อ’หัวเราะเบาๆ

“อยู่แล้ว”

หลังจากทุกคนเห็นพ้อง  พวกเราเริ่มปฏิบัติการทันที ‘วูลฟ์’ ‘หลินว่านเอ๋อ’ และคนอื่นๆ ผ่านเข้าไปในช่องทางใกล้ภูเขาโครงกระดูกทีละคน  ‘ตงเฉิงเย่ว’ยังคงซ่อนตัวอยู่ด้านนอก ในขณะที่ผมยังคงยืนอยู่ข้างหน้าเธอเพื่อปิดทางออก จากนั้นมัทฉะเหาะขึ้นไปข้างบนหัวเราะเบาๆ

“พลม้าเผ่าฮวนไม่สามารถเล่นงานเป้าหมายทางอากาศได้ บอสคะฉันจะไปเริ่มยั่วโทสะพวกมันก่อน  รอฉันก่อนนะ…”

“โอเค ระวังตัวด้วย มัทฉะ”

“เย้”

มัทฉะลอยตัวขึ้นไปอย่างงดงาม หลังจากนั้นไม่นาน พื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือน หัวกะโหลกหลายอันทะยอยกลิ้งตกจากภูเขากระดูกเรื่อยๆ   ผมขมวดหัวคิ้วโดยไม่พูดอะไร คิ้วเรียวงามของว่านเอ๋อก็ขมวดมุ่นเหมือนกัน

“โครงกระดูกพวกนี้ น่าจะเป็น…”

ผมพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

“ใช่แล้วล่ะ ตามประวัติศาสตร์ นี่คือเศษซากของหญิงสาวชาวฮั่นที่ถูกคนเถื่อนทั้ง 5 เผ่าต้มทั้งเป็นในอดีตที่ผ่านมา”

“เยอะจังเลย มากกว่าหมื่นคน….”

“ใช่”

ความเกลียดชังแวบขึ้นมาในดวงตางดงามของ’หลินว่านเอ๋อ’

“ถ้าอย่างนั้น พวกเราจะต้องสับ สับ สับ บอสในชั้นนี้ให้หมดเลย”

ฝูงพลม้าเผ่าฮวนกลุ่มใหญ่วิ่งตาม’มัทฉะ’ที่เหาะลอยอยู่ข้างหน้าในมือถืออาวุธยาวประจำตัว เสียงดังสนั่นหวั่นไหวมาแต่ไกล ใบหน้าของ’มัทฉะ’เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“ตงเฉิงเย่ว คนสวยจ๋า จัดการมานาของเธอดีๆ นะ เพราะจากนี้ไป มันขึ้นอยู่กับพลังเวทย์ของเธอแล้วน๊าาา”

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments