ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปแปลโดยคุณ WildFox
//////////////////
‘หลิวชวง’ถือจดหมายไว้ในมือเป็นเวลานานถึงได้ยกจดหมายฉบับนั้นขึ้นมาอ่าน หลังจากอ่านจบ ‘หลิวซวง’ก็พึมพำอะไรบางอย่าง แล้วจึงค่อยๆยกเกราะหนักของเธอขึ้นมาสวมอย่างช้าๆ แต่เผอิญสวมพลาดไปโดนบาดแผลของเธอเข้า ทำให้เธอต้องกัดฟันข่มความเจ็บปวดนั้นไว้
ผมยืนนิ่งอยู่และถามว่า
“การที่คนแคระทมิฬบุกเข้าโจมตีป้อมมังกร เป็นเพราะผมไปสังหารเจ้าชายของคนแคระทมิฬใช่ไหมครับ?”
‘หลิวชวง’กระตุกยิ้มพลางหันมาทางผมแล้วพูดขึ้นว่า
“เจ้าคิดผิดแล้ว คนแคระทมิฬนั้นต้องการจะครองเมืองปาฮวง จิ่วหลีและฝานซูมาโดยตลอด พวกคนแคระทมิฬเป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่สนใจเกียรติยศและศักดิ์ศรี เป็นพวกชอบทำนาบนหลังคน การสงครามระหว่างพวกคนแคระทมิฬและป้อมมังกรมันขึ้นอยู่กับเวลา เป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หรอก”
ผมกำหมัดแน่นพลางถามว่า
“คนที่ทำร้ายท่านเป็นใคร?”
‘หลิวชวง’ชะงักไปเล็กน้อยแล้วมองมาที่ชั้น ตาคู่งามเลื่อนลงมองไปยังบาดแผลที่หัวไหล่และพูดว่า
“แม่ทัพเอกของราชาคนแคระทมิฬ เฮยหลงเหยียน ผู้มีพลังเทียบเคียงระดับพระเจ้าทั้งยังครอบครองขวานรบในตำนานที่ชื่อว่า ‘ทลายสิบทิศ’ แม้แต่ดาบของราชาโหลวหลินก็ไม่อาจเทียบเคียงพลังการโจมตีอันแข็งแกร่งของขวานนี้ โชคยังดีที่เรายังได้รับความช่วยเหลือจากท่านบรรพกษัตริย์หรันหมิ่น ถ้าไม่ได้ท่านช่วยไว้ ข้าคงไม่เพียงแค่บาดเจ็บเท่านั้น แม้แต่ชีวิตของข้าก็คงมิอาจรักษาไว้ได้”
ผมเม้มปากกระชับดาบประกายวสันต์ที่อยู่บนหลังพลางตอบอย่างสุขุมว่า
“ท่านหลิวชวง หากครั้งหน้าที่พวกคนแคระทมิฬโจมตีป้อมมังกรอีก โปรดเรียกหาผมด้วย ไม่ว่าท่านจะพูดอย่างไรก็แล้วแต่ ผมก็จะเป็นหนึ่งในเหล่านักรบของป้อมมังกร”
“เฮ้อ…”
‘หลิวชวง’จ้องมาด้วยสายตาที่ยากจะเข้าใจ แล้วก็อมยิ้ม เธอยืนขึ้นและเดินมาทางผมแล้วพูดว่า
“เจ้าหนู เจ้ายังมีพลังไม่พอที่จะนับว่าเป็นนักรบของป้อมมังกรหรอกนะ อย่าเอาชีวิตมาทิ้งเสียเปล่าๆเลย ไม่ต้องถึงขั้น แม่ทัพเฮยหลงเหยียนหรอก แค่หัวหมู่กองธงเล็กๆของพวกคนแคระทมิฬก็ฆ่าเจ้าได้ง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ อีกอย่างข้ายังไม่อยากเห็นเจ้าตายแบบง่ายดายอย่างนั้น…”
ผมสายตาว่างเปล่า พลางคอตก
‘หลิวชวง’ยิ้มให้กำลังใจพลางพูดว่า
“พวกที่กล้าเข้ามายังห้องของข้า นับว่ามีไม่มาก ข้าไม่ได้สังหารเจ้า นั่นเป็นเพราะว่าข้ามองเห็นคุณค่าในตัวของเจ้า เจ้าพอเข้าใจที่ข้าพูดไหม?”
ผมยืนนิ่งเงียบงัน ‘หลิวชวง’กล่าวต่อไปว่า
“เจ้าคาร์ล ไอแก่เหลี่ยมจัดนั่นต้องการให้ข้าพาเจ้าไปสังหารมังกรปฐพีซอมบี้นั่น มันได้บอกเจ้าหรือไม่ว่าจะให้เจ้าทำสิ่งใดเป็นการต่อไป?”
ผมผงกศีรษะแล้วกล่าวว่า
“อาจารย์คาร์ล สัญญากับผมว่าเมื่อใดก็ตามที่ผมสามารถฆ่ามังกรปฐพีซอมบี้ตัวนั้นลงได้ เขาจะให้ผมไปสำรวจขุมพลังปริศนาโบราณภายในสุสานมังกรครับ แต่ผมไม่ทราบว่าพลังนั่นมันคืออะไรกันแน่…”
“ขุมพลังปริศนาโบราณภายในสุสานมังกรอย่างนั้นเรอะ?”
‘พลันหลิวชวง’ก็กำหมัดแน่นใบหน้าวงรีสวยนั้นเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ เธอพึมพำเสียงต่ำๆอะไรบางอย่างออกมาแล้วพูดว่า
“คาร์ลเจ้าแก่กะโหลกกะลา นี่มันต้องการให้เจ้าฆ่าตัวตายรึไง?! ฮึ่ม ขุมพลังปริศนาโบราณบ้าบออะไรมันก็แค่สิ่งที่ยังหาใครพิสูจน์ไม่ได้ มันจะเป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไร? เจ้ารู้ไหมขนาดเทพกระบี่ยังพาตัวเองไปจบชีวิตที่นั่น และเจ้ายังคิดที่จะท้าทายสิ่งนั้นอีกน่ะรึ ?!”
ผมตกตะลึงตัวแข็งทื่อถามว่า
“ท่านหลิวชวง ตกลงขุมพลังปริศนาโบราณภายในสุสานมังกรคือสิ่งใดกันแน่?”
‘หลิวชวง’ยืนนิ่งเงียบงันไปสองสามวินาทีพลันหันมาที่ผมแล้วพูดว่า
“เจ้าหนู นับตั้งแต่วันที่เจ้าเข้าร่วมกับป้อมมังกร เจ้าก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในพวกพ้องของข้า เพราะเหตุนั้นข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเดินไปสู่ความตาย ฮึ่ม..ถึงแม้เจ้าแก่หนังเหี่ยวคาร์ลตั้งใจจะทำร้ายเจ้าหรือไม่ก็ตามที ข้าจะไม่ปล่อยให้มันรอดไปได้เพราะเรื่องนี้หรอก! ข้า หลิวชวงผู้นี้จะเป็นคนเดียวที่จะตัดสินว่าคนของข้า จะอยู่หรือจะตาย!”
ผมคิดอยู่ครู่หนึ่งพลางถามว่า
“ตกลงท่านจะพาผมไปสังหารมังกรปฐพีได้ไหมครับ….?”
“นี่เจ้าคิดจะสู้กับมันจริงๆเหรอนี่? “
‘หลิวชวง’มองมาทางผมอย่างตกตะลึง ก่อนจะพูดต่อไปว่า
“ในบรรดาสายพันธุ์มังกรทั้งหลาย มังกรปฐพีนั่นน่ะ ถึงแม้จะพอพูดได้ว่ามันอ่อนแอที่สุด ถึงกระนั้นมันก็ยังสามารถพ่นไฟ ถ้าเจ้าทำพลาดแม้เพียงครั้งเดียว เจ้าได้ไหม้เกรียมเป็นตอตะโกแน่นอน แล้วเจ้าจะทำอย่างไร?”
ผมชักดาบประกายวสันต์ขึ้นมาหัวเราะแล้วพูดว่า
“ท่านโปรดวางใจเถอะ ผมคงไม่ถูกย่างง่ายๆ อย่างนั้นหรอก ผมหาใช่เด็กน้อยที่ไม่มีวันรู้จักโตที่ ต้องคอยหลบอยู่ข้างหลังคนอื่นตลอดไป รอให้คนอื่นปกป้องผมอยู่ฝ่ายเดียว วันหนึ่งข้างหน้า! ผมจะต้องเติบโตและแข็งแรงพอที่จะปกป้องท่านได้อย่างแน่นอน ท่านหลิวชวง!”
“นั่นมัน….”
‘หลิวชวง’จ้องมองผมอย่างเงียบงัน ในที่สุดก็เผยรอยยิ้มที่มุมปากพร้อมเสียงหัวเราะพูดว่า
“เอาเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปสังหารมังกรปฐพีซอมบี้ตัวนั้นเอง และให้เจ้าแน่ใจได้เลยว่าถ้าเจ้าตกอยู่ในอันตรายแล้วล่ะก็ ข้าจะเข้าไปช่วยเจ้าออกมาทันทีโดยไม่มีข้อแม้”
“ตกลงครับ…”
“ติ๊ง!” ประกาศจากระบบ : คุณได้รับเควสระดับ S [สังหารมังกรปฐพี]! คำอธิบายเควส : ติดตามหลิวชวงไปยังบริเวณที่จองจำมังกรปฐพีซอมบี้และสังหารมันด้วยตัวคุณเอง คุณจะได้รับรางวัลอย่างมากมายหากทำสำเร็จ โปรดจำไว้ว่า คุณต้องเป็นคนสังหารมังกรปฐพีซอมบี้ด้วยตัวของคุณเอง มิเช่นนั้นคุณจะสูญเสียโอกาสที่จะได้รับเควสต่อเนื่อง
“พั่บ พั่บ พั่บ…”
เสียงของรองเท้ารุ่งอรุณม่วงของผมย่ำไปบนก้อนหินที่หนาวเย็นเหล่านั้น ผมติดตาม’หลิวชวง’อย่างกระชั้นชิดเข้าไปยังส่วนที่ลึกของป้อมมังกร หลังจากผ่านจุดตรวจรักษาการณ์สองสามด่าน สถานที่จองจำก็ปรากฏให้เห็นในที่สุด!
“ท่านหัวหน้า !”
ยามรักษาการณ์ที่สวมชุดของคุกปฐพียกมือขึ้นขวางอกทำความเคารพตามระเบียบของป้อมมังกร ‘หลิวงชวง’พยักหน้าเล็กน้อยพลางสั่งว่า
“ทหารยาม มอบกุญแจคุกมังกรปฐพีมาให้ข้าหน่อย!”
“ท่านหัวหน้า ท่านจะ…..?”
“เอามันมา อย่าถามให้มากความ!”
“ขอรับ!”
หลังจากรับกุญแจสีดำมะเมื่อมมาจากยามรักษาการณ์แล้ว ‘หลิวชวง’ก็หันมายิ้มให้ผมพร้อมพูดว่า
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ!”
หลังจากเดินอ้อมคุกไปทางด้านหนึ่ง พวกเราก็มาถึง ส่วนของคุกปฐพี ที่อยู่ทางทิศใต้สุด และที่สุดของทางเดิน ผมได้ยินเสียงคำรามเบาๆของสัตว์อสูรชนิดหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เสียงคำรามของมังกรหรือว่าเป็นเพราะมังกรปฐพีมันอยู่ระดับต่ำสุดของมังกร เสียงคำรามเลยเป็นอย่างนั้น?
ด้านหน้าทางขวามือมีประตูเหล็กกล้าหนาและหนักอยู่ เสียงของสัตว์ร้ายคำรามดังก้องมาจากหลังประตู ‘หลิวชวง’นำกุญแจออกมาไขอย่างช้าๆ ทันทีที่เสียง
“แกร๊ก”
ดังขึ้นประตูก็ได้ถูกปลดล็อคแล้วเธอหันมามองที่ผม พลางยิ้มเล็กน้อยพูดเตือนว่า
“นับแต่นี้จงระวังตัวไว้…”
“ระวังตัวจากอะไรครับ”
“แค่…ระวังตัวไว้…”
ทันทีที่เธอพูดจบ ‘หลิวชวง’ก็พลันเปิดประตูคุกเข้าไปและนั่นทำให้ความร้อนจากลมหายใจมังกรพุ่งอัดกระแทกเข้ากับใบหน้าของผม ตามมาด้วยเสียงคำรามของเจ้ามังกรปฐพีตัวนั้น พริบตาต่อมาลมหายใจของมังกรที่ลุกเป็นเปลวไฟก็พุ่งตรงมาที่ผม เมื่อผมรู้ตัวว่าไม่อาจที่จะหลบไฟที่พ่นจากมังกรได้แน่แล้ว
‘หลิวชวง’พลันปิดประตูคุกลงทันทีเหลือเล็ดลอดมาเพียงแสงสีแดงเข้มของเปลวไฟที่มองเห็นได้จากช่องว่างระหว่างประตูคุกกับพื้นดิน ซึ่งเปลวไฟได้หลอมละลายน้ำแข็งที่เกาะตามพื้นจะหมดสิ้น ผมตาค้างตัวแข็งทื่อ ให้ตายสิเจ้ามังกรปฐพีตัวนี้ดูท่าจะของจริงแฮะ….
‘หลิวชวง’แหงนหน้ามามองที่ผมพลางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและถามว่า
“ไงล่ะเจ้าหนู ยังคิดจะสู้กับมังกรปฐพีอยู่อีกไหม?”
ผมทำใจดีสู้มังกรพลางกำด้ามดาบของตัวเองแน่นพร้อมตอบกลับไปว่า
“ครับ!”
“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะช่วยเจ้าสักเล็กน้อย…”
เมื่อพูดจบ’หลิวชวง’ก็พลันเปิดประตูคุกขึ้นอีกครั้ง พาร่างไปยืนจังก้าต่อหน้าเจ้ามังกรปฐพีนั่นยิ้มถากถางแล้วเอ่ยว่า
“ว่าไง เจ้ามังกรความดันต่ำเอ๋ย….”
“โฮกก!”
เจ้ามังกรปฐพีคำรามลั่น พลันพ่นไฟใส่อีกครั้งทันที!
‘หลิวชวง’ยืนนิ่งไม่ไหวติงเยือกเย็นปานน้ำแข็ง พลันพ่นลมหายใจเล็กน้อยลมปราณก็ก่อเกิดขึ้นรอบตัวกลายเป็นม่านพลังลมปกป้องร่างเธอไว้อย่างหมดจด
“เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ”
เสียงของโล่พลัง สะท้อนลูกไฟจากลมหายใจของมังกรนั้นกลับไปจนหมดสิ้น ตามมาด้วยเสียงเจ้ามังกรคำรามอีกครั้งด้วยความหงุดหงิดต่อลูกไฟของมัน แล้ว’หลิวซวง’เธอก็พลันปิดประตูลงทันที! ไม่กี่อึดใจต่อมา เธอเปิดประตูคุกอีกครั้งแล้วก็ยั่วยุล่อให้เจ้ามังกรพ่นไฟใส่เธออีกครั้ง และแน่นอนเธอสะท้อนมันกลับไปและทำซ้ำอย่างนั้นต่อไปอีกเจ็ดครั้งด้วยกัน!
“ตึ้ง!” เสียงของประตูคุกปิดลง
‘หลิวชวง’พลันเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงพูดว่า
“เจ้า…คงเห็นแล้วใช่ไหม เจ้ามังกรปฐพีนั่นมันพ่นไฟไปทั้งหมดเจ็ดครั้งแล้ว ด้วยอายุ 717 ปีของมังกรปฐพี มันจึงพ่นไฟได้ 7 ครั้งตามขีดจำกัดอายุของมัน ตอนนี้พลังมังกรของมันกำลังถดถอยและไม่สามารถพ่นไฟได้อีกราวหนึ่งชั่วโมง ตอนนี้แหละเจ้าจงเข้าไปและสังหารมังกรที่ไม่สามารถพ่นไฟได้แล้วตัวนั้น
ถ้าเจ้าสังหารมันได้บางทีข้าอาจทบทวนอีกครั้งเรื่องที่เจ้าอยากจะไปสำรวจขุมพลังปริศนาแห่งสุสานมังกร ยังไงเสีย ปริศนานั่นก็ต้องได้รับการคลี่คลายอยู่ดี…”
ผมผงกศรีษะ
“ปึ่ง!”
‘หลิวชวง’เปิดประตูคุกขึ้นอีกครั้งในขณะที่ผมเรียก โบโบน้อย ออกมาและสืบเท้าพุ่งตัวผ่านประตูคุกเข้าไป ภายในนั้นควันสีเขียวบดบังสายตามองอะไรแทบไม่เห็น ต้องรอให้ผ่านไปชั่วครู่จนควันเขียวนั้นจางลงไปเล็กน้อย ทำให้มองเห็นเจ้ามังกรร่างเขื่องตัวนั้นคลานอยู่ที่พื้นเบื้องหน้า มันดูคล้ายกับกิ้งก่ายักษ์ที่มีหัวคล้ายกับมังกรที่น่าขนลุก ลำตัวด้านซ้ายของมันเหลือแต่กระดูกที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่แลบออกมาพร้อมด้วยดวงตากลวงโบ๋ที่มีเปลวเพลิงอยู่ภายใน หางที่ยาวของมันสะบัดไปมา
ขณะที่มันคลานและมองมาทางที่ผมยืนอยู่พร้อมคำรามขู่เสียงต่ำ
[มังกรปฐพีซอมบี้ – เจสซี่](บอสระดับม่วง) เลเวล : 62
พลังโจมตี : 1700-2075
พลังป้องกัน : 1650
พลังชีวิต : 200000
สกิล : [มังกรพ่นไฟ] [โจมตีต่อเนื่องสามครั้ง] [หางทิ่มทะลวง]
คำอธิบาย : เจสซี่ มังกรรุ่นเยาว์ที่เลี้ยงไว้ในป้อมมังกร หลังจากอยู่อย่างสบายมานาน 700 ปีในหุบเขาศิลาเพลิงก่อนที่จะมีภัยธรรมชาติทำให้มันถูกอุกกาบาตจากท้องฟ้าพุ่งลงมาชนตาย และถูกนำมาฝังไว้ที่สุสานมังกรเป็นเวลานาน มันถูกปลุกชีพขึ้นอีกครั้งด้วยเนโครแมนเซอผู้ชั่วร้าย มันหลงลืมสิ้นถึงเกียรติภูมิของมังกรตอนนี้ภายในใจของมันมีแต่เพียงความชิงชังและกระหายเลือดเท่านั้น
ดูจากสเตตัสของบอสแล้ว ผมลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ค่าพลังโจมตีของมัน 2075 ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเมื่อเทียบกับบอสระดับจักรพรรดิ์เลเวล 62 จักรพรรดิ์เซียนเป่ยแล้วเจ้ามังกือนี่ดูกระจอกไปเยอะเลย ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ผมเลเวล 58 แล้วดังนั้นค่าความต่างของเลเวลจึงไม่เป็นปัญหา
พลังโจมตีของผมก็มากกว่า ในขณะที่พลังป้องกันน่าจะมากกว่านิดหน่อยไม่ก็พอๆกัน ผมชนะมันได้แน่!
พลันทุบพื้นเสียงดัง
“ตึ้ง!”เรียกใช้สกิล[โซ่พันธนาการ]
ซึ่งปรากฏขึ้นพันร่างของเจ้ามังกรปฐพีอย่างว่องไว ชูดาบประกายวสันต์ขึ้นทะยานไปด้านหน้าพร้อมกับสัญลักษณ์ดาวหกแฉกใช้ออกด้วยสกิลโจมตีต่อเนื่องเลเวล 6[Combo]!
“873 !”
“842 !”
“869 !”
“881 !”
ตัวเลขค่าความเสียหายพุ่งขึ้นเป็นสายจากร่างบอส ตามด้วยสกิล[หนึ่งเทียบพัน](Strength of a Thousand Men)เสริมด้วยการโจมตีของ เจ้าโบโบน้อยแค่เพียงอึดใจเดียว พวกเราก็เรียกค่าความเสียหายได้มากกว่า 8000 หน่วย
มองเห็นหลอดเลือดของบอสลดไปทันทีไม่น้อยกว่า 4% ค่าความเสียหายทรงพลังขนาดนี้เป็นเพราะสกิลของผมเลเวลสูงขึ้น เชื่อว่าผมสามารถจัดการบอสระดับม่วงที่มีเลเวลพอๆกันกับผมได้โดยลำพังอย่างไม่มีปัญหาใดๆแน่นอน
แต่ถ้าเป็นบอสระดับจักรพรรดิ์เลเวลเท่าๆชั้นละก็สงสัยได้นอนนับรากต้นไม้ก่อนแหงมๆ แต่ตอนนี้ช่างมันก่อน!
“โฮกก โฮกกกก…”
เจ้ามังกรปฐพีผีดิบคำรามอย่างโกรธแค้นพยายามจะสลัดให้หลุดจากสกิล[โซ่พันธนาการ] ทันใดนั้นมันก็ใช้กรงเล็บของมัน
“ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ”
มันตะปบโจมตีอย่างบ้าคลั่งจากสามทิศทาง!
“641 !”
“712 !”
“774 !”
ผมรีบใช้สกิลรักษาตัวเอง[Heal]พร้อมทั้งดื่มน้ำยาเพิ่มเลือดระดับ 6 เพื่อรักษาชีวิตไว้และหันกลับไปสู้ต่อ ท่องในใจไว้ว่า สู้ศึกครั้งนี้เพื่อให้แข็งแกร่งขึ้นเพื่อจะได้สู้ศึกต่อไปในวันข้างหน้า!
ผ่านไปได้อีกสักครู่ร่างของเจ้ามังกรปฐพีก็สะท้านขึ้นและตัวของมันก็เต็มไปด้วยบาดแผลกว้างจากความเสียหายที่ผมได้สร้างไว้ดูต่างหน้าให้กับมัน ทันใดนั้นหางที่เรียวแหลมของมันก็สะบัดไหวพร้อมทั้งส่องแสง ต้องเป็นสกิล[หางทิ่มทะลวง]แน่นอน หางที่มีแต่กระดูกของมันราวกับคมหอกพร้อมกับเสียง
“ฟุ่บ”
กระแสลมแรงพุ่งมาทางผม ด้วยความเร็วระดับนี้ ผมไม่มีทางหลบได้อย่างแน่นอน!
“1538 !”
ผมรีบร่ายสกิลรักษาอีกครั้ง หัวใจเต้นโครมครามนึกขอบคุณสวรรค์ในใจที่การโจมตีเมื่อกี้ของบอสไม่ติดคริติคอล จะยังไงก็ตามการโจมตีของบอสระดับม่วงก็ทรงพลังและไม่ใช่อะไรที่จะล้อเล่นได้…
ตอนนี้ด้านนอกของประตูคุกนั้น ‘หลิวชวง’ยืนเงียบขรึมจ้องมองดูการต่อสู้ที่เกิดขึ้นด้านในสองมือแกร่งของเธอนั้นกำแน่นขณะที่ดวงตาก็ฉายแววกังวลอย่างปิดไม่มิด หลังจากสิบห้านาทีของการสู้กับบอสที่ตื่นเต้นผ่านไป
พลังชีวิตของบอสก็ลดลงไปประมาณ 10% ถึงแม้ว่าค่าการฟื้นฟูของบอสก็อยู่ในอัตราสูงแต่ก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีที่สร้างค่าความเสียหายสูงระดับนี้ได้ การต่อสู้กำลังจะจบลงในอีกไม่นานนี้!
“ฮูมมมม โฮกกกก…”
ความแค้นสุมอกทำให้เจ้ามังกรปฐพีนั้นคำรามอย่างไม่หยุด ทันใดนั้นหางของมันก็ชูตั้งขึ้นอีกครั้ง มันจะใช้สกิล[หางทิ่มทะลวง]โจมตีอีกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย!
ผมพยายามเต็มที่ ตั้งใจจะหลบให้ได้ กลั้นลมหายใจแล้วคำนวนองศาที่มันจะโจมตีลงมา ทันใดก็กระโดดสุดตัว พลันตัวหนังสือคำว่า MISS ตัวเบ้อเริ่มปรากฏขึ้นบอกให้รู้ว่าผมหลบพ้น
ในขณะเดียวกันเสียงดัง “ตูม” ก็ดังขึ้น
เพราะหางอันทรงพลังของมันพลาดไปโดนกำแพงด้านหลัง! สายลมเย็นยะเยือกกรูเข้ามาในคุกที่ขังเจ้ามังกร ให้ตายสิ! เหวสูงกว่าร้อยเมตรอยู่ข้างนอกนั่น!
สูงขนาดที่ว่าผมสามารถมองเห็นป่าของเมืองปาฮวงได้เลยจากที่ตรงนี้!
“โฮกกกก!”
เจ้ามังกรปฐพีคำรามลั่น ดูมันลิงโลดอย่างกับไอหื่นเจอสาวสวยหลังจากถูกคุมขังมานานยังไงยังงั้น
มันพุ่งกระโจนไปด้านหน้าทางกำแพงที่เป็นช่องอยู่นั้น!
เฮ้ย! เจสซี่มันตั้งใจจะแหกคุกนี่หว่า! Zhan Long พิชิตมังกร
ที่มา: