ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปแปลโดยคุณ WildFox
///////////////
ชั้นยืนตะลึงงันอยู่กับที่ขณะที่สายตาจับจ้องนักรบสาวงามที่ยืนอยู่ตรงหน้าและถามว่า
“ท่านหลิวชวง จะมาเป็นอาจารย์ให้ผมจริงๆหรือครับ?”
“อื้ม”
‘หลิวชวง’พยักหน้าอย่างอ่อนโยนแล้วก็พลันหัวเราะเอ่ยว่า
“อะไรกัน เจ้าไม่อยากเป็นศิษย์ของข้าหรือ? หรือว่าเจ้าคิดว่าข้ามิอาจเปรียบกับคาร์ลได้อย่างนั้น?”
ชั้นรีบส่ายศรีษะปฏิเสธ
“ไม่ครับ ไม่ใช่แบบนั้นแน่นอนครับ…”
“ดี อย่างงั้นก็ดีแล้ว…..”
‘คาร์ล’ยิ้มเย็นชาพูดว่า
“เอาล่ะ เมื่อตัดสินใจได้แล้วก็เป็นอันว่าตกลงตามนี้ งั้น…..ตามข้าเข้าไปด้านในของสุสานมังกรเถอะ!”
‘หลิวชวง’ผงกศรีษะ
“ตกลง!”
หลังพูดจบหลิวชวงก็หันกลับมาพูดกับชั้นว่า
“ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะพาเจ้าไปที่นั่นเอง…..”
“ครับ!”
ขณะที่เดินตามว่าที่อาจารย์ใหม่ของชั้นไปก็เกิดความรู้สึกปลอดภัยอย่างยิ่ง ถ้ามีอาจารย์ที่ทั้งแข็งแกร่งทว่าอ่อนโยนและก็ชวนให้น่าค้นหาแบบนี้ชั้นคงมีความสุขใจอย่างมาก
อีกอย่าง’หลิวชวง’ก็มีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าอัศวินราชองครักษ์แห่งป้อมมังกรซึ่งเป็นกองกำลังแข็งแกร่งที่สุดที่อยู่ใต้บัญชาของราชา’โหลวหลิน’ผู้ปกครองป้อมมังกรโดยตรง พวกเราทั้งสามเดินกันมาเป็นสองกลุ่ม
ชั้นกับ’หลิวชวง’เดินอยู่ข้างหน้าขณะที่’คาร์ล’อยู่ด้านหลังจนกระทั่งล่วงเข้าสู่ด้านในที่ลึกที่สุดของสุสานมังกร พวกเราเดินเข้ามาลึกกว่าที่ชั้นเคยเข้ามายังพื้นที่ส่วนนี้ เบื้องหน้าตรงบริเวณพุ่มไม้พวกมอนสเตอร์อิมพ์ธรรมดาก็กลายเป็นอิมพ์ระดับสูงเลเวล 65
จากจุดนี้ไปเป็นเครื่องยืนยันคำที่บอกว่ายิ่งสำรวจลึกเข้าไปในแผนที่เท่าใดมอนสเตอร์ก็ยิ่งต่อสู้ด้วยยากขึ้นไปตามนั้น
“กี๊ซ กี๊ซซซ…”
อิมพ์ระดับสูงสองสามตัวที่มีเขี้ยวและกรงเล็บดูน่ากลัวเอาเรื่องก็โฉบเข้ามา ชั้นรีบชักดาบคู่ใจขึ้นมาเพื่อเตรียมต่อสู้ แต่คาดไม่ถึงความเร็วของ’หลิวชวง’นั้นมีมากกว่าอย่างเหลือเชื่อ เพียงเธอสะบัดดาบออกไปด้านหน้าเท่านั้น คลื่นพลังดาบที่มองไม่เห็นก็ถูกส่งออกไปสังหารเจ้าพวกอิมพ์เหล่านั้นไปหลายตัว
ชั้นตาค้างเมื่อได้เห็นตัวเลขมหาศาลที่ปรากฏขึ้นบนศพของพวกอิมพ์ที่ตายแล้วเหล่านั้น
13634!
12387!
16746!
ชั้นเบิ่งตามองอย่างอึ้งทึ่งเสียวเลยทีเดียว นี่นะรึพลังโจมตีของท่าน’หลิวชวง’! มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเธอมีเลเวลเท่าใด และถ้าเกิดว่าเธอเป็นบอสละก็เธอจะเป็นบอสระดับไหนเนี่ยะ!
สั้นๆเลยนะเธอแข็งแกร่งขนาดที่ว่าถ้าคิดจะฆ่าชั้นๆคงจะตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวคิดถึงตอนเข้าห้องของเธอแล้วเสียวสันหลังวูบ!
สิบนาทีต่อมา กลุ่มหมอกหนาสีแดงเลือดก็ปรากฏต่อหน้าพวกเรา ‘หลิวชวง’ขยิบตาและพูดอย่างนุ่มนวลว่า
“ระวังตัวด้วย มีบางสิ่งที่มีพลังเกินจะจินตนาการแอบซ่อนอยู่ในหมอกเหล่านั้น”
“อา………”
ชั้นกระชับดาบคู่ใจในมือพลางมองสำรวจไปรอบๆ บนไหล่ของชั้นก็มีเจ้าโบโบ้น้อยนั่งอยู่เมื่อดวงตาของมันกระพริบขึ้นกระพริบลงขณะที่จ้องมองมาที่ชั้นทำให้มีความรู้สึกเหมือนโดนมองด้วยสายตาจากความตาย ……………
จากนั้นไม่นาน พวกเราก็เดินทางมาถึงส่วนในสุดของหุบเขาซึ่งเป็นที่ที่มีแท่นศิลาสีแดงปานโลหิตที่ถูกปกคลุมด้วยเถาวัลย์มิดชิดจนปิดทางข้างหน้าที่จะไปต่อ มีอักษรโบราณจารึกไว้บนแท่นศิลาเหล่านั้นขณะที่มีซากโบราณรายล้อมอยู่ทำให้ดูเหมือนเป็นเขตแดนหรือกำแพงขนาดมหึมา
มันดูค่อนข้างจะน่ากลัว ทันทีที่ความรู้สึกกลัวเกืดขึ้นชั้นก็สัมผัสได้ถึงพลังกล้าแข็งบางอย่างที่ถูกฝังไว้ภายใต้แท่นศิลามหึมานั้น – พลังที่ยากต่อการควบคุม!
“เรามาถึงแล้ว…..”
‘หลิวชวง’หยุดเท้าและชี้ไปยังเขตแดนตรงหน้าพูดว่า
“ ศัตรูของเจ้าถูกฝังอยู่ในส่วนลึกที่สุดของดินแดนส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม ที่นี่ถูกปิดผนึกมาเป็นเวลาช้านานแล้ว ถึงกระนั้น…………”
เธอพลันหัวเราะและพูดว่า
“เจ้ามีเวลาหนึ่งวันในการเตรียมตัว จงตามหาผู้ที่แข็งแกร่งมาเข้าร่วม ส่วนทางนี้ คาร์ลจะใช้พลังของเค้าในการคลายผนึกซึ่งใช้เวลาประมาณหนึ่งวัน เมื่อพรุ่งนี้ เวลาเดียวกันนี้มาถึง เจ้าจะต้องพาสหายรบของเจ้ามาเพื่อรับการทดสอบนี้ ข้าคงทำให้เจ้าได้เพียงอวยพรให้เจ้าโชคดี ….. เอาล่ะ…..เจ้าพร้อมหรือไม่?”
ชั้นก้มศรีษะตอบรับ
“ครับ !”
“ติ๊ง!” ประกาศจากระบบ : ยินดีด้วยคุณได้รับเควสต่อเนื่องระดับ SSS [ อารามมังกร ]! หัวข้อภารกิจ : เมื่อคาร์ลคลายผนึกสำเร็จ ทุกอย่างจะถูกเปิดเผย! คุณต้องตามหาเพื่อนร่วมทางที่แข็งแกร่งพอที่จะทำภารกิจนี้ให้ลุล่วง เควสนี้อนุญาตให้มีสมาชิกในปาตี้รวม 10 คน และเลเวลต่ำสุดที่จะเข้าร่วมภารกิจได้ คือ เลเวล 50!
ให้ตายสิภารกิจนี้มันยังซ่อนแม้กระทั่งวิธีจบภารกิจ คงมีแต่เพียงพรุ่งนี้เมื่อเรามาถึงแล้วจึงจะรู้ความจริงที่ซ่อนอยู่! ชั้นทำสีหน้าปูเลี่ยนๆมองไปยัง’หลิวชวง’ซึ่งเธอก็ตอบมาด้วยรอยยิ้มพร้อมพูดว่า
“ขอให้เจ้าโชคดี จงเร่งไปตามหาสหายที่แข็งแกร่งมากพอที่จะผ่านการทดสอบนี้ ! ข้าจะรอการกลับมาของเจ้า……”
ชั้นพยักหน้าแล้วหยิบเอาม้วนคัมภีร์กลับเมืองออกมาแล้วใช้มัน!
“วูบ!”
ทันทีกลับมาถึงเมืองปาฮวงชั้นก็ส่งข้อความถึง’มัตชะ’ทันที
“มัตชะยุ่งอยู่ไหม? ถ้าไม่ละก็มาที่จตุรัสใกล้ประตูทิศเหนือของเมืองปาฮวงหน่อยสิ ชั้นมีอะไรแจ่มๆมาฝากเธอล่ะ!”
“โอ๊ะ อะไรหรือคะ หัวหน้า?”
“มาเถอะแล้วเธอจะเห็นเอง!”
“ตกลงค่ะ รอแป้บนะคะหัวหน้า!”
อึดใจต่อมาร่างงามของ’มัตชะ’ก็ปรากฏขึ้นหลังจากแสงสว่างวูบ เธอสวมเกราะหนักเต็มตัวและถือดาบในมือดูออกจะเป็นอัศวินมายาที่น่ารักไม่น้อย แม้จะป้ำๆเป๋อๆไปหน่อยก็ตาม และเพราะความน่ารักแบบนี้แหละที่ดึงดูดให้ผู้คนหลงใหล
แม้จะเป็นนอกเกมส์ก็ตาม’มัตชะ’ก็ยังจัดว่า 10/10 ในฐานะของน้องสาวในฝัน สำหรับอายุรุ่นราวคราวชั้นเนี่ยะ นี่มันฆ่ากันให้ตายด้วยความน่ารักแท้ๆ
“หัวหน้าคะ ไหนมีอะไรเอามาฝากฉันเหรอคะ?”
‘มัตชะ’พูดพลางเดินเข้ามาหาอย่างร่าเริง ชั้นเปิดช่องเก้บของพลางหยิบเอาหอกใสปานแก้วออกมาแล้วมอบให้เธอ
“นี่ไง ดูสิว่าเธอชอบมันไหม?”
“โหหหหหหห….”
ปากจิ้มลิ้มของมัตชะเปิดค้างด้วยความตื่นเต้น ดวงตาทอประกายแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“หะ หะ หัวหน้าคะ นี่มันหอกระดับม่วงชั้นยอดเลยนี่คะ นะ นะ นี่ให้ฉันจริงๆเหรอคะ?”
“อื้ม มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
ชั้นหัวเราะ แก้มทั้งสองของ’มัตชะ’แดงก่ำตื่นเต้นจนพูดไม่ออก เธอคงไม่เคยมีโอกาสเห็นอาวุธเทพๆมาก่อน ไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่จะมีโอกาสได้ใช้มันด้วยตัวเองแบบนี้ ชั้นวางมือลงบนบ่าของมัตชะอย่างเบามือพูดว่า
“ ไม่เป็นไรหรอก เมื่อใดก็ตามที่เธอแข็งแกร่งขึ้น สตูดิโอ Zhan Long ของเราก็เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น รับไปสิแล้วรีบเก็บเลเวลให้ถึง 55 ไวๆนะ เธอจะได้ใช้มันได้ไงล่ะ!”
“หัวหน้ายกให้ฉันจริงๆเหรอคะ?”
“แน่นอน!”
“ วิ้ดดด ว้ายยยยย วู้ปี้…………สุดยอดเบย……”
‘มัตชะ’ตื่นเต้นดีใจมากเมื่อเธอลองถือหอกผลึกวิญญาณมังกร ถึงขนาดไม่อาจละสายตาจากมันได้เลย ซักพักก็พยายามจะกอดเพื่อขอบคุณชั้นแต่คำนวนพลาดเรื่องความสูงเลยกลายเป็นว่าเธอทำได้แค่กอดรอบอกของชั้นและเขย่งสุดขาเพื่อจุมพิตเบาๆที่ปลายคางของชั้นและพูดว่า
“หัวหน้าคะ……….ขอบคุณค่ะ…..”
ชั้นจับที่ปลายคางของตัวเองแก้เขินพลางพูดว่า
“เอาล่ะ รีบไปเก็บเลเวลได้แล้ว……”
“เจ้าค่ะ……”
เสร็จจากเรื่องหอก ชั้นก็นั่งที่จตุรัสของเมืองปาฮวงต่อไปคนเดียวเพื่อคิดว่าควรจะพาใครไปด้วยบ้างเพื่อให้ผ่านเควส หลังจากส่งข้อความถึง’หลินว่านเอ๋อ’เกี่ยวกับรายละเอียดของเควสไปให้เธอ คุณหนูคนสวยของชั้นก็รีบส่งคำขอติดต่อด้วยสัญญาณภาพมาที่ชั้นทันที
น้ำเสียงของเธอดูจะปิดอาการตื่นเต้นไว้ไม่มิด
“หลี่เซียวเหยา นี่นายกล้ารับเควสแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ยะ? เควสระดับ SSS นี่มันต้องโหดมหาโหดแน่เลย นี่นายกำลังจะไปก่อม๊อบบนสวรรค์รึไงหือ? !!”
ชั้นอดหัวเราะไม่ได้
“ ครับ แต่ว่าที่ผมรับเควสเพื่อทำให้สำเร็จเนี้ยะเพื่อเหตุผลอย่างอื่นครับ คุณหนูก็เห็นนี่ครับ เควสนี้ค่อนข้างยากขนาดให้หาปาตี้สิบคนไปช่วยกันทำ ผมกำลังคิดไม่ตกครับว่า ควรทำยังไงดี ผมควรพาใครไปร่วมทีมบ้างถึงจะคิดว่าเป็นตัวเลือกที่ดีน่ะครับ……”
‘หลินว่านเอ๋อ’ขยิบตาให้รีบบอกว่า
“ฉันไง ….พาฉันไปด้วยนะ.”
ชั้นแอบยิ้ม
“หลินว่านเอ๋อ…..ชั้นเลือกนาย ! แฮ่ะๆ ผมต้องเลือกคุณหนูอยู่แล้วครับ ไม่งั้นผมไม่บอกคุณหนูเรื่องเควสหรอก….”
“อื้ม อื้ม นายทำถูกต้องแล้ว ฮิฮิ…..”
“ตงเฉิงเยว่ ขาดไม่ได้อยู่แล้ว เราต้องการพลังโจมตีเวทย์ของเธอ…..ส่วนฮีลเลอร์ก็ควรจะเป็น เป็ดที่รัก สำหรับตัวแท้งค์หลักนั้นผมไม่คิดว่าผมคนเดียวจะเอาอยู่ เราต้องการคนที่พลังโจมตีสูงในขณะที่ก็ต้องป้องกันได้ดีด้วย คนนั้นน่าจะเป็นเจ้ใหญ่ของ Zhan Long สตูดิโอ มัตชะน่าจะเหมาะสุดเพราะเธอมีอาชีพเป็นอัศวินและก็มีไอเทมสวมใส่ค่อนข้างดี……. ส่วนคนอื่น…. เอ่อ…. ว่านเอ๋อ มีคำแนะนำดีๆมั่งไหมครับ?”
‘หลินว่านเอ๋อ’ยิ้มหวานตอบว่า
“ง่ายจะตาย ตงเฉิงคนเดียวก็น่าจะพอแล้วสำหรับคนทำดาเมจ ส่วนเรื่องแท้งค์นั้น ก็มีนายกับมัตชะ ฉันจะทำหน้าที่คอยขัดจังหวะมอนเอง แต่ฉันคิดว่าเราน่าจะมีฮีลเลอร์ไม่พอนะ เราควรใช้ฮีลเลอร์อย่างน้อยสัก 3 คน นายพอจะนึกชื่อใครออกมั่งไหม?”
“สุดสวยหยิ่วจื้อเฉิงโซ่ว ไง พวกเราเรียกเธอมาร่วมปาตี้อีกได้ไหมครับ? ครั้งที่แล้วที่ไปลุยสุสานร้างของห้าชนเผ่า เจ้เค้าก็ไม่ได้อะไรดีๆติดมือไปเลย ถือว่าชดเชยให้เธอเรื่องครั้งที่แล้ว พวกเราชวนเค้าไปกับเราด้วยดีกว่าครับ”
“ก็ดีนะ แล้วฮีลเลอร์คนสุดท้ายล่ะ?”
“เสยเจียหลันเหยียน(Who’s Blue) ดีไหมครับ? เค้าติดท็อปเทนของเมืองปาฮวงด้วยนะครับ”
“ตกลง นายไปติดต่อเค้าเองนะ สำหรับตำแหน่งที่เหลืออีกสองที่……”
‘หลินว่านเอ๋อ’ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า
“มันจะดีมากถ้าเราจะได้คนมาช่วยขัดจังหวะมอนอีกสักคน ตอนนี้ใน Zhan Long ใครเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งล่ะ เรียกคนนั้นมาแหละ !”
“เยว่ชิงเฉียนครับ…..ส่วนเจ้าหนูซ่งหานเลเวลยังน้อยไปหน่อยนึง”
(TL : ถึงตอนนี้ยังไม่มีผู้ชายคนอื่นในปาตี้เลยนอกจากแกเซียวเหยา)
“งั้นก็เป็นอันว่าเราเลือกเยว่ชิงเฉียน ส่วนคนสุดท้าย แล้วแต่นายละกันคิดว่าใครเหมาะสมจะพาไปด้วย “
“หือ?”
ชั้นตริตรองอยู่ครู่หนึ่งก็ดีดนิ้วเปาะ พูดว่า
“เราจะพาสายโจมตีไกลไปด้วยอีกคนหนึ่งซึ่งก็น่าจะเป็น หลิวย่ง นะครับเป็นการช่วยเค้าเก็บเลเวลไปด้วยอีกทางหนึ่ง……”
‘หลินว่านเอ๋อ’อดหัวเราะไม่ได้
“อ๋อ นายแว่นหลิวย่งน่ะเหรอ ถ้าพาเค้าไปด้วยจะช่วยอะไรได้มากไหมนะ? แต่เอาเถอะ นายเป็นหัวหน้าปาตี้นี่นะงานนี้ ตามใจนายเลยย่ะ นายจะพาใครที่นายต้องการไปด้วยก็เชิญ สาวน้อยตาดำๆคนนี้จะไม่พูดอะไรซักคำ…..”
ชั้นกระตุกยิ้มมุมปากพลางพูดว่า
“เอาล่ะ งั้นนี่คือแผนสำหรับพรุ่งนี้ เด๋วอีกสักครู่เราจะติดต่อพวกเค้าตามรายชื่อแล้วให้พวกเค้าเตรียมตัว พรุ่งนี้เช้าเวลา 11.00 พวกเราพร้อมกันรวมตัวที่เมืองปาฮวง โอเคไหมครับ?”
“อื้ม ! โอ้เกือบลืมไป นายก็ต้องเตรียมตัวด้วยนะ ทั้งนายและชั้นคืนนี้ต้องออกไปข้างนอกด้วยกัน คุณพ่อของชั้นเป็นคนเลี้ยงเอง ท่านบอกว่าต้องการจะแนะนำเพื่อนให้รู้จักคนหนึ่ง และแน่นอนพวกเราจะพาตงเฉิงไปด้วย”
“ได้ครับ คุณหนู….”
ปาตี้ 9 คนก็ถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว 8 คนนั้นชั้นมีรายชื่อเพื่อนอยู่แล้วจึงสามารถติดต่อเข้าปาตี้อย่างว่องไว ขาดเพียงคนเดียวคือ ‘เสยเจียหลันเหยียน’ ในขณะที่’หยิ่วจื้อเฉิงโซ่ว’ก็ยืนยันว่าไม่มีปัญหาใดๆในการไปร่วมปาตี้กับพวกเรา
เวลาเกือบเที่ยงพรุ่งนี้ที่เมืองปาฮวง หลังจากประชุมนัดแนะเวลาและสถานที่เรียบร้อย ชั้นก็ออกไปยังป่าเมืองปาฮวงเพื่อเก็บเลเวลของสกิลใหม่
เกือบจะได้เวลาอาหารเย็นพอดีกับที่ชั้นเพิ่มระดับของสกิล[เฉือนสะเก็ดเจ็ดดารา] ถึงเลเวล 5 ซึ่งเพิ่มค่าพลังโจมตีไปอีก 125% จากค่าโจมตีพื้นฐาน เพียงพอที่จะเป็นไม้เด็ดให้ชั้นใช้ตะลุยเควสพรุ่งนี้ทันเวลา
ประมาณห้าโมงเย็น ชั้นก็ออกจากเกมส์ ที่หอพักนักศึกษาหญิง ทั้ง’หลินว่านเอ๋อ’ และ ‘ตงเฉิงเยว่’ ก็ยืนอวดโฉมรอชั้นอยู่ที่นั่นแล้ว
“พวกเราจะไปทานมื้อค่ำที่ไหนกันครับ?”
ชั้นถาม
“โรงแรม ฉิน หลัน อินเตอเนชันแนล”
“อ๊ะ?”
ชั้นทำตาโต
“ นั่นมันโรงแรมระดับ 7 ดาวเลยนี่ครับ แพงหูฉี่เลย! คนแบบไหนกันนะที่สามารถเชิญคุณ หลินเทียนหนานไปทานมื้อค่ำที่โรงแรมฉินหลันได้นี่?”
‘หลินว่านเอ๋อ’ส่ายศรีษะพลางว่า
“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ยังไงก็เถอะคุณพ่อก็บอกว่าเค้าคนนั้นเป็นคนสำคัญมาก พวกเราไปกันได้รุยัง? ฮาฮ่า นายคงไม่เคยไปโรงแรมระดับ 7 ดาวมาก่อนใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ครับ ผมเคยไปมาก่อน……”
“โอ๊ะ?”
“ถึงจะเคยไปก็ตามแต่ผมไม่เคยไปทานอาหารที่นั่น ซ้ำยังต้องดูคนอื่นเค้าทานกันด้วย ตอนนั้นผมเป็นทรารรับจ้างน่ะครับ……”
“แค่กๆ……”
รถยนต์ออดีดับเบิ้ลที เร่งความเร็วฝ่าความมืดผ่านเขตทะเลสาบตะวันตกออกไป อย่างไม่เร่งร้อนชั้นดึงพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปยังโรงแรมตรงไปจอดที่ลานจอดรถของโรงแรม ฉิน หลัน อินเตอเนชันแนล ราตรีถูกรบกวนด้วยแสงสว่างจากดวงไฟและลมเย็นทำเอารู้สึกหนาวเล็กน้อย
เมื่อลงจากรถ ‘หลินว่านเอ๋อ’ และ ‘ตงเฉิงเยว่’เดินเคียงคู่กันอยู่ด้านหน้าโดยมีชั้นเดินตามหลังทั้งคู่ไป วันนี้เราจะพบกับ ท่าน’หลินเทียนหนาน’ และถ้าหากไม่มีสถานการณ์ร้ายใดๆชั้นก็ไม่น่าที่จะไปเดินเคียงคู่กับ’หลินว่านเอ๋อ’ตามปกติ
เพราะนั่นจะเป็นการดูไม่เหมาะสม เมื่อพวกเราเดินเข้าสู่ตัวอาคารของโรงแรมและเดินตรงไปยังห้องจัดเลี้ยง ก็มองเห็นโต๊ะขนาด 18 ที่ ซึ่งมี ‘หลินเทียนหนาน’ ยืนอยู่ข้างหนึ่งและเปรยขึ้นว่า
“ พวกว่านเอ๋อมากันแล้ว!”
ชั้นกวาดสายตาสำรวจทุกคนที่โต๊ะอย่างคร่าวๆ มี 12 คนนั่งอยู่ 11คนนั้นดูแต่งตัวดีและมีอายุราวๆวัยกลางคน พูดคุยด้วยภาษาทางการ ในขณะที่อีกคนนั้นอายุประมาณ 25 ดูเนี้ยบกริ้บและท่าทางคงแก่เรียนโชยมาแต่ไกล
ที่มา: