I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Zhan Long ตอนที่ 210 Ito Makoto

| Zhan Long | 1497 | 2334 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ผู้คนรายรอบ ผมจดจำ’หลินว่านเอ๋อ’ได้ทันทีที่เธอปรากฏตัว พวกเขายืนขึ้นอย่างมีมารยาทและยิ้มรับ

“โอ้ คุณหนูผู้ร่ำรวยจากตระกูลเที่ยนหนานนี่เอง นานแล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน ไม่น่าเชื่อว่าจะโตขึ้นมาแล้วสวยขนาดนี้”

‘หลินว่านเอ๋อ’ยิ้มบางๆ พลางเข้าไปสวัสดีพวกเขา

“ลุงหลิ่ว ลุงจ้าว สวัสดีค่ะ”

“โอ้อ นี่คือแก้วตาดวงใจของหัวหน้าหลินงั้นซินะ”

ชายวัยกลางคยในชุดจีนโบราณ ยืนขึ้นพร้อมกับยิ้มรับ

“ผมคือ อู๋หยางเผิง เป็นเจ้าของ ห้างชิฟางแคน ผมเคยเจอคุณมาก่อนตอนที่ยังเด็กๆ”

‘หลินว่านเอ๋อ’ยิ้มบางๆ

“โอ้ หนูยังเด็กมากตอนนั้น เพราะงั้นหนูต้องขอโทษด้วย ที่จำคุณไม่ได้”

“ฮ่าๆ”

‘อู๋หยางเผิง’หัวเราะอย่างตรงไปตรงมา

“ชั้นละอยากรู้จริงๆ ว่าชาติก่อนหัวหน้าหลินทำบุญด้วยอะไรถึงมีลูกสาวที่ทั้งน่ารักและยังนิสัยดีแบบนี้ มันช่างน่าอิจฉาจริงๆ  อ้อใช่ ว่านเอ๋อทำไม ไม่แนะนำเพื่อนให้พวกเรารู้จักหละ”

‘หลินว่านเอ๋อ’ดึงมือของ’ตงเฉิงเย่ว’ทันที

“นี่คือเพื่อนรักของหนู ตงเฉิงเย่วค่ะ”

“โอ้…อย่าบอกนะว่า เธอคือลูกสาวของเจ้าตงเฉิงเฟิงมันน่ะ…..ช่างเป็นสาวงามจริงๆ”

“ใช่ค่ะ”

“ฮ่าๆ ใช่จริงๆ อันที่จริงลุงก็ได้ยินข่าวลือมาบ้างนะว่า ลูกสาวของเจ้าตงเฉิงเฟิง เป็นสุดยอดสาวงาม วันนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าข่าวลือนั้นเป็นจริง อ้อใช่ แล้วพ่อหนุ่มรูปงามคนนี้เป็นใครงั้นเหรอ?”

‘หลินเที่ยนหนาน’กระแอ้มไอเบาๆ ก่อนจะกล่าว

“เขาคือหลีเซียวเหยา…เขาเป็น..เอ่ออ…”

‘ว่านเอ๋อ’เม้มริมฝีปากก่อนจะกล่าว

“เขาก็ต้องเป็นเพื่อนหนูซิค่ะ ไม่งั้นเขาจะเป็นอะไรละ”

‘หลินเที่ยนหนาน’ยิ้มบางๆ

“อ่าใช่ พวกเขาเป็นเพื่อนกัน”

‘อู๋หยางเผิง’มองมาที่ผมและยิ้ม

“หลี่เซียวเหยา? เป็นชื่อที่ดี…เด็กหนุ่มที่เป็นเพื่อนของหลินว่านเอ๋อ ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา แล้วเรื่องราวของพ่อหนุ่มเป็นยังไง?”

ผมมองไปเขาอย่างใจเย็น

“ผมไม่มีเรื่องราวอะไรหรอกครับ ผมเป็นแค่เพื่อนของว่านเอ๋อ”

“โอ้ อย่างนี้นี่เอง”

‘อู๋หยางเผิง’หลังจากได้ยินผมพูดเขาตอบกลับทันที พร้อมกับหัวเราะเล็กน้อย

“เยี่ยม เท่านี้ชั้นก็ไม่ต้องกังวลใจอะไรแล้ว เหล่าหนุ่มสาวสมัยนี้ดูแลควบคุมยากจริงๆ อย่างไรก็ตาม ดาวเด่นสำหรับอาหารเย้นวันนี้ นอกจากว่านเอ๋อแล้ว ยังมีอีกคนหนึ่งใช่มั้ยหัวหน้าหลิน?”

‘หลินเที่ยนหนาน’ยิ้มบางๆ

“ใช่ ว่านเอ๋อ พวกลูกนั่งลงก่อนซิ พ่อจะแนะนำใครบางคนให้รู้จัก”

หลังจากพูดเสร็จ’หลินเที่ยนหนาน’ ก็ชี้มือไปยังชายหนุ่มอายุราวๆ  25 ปี ที่อยู่ข้างหน้าด้านขวาของผม พลางกล่าว

“ว่านเอ๋อ วันนี้ที่พ่อชวนลูกมาทานข้าวก็เพราะอยากแนะนำเขาให้ลูกรู้จัก”

“เขา?”

‘ว่านเอ๋อ’ขมวดคิ้ว

“เขาคือใครค่ะ”

ชายหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นยืนพลางส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรมาให้

“หลินว่านเอ๋อ คุณคงไม่รู้จักผม แต่ผมรู้จักคุณมาตั้งแต่ 2 ปีก่อน เพลง Heart of Time ของคุณเป็นเพลงโปรดของผมเลยหละ ผมเป็นแฟนคลับตัวยงของคุณเลยนะ ผมไม่รู้เลยนะว่าคุณคือลูกสาวของคุณลุงหลิน ผมมารู้หลังจากกลับมาเมืองจีนนี่แหละ ไม่งั้นผมก็คงไม่มีโอกาสได้เจอ ซุปตาร์อย่างคุณแน่ๆ”

‘หลินว่านเอ๋อ’อ้าปากเหวอ และรุ้สึกประหลาดใจ พร้อมกับถาม

“คุณคือใคร?”

ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ

“ผม…ผมพึ่งกลับมาจากญี่ปุ่น ดังนั้นผมเลยไม่ค่อยรู้ว่าต้องแนะนำตัวยังไง อะแฮ้มๆ…..มันอาจจะติดๆ ขัดๆ นิดหน่อยนะ”

หลินเที่ยนหนานยืนขึ้นพลางกล่าวอย่างนิ่งๆ

“งั้นให้ชั้นแนะนำให้เอง เขาเป็นลูกชายของเพื่อนเก่าพ่อเอง เขาไปอยู่ญี่ปุ่นคนเดียวมาหลายปี ตอนนี้เขากลับมาเพื่อเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการระดับสูงใน MNC ในญี่ปุ่นเขาชื่อ อีโต้ มาโคโตะ แต่ชื่อจีนของเขาคือ หวางซีเฉิง เขาเป็นลูกชายของเพื่อนรักพ่อที่ไม่ได้เจอกันมานาน พ่อไม่คิดเลยว่าเจ้านั่นจะมีลูกโตขนาดนี้แล้ว”

“หวางซีเฉิง?”

‘หลินว่านเอ๋อ’เหล่มองไปที่ชายหนุ่มพลางยิ้มบางๆ

“ยินดีที่ได้รู้จัก”

‘หวางซีเฉิง’ก็ยิ้มตอบพร้อมพยักหน้า

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน มันวิเศษมากจริงๆ ที่ได้พบเจอกับคุณ  ผมหวังว่าคุณจะสามารถให้คำแนะนำผมได้ หืมมม…ผมไม่ได้อยู่จีนมานาน เพราะงั้นผมเลยพูดจีนไม่ค่อยเก่ง แต่ไม่ต้องห่วงผมจะเรียนรู้อย่างหนักเพื่อทำให้มันดีขึ้นในเร็ววัน นอกจากนี้เพื่อให้การเรียนรู้ดีขึ้น ผมเลยไปลงเรียนสาขาภาษาจีนที่มหาลัยหลิวหัว หลังจากนี้ไม่กี่วันเราก็จะเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันแล้วนะ ว่านเอ๋อ”

‘หลินว่านเอ๋อ’พยักหน้าพร้อมกับนั่งลงข้างๆ ผม

“โอเค เข้าใจหละ”

‘อู๋หยางเผิง’มองมาที่พวกเราและยิ้มอย่างมีเลสใน

“อาเฉิง เจ้าพึ่งกลับมาเพราะงั้นคงมีหลายสิ่งที่ยังไม่เข้าใจใช่มั้ย? ที่นี่เจ้าต้องปรับเปลี่ยนทั้งภาษาและก็อาหารนะ ว่าแต่เจ้าทำงานที่ บ. ในหางโจวใช่รึเปล่า”

‘หวางซีเฉิง’ยิ้มบางๆ พลางตอบ

“บ.Booster”

“ห๊า?”

‘อู๋หยางเฟิง’ประหลาดใจ

“บ.Booster บ.ยักษ์ใหญ่ที่มีสาขาในประเทศจีนและอเมริกางั้นเหรอ บ.นั้นได้ทุ่มเงินมหาศาลในการซื้อตึก Star ในเขตธุรกิจแถวทะเลสาปตะวันตกในเมืองหางโจวใช่มั้ย?”

“ใช่แล้วครับลุงอู๋หยาง”

“นี่มัน…”

‘อู๋หยางเผิง’งงไปเลยทีเดียว

“เด็กหนุ่มเช่นนี้เป็นผู้จัดการของ บ.ยักใหญ่จริงๆ รึเนี้ย เจ้าช่างไม่ธรรมดาจริงๆ อ้อใช่ หัวหน้าหลินบอกว่าเจ้าเป็นผู้จัดการระดับสูงงั้นซินะ ว่าแต่อยุ่ในตำแหน่งอะไรละ?”

‘หวางซีเฉิง’ยิ้มบางๆ

“จริงๆ มันก็ไม่สูงอะไรมากหรอกครับ ตำแหน่งของผมคือ Asia’s Regional Chief Executive Officer”

“CEO ของเขตเอเชียงั้นเหรอ?”

‘อู๋หยางเผิง’หน้าซีดเผือด

“เป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถเหนือความคาดหมายจริงๆ มีความสามารถมาถึงตำแหน่งสูงแบบนี้ได้ด้วยอายุเพียงเท่านี้ มันไม่ง่ายเลย ความสามารถของเจ้า ทำให้คนแก่เช่นพวกเราต้องอายไปเลยทีเดียว”

‘หลินเที่ยนหนาน’หัวเราะเสียงดัง

“อู๋หยาง อย่ากลัว’อาเฉิง’ไปเลย พวกเรากลุ่มเที่ยนหนาน และ บ.Booster ได้ทำการติดต่อทำข้อตกลงร่วมกันด้วยวงเงินสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลล่า เพราะงั้นตั้งแต่วันนี้ไปเราก็เป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน ว่านเอ๋อ อาเฉิงเป็นคนที่ฉลาดมาก และนอกจากนี้เขายังเด็กและมีอนาคตไกล ลูกต้องเรียนรู้จากเขาให้มากๆ นะ ขอคำแนะนำจากเขาตอนที่เขาไปเรียนด้วย เมื่อถึงเวลาพ่อจะจัดการให้ลูกได้ไปฝึกงานที่ บ.Booster”

‘หลินว่านเอ๋อ’มองอย่างแปลกใจ

“พ่อ! หนูอยากเป็นคนตัดสินด้วยตัวเองค่ะ ว่าหนูจะไปฝึกงานที่ไหน”

‘หลินเที่ยนหนาน’ย่นจมูก

“ลูกก็โตแล้วนะ อย่าดื้อให้มันมากนัก บ.Booster เป็น บ. ยักษ์ใหญ่ เป็นศูนย์กลางของการวิจัยเกี่ยวกับไบโอของโลกเลยนะ ผลิตภัณของพวกเขาสามารถหาได้ทุกที่บนโลก การจัดการของ บ.นี้ต่างมุ่งเน้นไปที่วิทยาศาสตร์ ลูกจะได้เรียนรู้มากมายถ้าลูกเข้า บ. แห่งนี้ เมื่อถึงเวลานั้นพ่อก็จะรอลูกมารับภาระต่อจากพ่อไป”

‘ว่านเอ๋อ’เหมือนกำลังจะพูดบางอย่าง แต่ผมก็เอาศอกดันเธอไว้จากใต้โต๊ะ เธอเหล่มองมาที่ผมและพยักหน้าเบาๆ

“ก็ได้ ถ้างั้นหากหนูไปฝึกงานที่นั่น หลี่เซียวเหยาก็ต้องไปด้วย”

‘หลินเที่ยนหนาน’หัวเราะ

“แน่นอน หลี่เซียวเหยาเป็นเพื่อนของลูก ถ้าเขาตกลงลูกก็ไปฝึกงานกับเขาได้ อีกอย่างเขาก็ยังเป็นนักศึกษาจากมหาลัยหลิวหัวเหมือนกัน ดังนั้นโอกาสที่พวกลูกทั้งสามคนจะได้เป็นเพื่อนกับอาเล่ยก็มีเยอะทีเดียว….อ้อจริงซิเรามาทานอาหารกันเถอะ”

“โอเค”

กลุ่มของคนแก่คุยกันอย่างออกรสพร้อมกับดื่มกันไป พวกผมสามคนไม่อาจจะเข้าไปร่วมด้วยได้ อีกอย่างอารมณ์ของ’ว่านเอ๋อ’ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เธอนั่งเงียบๆ ข้างๆ ผม แต่ก็ไม่มีใครพยายามคุยกับเธอเลย เธอยิ้มด้วยใบหน้านั้นเหมือนกับ ตุ๊กตาพลาสติก เธอแสดงออกอย่างมีเหตุมีผลและสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อย่างดีต่อหน้าคู่สนทนา

‘ตงเฉิงเย่ว’กระซิบเบาๆ

“ว่านเอ๋อ เธอคิดว่าที่พ่อของเธอแนะนำหวางซีเฉิงให้เธอมันเหมือนการดูตัวรึเปล่า? เขาเป็นหนึ่งในผู้สมัครเป็นแฟนเธอซินะ”

‘หลินว่านเอ๋อ’มองมายังผมอย่างไม่ตั้งใจ หลังจากนั้นก็ก้มหน้าลง เธอบุ้ยปากพร้อมกับกระซิบกลับ

“ฉัน…ฉันไม่ต้องการ ต่อให้ตีฉันจนตายฉันก็ไม่ยอมหรอก”

‘ตงเฉิงเย่ว’มองมาที่ผมทันที พร้อมกับหัวเราะ

“อย่าบอกฉันนะว่า……พ่อของเธอกลัวว่า การที่ให้เธออยุ่กับเซียวเหยามันอันตราย เขาไว้ใจไม่ค่อยได้ วันหนึ่งวันใด ลูกสาวสุดที่รักของเขาอาจจะถูกขโมยไปโดยคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบนี้”

แก้มของ’ว่านเอ๋อ’แดงก่ำ พลางตอบกลับอย่างว้าวุ่น

“ตงเฉิง!! เธอพูดบ้าอะไรของเธอ”

ผมจิบชาของผมต่อไปโดยที่ผมเลือกจะเงียบต่อไป จังหวะนั้นเอง’หวางซีเฉิง’ก็เดินตรงมา พลางถือแก้วไวน์แดงของเขามาด้วย เขามายืนข้างๆ ‘ว่านเอ๋อ’พลางกล่าว

“ซุปตาร์ ให้ผมได้ชนแก้วกับคุณได้รึเปล่า แต่คุณดื่มแค่อันที่ไม่มีแอลกอฮอล์ซินะ…”

‘ว่านเอ๋อ’ยืนขึ้นพลางพยักหน้า

“ได้ค่ะ ขอบคุณ”

‘หวางซีเฉิง’ดื่มไวนืของเขาหมดด้วยอึกเดียวพร้อมกับยิ้ม

“ซุปตาร์ ผมได้ยินมาว่าคุณเป็นนั่งเล่นเกมส์ที่เก่งพอตัวใช่มั้ยครับ? ผมก็พึ่งซื้อหมวกเล่นเกมส์มาไม่นาน ถ้าคุณพอจะมีเวลาว่าง จะช่วยเหลือเด็กใหม่เก็บระดับจะได้รึเปล่า? หืมมม ลืมไปเลย ผมคิดว่าพวกคุณคงไม่มีเวลาแน่ๆเลย ดูเหมือนพวกเธอจะมีภาระที่หนังอยู่ซินะ ดูเหมือนผมต้องเก็บระดับคนเดียวซะแล้วซิ เมื่อระดับผมไล่ตามพวกเธอทัน คุณจะนับผมเป็นเพื่อนได้รึเปล่า? ผมสัญญาเลยว่าจะไม่ขี้เกียจและจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง อีกอย่างทักษะการเล่นเกมของผมก้ค่อนข้างดีนะ คุณรู้ไหม ในญี่ปุ่นผมเป็นเกมเมอร์อันดับหนึ่งของคานางาวะเลยนะ”

‘ตงเฉิงเย่ว’เอียงศรีษะของเธอพร้อมกับจ้องมองไปยังเขา

“จริงเหรอ? ฉันได้ยินมาว่าคนญี่ปุ่นไม่ค่อยเก่งในเรื่องของเกมเท่าไหร่ และพวกเขาก็ไม่ค่อยคุยโวอวดทักษะตัวเองซักเท่าไหร่”

‘หวางซีเฉิง’ กางแขนของเขาออก

“จริงๆแล้วผมไม่ใช่คนญี่ปุ่นหรอกนะ ผมเป็นคนจีน ตอนเด็กๆ ผมตามพ่อของผมไปยังญี่ปุ่นและโตที่นั่น ไม่งั้นผมก็คงไม่สามารถพูดกับคุณได้ด้วยสำเนียงปักกิ่งแบบนี้หรอกนะ”

TL : สำเนียงปักกิ่งจะมีความละเอียดสูงและมีสำนวนดบราณค่อนข้างเยอะ คล้ายๆ British English.

‘ตงเฉิงเย่ว’อดที่จะหัวเราะไม่ได้

“อิอิ”

‘หวางซีเฉิง’มองมาอย่างงงๆ

“คุณหัวเราะอะไรงั้นเหรอ?”

“เพียงแต่….อิอิ”

“ว่า…”

‘หวางซีเฉิง’กล่าวตัดความรำคาญทันที

“ว่านเอ๋อ ตงเฉิงเย่ว IDs คุณคืออะไรงั้นเหรอ?”

“Cang Tong(ชางถ่ง)”

“Cang Yue(ชางเย่ว)”

“หือ”

‘หวางซีเฉิง’อุทานด้วยความตกใจ

“ฟ่านชู……สองสาวงามแห่งเมืองฟ่านชูเป็นพวกเธอสองคนงั้นเหรอ? อะแฮ้มๆ ขออภัยที่เสียมารยาท ผมขอโทษจริงๆ การที่ไม่รู้ว่าพวกเธอคือใครนี่มั่งช่างเป็นการดูหมิ่นมากจริงๆ”

หลังจากเขากล่าวเสร็จ ‘หวางซีเฉิง’มองมาที่ผมพร้อมกับถามขำๆ

“หลี่เซียวเหยา ID ของนายคืออะไรงั้นเหรอ?”

“Xiao Yao Zi Zai(เซียวเหยาจื่อไจ๋)”

“หืออ”

‘หวางซีเฉิง’ขมวดคิ้ว

“งั้นนายก็คือหัวหน้ากิลด์ของ Zhan Long งั้นเหรอ? แต่บรรยากาศรอบตัวนายดูแตกต่างมากเลยนะ……ฮ่าๆ ผมรู้แล้วว่าเพื่อนของว่านเอ๋อและตงเฉิงเย่วต้องไม่ใช่คนธรรมดา นายช่างน่าสนใจจริงๆ เซียวเหยาจื่อไจ๋ แม้ผมจะยังไม่เคยเล่นมาก่อน แต่ผมก็ติดตามขาวสารอยู่ประจำ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับทั้งสามเมือง สองวันก่อน Zhan Long สามารถเอาชนะ [Wrath of the Heroes] ด้วยจำนวนคนที่น้อยกว่าได้ มันเป็นการต่อสู้ที่วิเศษจริงๆ แต่ว่ามันยังติดอยุ่อย่างหนึ่ง การควบคุมการต่อสู้ของนายยังบกพร่องอยู่”

“การควบคุมการต่อสู้?”

‘ตงเฉิงเย่ว’ถามอย่างประหลาดใจ

“หวางซีเฉิง อธิบายให้พวกเราได้เข้าใจหน่อย ทำไมการควบคุมการต่อสู้ของเซียวเหยาถึงไม่ได้เป็นอันดับหนึ่ง มันไม่ได้แย่เลยใช่มั้ย? ทำไมนายถึงบอกว่าการควบคุมการต่อสู้มีความบกพร่องอยู่ละ?”

‘หวางซีเฉิง’ยิ้มบางๆ

“การต่อสู้ระยะประชิดมีหลากหลายรูปแบบมาก Pulse Break Style, Battle Reflux Style, Thorn Style, Drunken Sword Style และก็รูปแบบอื่นๆ คุณคิดว่าเซียวเหยาเป็นรูปแบบ แบบไหน? หรือว่าไม่ใช่สักอย่างในที่กล่าวมา ไม่ใช่ Pulse Break, Battle Reflux or Drunken Sword อีกอย่างอุปกรณ์ของเขาก็ไม่มีสะท้อนดาเมจ เพราะงั้นจึงไม่ใช่ Thorn Style ดังนั้นเขาแค่ฆ่าผู้เล่นคนอื่นได้ แต่เขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะในการ PK ในเกม”

TL: Pulse Break – เป็นการหยุดศัตรูและสวนกลับ Battle Reflux – สู้ไป ดูดเลือดไป Thorn – Thornmai สายสะท้อนการโจมตี Drunken Sword – ใช้ไวน์ในการเติมฟูรี่และใช้ฟูรี่โจมตี (ยังมีอักหลายรูปแบบแต่ยังไม่ปรากฏออกมา…)

‘ตงเฉิงเย่ว’มองไปยังเขาโดยที่ไม่สามารถหาอะไรมาตอกกลับเขาได้ ปากของ’ว่านเอ๋อ’เผยอขึ้น

“หลี่เซียวเหยา นายจะไม่พูดอะไรซักหน่อยเหรอ?”

ผมกำหมัดแน่นพร้อมกับปลดปล่อยพลังปราณออกมาล้อมรอบมัน พร้อมกับยิ้มบางๆ

“การเข่นฆ่าสังหารมันเป็นศิลปะอยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้ว”

‘หวางซีเฉิง’แววตาเยียบเย็น

“เห้ การได้รู้เกี่ยวกับนายมันช่างน่าสนใจจริงๆ พวกเราต้องได้เจอกันแน่นอนในอนาคต ดังนั้นเรามาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเถอะนะ”

ผม

“…”

‘หลินว่านเอ๋อ’

“…”

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments